หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


เวียดนามเสริมเขี้ยว ซื้อ SU-30 รุ่นใหม่ล่าสุดอีก 12 ลำ

โดยคุณ : arich เมื่อวันที่ : 16/02/2010 06:50:20

มอสโก (เอเอฟพี/รอยเตอร์)-- เวียดนามได้ซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตีที่ทันสมัยและเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดจากรัสเซียจำนวน 12 ลำ ราคา 1,000 ล้านดอลลาร์ โดยมีการเซ็นสัญญากันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์รายงานเรื่องนี้ในวันพุธ (10 ก.พ.)
       
       การเซ็นสัญญาครั้งนี้ทำให้กองทัพอากาศเวียดนามมีเครื่องบินรุ่นนี้ประจำจำนวน 20 ลำ ก่อนหน้านี้ต้นปี 2552 เวียดนามได้เซ็นสัญญาซื้อเครื่องบินรุ่นเดียวกันนี้จำนวนฝูงแรก 8 ลำ อินเตอร์แฟ็กซ์กล่าว
       
       เครื่องบินขับไล่โจมตีแบบซูกอย-30 MK2 รุ่นล่าสุดนี้ออกแบบมาใช้โจมตีทางภาคพื้นดิน เช่นเดียวกันกับการพันตูกับเครื่องบินของฝ่ายตรงข้ามกลางอากาศ ซึ่งว่ากันว่าเวียดนามจะใช้ป้องันการรุกรานจากจีนในทะเลจีนนั่นเอง
       
       เครื่องบิน SU30MK2 มีกำหนดส่งมอบในปี 2554-2555 นี้ นอกจากนั้นยังมีการเซ็นสัญญาอีก 2 ฉบับเกี่ยวกับการซื้อระบบอาวุธสำหรับสงครามทางอากาศกับชิ้นส่วนอะไหล่ของเครื่องบินรบด้วย อินเตอร์แฟ็กซ์รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวทางทหาร
       
       โลกตะวันตกและองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือหรือ "นาโต้" เรียกเครื่องบิน SU30 ว่า "แฟลงเกอร์" (Flanker) และเติมอักษรต่างๆ เช่น A B C D ต่อท้ายตามรุ่นที่พัฒนาต่อเนื่อง
       
       เครืองบิน SU-30 เริ่มการผลิตตั้งแต่ครั้งที่ยังเป็นสหภาพโซเวียต เป็นการพัฒนาต่อเนื่องจาก SU-27 ที่ประสบความสำเร็จทางการตลาดมาก แต่ซีรีส์ SU-30 เปิดตัวตัวและนำเข้าใประจำการในกองทัพอากาศรัสเซีย หลังจากระบอบคอมมิวนิสต์ล่มสลาย
       
       ซูกอยได้แตกบริษัทลูกออกเป็น 2 บริษัท คือ Komsomolsk-on-Amur Aircraft Production Association หรือ KnAAPO ซึ่งตั้งโรงงานประกอบอยู่ในแถบไซบีเรีย กับ Irkut Corporation ในแคว้นทรานส์ไบคาล (Transbykal) ในตอนกลางของประเทศ ให้ผลิตซูกอยซีรีส์ SU-30 และให้ทำการตลาดแข่งขันกันเอง
       
       สำหรับ SU-30MK2 ผลิตโดยบริษัทแรก ทั้งนี้เป็นข้อมูลในเว็บไซต์ของบริษัทอุตสาหกรรมอากาศยานของรัฐบาล
       
       บริษัทแม่วางแนวคิดเอาไว้กว้างๆ ว่า SU-30MK2 อันเป็นรุ่นล่าสุด ออกแบบมาเพื่อภารกิจเดียวกันกับรุ่นก่อนหน้านี้ คือ โจมตีภาคพื้นดิน "เพื่อสร้างความเป็นต่อทางอากาศ" ทำลายอากาศยานฝ่ายศัตรูด้วยขีปนาวุธนำวิถีในการต่อสู้ระยะปานกลางและการสู้แบบพันตู หรือ "ด็อกไฟต์" แต่จะแตกต่างกันออกไปตามระบบอาวุธที่ใช้และระบบป้องกันตัวที่ติดตั้งจากโรงงาน
       
