ผมเกิดไม่ทันน่ะครับ แต่พ่อของเพื่อนผม เป็นทหารอยู่รบพิเศษป่าหวาย
เขาเคยเล่าให้ฟังนะครับ ว่าช่วงแรกเราเสียเปรียบมาก เพราะเรารบตามแบบ และประเมินขีดความสามารถของฝ่ายลาวต่ำไป
ส่วนฝ่ายลาวกับทหารต่างชาติจะได้เปรียบอยู่เสมอ เพราะอยู่ชัยภูมิที่ดีกว่า และมีอาวุธชั้นดีส่งตรงมาจากเวียดนาม และรัสเซีย
หลังจากเราสูญเสียอย่างหนัก เราจึงส่งทหารรบพิเศษ ไปก่อก่วนเเนวหลังฝ่ายลาวแบบได้ผล
ส่วนแนวหน้าเราก็เริ่มยึดพื้นที่คืนได้เรื่อยๆ
และทางฝ่ายเรากำลังเตรียมที่จะโจมตีครั้งใหญ่ โดยเปิดแนวรบตลอดพรมแดนไทยลาว
ลาวเห็นว่าต้องแพ้ไทยเละแน่ๆเลยต้องยอมเจรจาก่อนประมาณนี้ครับ
ขอตอบโดยคร่าว ๆ นะครับ
- ทางการทูตถือว่าฝ่ายใดขอเจรจาก่อนเป็นฝ่ายขอยอมแพ้
- ในทางปฏิบัติถึงแม้เราจะสูญเสียเนินต่าง ๆ ไปมากมาย แต่ภายหลังก็สามารถยึดคืนกลับมาได้ทั้งหมด จนฝ่ายข้าศึกเหลือเพียงเนิน 1428 ที่ยังไม่ถูกยึด ฝ่ายข้าศึกจึงทุ่มเทสรรพกำลังให้กับการรักษาเนิน 1428 ไว้ครับ ประกอบกับเนิน 1428 เป็นชัยภูมิที่อยู่บนเขาสูงจึงทำให้สามารถมองเห็นภูมิประเทศต่าง ๆ ได้กว้าง จุดนี้เองที่ฝ่ายเราเสียเปรียบ...ไม่สามารถยึดเนิน 1428 ได้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
- เมื่อข้าศึกอยู่ในชัยภูมิที่ดีกว่า จึงทำให้อำนาจการยิงปืนใหญ่ของฝ่ายข้าศึกมีประสิทธิภาพมากกว่าฝ่ายเราเพราะเราอยู่ในชัยภูมิที่เสียเปรียบครับ
- จุดเปลี่ยนมันอยู่ที่อำนาจการยิงปืนใหญ่ครับ..เขาถึงบอกกันว่าทหารปืนใหญ่เป็นราชาแห่งสนามรบ กล่าวคือเมื่อฝ่ายเรายิงปืนใหญ่เสร็จต้องรีบเคลื่อนปืนใหญ่ออกจากพื้นที่การยิงในทันที ไม่อย่างงั้นจะโดนสวนกลับมาภายในไม่ถึง 5 นาที
- แต่ภายหลังจากเราส่งหน่วยรบพิเศษไปตัดกำลังข้าศึกและส่งเครื่องบินรบเข้าไปทิ้งระเบิดในแนวหลัง ( คือในประเทศของเขา ) ก็ทำให้กองกำลังข้าศึกที่อยู่บนเนิน 1428 ขาดการสนับสนุน นี่ก็คือสาเหตุว่าทำไมข้าศึกต้องขอเจรจาก่อน
- หากไม่มีการเจรจาเกิดขึ้นก่อน...เนิน 1428 น่าจะถูกฝ่ายเรายึดได้ไม่ยากครับ
สรุปในทางการทูต...ถือว่าเราชนะ
แต่ในทางปฏิบัติ...การที่เราไม่สามารถยึดเนิน 1428 ได้แบบเด็ดขาดนั่น ก็มองได้ว่าเรายังเผด็จศึกไม่ได้ครับ
ส่วนตัวแล้วเชื่อว่า เราชนะครับ เพราะสามารถบีบให้ฝ่ายตรงข้ามยอมเจรจา และ ยุติ ได้
แต่ทางยุทธวิธีช่วงแรกเรา สูญเสียหนัก เพราะเราเปิดการรบแบบจำกัดเขต รู้ทั้งรู้ว่า เสียเปรียบภูมิประเทศ แต่ก็ยังดันทุลัง เข้าตี ตรงหน้า
สุดท้าย จึง ยอมเปิดความลึก คือ โจมตีทางลึก(ส่วนหลัง) ของฝ่ายตรงข้าม ทั้ง กำลังทางอากาศ และหน่วยภาคพื้นที่ปฏิบัติงานทางลึก(หน่วยรบพิเศษ) จึงสามารถสร้างความสูญเสียและกดดันให้ฝ่ายตรงข้ามยอมเจรจาได้
สงคราม ฟูบา!!!!
