ใครพอรู้ข้อแตกต่างของทหารราบกับทหารพรานช่วยบอกทีครับ
เพราะมันมีการตั้งแยกเป้นกรมๆเลยครับ
อย่างเช่น
กรมทหารราบที่29กับกรมทหารพรานที่14อะไรอย่างนี้อ่ะครับ
ถ้าตอบแบบให้เข้าใจมากที่สุด ก็คือ
ทหารพราน คือพลเรือนที่สมัครเข้ามาเป็นทหารไม่มียศ มีสถานะเป็น
ลูกจ้างของราชการ และจะถูกส่งไปรบแนวหน้าก่อนใคร
ส่วนการแยกเป็นกรมๆนั้น
จะแบ่งตามนี้
กองทัพภาคที่ ๑ จะมี กรมทหารพราน ขึ้นต้นด้วย ๑x เช่น กรม.ทพ. ๑๒
กองทัพภาคที่ ๒ จะมี กรมทหารพราน ขึ้นต้นด้วย ๒x เช่น กรม.ทพ. ๒๖
ทั้งหมดก็จะมี ทหารทั้งชั้นประทวน และสัญญาบัตร ควบคุมอีกที
การแบ่งแยกเป็นกองพัน เป็นกรม เพื่อเป็นการจัดทัพและเข้าใจง่าย...ไม่ใช่แค่ทหารราบ(บก) และทหารพราน เท่านั้นครับ...การเรียกตัวเลขก็เหมือนกันทั้งทหารอากาศ และทหารเรือ (นาวิกโยธิน)
ส่วนหน้าที่ภารกิจ
ทหารพราน เป็น พลเรือน อาสาสมัครมารับใช้ชาติ และเมื่อข้อตกลงระบุว่า...บริเวณนี้...ห้ามมิให้มีทหารประจำการ ตั้งกรมกองอยู่...เราก็จะบรรจุ ตำรวจตระเวณชายแดน และอาสาสมัครทหารพราน ประจำการครับ...ไม่ผิดข้อตกลงกับมิตรประเทศ เพราะไม่ได้ใช้ทหารประจำการครับ...(ทหารประจำการเอาไว้ป้องกันในกรุงเทพ...ฮึๆๆๆๆ)
อย่างคุณ piyabhut ครับ
แต่เสริมนิดครับ ทหารพราน จัดแบรบพิเศษครับ 1 กองร้อย มี 96 คน แต่ทหารราบจัด 1 กองร้อย มี 207 นาย
ส่วนทหารราบ มีการจัดระดับกองพัน ก่อนถึงระดับกกรม
แต่ทหารพราน ไม่มีรัดับกองพัน 1กรมทหารพราน เมื่อก่อนมี 7 กองร้อย (เหมือนรบพิเศษ) ปัจจุบันรุสึกว่า 1 กรมจะเป็น 14 กองร้อย (ที่เห็นในพื้นที่ 3 จชต. ไม่รู้จัดแบบนี้ทั่วประเทศหรือเปล่า)
ส่วนวที่เห็นทหารพรานอยู่ชายแดน เพราะมีกฎหมายระหว่างประเทศถ้าไม่มีข้อขักดแย้ง ทหารหลักจะต้องอยู่ในที่ตั้ง และทหารพรานเนื่องจากไม่ใช่ทหารแต่เป็นลูกจ้าง จึงต้องอยู่ที่ชายแดน รวมทั้ง ตชด.ด้วยแต่เมือมีความขัดแย้งถึงจะเป็นหน้าที่ทหารหลักครับ ฉนั้นหน้าที่ทหารพรานจึงเป็นภาระกิจลาดตระเวน ซะส่วนใหญ่ จึงทำให้ต้องจัดกำลังเหมือนรบพิเศษรวมทั้งมีความรู้แบบรบพิเศษครับ ที่ต้องรบแบบจรยุทธ ที่มีลาดตระเวน(แบ่งเป็นลาดตระเวนรบและลาดตระเวนหาข่าว), ซุ่มโจมตี, ตีฉาบฉวย ครับ
เอาคร่าวคร่าวนะครับ ไม่ลงลึกว่านี้ดีกว่า
ขอเรียนตอบเสริมเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจครับ
ข้อเท็จจริง
ทหารราบเป็นกำลังรบในสงครามตามแบบ ที่ใช้ในภารกิจการรบเมื่อมีสงคราม ซึ่งรัฐทุกรัฐจะต้องจัดให้มีไว้เพื่อเผชิญการรุกรานจากประเทศคู่สงคราม โดยทหารราบจะเป็นกำลังที่ใช้ในการรบประชิด เข้าทำลายกำลังรบข้าศึกและยึดคุ้มครองภูมิประเทศ ถือว่าเป็นหน่วยรบรวมถึงเหล่าทหารม้าด้วย(ตามแบบสากลใช้ชื่อเหล่ายานเกราะ) ทั้งนี้ในการรบตามแบบหน่วยที่เป็นเหล่าราบจะทำการรบร่วมกับเหล่าม้า เหล่าปืนใหญ่+ปตอ. หน่วยบิน ทบ. ซึ่งเป็นเหล่าสนับสนุนการรบ และ เหล่าช่าง เหล่าสื่อสาร เหล่าสารวัตร ฯลฯ ที่เป็นเหล่าช่วยรบ