       ปัจจุบันเครื่องบินรบของซูกอยพัฒนาไปจนถึงซีรีส์ SU-35 แต่จนถึงปลายปี 2552 ที่ผ่านมา ก็ยังเป็นเพียงเครื่องบินต้นแบบอยู่
       
       ระหว่างที่นายกรัฐมนตรีเวียดนามเหวียนเติ๋นยวุ๋งเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการปลายปีที่แล้ว มีการเซ็นสัญญาซื้อเรือดำน้ำรัสเซียจำนวน 6 ลำ และมีการหารือเกี่ยวกับการซื้อเครื่องบินรบดังกล่าว นำมาสู่การเซ็นสัญญาซื้อในที่สุด
       
       สัปดาห์นี้หนังสือพิมพ์นิกเกอิ (Nikkei) ในญี่ปุ่นได้รายงานข่าว การตัดสินใจของรัฐบาลเวียดนามที่จะเลือกเทคโนโลยีรัสเซียสำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แห่งแรกของประเทศ .
หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ




ความคิดเห็นที่ 1


อ่านถึงตอนท้ายๆ
เวียดนามจะมีโรงไฟฟ้านิวเครียส์แล้วเหรอเนี้ยยยยย!!
จา่กที่อ่านมายังซื้อเรือดำน้ำอีก
ไทยเราจะมีงานเข้ามั้ยนะ???
โดยคุณ YamatoJR เมื่อวันที่ 10/02/2010 22:19:12


ความคิดเห็นที่ 2


เศรษฐกิจ เขาดีครับ เนื้อหอมมีแต่คนไปลงทุน

และรถไฟความเร็วสูงใช้ขนส่งกำลังจะเสร็จอีกไม่กี่ปี จะทำให้เวียดนามได้เปรียบมากเวลาขนส่ง มวลชนและสินค้า และลงท่าเรือใหญ่ได้เลย

 

สงสารแต่ประเทศสารขันฑ์เท่านั้น ที่พากันหลุ่มหลงมัวเมาอำนาจแย่งชิงกัน

 จนประเทศไม่เจริญ

 

ไม่แน่ครับ ลูกหลาน เราอาจจะต้องไปหางานทำที่นั่น

โดยคุณ tik เมื่อวันที่ 10/02/2010 23:42:43


ความคิดเห็นที่ 3


เวียดนามเขาต้องเน้นเสริมกำลังทางทหารกับเศรษฐเพื่อถ่วงดุลอำนาจจากจีนครับ เร็วๆนี้ก็เซ็นสัญญาการสร้างโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์กับรัสเซียครับ
อีกหน่อยถ้าการเมืองบ้านเราเป็นแบบนี้ต่อไปที่เอาเงินกู้มาทำโครงการไรสาระก็จบเห่  และถ้าเวียดนามแซงไปเมื่อไร ผมคงแทบจะหัวมุดดินแทน

โดยคุณ sam เมื่อวันที่ 10/02/2010 23:56:36


ความคิดเห็นที่ 4


คุณ tik ครับ ไม่ต้องรอลูกหลานหรอกครับ

รุ่นพี่ผมหลายคนเลย จบวิศวะ แล้ว ไป ทำงานที่นู่ตรึม เพราะไทยไม่มีงานให้ทำ

หรือ ทำไปก็ไม่ก้าวหน้าเพราะว่าไม่มีการสนับสนุน ที่ดี

กิน หิน กินทราย กินเหล็กเส้นอยู่ได้  ตึก พังมา วิศวะซวย

ไม่ก่อสร้างตามที่เขาสั่งตกงาน

รุ่นพี่บอกจะให้ทำอย่างไรหละ ก็คนไทยยังเอาเปรียบกันเลย

หนีตามกาลิเลโอดีกว่า เหอะๆ  

จำใจต้องไปรับใช้ เเก_  เห้อน่าสลดใจแทนพี่ๆจัง

สมใจเขาเมื่อก่อนช่วยกัน เอาระเบิดไปทิ้งบ้านเขา ตูมๆๆๆ

พอไอ้กันเปิดตูดหนี ก็อย่างว่านะ บาปกรรม เเท้ๆไปคบคนพาล เห้อ

( ผมขอพูดนะหลายครั้งหละแต่กลัวโดนแบน ขอละกัน ตอนผมกินเหล้ากับพวกนักศึกษาแลกเปลี่ยนเวียดนาม คุยแบบเปิดใจเลย ลึกๆคนเวียดเกลียดไทยนะโดยเฉพาะพวกทางภาดเหนือและกลาง เพราะปู่ ย่า ตา ยาย เขาตายเพราะ ทหารไทยเยอะมากๆ แล้วก็เรื่องที่ไทยยอมเป็นฐานทัพให้ไอ้กันไประเบิดบ้านระเบิดเมืองเขา คิดดุ เรื่องมันผ่านมานาน แต่รุ่นลูกรุ่นหลานเขายังไม่ลืมเลย)

