หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


ตกลง JAS-39 ของไทยเป็นรองประเทศเพื่อนบ้านหมดเลย

โดยคุณ : Condor เมื่อวันที่ : 09/11/2012 10:50:45

แม้แต่มิก-29 ใหม่ของพม่า jas-39 ของเราก็เป็นรอง ในเรื่องอาวุธปล่อยระยะไกลระหว่าง R-77 กับ Aim-120 ต้อง รอเมเธเออ จึงจะเหนือกว่า




ความคิดเห็นที่ 1


ยังงั้นก็หมายความว่า F-15 F-16 F-18 ฯลฯ...ก็แพ้ mig-29 พม่าใช่ไหมครับ ถ้าใช้ aim-120 เหมือนกัน....

 

ผมว่าอย่างงี้พูดว่า aim-120 เป็นรอง R-77 จะไม่เข้าประเด็นกว่าเหรอครับ??...

โดยคุณ tow เมื่อวันที่ 31/01/2010 22:12:37


ความคิดเห็นที่ 2


ถ้าเดี่ยวๆน่าจะสู้ไม่ได้...แต่ทีเด็จ  ของกริปเป้นคือการรบแบบเชื่อมต่อกัน

คือบินไปสามลำแต่เปิดเรด้าลำเดียวแล้วเชื่อมข้อมูลให้เพื่อนเข้าตีเป็น

การอำพลางตัวจากการถูกจับคลื่นเรด้า...  ข้อสังเกตคือสวีเดนสร้าง

กริปเป็นขึ้นมาเพื่อใช้รับมือกับเครื่องบินฝั่งรัสเซีย  แต่การใช้ที่ได้ผลตาม

ยุทธวิธีต้องใช้เครื่องถึงสามลำ

โดยคุณ อีแอบ เมื่อวันที่ 31/01/2010 22:18:43


ความคิดเห็นที่ 3


เปรียบเที่ยบกันตรงๆ อาจเป็นอย่างงั้น ในกระดาษจะเขียนสเป็คอย่างไรก็ได้

ความได้เปรียบของ jas39 และ F16-MLU ของเราผมว่าอยู่ที่

ค่าใช่จ่ายต่อรอบบินต่ำกว่า ทำให้ ฝึกฝนได้ดีกว่า การบำรุงรักษาง่ายกว่า

ทำให้มีเครื่องพร้อมรบมากกว่า การที่มีอิริคอาย ทำให้เรามีความได้

เปรียบด้านการตรวจจับมากกว่า การมีดาต้าลิงค์ทำให้เราถูกตรวจจับ

และดำเนินกลยุทธ์ได้ดีกว่า รวมๆแล้วผมว่า ระบบเราดีกว่าครับ เครื่องบินรบ

ภาพรวมถ้าเราจัดมาได้ครบแล้วผมว่า เราได้เปรียบกว่าครับไม่ได้ด้อยเลย และคนของเราก็เหนือกว่าด้วย(วรรคสุดท้ายนี่ ไม่เข้าข้างชาติเราแล้วจะเข้าข้างชาติด๋อยที่ไหน?)

โดยคุณ Acid เมื่อวันที่ 31/01/2010 22:21:26


ความคิดเห็นที่ 4


การมีดาต้าลิงค์ทำให้เราถูกตรวจจับ

แก้เป็น ทำให้เราตรวจจับเขาได้ดีกว่า แน่นอน

โดยคุณ Acid เมื่อวันที่ 31/01/2010 22:23:02


ความคิดเห็นที่ 5


ผมสงสัยประเด็นของคุณอีแอบนิดนึงครับ ที่ว่าเปิดเรดาร์ 1 เครื่อง อีก 3 เครื่องปิดเรดาร์เนี่ย เรดาร์ของข้าศึกจะไม่สามารถตรวจพบได้เลยเหรอครับว่ามากันทั้งหมด 4 ลำ
โดยคุณ phongrapee เมื่อวันที่ 31/01/2010 22:27:52


ความคิดเห็นที่ 6


ดูเหมือนว่าเป็นรองเรื่องอาวุธที่เขาปล่อยได้ก่อน ผมก็ยังสงสัยถามท่านผู้รู้ทุกท่านครับว่า นักบินสามารถพาเครื่องรอดจาก R-77 ที่ MIG ยิงมาในระยะห่างจากเราเป็น 100 กิโล f-5 f-16 jas-39 ของเรามีโอกาสหลบได้กี่ %