ทหารพรานไม่ใช่เหล่า แต่เป็นกำลังในสงครามไม่ตามแบบ(ไม่ใช่รบนอกแบบ) ตามปรกติจะถูกจัดตั้งโดยหน่วยรบพิเศษ เพื่อเป็นกำลังกองโจร(ฝ่ายเรา) ในการปฏิบัติการในสงครามไม่ตามแบบทั้งหลาย ทั้งสงครามนอกแบบ การปราบปรามการก่อความไม่สงบ และการปฏิบัติการจิตวิทยา เช่น กรณีกำลังมิลิเทีย(Militia)ในติมอร์เป็นกำลังที่ถูกจัดตั้งโดยหน่วยรบพิเศษของอินโดนีเซีย หรือกรณีการจัดตั้งหน่วยทหารพรานในพื้นที่ขัอแย้ง3จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย เป็นรูปแบบการใช้กำลังขนาดเบาเข้าแย่งยึดช่วงชิงการควบคุมพื้นที่จากกองโจรของฝ่ายตรงข้ามในปฏิบัติการปราบปรามการก่อความไม่สงบ ส่วนการใช้งานในลักษณะสงครามนอกแบบนั้นถ้าเราอ่านเจอพวกสงครามปลดปล่อยอะไรเทือกนี้ร้อยละร้อยต้องมีประเทศหนุนหลังครับ ไม่มีกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ไหนทำได้เองครับ สำหรับตัวอย่างก็หาอ่านได้จากประวัติการปฏิบัติงานของกรีนเบเร่ย์นะครับนี่เป็นหน้าที่หลักๆของเค้าเลยตั้งแต่เริ่มตั้งหน่วยมาสมัย ปธน.จอห์น เอฟ เคเนดี้
ข้อสังเกต
หน่วยทหารพรานจะไม่มีกลไกเกี่ยวข้องกับการรบในสงครามตามแบบเลย อาจช่วยทำหน้าที่ดูแลพื้นที่เขตหลังได้บ้างเมื่อมีสงครามตามขีดความสามารถ
บทบาทหลักๆของหน่วยทหารพรานมักจะมีบทบาทอย่างมากในภาวะความขัดแย้งระดับต่ำ(ภาวะใกล้เกิดสงคราม) หรือในภาวะปกติ
ทหารพรานมีโครงสร้างที่ไม่สอดคล้องกับระบบการยุทธตามแบบ ทั้งการจัด ระบบกำลังพล ระบบยุทโธปกรณ์ และระบบการส่งกำลังบำรุง เนื่องจากเป็นหน่วยที่มีความมุ่งหมายตามที่อ้างแล้วในข้างต้น รูปแบบการจัดจึงสมควรที่จะต้องง่าย และใช้ยุทธวิธี ยุทโธปกรณ์ที่เป็นแบบเดียวกับฝ่ายตรงข้าม เพื่อที่จะสามารถนำทรัพยากรของฝ่ายตรงข้ามทั้งคนทั้งของมาใช้งานได้เลยไม่ต้องฝึกหัดจัดหน่วยกันใหม่ อีกทั้งยังเป็นการประหยัดอีกด้วย
ทหารพรานไม่ได้ถือเป็นทหารตามอนุสัญญาเจนีวานะครับ จัดเป็น Para Military Recon Force หรือกำลังกึ่งทหารครับ ไม่ใช่ Ranger
ข้อห่วงใย
เป็นห่วงทหารพรานทุกคนนะครับ
ประกาศ พ.รก.ฉุกเฉินแล้ว อย่าฟังข่าวลือ อย่าถือข่าวลวง คนไทยมีสามสีเหมือนกันทุกคนนะครับ
สนับสนุนข้อมูลของคุณ lfeelsogood
ในเรื่องภารกิจของหน่วยทหารพราน ที่ได้ปฏิบัติงานอยู่ มีภารกิจหลักคือ
- ป้องกันชายแดน
- ป้องการการลักลอบลำเลียงยาเสพติด
- ป้องกันการลักลอบทำลายทรัพยากรป่าไม้
- ป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผืดกฎหมาย
- และป้องกันการกระทำผิดกฎหมายอื่น ๆ