 

โดยคุณ pinkmaster เมื่อวันที่ 11/02/2010 01:31:13


ความคิดเห็นที่ 5


"กิน หิน กินทราย กินเหล็กเส้นอยู่ได้  ตึก พังมา วิศวะซวย

ไม่ก่อสร้างตามที่เขาสั่งตกงาน"

โอ้ยๆ....โดนใจ


จะว่าไปก็แพงเอาเรื่องเหมือนกันนะสำหรับเจ้า SU-30MK2 ค่าตัว 83 ล้าน+ค่าซ่อมบำรุงที่ขึ้นชื่อของค่ายนี้



โดยคุณ Puriku เมื่อวันที่ 11/02/2010 04:58:30


ความคิดเห็นที่ 6


เท่าที่ศึกษาเศรษฐกิจเวียดนามเผาหลอกไปปีที่แล้ว จะเผาจริงปีนี้นะครับ ลดค่าเงินดองไป 2 ครั้งแล้วยังไม่แน่ใจว่า จะแก้ปัญหาขาดดุลได้ไหม พัฒนาแบบพอเพียงและยั่งยืนดีกว่าครับ เพื่อผลประโยชน์โดยรวม ประสบการณ์เมื่อ 13 ปีก่อนสอนเราให้รอบคอบและระวังมากขึ้น โครงสร้างเศรษฐกิจเราตอนนี้ แม้ไม่แข็งแกร่งมาก แต่ก็เอื้ออำนวยและมีภูมิคุ้มกันรับการทดสอบต่อพลวัติด้านต่างๆของโลกได้

ส่วนเรื่องของเวียดนาม การซื้อยุทโธปกรณ์ต่างๆและการสร้างสาธารณูปโภคต่างๆ ผมเริ่มเป็นห่วงแล้วว่า แผนพัฒนาประเทศเหล่านี้ จะเหมาะสมและประเทศทนแรงเสียดทานของปัจจัยต่างๆได้หรือไม่ แผนพัฒนาด้านต่างๆของประเทศ สอดคล้องกับสภาพพื้นฐานของประเทศและเอื้ออำนวยหรืออย่างน้อยที่สุด ไม่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาตามทิศทางของโลกหรือไม่

โดยคุณ yaiterday เมื่อวันที่ 11/02/2010 04:58:38


ความคิดเห็นที่ 7


+10 ครับ yaiterday  ลดค่าเงินอีกแล้ววันนี้ 
ของแบบนี้รอดูกันไปครับ โตเร็วมากระวังกระดูกจะอ่อน
โดยคุณ extremeflying เมื่อวันที่ 11/02/2010 13:34:41


ความคิดเห็นที่ 8


ไม่ได้คุยในห้องนี้นานมากๆครับ แต่เข้ามาอ่านตลอด
รู้สึกไม่สบายใจครับที่ยังเห็นประโยคที่ว่า

"กิน หิน กินทราย กินเหล็กเส้นอยู่ได้  ตึก พังมา วิศวะซวย
ไม่ก่อสร้างตามที่เขาสั่งตกงาน"

พอดีผมอยุ่ในวงการก่อสร้าง หมดสมัยแล้วครับกับการ กินหิน กินทราย กินเหล็ก เนื่องด้วยปัจจุบันหน่วยงานภาครัฐจะต้องถูกตรวจสอบจากองค์กรกลาง โดยเฉพาะหน่วยงาน ที่ถูกตั้งให้เป็นหน่วยดำเนินการเกี่ยวกับการก่อสร้างโครงการต่างๆ ไม่มีใครมาจ้องกินหรอกครับเพราะกลัวโดนตรวจสอบจาก สตง. ปปช. ไม่คุ้มอย่างมากที่จะเอาหน้าที่การงานมาเสี่ยงคุก กับตำแหน่งหน้าที่ทางราชการตัวเล็กๆ