โดยคุณ juk เมื่อวันที่ 31/01/2010 22:33:58


ความคิดเห็นที่ 7


อ.รินทร์วิเคราะห์เอาไว้ครับ น่าอ่านทีเดียว

ลองคิดเล่นๆ ดูน่ะครับ

จากข้อมูลเรดาร์ คือ
1. เรดาร์ของ F-16 MLU แบบ APG-68(V)9 สามารถตรวจจับ บ.ขับไล่ (RCS 5 m2) ได้ที่ระยะ 58 nm
2. เรดาร์ของ F-16 ADF และ F-16 OCU แบบ APG-66A และ APG-66(V)1 สามารถตรวจจับ บ.ขับไล่ (RCS 5 m2) ได้ที่ระยะ 32 nm
3. เรดาร์ของ Mig-29B แบบ N019 สามารถตรวจจับ บ.ขับไล่ (RCS 5 m2) ได้ที่ระยะ 47 nm
4. เรดาร์ของ Mig-29SMT แบบ N010ME สามารถตรวจจับ บ.ขับไล่ (RCS 5 m2) ได้ที่ระยะ 67 nm

จากข้อมูล RCS คือ
1. ค่า RCS ของ F-16 MLU/ADF/OCU ประมาณ 1.2 m2
2. ค่า RCS ของ Mig-29B/SMT ประมาณ 5 m2

จากการคำนวณจะพบว่า
1. F-16 MLU จะตรวจพบ Mig-29B/SMT ได้ที่ระยะ 58 nm หรือ 104 km
2. F-16 ADF/OCU จะตรวจพบ Mig-29B/SMT ได้ที่ระยะ 32 nm หรือ 58 km
3. Mig-29B จะตรวจพบ F-16 MLU/ADF/OCU ได้ที่ระยะ 33 nm หรือ 59 km
4. Mig-29SMT จะตรวจพบ F-16 MLU/ADF/OCU ได้ที่ระยะ 47 nm หรือ 84 km

ระยะยิงของ อวป.อากาศ-สู่-อากาศ คือ
1. F-16 MLU/ADF ใช้ AIM-120C-5 ระยะิยิง 58 nm
2. Mig-29B ใช้ R-27R ระยะยิง 43 nm
3. Mig-29SMT ใช้ R-77M2 ระยะยิง 54 nm

สรุปผล
1. F-16 MLU vs Mig-29SMT = F-16 MLU win (ยิงเค้าได้ก่อน แต่ต้องรีบหนีทันที)
2. F-16 MLU vs Mig-29B = F-16 MLU win (ยิงเค้าได้ก่อนนานมาก)
3. F-16 ADF vs Mig-29SMT = F-16 ADF lose (โดนยิงก่อน)
4. F-16 ADF vs Mig-29B = F-16 ADF win (ยิงพร้อมกัน แต่ฝ่ายตรงข้ามใช้ อวป. semi-active ยังมีโอกาสชนะได้มากกว่า)
5. F-16 OCU vs Mig-29SMT = F-16 OCU lose (โดนยิงก่อน หนีได้แต่รอดยากหน่อย)
6. F-16 OCU vs Mig-29B = F-16 OCU lose (โดนยิงก่อน แต่อาจจะรอดได้ถ้าหนีทันทีที่เห็น)

หมายเหตุ
1. F-16 MLU คือ F-16A/B ฝูง 403 หลังจากปรับปรุงแล้ว
2. F-16 ADF คือ F-16A/B ฝูง 102
3. F-16 OCU คือ F-16A/B ฝูง 103 และฝูง 403 ก่อนปรับปรุง
4. Mig-29B คือ Mig-29 ชุดแีรกที่พม่าซื้อ 10 เครื่อง
5. Mig-29SMT คือ Mig-29 ชุดล่าุสุดที่พม่าซื้อ 20 เครื่อง

ปล.
1. เหมือนกรณี Gripen นะครับ การคำนวณนี้ไม่ได้คิดถึงปัจจัยประกอบ (ตัวช่วย) อื่นๆ เลย
2. ไม่ต้องคิดถึง Su-30MKM หรอกครับ อันนั้นปล่อยเป็นหน้าที่ของ Gripen เค้าไปครับ

http://www.thaiarmedforce.com/forum.html

โดยคุณ terdkiet เมื่อวันที่ 31/01/2010 23:02:37


ความคิดเห็นที่ 8


ของอ.รินทร์ (อีกที)

Gripen vs Su-30MKM ใครเห็นใครก่อนกันแน่ ??

คำถามนี้มีบ่อย เลยไปนั่งเข้าสูตรคำนวณมาให้ครับ

จากข้อมูลที่มี คือ
1. เรดาร์ของ Su-30MKM แบบ N001M PESA สามารถตรวจจับเป้าหมาย บ.ขับไล่ (RCS 5 m2) ได้ที่ระยะ 125 nm
2. เรดาร์ของ Gripen C/D แบบ PS-05A สามารถตรวจจับเป้าหมาย บ.ขับไล่ (RCS 5 m2) ได้ที่ระยะ 47 nm
3. ค่า RCS ของ Su-30MKM ประมาณ 10 m2
4. ค่า RCS ของ Gripen C/D ประมาณ 0.5 m2

จากการคำนวณจะพบว่า
1. Su-30MKM จะตรวจพบ Gripen C/D ได้ที่ระยะ 70 nm หรือ 127 km
2. Gripen C/D จะตรวจพบ Su-30MKM ได้ที่ระยะ 56 nm หรือ 101 km

ระยะยิงของ อวป.อากาศ-สู่-อากาศ คือ
1. Su-30MKM ใช้ R-77M2 ระยะยิง 54 nm
2. Gripen C/D ใช้ AIM-120C-5 ระยะิยิง 58 nm

แต่ถ้าเป็น Gripen NG ล่ะ
1. เรดาร์ของ Gripen NG แบบ Vixen 1000ES สามารถตรวจจับเป้าหมาย บ.ขับไล่ (RCS 5 m2) ได้ที่ระยะ 92 nm
2. Gripen NG จะตรวจพบ Su-30MKM ได้ที่ระยะ 109 nm หรือ 197 km
3. Gripen NG ใช้ Meteor ระยะยิง 72 nm

http://www.thaiarmedforce.com/forum.html

คงพอตอบได้บ้างนะครับ

โดยคุณ terdkiet เมื่อวันที่ 31/01/2010 23:08:29


ความคิดเห็นที่ 9


กรณี...กริเพนกับซู-30 แบบตัว-ตัว บินสวนกันแบบอัศวินอังกฤษขี่ม้าดวลกันด้วยทวนยาว....

ซูเห็นเราก่อนแป๊บนึง แต่ยิงพร้อมๆ กัน ว่ากันตามลอจิก แหลกทั้งคู่ อยู่ที่ใครมีระบบป้องกันตัวดีกว่ากัน

โดยคุณ terdkiet เมื่อวันที่ 31/01/2010 23:20:47


ความคิดเห็นที่ 10


แล้วถ้าเปลี่ยนเป็น Meteor  หรือ จรวดดาร์บี้ จะทำให้กริปเปนมีโอกาสดีขึ้นไหม (ระยะยิงหวังผล / ความแม่นยำ)


โดยคุณ che เมื่อวันที่ 01/02/2010 01:28:20


ความคิดเห็นที่ 11


ตัวต่อตัว ไม่มีตัวช่วยก็เป็นรองอยู่ครับ  จึงจำเป็นต้องมี อิรี่อาย มาด้วย ส่วนที่ว่า มาสามลำแล้วเปิดเรดาร์เพียงหนึ่งลำคือเพื่อพลางตัวในส่วนของระบบ พาสซีพ ของเรดาร์ฝ่ายตรงข้าม คือ ถ้าเราเปิดเรดาร์ตรวจจับฝ่ายตรงข้ามได้ ฝ่ายตรงข้ามก็จะทราบที่อยู่เราเหมือนกัน แต่ฝ่ายตรงข้ามก็จะเข้าใจว่ามีเครื่องบินตรวจจับเขาได้เพียงเครื่องเดียวในขณะที่เราทราบข้อมูลทั้งสามเครื่อง แต่ระบบนี้ไม่มีผลกับระบบ แอคทีพ ของเรดาร์ฝ่ายตรงข้าม คือ การเปิดเรดาร์ตรวจับเครื่องบินของฝ่ายตรงข้ามนั้น ถ้าเขาตรวจจับเครื่องบินฝ่ายเราได้ นั่นก็คือถ้าบินไปด้วยกันทั้งสามลำก็โดนตรวจจับได้ทั้งสามลำนั่นแหละครับ ก็ต้องอาศัยค่า RCS ที่ต่ำของ กริเป้น นั่นแหละครับเป็นตัวลดการตรวจจับ และอาศัยเรดาร์ที่ไกลกว่าเรดาร์ในตัว กริเป้น เป็นตัวช่วยค้นหาส่งข้อมูลมาที่เครื่องบินฝ่ายเราโดยที่เราถึงแม้ว่าเครื่องบิน กริเป้น จะยังไม่สามารถค้นหาฝ่ายตรงข้ามได้ด้วยเรดาร์ในตัวเพราะตรวจจับได้ใกล้กว่า แต่ กริเป้น ก็สามารถรู้ตำแหน่งฝ่ายตรงข้ามได้แล้วเช่นกันครับ ทีนี้ก็เหลือประสิทธิภาพของอาวุธล่ะครับ แต่ถ้า เจอกันแบบตัวต่อตัว โดยไม่มีตัวช่วย ก็อาจจะสูญเสียได้ครับ

เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ ผิดถูกประการใดผมขอรับผิดโดยประการทั้งปวงครับ

โดยคุณ เด็กทะเล เมื่อวันที่ 01/02/2010 00:28:08


ความคิดเห็นที่ 12


ไม่ถูกครับที่บอกว่า Gripen ด้อยกว่า Mig-29 ถ้าเป็น Su-30MKM น่ะใช่ครับ และก็เฉพาะ Su-30MKM ด้วยครับ ถ้าเป็น Su-27SK หรือ Su-30K นั้นไม่ใช่แล้วล่ะครับ

Gripen จะตรวจพบ Mig-29B/SMT ที่ระยะ 47 nm
Gripen จะตรวจพบ Su-27SK/Su-30K/Su-30MKM ที่ระยะ 56 nm

Mig-29B จะตรวจพบ Gripen ที่ระยะ 26 nm
Mig-29SMT จะตรวจพบ Gripen ที่ระยะ 38 nm
Su-27SK/Su-30K จะตรวจพบ Gripen ที่ระยะ 37 nm
Su-27MKM จะตรวจพบ Gripen ที่ระยะ 70 nm

Gripen จะเห็น  Mig-29B/SMT และ Su-27SK/Su-30K ก่อนจะถูกฝ่ายตรงข้ามเห็น แม้ว่า Mig-29SMT หรือ Su-27SK/Su-30K จะใช้ อวป.ที่มีระยะยิงไกลกว่า AIM-120C-5 แต่ก็ยังยิงไม่ได้ เพราะ ยังตรวจไม่พบ Gripen และจะถูกยิงก่อนด้วย เพราะ Gripen เห็นก่อน และระยะที่ตรวจพบก็ต่ำกว่าระยะยิงไกลสุดของ AIM-120C-5

ส่วนถ้ายิงไปแล้วมีโอกาสรอดเท่าไหร่ จากข้อมูลจริงจะพบว่า AIM-120 มีความแม่นยำเฉลี่ยร้อยละ 50 เท่านั้น ซึ่ง อวป.ของรัสเซียก็ไม่น่าจะต่างกันมากเท่าไหร่ อันนี้คิดว่ายิงครั้งละนัดนะครับ ถ้าซัลโวมาพร้อมๆ กันหลายนัดต่อ 1 เป้า โอกาสจะยิ่งสูงขึ้น
โดยคุณ rinsc seaver เมื่อวันที่ 01/02/2010 00:43:29


ความคิดเห็นที่ 13


ท่านเด็กทะเลอธิบายแล้วนะครับ..........  จากที่ได้อ่านมาพบสรุปได้ว่าที

เด็จของน้องแจ๊สนั้นอยู่ที่ อีริกอายที่เป็นเสมือนป๋าเฟอร์กี้  หรือเจ้เวงเกอร์

คอยคุมเกมให้น้องแจ๊ส  แล้วอีริกอายมีอะไรไว้ป้องกันตัวจากการที่ต้อง

เป็นเป้าหมายแรกๆที่ต้องโดนกำจัดบ้างครับ

โดยคุณ อีแอบ เมื่อวันที่ 01/02/2010 02:03:00


ความคิดเห็นที่ 14


ผมว่า แม้แต่ F-15 C ก็คงหืดขึ้นคอเหมือนกันถ้าเจอ Mig-29SMT
โดยคุณ Condor เมื่อวันที่ 01/02/2010 02:26:03


ความคิดเห็นที่ 15


Mig-29 SMT ต้องเจอนี่ครับ  ฮ่าๆขำๆนะครับ
โดยคุณ brisbane เมื่อวันที่ 01/02/2010 02:52:19