คารวะทุกดวงวิญญาณผู้เสียสละ ในทุกสมรภูมิครับ
ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นครับ
สิ่งที่เจ็บปวดจาก Friendly Fire คราวนั้น(ไม่ว่าจะมาจากอะไรก็ตาม) ปัจจุบันผ่านล่วงมาเกินซาวปีแล้ว
แต่ส่วนตัวเชื่อว่า ถ้าในข้างหน้า มีการรบในระดับดังกล่าวอีก ผมว่ามันจะหมุนกลับมาเหมือนเดิม
ตอนนี้ สิ่งที่เร่งด่วนที่สุดในการพัฒนาคือ ทรัพยากรบุคคล เพราะกำลังจะตามไม่ทันสิ่งของ สิ่งของไปไกลแต่คนยังไม่ก้าวตามหรือถอยหลัง มันก็ไร้ค่า
บทเรียนสอนให้รู้ว่า ตอนนี้ต้องปรับคน เพราะไม่งั้นปรับระบบไปก็ไร้ค่า
ทุกเหตุการณ์ที่ผ่านมามันเป็น Case Study ครับ รายงานความผิดพลาด รายงานความสำเร็จของภารกิจและงานที่ดำเนินการไปแล้ว
เมื่อสมัยเกือบสิบปีมาแล้วผมเคยได้ยินพ่อ ( อดีต ตชด.13 )และลุง (พลร่มป่าหวาย ลพบุรี) เล่ากันในวงเหล้าที่บ้านของพ่อที่สิงห์บุรี กรณีบ้านร่มเกล้าลุงแกคุยให้ฟังว่าถ้าไม่ได้รบพิเศษแล้วเราคงต้องสูญเสียกว่านี้ เพราะว่าลุงผมเค้าเล่าให้ฟังว่ารบพิเศษไปโดดร่มลงแนวหลังข้าศึกแล้วดำเนินกลยุทธรบนอกแบบประมาณนั้น ทำให้การส่งบำรุงของกองกำลังประเทศเพื่อนบ้านมีปัญหา ทำให้เราเริ่มได้เปรียบสามารถยึดเนินต่างๆคืนกลับมาได้เรื่อยๆ จนลาวต้องเปิดการเจรจาในที่สุด
ผมไปลาวมาสองครั้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็เพิ่งกลับมา ผมยังคุยถึงเหตุการณ์ร่มเกล้ากับโชเฟอร์รถตู้ของลาวอยู่เลย เค้าบอกกับผมว่าเรื่องมันผ่านมานานแล้วใจจริงเราและเค้า( หมายถึงไทยและลาว) ไม่น่าแบ่งแยกกันเลย มีวัฒนธรรมเหมือนกัน ประเพณีเหมือนกัน คุยกันรู้เรื่อง เป็นเพราะพวกชาติตะวันตกที่เลวมาแบ่งเราพี่น้องกัน แล้วทำให้พี่น้องกันต้องทะเลาะกัน นี่เป็นส่วนหนึ่งของความคิดของคนลาวที่สะท้อนให้ผมเห็นและมันก็ตรงใจและความรู้สึกของผมมาก
อีกอย่างนะครับ สาวๆลาวน่ารักมากมารยาทงาม ผมไปปากซันมาไม่อยากกลับเลย อิอิ