แต่ก็บอกได้เลยว่าวัฒนธรรมการดูแลพี่ใหญ่ ไม่หมดไปจากบ้านเมืองเราหรอกครับ หิน ทราย กินยากมันไม่ลื่นคอเหมือนเมื่อก่อน แต่มันมีช่องทางอื่นครับ แบบว่าขอกันหน้าด้านๆเลยเคลียร์กันตั้งแต่ยังไม่เปิดซองด้วยซ้ำ ไม่ให้ไม่ผ่าน แถมงานต้องอยู่ในสเป็ค ใครซวย ใครได้ ลองคิดดูครับ บรรดาพี่เบิ้มๆแหละครับตัวดีเลย ชั้นผู้น้อยนี่ยังแทบโดนเบี้ยวค่าคุมงานด้วยซ้ำครับ ไม่พอตัวรองๆยังมาขอหักเปอร์เซนต์ค่าคุมงานด้วยเอาสิ  เรื่องมันเศร้า
โดยคุณ Air_graphic เมื่อวันที่ 11/02/2010 15:25:07


ความคิดเห็นที่ 9


ก็เราเป็นซะอย่างนี้ ประเทศถึงพัฒนาได้ช้า ถ้าภาคเอกชนไทยไม่เก่งหรือเจ๋งจริงผมว่าป่านี้เราเจ๊งบ๊งไปนานแล้ว ปัญหาคอร์รัปชั่น ทุจริตเกาะกินเรามานานครับ ไม่นานนี้เห็นข่าวผลการจัดอันดับการทุจริตในเอเซียต.ฉต. เราเป็นรองบ๊วยต่อจากอินโดฯ เห็นแล้วก็เศร้าครับ ถ้าสร้างรัฐสภาใหม่ ก็ขอให้กินกันเยอะๆ กินกันเข้าไปครับ หิน เหล็ก ทราย ปูน จากได้ตายยกสภาสักที ล้างไพ่กันใหม่เพื่ออะไร ๆ มันจะได้ดีขึ้น ต้องขอโทษครับ หากซาเวียร์ไปหน่อยครับ เข้าเรื่องหน่อยล่ะกัน ยินดีกับเวียดนามครับที่เข้าพัฒนาประเทศได้เร็วมาก แม้จะมีปัญหาจากสงครามรวมชาติ แต่เค้าก็สร้างชาติได้เร็วมาก ผมไม่กลัวว่าเค้าจะมีปัญหาจากการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ เพราะเค้ามีบทเรียน และตัวอย่างทางเศรษฐกิจฟองสบู่จากประเทศแถว ๆ นี้ เค้าคงปรับตัวได้ครับ 
โดยคุณ giggok เมื่อวันที่ 12/02/2010 03:36:28


ความคิดเห็นที่ 10


ไม่โพสคงนอนไม่หลับ....ไม่สบายใจเลยกับข้อที่ว่ากินหิน กินทราย กินเหล็กเส้น....ตึกที่ไหนพังด้วยข้อหาดังกล่าวบ้าง แจ้งผมด้วย ส่วนที่ๆ มีปัญหาส่วนมากเกิดจากขั้นตอนการก่อสร้างผิดพลาดเท่านั้นเอง คนละประเด็นนะครับ ส่วนที่มีข่าวที่โคราชเมื่อร่วมยี่สิบปีที่แล้ว คนผิดก็ได้รับโทษไปแล้วอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้...วิศวกรก็มีจรรยาบรรณ มีสภาวิศวกรกำกับดูแล ใครผิดต้องสืบสวนว่ากันตามผิด บทลงโทษ ก็มีทั้งยึดใบประกอบวิชาชีพหมดอนาคต ถ้าผิดแล้วมีคนเสียชีวิตก็ต้องอาญาแผ่นดินอีกกระทง...จะมีใครกล้าเสี่ยงหรือครับ

โดยคุณ terdkiet เมื่อวันที่ 12/02/2010 12:50:40


ความคิดเห็นที่ 11


มัวแต่น้อยอกน้อยใจลืมประเด็นสำคัญไป

 