ความคิดเห็นที่ 16


ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยให้ความกระจ่างครับ

โดยคุณ juk เมื่อวันที่ 01/02/2010 02:55:12


ความคิดเห็นที่ 17


สำหรับความคิดเห็นส่วนตัวแล้ว ท่านนักบินจะเป็น
ผู้ตัดสินใจในนาทีสุดท้ายครับ  ตามสูตรที่รู้กันคือ มีอะไร
ยิงได้ไกลสุดก็ส่องไปก่อน แล้วค่อยว่ากันแต่ นั้นคือการเล่น
ตามกฎที่รู้กัน  แต่ในสถาณการจริง  คงไม่เป็นเช่นนั้น
รู้ว่า Enemy มาในลักษณะ ช่วงชกยาว การวิ่งเข้าเข้าปะทะ
ตรงๆก็ใช่ที่  เมื่อเครื่องเสียเปรียบด้านระยะยิง  จะบินหนีก็
ใช่ที่เหมือนกันและคงไม่มีข้อนี้ในความคิดของท่านนักบินแน่

    สิ่งที่เหลือคือ Strategy ซึ่งสิ่งนี้ผมเชื่อว่าท่านนักบินและทีมช่าง
ของกองทัพอากาศไม่เป็นรองใครแน่ครับ ไม่ว่าจะเรื่องการเตรียมความ
พร้อมของเครื่องบิน  หรือผลจากการร่วมซ้อมรบกับชาติต่างๆ
นึกง่ายๆครับ เครื่องดี แต่ไม่พร้อมบินก็ไร้ความหมาย  หรือซ้อม
รบแต่ในฝูงเดียวกันตลอด จะไปรู้มุขแสบๆของชาวบ้านเค้าได้อย่างไร
เทคนิกการบิน ท่าบินต่างๆที่มีในหนังสือนั้นไม่พอครับ  ในละแวก
เพื่อนบ้านเรา  บ้านเรามีการซ้อมรบทางอากาศบ่อยที่สุดครับ
ตรงนี้หล่ะที่เป็นความได้เปรียบของท่านนักบินครับ

 ป.ล.  นอกเรื่องสเปคเครื่องคงไม่ว่ากันนะครับ
โดยคุณ muto เมื่อวันที่ 01/02/2010 03:25:55


ความคิดเห็นที่ 18


แต่ถ้ามองในความเป็นจริง คาดว่าเวลาขึ้นบินแล้วทำการตรวจเจอจากฝ่ายข้าศึก เค้าก็คงต้องคิดอยู่ก่อนแล้วละมั่งครับ ว่าจะต้องเจอเรากี่ลำ ซึ่งอย่างน้อยก็ต้อง 2-3 ลำ ละฝ่ายข้าศึกก็คงจะเข้ามาในจำนวน ประมาณขั้นต่ำน่าจะ 2 ลำ เช่นกัน

ก็คงต้องมาวัดกันที่ในเรื่องทางเทคนิคของเครื่อง ระบบตรวจจับต่างๆ รวมทั้งความสามารถของนักบิน ผลของการฝึก และประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่อง

แต่เท่าที่ดูจากประเทศรอบข้างเรานั้น (ไม่ว่าจะฝั่งตะวันตก หรือทางใต้ก็ตาม) เราน่าจะแพ้ในเรื่องของจำนวน ที่น้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้านพอควร แต่ความสามารถเรานั้น ไม่เป็น 2 รองใครแน่ๆ เพราะเรามีการฝึกจากหลายๆ ทาง ทั้งจากสหรัฐเอง ออสเตรเลียด้วย ไหนจะสิงค์โปร์อีก

แต่ในอนาคตคงต้องดูต่อไปว่าจะเป็นเช่นไร
โดยคุณ xavious เมื่อวันที่ 01/02/2010 03:29:13


ความคิดเห็นที่ 19


ลองคิดค่าน้ำมันต่อชั่วโมงมาให้ดูครับ คิดดูแล้วกันนะครับถ้าเราใช้เครื่องบินใหญ่ ๆ อย่าง F-15 หรือ Su-30 กองทัพจะต้องจ่ายค่าใช้จ่ายในการบินแต่ละปีเป็นเท่าไรกันครับ เอาเงินส่วนต่างพวกนี้ไปซื้ออาวุธหรือปรับปรุงเครื่องบินดีกว่าไหมครับ ???