โดยการส่งกำลังเฝ้าตรวจตามแนวชายแดน ทำการลาดตระเวนเส้นทางทั้งทางน้ำและทางบก ตามภูมิประเทศ และจัดตั้งจุดตรวจ/จุดสกัดกั้นร่วม (ตร.,ศุลกากรฯลฯ) ตามช่องทางสำคัญตามแนวชายแดน
จาก ทหารพรานแม่สะเรียง
ขอบคุณพี่ๆครับ
การจัดตั้งหน่วยทหารพรานโดยกองทัพบกนั้น มีผลสืบเนื่องมาตั้งแต่สมัยภัยคุกคามจากลัทธิคอมมิวนิสต์ สถานการณ์ก่อการร้ายภายในประเทศได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อย และยังมีแนวโน้มของการใช้กำลังรบตามแบบของชาติคอมมิวนิสต์ ทำให้กองทัพจำเป็นจะต้องเตรียมกำลังซึ่งรวมทั้ง กำลังกึ่งทหาร กำลังประชาชน ที่เป็นกองกำลังต่อสู้เบ็ดเสร็จไว้เพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามทั้งภายในและภายนอกด้วย จึงได้มีการจัดตั้ง กำลังประชาชน เช่น ลูกเสือชาวบ้าน ,หมู่บ้านป้องกันตนเองตามแนวชายแดน (ปชด.), ไทยอาสาป้องกันชาติ(ทส.ปช.) ขึ้น เป็นการระดมทรัพยากรของชาติเพื่อใช้ในการต่อสู้กับภัยคุกคามเหล่านั้น ในครั้งนั้นกองทัพบกจึงได้จัดตั้งกำลังทหารพรานในปี 2521 โดยมีทั้งทหารพรานที่ขึ้นตรงกับกองทัพบกที่ปักธงชัย และขึ้นกับกองทัพภาคต่าง ๆ ในส่วนของกองทัพเรือ ยังมีทหารพรานในความควบคุมของนาวิกโยธินอีกด้วย จนเมื่อ ปี2542 ในส่วนของกองทัพบกได้ยุบกองกำลังทหารพรานกองทัพบก และแบ่งมอบกองร้อยทหารพรานปักธงชัยให้กับทหารพรานกองทัพภาค
ในอดีตที่ผ่านมาทหารพรานถูกใช้ในภารกิจการป้องกันและปราบปรามการก่อความไม่สงบภายจาก ผกค.ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี เมื่อสถานการณ์ ผกค.ในประเทศลดระดับสู่สภาวะปกติ จึงเริ่มใช้ทหารพรานในภารกิจป้องกันประเทศเพื่อออมกำลังให้กับกำลังรบหลัก และเข้ารับผิดชอบการเฝ้าระวังพื้นที่ชายแดนแทนกำลังรบหลัก เมื่อภัยคุกคามบริเวณชายแดนมีระดับต่ำ เช่น ภัยคุกคามด้วยกำลังขนาดเล็กจากฝ่ายตรงข้าม โจรชายแดน หรือขบวนการค้ายาเสพติด ฯลฯ
กองทัพไม่ได้มีความต้องการให้ทหารพรานมีอำนาจกำลังรบเท่ากำลังรบหลัก เพียงแต่ใช้เพื่อลดภาระงาน เฝ้า ชายแดนหรือพื้นที่เสี่ยง เพื่อ สงวน หน่วยรบหลักไว้ใช้เฉพาะภารกิจจำเป็น ทำให้โครงสร้างการจัดของทหารพรานตามความต้องการของกองทัพบกมีลักษณะที่ประหยัด, อ่อนตัว สามารถลดหรือเพิ่มกำลังได้ ทหารพรานเป็นกำลังที่มาจากประชาชนในท้องถิ่น มีความ คุ้นเคยกับภูมิประเทศ, ขนบธรรมเนียมประเพณีในท้องถิ่นเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นคุณลักษณะเด่นที่ทำให้ทหารพรานมีความคล่องแคล่วสูงแม้ในป่าเขา มีความสามารถในการทำงานมวลชน และการงานข่าว สามารถปฏิบัติการในพื้นที่ยากลำบากได้ยาวนาน สามารถพึ่งตนเองได้ในพื้นที่ปฏิบัติการ โดยอาศัยการสนับสนุนเพียงเล็กน้อย โครงสร้างของชุดของทหารพรานเป็นชุดปฏิบัติการคล้ายชุดรบพิเศษ แต่ไม่ได้ใช้ในงานจัดตั้งแบบชุดรบพิเศษ ชุดทหารพรานใช้ทำการรบแบบหน่วยขนาดเล็กคล้ายกับหมู่ปืนเล็กของทหารราบ อย่างไรก็ตามทหารพรานแตกต่างจากทหารราบตรงที่ที่มีความความคล่องแคล่วมากกว่าทหารราบ มียุทโธปกรณ์น้อยกว่าทหารราบ ด้วยการที่ทหารพรานใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีน้ำหนักเบา เคลื่อนที่ด้วยเท้าเป็นหลัก จึงทำให้ทหารพรานมีอำนาจการยิงต่ำ, และการป้องกันตนเองได้ไม่ดีนัก ทั้งนี้ แต่หากเพิ่มอำนาจการยิง, เสื้อเกราะ, หมวกเหล็ก และเครื่องมือช่างสนามเข้าไปในชุดทหารพราน ก็จะเสียคุณลักษณะเฉพาะ ทำให้ อุ้ยอ้าย ทหารพรานจึงไม่เหมาะสมต่อการใช้เข้าทำการรบโดยตรง รบติดพัน
สถานะของทหารพรานในแง่ความผูกพันกับองค์กรอ่านกล่าวได้ว่าคล้ายกับลูกจ้างราชการ ในแง่ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศถือว่าไม่ใช่ทหาร ไม่ได้รับความคุ้มครองจากสัญญาเจนีวา แต่ในทางยุทธศาสตร์แล้วทหารพรานเป็นกำลังที่ได้รับฉายาว่า ทหารประชาชน
ทหารพรานใช้ทำการรบได้หรือไม่?
เทคโนโลยีทางทหารปัจจุบัน ได้พัฒนากำลังรบหลักมาสู่ความทันสมัย มีความสมบูรณ์ มีอำนาจกำลังรบสูง นั่นย่อมทำให้มีราคาแพงมากขึ้นด้วย ดังนั้นในอนาคตการใช้กำลังรบหลักจะถูกใช้ในในการรบแตกหักเท่านั้น ลักษณะเช่นนี้จะก่อให้เกิดช่องว่างการวางกำลัง จำเป็นที่จะต้องมีกำลังรบขนาดเบา, อ่อนตัว และมีค่าใช้จ่ายต่ำ เพื่อลดช่องว่าง ทหารพรานเป็นหน่วยที่เหมาะสมในการสนองความต้องการของกำลังรบหลักดังกล่าว นอกจากนี้ทหารพรานอาจถูกใช้เข้าช่วยเหลือกำลังรบหลักที่กำลังถูกข้าศึกกดดัน โดยรบกวนหรือเบี่ยงเบนข้าศึก เปิดโอกาสให้กำลังรบหลักผละออกจากข้าศึกได้ เมื่อข้าศึกรุกเข้ายึดครองพื้นที่ทหารพรานจะหลบซ่อนในพื้นที่ที่ถูกข้าศึกยึดครอง และทำการรบในสงครามนอกแบบภายใต้การควบคุมของกำลังรบพิเศษต่อไป
ในการรบ ทหารพรานจะกระจายกำลังเป็นหน่วยขนาดเล็กเข้าทำการรบโดยเข้าปะทะอย่างต่อเนื่อง ใช้การ ซุ่มยิง, ซุ่มโจมตี หรือตีโฉบฉวย ในเวลาสั้น ๆ แล้วผละออกจากข้าศึก เพื่อเข้าปะทะต่อไปในทิศทางอื่นในลักษณะ ตอด หรอ แหย่ การปะทะจากหลายทิศทางอย่างต่อเนื่องจะสามารถหน่วงเหนี่ยวการเคลื่อนที่ของข้าศึก, ทำให้ได้ข่าวสารข้าศึกอยู่ตลอดเวลา และ รบกวน ไม่ให้ข้าศึกได้พักผ่อน ทั้งกลางวัน และกลางคืน
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทหารพรานจะต้องนึกถึงอยู่เสมอคือ โครงสร้างของทหารพราน ไม่ได้ออกแบบไว้ทำการรบโดยตรง การกระจายกำลังและเคลื่อนไหวอยู่เสมอจำเป็นต่อความอยู่รอดของทหารพราน การรบติดพันเป็นอันตรายอย่างยิ่งสำหรับทหารพราน และถ้ามีทหารพรานหน่วยใดถูกสถานการณ์บังคับให้ต้องทำการรบติดพัน ผู้บังคับหน่วยทหารพรานจะต้องขอให้หน่วยอื่นๆ เข้าช่วยเหลือโดยเร็ว