เรื่องเศรษฐกิจเวียดนามนั้น ผมเห็นด้วยกับท่าน yaiterday และเห็นมานานแล้วว่า เวียดนามกำลังอยู่ในภาวะแร้งลงเหมือนเมืองไทยเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว...ด้วยค่าแรงถุกอย่างมหาศาล การเข้ามาลงทุนต้องแลกกับความไม่สะดวกในเรื่องของระบบสาธารณูปโภคถนนหนทาง ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ยังไม่เพียงพอที่จะรองรับการลงทุนทั้งหลาย...คงต้องใช้เวลากันอีกหลายสิบปี...พอทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง สุดท้ายก็จะมีพ่อมดการเงินมาป่วนเป็นการแตะเบรคให้หยุด...เพราะเงินที่หมุนเวียนในประเทศ ล้วนแล้วแต่มาจากที่อื่นทั้งนั้น ดูไบก็เป็นตัวอย่างที่ดีได้เหมือนกัน

 

ส่วนเรื่องการเสริมกำลังทหารนั้นก็ว่ากันตามความจำเป็นละครับ...เค้าก็ต้องดูแลผลประโยชน์ของชาติเค้าตามแบบของตัวเอง ส่วนเราก็มีนโยบายของเราซึ่งไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน...

โดยคุณ terdkiet เมื่อวันที่ 12/02/2010 13:00:43


ความคิดเห็นที่ 12


"กิน หิน กินทราย กินเหล็กเส้นอยู่ได้  ตึก พังมา วิศวะซวย
ไม่ก่อสร้างตามที่เขาสั่งตกงาน"

วงการก่อสร้างผมไม่รู้ครับ แต่ถ้าจะเปรียบเปรยกับวงการอื่น ผมยืนยันได้ว่า เจ้านายพุงกางแต่ถ้ามีปัญหาขึ้นมาวิศวกร"ซวย"
โดยคุณ Puriku เมื่อวันที่ 12/02/2010 13:49:13


ความคิดเห็นที่ 13


"กิน หิน กินทราย กินเหล็กเส้นอยู่ได้  ตึก พังมา วิศวะซวย
ไม่ก่อสร้างตามที่เขาสั่งตกงาน"

วงการก่อสร้างผมไม่รู้ครับ แต่ถ้าจะเปรียบเปรยกับวงการอื่น ผมยืนยันได้ว่า เจ้านายพุงกางแต่ถ้ามีปัญหาขึ้นมาวิศวกร"ซวย

 

แปลกดีครับ...วงการก่อสร้างท่านไม่รู้แต่ท่านกล้ายืนยัน

 

อันดับแรกผมคงต้องถามท่านก่อนว่าที่”ซวย” หน่ะ “ซวย” ตรงไหนท่านต้องอธิบายก่อน ผมต้องขออภัยอย่างสูงที่ต้องเอ่ยคำว่าว่า”ซวย”ในวันปีใหม่ของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนทุกท่าน.....ตามจรรยาบรรณฯ 15 ข้อ หนึ่งในนั้นเอ่ยว่าหากวิศวกรท่านใดรู้เห็นถึงความไม่ชอบมาพากลหรือความผิดพลาดใดๆ โดยไม่ทักท้วง ถือว่ามีความผิดไปด้วย...ทางออกคือท่านต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อเป็นหลักฐานปกป้องตัวเองหรือถ้าเจ้านายไม่รับฟังก็อย่าอยู่ร่วมสังคกรรมเลยให้ลาออกเสีย...อย่าเอาอนาคตครอบครัวไปเสี่ยงกับเจ้านายพรรค์นั้นเลย

 

คำศัพท์กินหิน กินปูน กินทราย คงเอามาจากหนังสือพิมพ์ทั้งหลายซึ่งเป็นแง่ลบเอามากๆ ผมก็ไม่เห็นนะครับว่ากินไอ้อย่างว่าแล้วแล้วจะพุงกางอย่างท่านว่า  คือมันกินได้น้อยนะครับ มีวิธีการเยอะแยะไปหมดที่จะพุงกางโดยไม่ไปเสี่ยงลดปริมาณหรือคุณภาพวัสดุให้ผู้ควบคุมงานจับได้แล้วมีปัญหา….ซึ่งจะเป็นการได้ไม่คุ้มเสียซะเปล่าๆ

 