โดยคุณ Red@Baron เมื่อวันที่ 01/02/2010 08:14:12


ความคิดเห็นที่ 20


เรื่องจำนวนเราก็มีเยอะนะคับ
โดยคุณ GoWjUnG เมื่อวันที่ 01/02/2010 08:27:37


ความคิดเห็นที่ 21


ถ้าจำไม่ผิด JAS ของ ฮังการี ซ้อมรบ ยิง F16 F15 F18 Typhoon  ตกได้เหมือนกัน ฉะนั้น มันอยู่ที่จังหวะมากกว่า ^^
โดยคุณ u3616234 เมื่อวันที่ 01/02/2010 10:39:44


ความคิดเห็นที่ 22


ส่วนตัวแล้วคิดว่าแอมแรม รุ่น C5 ที่ไทยเรามีนี่คงไม่ด้อยกว่า R77 (รุ่นส่งออก) ที่พม่า (หรือประเทศรอบบ้นเราแถบนี้)กำลังจะมีใช้หรอกครับ ก็เป็นที่รู้กันอยู่ว่าอาวุธรัสเซียรุ่นส่งออกนั้นเขาจะลดคุณภาพลงมากว่าที่รัสเซียใช้เองครับ ซี่งต่างจากของสหรัฐ ที่กำหนดไว้ชัดเจนเลยว่า รุ่นใดจะเอาไว้ใช้เองรุ่นใดเอาไว้ใช้ในประเทศกลุ่มนาโต้ หรือ ประเทศที่มีความสัมพันธ์ในระดับใกล้ชิดมากน้อยเพียงใด

รุ่นที่ไทยใช้นี่เป็นรุ่นเดียวกับที่นาโต้ใช้ครับ มีคุณภาพเชื่อถือได้ในระดับดีทีเดียว ถัดจากรุ่นนี้คือ C9 และรุ่น D (ที่กำลังพัฒนาอยู่) ซึ่งในอนาคต เมื่อมีการพัฒนาเสร็จสิ้นแล้ว เราก้ยังมีโอกาสที่จะซื้อได้เช่นเดียวกับสิงคโปร์ครับ  (ถ้าต่อรองดีๆ) นอกเหนือจาก ระบบจรวดเมทีเออร์ ของค่ายยุโรป ที่กำลังติดตั้งใช้งานกับกริเป้น สวีเดนเวลานี้

เรื่องเปรียบเทียบในตัวเครื่องบินเองผม ถือว่าทั้ง กริเป้น มิก 29 SMTและ ซู 30 ถือว่าเป็นเครื่องบิน ยุค 4.5 เหมือนกัน ขีดความสามารถในการรบทางอากาศ ใกล้เคียงกันครับ เมื่อบวกกับระบบจรวดบีวีอาร์  แบบ ยิงแล้วลืมได้  (fire and forgot) ที่ติดตั้งกับเครื่องหรือระบบอาวุธจรวดระยะใกล้เมื่อใช้ร่วมกับหมวกเล็งอาวุธ แล้วถือว่าทั้งสามตัวมีคุณภาพสูสีกันมากครับ ส่วนถ้าจะเทียบกันในเรื่อง เรด้าห์โจมตี ภาคพื้นดิน  ระยะบิน หรือการโหลดอาวุธนี่ กริเป้น แน่นอนว่าสู้เขาไม่ได้อยู่แล้วครับ

ที่กริเป้นจะเหนือกว่าทั้งมิกและซูคิอ การรบร่วมกับระบบอิริอายครับ และเมื่อบวกเรดาห์ ของอิริอายกับ จรวดแอมแรมแล้ว ถือว่าน่ากลัวมากครับซี่งการทำงานของแอมแรมและคุณสมบัติอื่นๆที่นอกเหนือจากที่ทราบๆกันอยู่แล้วของจรวดแอมแรมนี้แล้วยังคงเป้นความลับมากๆอยู่ครับซึ่งในอาเซี่ยนนี่มีไม่กี่ประเทศที่สหรัฐ ยอมขายแอมแรมให้ครับ

โดยคุณ data เมื่อวันที่ 01/02/2010 11:56:38


ความคิดเห็นที่ 23


เห็นค่าน้ำมัน F-15 แล้วมึนเลย

ผมว่ากองทัพเรา(และเขาด้วย) รู้อะไรที่เป็นข้อมูลเบื้องลึกกว่าเราเยอะๆ แล้วเขาก็คงไม่ให้บินมาเจอกันโต้งๆแน่นอน ดังนั้นน่าจะขึ้นอยู่กับยุทธวิธีมากกว่าแล้วล่ะ อย่างเช่นการใช้ภูมิประเทศช่วยพราง,การวางกำลังฝูงบิน,การจัดหมู่บิน,ฐานเรดาห์ภาคพื้น ฯลฯ แล้วปัจจัยอื่นอีกเยอะแยะตาแป๊ะไก่
ผมจำไม่ได้แล้วว่าท่านใดเคยโพสไว้ว่า "ถ้าเราเป็นฝ่ายเล่นในบ้านเราจะเก็บ 3 แต้มได้ไม่ยาก"   แหม...เพียงหนึ่งประโยคแทนนับล้านคำพูดเลยทีเดียว
โดยคุณ Puriku เมื่อวันที่ 01/02/2010 15:04:19