บ.ญี่ปุ่นไม่มีคอรัปชั่นนะครับ....แต่มาในรูปอื่น เช่น การให้รางวัลจูงใจ....ตย.เช่น ในโครงการหนึ่งๆ บ. A ประมูลงานได้ โดยคิดว่ามีกำไร 20% พอตรวจงานได้เงินมาแต่ละงวดฝ่ายบริหารก็จะหักเลย 20% ที่เหลือก็ให้ผู้จัดการโครงการและทีมงานดูแลกันเอง ส่วนขาด-ส่วนเหลือต่างๆ ก็ไปแบ่งกัน  คราวนี้ขยันทำงานกันใหญ่เพื่อให้มีส่วนเหลือเยอะๆ เช่นระยะเวลาก่อสร้าง 18 เดือน ถ้าสามารถอัดโอทีตามจังหวะให้เหมาะสม..สามารถลดค่าใช้จ่ายได้ ค่าใช้จ่ายประจำต่อเดือนเช่นค่าไฟฟ้า ประปา ค่าจ้างยาม เชื้อเพลิง ฯลฯ ของหน่วยงานใหญ่ๆ อาจปาเข้าไปถึง 10 ล้าน ถ้าลดได้ 2 เดือนก็เปรมแล้วครับ แบ่งสรรค์ปันส่วนกันเอาเองเถอะ....หรือเศษเหล็ก ตะปู ลวด สายไฟ ท่อเท่อ ต่างๆ อย่าให้คนงานเขมรแอบใส่ในกระติ๊บข้าวกลับบ้านได้ จัดเชคเกอร์ตรวจสอบที่ทางออกทุกเย็น ก็เป็นการลดค่าใช้จ่ายได้แล้วครับ อย่างนี้ดีกว่าไหม

 

ทุกวันนี้บ.รับเหมาก่อสร้างมีเยอะแยะมาก แข่งขันฟันราคาสู้กันถึงพริกถึงขิง ยอมลดกระทั่งกำไรในส่วนอื่น.....ถ้าผู้ควบคุมงานรู้เห็นเป็นใจด้วยก็”ซวย”อย่างท่านว่า แต่จะ”ซวย” ตอนหลังที่เจอหน่วยงานที่เราเรียกว่า “สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน” หรือ สตง. เข้ามาเยี่ยมท่าน กรณีของงานราชการ โดยส่วนตัวแล้วผมไม่อยากเจอหน่วยงานนี้เท่าไหร่จึงทำการสิ่งใดก็ดีจะทำด้วยความรอบคอบให้ตกหล่นน้อยที่สุด อย่าละเลยในรายละเอียด

 

ที่มาอธิบายนี่ก็มีหลายเหตุผล หนึ่งผมทำงานก่อสร้าง ซึ่งอุตสาหกรรมก่อสร้างมีขนาดใหญ่สามารถสร้างรายได้ สร้างงานปริมาณเยอะๆ และกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดี จึงใคร่ชี้แจงให้บุคคลนอกวงการเข้าใจไม่ใช่เห็นวงการนี้เป็นโจรเสียทั้งหมด.....สองผมเป็นคนไทยรักชาติไม่น้อยไปกว่าทุกท่าน, เป็นธุลีหนึ่งในสังคมและเป็นข้าแผ่นดินฯ ด้วยเช่นกัน ถ้ารักชาติก็ต้องเชิดชู อย่าเหยียบย่ำกันเองเลย ....สามเผื่อน้องๆ ร่วมวิชาชีพจะได้รู้เท่าทันและเอาตัวรอดในสถาณการณ์เช่นนี้ได้ 

โดยคุณ terdkiet เมื่อวันที่ 12/02/2010 22:49:42


ความคิดเห็นที่ 14


ตอบคุณ  terdkiet 

ที่บอกว่าไม่รู้วงการก่อสร้างเพราะไม่รู้จริงๆ รู้เพียงว่าจะบ้านสักหลังต้องมันต้องมี หิน ทราย เหล็ก ฯลฯ ผมจึงเปรียบเทียบมาถึงวงการที่ผมทำงานอยู่ ซึ่งต้องมีอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้มันทำประโยชน์เพื่อหาเลี้ยงชีพ ผมไม่ได้ยืนยันว่าว่าวงการก่อสร้างมันมีจริงๆ(หรือไม่) แต่ผมเคยถูกมือดีที่รู้อยู่แก่ใจว่ามาจากไหน "เอาวัสดุสีดำบางอย่างจี้หัว" พร้อมกับยื่นเงินให้จำนวนหนึ่ง เพื่อเซ็นอะไรบางอย่างที่เป็นผลเสียกับลูกค้าถามว่าถ้าลูกค้าจับได้ใครซวยก่อน?
บวกกับไม่นานมานี้พ่อของผมซึ่งทำงานรับราชการอยู่ ณ.กรม.......... ได้ถูกเจ้านายส่งจดหมายที่ไม่รู้จะใช้คำว่า ขู่ หรือ สั่ง ดี ให้เซ็นแบบ........(โครงการมูลค่าเลขแปดหลัก) ซึ่งพ่อบอกว่ามันไม่ได้มาตรฐาน  แล้วถ้ามันพัง ใครซวยก่อน?

1.ผมผิดไหม?...ผิด พ่อผมผิดไหม?...ผิด 
2.แล้วทำไปทำไม?....เพื่อตัวเองเพื่อครอบครัว 
3.แล้วครอบครัวคนที่ได้รับผลกระทบจากพวกเราล่ะ?...ก็วนไปข้อหนึ่งใหม่


หากการกระทำของผมทำให้วงการใดวงการหนึ่งเสื่อมเสียอันเนื่องมาจากเรื่องใดก็แล้วแต่ ตัวผมต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยจากใจจริง  แต่จากประสบการณ์ตรงของผมมันทำให้มิอาจทำใจยอมรับว่ามันได้ว่ามัน"ไม่มี" ขออภัยด้วยครับ

ปล.หากส่วนใดส่วนหนึ่งท่านเว็ปมาสเตอร์เห็นว่าไม่เหมาะสมหรือนอกเรื่องเกินไป Delete ให้ไวอย่าได้รอรีนะครับ
โดยคุณ Puriku เมื่อวันที่ 13/02/2010 06:07:41


ความคิดเห็นที่ 15


ก่อนอื่นขออภัย วมต.ที่นอกเรื่องเยอะไปหน่อย….แต่ยังไงก็ต้องขอเพราะเป็นเรื่องต่อเนื่องและเพื่อนสมาชิกกำลังอยู่ในสถานการณ์ลำบาก

 

คุณ Puriku

 

ต้องแยกเป็นประเด็นครับ.....กรณีที่คุณถูกบังคับให้เซนต์รับรองอะไรสักอย่างที่ไม่ได้มาตรฐานอย่างนี้นะครับ หากลูกค้าจับได้ เบื้องต้นลูกค้าก็ยกเลิกการสั่งซื้อหรือฟ้องร้องเอาเรื่องต่อหรือไม่ก็อีกเรื่อง แต่การซื้อของอะไรก็แล้วแต่ ก็ต้องมีคณะกรรมการตรวจรับงานซึ่งก็อยู่ในข่ายต้องรับผิดชอบด้วย วัสดุอุปกรณ์ใดๆหากไม่ได้มาตรฐานอะไรสักอย่างคงวางตลาดลำบาก อีกอย่างคุณเซนต์ในนามนิติบุคคลหรือในนามบริษัท หากเกิดเรื่องราวขึ้นระหว่างบริษัทๆ ก็ต้องตกลงชดใช้ค่าเสียหายกันไปหากพิสูจน์ได้ว่าเกิดจากความบกพร่องของอุปกรณ์เอง ไม่ได้เกิดจากการใช้งานผิด ไม่เช่นนั้นจะไม่เป็นผลดีต่อธุรกิจแน่ ถึงจะขึ้นศาลคุณก็รอดเพราะคุณเป็นแค่ลูกจ้าง ซึ่งต้องเซนต์ตามหน้าที่อยู่แล้ว กรณีอย่างนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดครับ.....ทางออกคือคุณหาทางลาออกเสียก่อน และต้องทำอย่างเร็วที่สุด ปลอดภัยไว้ก่อน หากต้องขึ้นศาลจะได้อ้างได้ว่าในตอนนั้นเซนต์ในภาวะจำยอมทั้งๆที่รู้ว่าไม่ดี จะได้รับความเมตตาจากศาล

 