ความคิดเห็นที่ 24


จรวด active ลูกนึงไม่ได้ถูกนะครับ จะยิงก็ต้องคิดกันให้ดี อาจจะหมดประเทศเลยก็ได้ ไม่มีใครยิงที่ระยะไกลสุดหรอกครับ ยิงก็ดี จะได้เสียจรวดฟรีๆ เลี้ยวที่เดียวก็ไม่โดนแล้ว จริงๆแล้วขึ้นกับหลายองค์ประกอบ ตามที่พี่ๆท่านอื่นบอกไว้ แต่ผมว่าฝีมือของคน สำคัญกว่าครับ ถ้าบ้านใครอยู่แถว โคราชก็คงรู้ว่าเราฝึกนักบินกันหนักขนาดไหน ประเทศรอบบ้านเราน่ากลัวก็สิงคโปร์ละครับ เพราะ ชม การฝึกนักบินมีค่อนข้างมาก ถ้ามี su30หรือ su35 แต่ถูกจอดไว้ นักบินได้บินน้อย หรือว่าบินแต่ฝึกกับเครื่องแค่สอง สามลำไม่เคยบินกับ กับกองกำลังขนาดใหญ่รับรองเลยครับไปไม่เป็นแน่ เผลอๆได้ยิงข้างเดียวกันแน่ ขนาด อเมริกายังยิงข้างเดียวกันบ่อยๆเลย ในการฝึก ถ้าของจริงไม่ฝึกให้เก่งก็คงไม่กล้ายิงแน่ ยิ่งเจอปิดหมดทุกอย่าง IFF,RADARไม่มี GCI แล้วจะทำยังไง การฝึกสมัยนี้ flighter controller สำคัญกว่านักบินอีกนะครับ ลองคิดดูแล้วกันครับว่าใครเดินมาถูกทาง หรือผิดทาง ขึ้นอยู่กับ ความคิดของแต่ละคน 

โดยคุณ O.B. เมื่อวันที่ 02/02/2010 10:31:33


ความคิดเห็นที่ 25


อ่านแล้วสนุกมากครับ แต่สงสัย จริง ๆ ว่า  เราควรนำอัตราการสิ้นเปลือง ของ อาวุธนำวิธี มาคิดด้วยรึป่าว เมื่อเทียบกับอัตราการหลบหลีก เข้าไปแล้ว ระยะยิง จริง ๆ ของอาวุธนำวิถีเหล่านี้จะลดลงไปอีก นั้นหมายความว่า ระยะของเรด้าห์ ก็จะลดความได้เปรียบเสียเปรียบลงด้วยเช่นกัน

ผมว่า คงต้องมีการรบกันจริง ๆ ถึงจะเห็นผลครับ แต่ผมไม่อยากให้เกิดขึ้น

โดยคุณ tantongs เมื่อวันที่ 03/02/2010 05:24:37


ความคิดเห็นที่ 26


ข้อมูลระยะยิงที่ระบุใน spec ของ อวป.พวกนี้ คิดจากเป้าหมายบินหันหน้าเข้าในระยะสูง และหลบหลีกไม่ได้ครับ
แน่นอนว่าถ้าเป้าหมายเป็น บ.ที่หันหนีได้ ระยะยิงก็จะลดลงไปอีก
โดยคุณ Zepia เมื่อวันที่ 03/02/2010 09:36:44


ความคิดเห็นที่ 27


    เครื่องบินแต่ละรุ่นแต่ละแบบ มีข้อได้เปรียบเสียเปรียบในตัวอยู่แล้วครับ ยิ่งคนละค่ายนี่ ยิ่งดูออกได้เลย ถ้าจะไปเทียบ jas ใส่กับ su-30 Mk.. ผมว่ามันไม่น่าเอามาเปรียบกัน เพราะแค่ขนาดก็ดูออกแล้วว่าอันใหนน่าได้เปรียบ ถ้าเทียบกับสมรรถนะพื้นฐาน และอวิโอนกส์ ระบบอาวุธ(ยิงโดนหรือไม่โดนนั่นมันอีกเรื่อง)  จะไปให้เหตูผลว่า jas เสียเปรียบ su ตั้ง bvr ถึงระยะ dogfight มันก็ไม่ใช่ที่จะด่วนสรุปไปอ่ะครับ

ถ้าผมเป็นนักบิน su และมีท่าทางบิน คอบบร้า สุดเทพ และผมบินไปเจอ jas บินสวนกันในระยะ dogfight ด้วยความเร็ว 1.2 มัค

ผมก็คงไม่บินขึ้นตีลังกาด้วยท่าสุดเท่ที่ความเร็ว 1.2 มัคหรอกครับ

 

เช่นกันกับ jas บินไปสามลำ เปิดเรดาห์ 1 เครื่อง  อีก 2 เครื่องปิด แต่ถ้าเข้าระยะสายตาล่ะ ?