กรณีของคุณพ่อคุณ ผมขอเสียใจด้วย...บริษัทผมเป็นบริษัทที่ปรึกษาทำงานกับหน่วยงานราชการหลายๆ กรม...ผมเดาว่าคุณพ่อของคุณอาจได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจรับงานอะไรสักอย่าง....หากเกิดเรื่องราวขึ้นกรณีทำตามใบสั่ง สืบสาวราวเรื่องไปไม่ถึงตัวคุณพ่อหรอกครับ คนที่จะโดนเป็นคนแรกคือหัวหน้าคุณพ่อ ดังนั้นเค้าจะทำทุกวิถีทางไม่ให้เรื่องบานปลาย

 

ผมผ่านสถาณการณ์อย่างนี้มากว่า 17 ปี แต่ไม่เป็นอะไรเลย เพราะทุกอย่างมันมีเหตุผลและชี้แจงได้ทั้งนั้น อย่าเป็นกังวลเลย ฟุตบอลเล่นแพ้ ผู้รับผิดชอบคือโค๊ชนะครับไม่ใช่ผู้เล่น สมัยก่อนยกทัพไปรบแล้วแพ้กลับมา มีแต่แม่ทัพ นายกองนะครับต้องอาญา ไม่ใช่พลทหาร นี่คือข้อดีของการมีระบบที่เรียกว่าสายการบังคับบัญชาครับ

 

ผมพอรู้จักคนในสภาวิศวกร และในวสท. จะขอปรึกษากรณีดังกล่าว ติดต่อหลังไมค์มาได้นะครับ ผมจะช่วยอย่างเต็มที่ ขอเอาสย.เป็นประกัน

โดยคุณ terdkiet เมื่อวันที่ 13/02/2010 07:43:47


ความคิดเห็นที่ 16


ขอบคุณคุณ terdkiet มากนะครับสำหรับคำแนะนำและความปรารถนาดี
- ผมลาออกจากบริษัทนั้นแล้วล่ะครับ ช่วงนี้เลยต๊อกต๋อยไปตามประสาคนหาเช้ากินค่ำ

- พ่อผมแกบอกว่า แกใกล้ปลดเกษียณแล้ว แกอยากอยู่แบบสงบๆ -  - แบบว่าหมดไฟ ส่วนเรื่องหน้าที่พ่อผมคุณเข้าใจถูกแล้วครับ

ขอขอบคุณจากใจจริงอีกครั้งกับความหวังดีครับผม
โดยคุณ Puriku เมื่อวันที่ 15/02/2010 13:15:07


ความคิดเห็นที่ 17


^

^

ทำดีครับ...ถ้าต้องถูกปฎิบัติอย่างไร้เกียรติเช่นนี้ การเดินคนละเส้นทางดูเหมือนจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด...ผมไม่เถียงนะครับว่าบ้านเราไม่มีนายทุนไร้ความรับผิดชอบที่ทำให้วงการวิศวกรรมต้องมัวหมอง แต่พวกเราช่วยกันได้ ไม่ถึงกับแย่ไปซะทีเดียว ทางออกหน่ะยังมี แต่ต้องหาให้เจอ อย่าหมดกำลังใจนะครับ

 

ที่ผมดูออกจะโวยวายไปหน่อย ก็แค่อยากบอกว่าทำไมคนไทยเราเองถึงไม่ภาคภูมิใจในตัวเราเอง ในทุกสังคมย่อมมีคนดี-ไม่ดีปนๆ กันไป หากจะเหมารวมว่าไม่สังคมนั่นนี่โน่นไม่ดี..คนทำดีจะพลอยหมดกำลังใจไปซะก่อน...อาจจะฟังดูเชยเพราะได้ยินมาบ่อยๆ แล้ว.....ความจริงไม่ได้ตั้งใจว่าคุณหรอกจะบอกทุกท่านนั่นแหละ....เผอิญมีการอ้างคำพูดกันต่อๆ มาก็เลยมาลงที่คุณ ผมก็ต้องขอโทษด้วยความจริงใจเช่นกัน...ผิดถูกชั่วดีผมขอรับไว้แต่เพียงผู้เดียว

 

เอาหล่ะ ที่นี่ไม่บอรด์วสท.ซะหน่อย อาจมาผิดบอรด์...ขออภัยมาณ.ที่นี้.....กลับมาพูดเรื่องเทคโนโลยีทางทหารกันดีกว่า

โดยคุณ terdkiet เมื่อวันที่ 15/02/2010 19:50:19