 

และจรวด ไม่ว่าจะ aim-120 หรือ r-77 เวลายิงออกไปแล้ว มันก็เหมือนเปิดเผยตำแหน่งตัวเองนั่นแหละครับ แล้วยิงไปก็ไม่ใช่ว่าจะโดนทันที จรวดก็ต้องใช้เวลาเดินทางเข้าหาเป้าหมาย ยังพอมีเวลาให้ เรา หรือ ฝ่ายตรงข้าม ทำการหลบ หรือ ยิงสวนกลับมา

ต้องอาศัยปัจจัยหลายด้านมากๆในการเปรียบเทียบแบบนี้อ่ะครับ นี่เป้นความเห็นส่วนตัวครับ ผิดถูกประการใดก็ขอพี่ๆชี้แจงด้วยครับ

 

โดยคุณ Aceน้อย เมื่อวันที่ 07/02/2010 11:10:18


ความคิดเห็นที่ 28


ความประหยัดและเทคโนโลยี สื่อสารเป็นหมัดเด็ดของ ยาส39 กริปเพนเนี่ยแหละครับ มีกำลังน้อยแต่เหมือนมีกำลังมากเพราะการสื่อสารที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เพราะฉะนั้น ให้โอกาศเจ้ากริปฟ่อนน้อย(เพราะมีแค่6ลำ รอีก6อยู่ และน่าจซื้ออีกให้ได้ 18นะ ^ ^) ได้แสดงฝีมือบ้างนะครับ
โดยคุณ shareluk เมื่อวันที่ 12/02/2010 11:41:26


ความคิดเห็นที่ 29


คนที่บอกว่า สู้กับ su-30 ไม่ได้นั้นผมว่าไม่จริงอ่ะมั้ง แต่ถึงจะไม่ทันสมัยกว่าของเขา แต่อย่าลืมว่าเรดาห์ของjas39ดีกว่า

การใช้เรดาห์ก็ใช่ว่าจะเปิดค้างตลอดเวลา เพราะเมื่อใดที่คุณเปิดใช้งานมันข้าศึกก็จะจับสัญญาณได้ เห็นคุณทันทีเช่นกัน

ที่สำคัญมากคือกริเพนมีระบบส่งข้อมูลไฮเทคที่สามารถรับข้อมูลเรดาห์จากสถานีซึ่งอยู่ไกลออกไป 500 กิโลโดยไม่ต้องเปิดเรดาห์ให้ใครเห็น

แต่อย่าลืมด้วยว่าเรามี ERIEYE จำนวน2เครื่องที่ค่อยเป็นตัวบอกเป้าหมาย

เปรียบกับการพกไฟฉายกับปืนลมเข้าไปยิงกับคนในห้องมืดเขามีไฟฉาย แต่เรามี spotlight ฉายจากระยะไกลๆแล้วโทรจิตบอกตำแหน่งของศัตรูให้อย่างแม่นยำ ขณะที่ฝ่ายศัตรูมองคนฉาย spotlight หรือฝ่ายเราไม่เห็น จะยิงก็ไม่ได้ ไล่ก็ไม่ถูก รู้ตัวอีกทีก็เจอสอยจากควมืดเรียบร้อยแล้ว

 

 

(เราต้องการเครื่องบิมที่มาทำหน้าที่ป้องกันประเทศไม่ใช้ลุกลานคนอื่น ok)


โดยคุณ jumperson เมื่อวันที่ 09/08/2012 23:42:29


ความคิดเห็นที่ 30


โอกาศสู้กันคงน้อย แต่ ทอ.เราน่าจะได้ f-18e/f สักฝูงก็น่าจะดี ยังไงค่าบำรุงรักาาเราก้น่าจะคุ้มสุด

 

นายศิรินทร์ คณาวรงค์

โดยคุณ knot009 เมื่อวันที่ 09/11/2012 02:17:13


ความคิดเห็นที่ 31


อ่านแล้วปวดหัว 

ถ้าอยากได้ข้อมูลที่ไม่มั่ว อ่านคอมเมนต์ของคุณ rinsc seaverterdkietเด็กทะเล

โดยคุณ tongwarit เมื่อวันที่ 09/11/2012 10:50:45