หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


ข้อแตกต่างของทหารราบกับทหารพราน

โดยคุณ : korn เมื่อวันที่ : 08/04/2010 15:43:25

ใครพอรู้ข้อแตกต่างของทหารราบกับทหารพรานช่วยบอกทีครับ

เพราะมันมีการตั้งแยกเป้นกรมๆเลยครับ

อย่างเช่น

กรมทหารราบที่29กับกรมทหารพรานที่14อะไรอย่างนี้อ่ะครับ





ความคิดเห็นที่ 1


ถ้าตอบแบบให้เข้าใจมากที่สุด ก็คือ

ทหารพราน คือพลเรือนที่สมัครเข้ามาเป็นทหารไม่มียศ  มีสถานะเป็น

ลูกจ้างของราชการ และจะถูกส่งไปรบแนวหน้าก่อนใคร 

ส่วนการแยกเป็นกรมๆนั้น

จะแบ่งตามนี้

กองทัพภาคที่ ๑ จะมี กรมทหารพราน ขึ้นต้นด้วย ๑x เช่น กรม.ทพ. ๑๒

กองทัพภาคที่ ๒ จะมี กรมทหารพราน ขึ้นต้นด้วย ๒x เช่น กรม.ทพ. ๒๖

ทั้งหมดก็จะมี ทหารทั้งชั้นประทวน และสัญญาบัตร ควบคุมอีกที

โดยคุณ piyabhut เมื่อวันที่ 07/04/2010 05:08:31


ความคิดเห็นที่ 2


การแบ่งแยกเป็นกองพัน เป็นกรม เพื่อเป็นการจัดทัพและเข้าใจง่าย...ไม่ใช่แค่ทหารราบ(บก) และทหารพราน เท่านั้นครับ...การเรียกตัวเลขก็เหมือนกันทั้งทหารอากาศ และทหารเรือ (นาวิกโยธิน)

ส่วนหน้าที่ภารกิจ

ทหารพราน เป็น พลเรือน อาสาสมัครมารับใช้ชาติ และเมื่อข้อตกลงระบุว่า...บริเวณนี้...ห้ามมิให้มีทหารประจำการ ตั้งกรมกองอยู่...เราก็จะบรรจุ ตำรวจตระเวณชายแดน และอาสาสมัครทหารพราน ประจำการครับ...ไม่ผิดข้อตกลงกับมิตรประเทศ เพราะไม่ได้ใช้ทหารประจำการครับ...(ทหารประจำการเอาไว้ป้องกันในกรุงเทพ...ฮึๆๆๆๆ)

โดยคุณ ท้าวทองไหล เมื่อวันที่ 07/04/2010 07:04:59


ความคิดเห็นที่ 3


อย่างคุณ piyabhut ครับ

แต่เสริมนิดครับ ทหารพราน จัดแบรบพิเศษครับ 1 กองร้อย มี 96 คน แต่ทหารราบจัด 1 กองร้อย มี 207 นาย 

ส่วนทหารราบ มีการจัดระดับกองพัน ก่อนถึงระดับกกรม

แต่ทหารพราน ไม่มีรัดับกองพัน 1กรมทหารพราน เมื่อก่อนมี 7 กองร้อย (เหมือนรบพิเศษ) ปัจจุบันรุสึกว่า 1 กรมจะเป็น 14 กองร้อย (ที่เห็นในพื้นที่ 3 จชต. ไม่รู้จัดแบบนี้ทั่วประเทศหรือเปล่า)

ส่วนวที่เห็นทหารพรานอยู่ชายแดน เพราะมีกฎหมายระหว่างประเทศถ้าไม่มีข้อขักดแย้ง ทหารหลักจะต้องอยู่ในที่ตั้ง และทหารพรานเนื่องจากไม่ใช่ทหารแต่เป็นลูกจ้าง จึงต้องอยู่ที่ชายแดน รวมทั้ง ตชด.ด้วยแต่เมือมีความขัดแย้งถึงจะเป็นหน้าที่ทหารหลักครับ ฉนั้นหน้าที่ทหารพรานจึงเป็นภาระกิจลาดตระเวน ซะส่วนใหญ่ จึงทำให้ต้องจัดกำลังเหมือนรบพิเศษรวมทั้งมีความรู้แบบรบพิเศษครับ ที่ต้องรบแบบจรยุทธ ที่มีลาดตระเวน(แบ่งเป็นลาดตระเวนรบและลาดตระเวนหาข่าว), ซุ่มโจมตี, ตีฉาบฉวย ครับ  

  เอาคร่าวคร่าวนะครับ ไม่ลงลึกว่านี้ดีกว่า

โดยคุณ heart2319 เมื่อวันที่ 07/04/2010 08:29:11


ความคิดเห็นที่ 4


ขอเรียนตอบเสริมเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจครับ

ข้อเท็จจริง

ทหารราบเป็นกำลังรบในสงครามตามแบบ ที่ใช้ในภารกิจการรบเมื่อมีสงคราม ซึ่งรัฐทุกรัฐจะต้องจัดให้มีไว้เพื่อเผชิญการรุกรานจากประเทศคู่สงคราม โดยทหารราบจะเป็นกำลังที่ใช้ในการรบประชิด เข้าทำลายกำลังรบข้าศึกและยึดคุ้มครองภูมิประเทศ ถือว่าเป็นหน่วยรบรวมถึงเหล่าทหารม้าด้วย(ตามแบบสากลใช้ชื่อเหล่ายานเกราะ) ทั้งนี้ในการรบตามแบบหน่วยที่เป็นเหล่าราบจะทำการรบร่วมกับเหล่าม้า เหล่าปืนใหญ่+ปตอ. หน่วยบิน ทบ. ซึ่งเป็นเหล่าสนับสนุนการรบ และ เหล่าช่าง เหล่าสื่อสาร เหล่าสารวัตร  ฯลฯ ที่เป็นเหล่าช่วยรบ

ทหารพรานไม่ใช่เหล่า แต่เป็นกำลังในสงครามไม่ตามแบบ(ไม่ใช่รบนอกแบบ) ตามปรกติจะถูกจัดตั้งโดยหน่วยรบพิเศษ เพื่อเป็นกำลังกองโจร(ฝ่ายเรา) ในการปฏิบัติการในสงครามไม่ตามแบบทั้งหลาย ทั้งสงครามนอกแบบ การปราบปรามการก่อความไม่สงบ และการปฏิบัติการจิตวิทยา เช่น กรณีกำลังมิลิเทีย(Militia)ในติมอร์เป็นกำลังที่ถูกจัดตั้งโดยหน่วยรบพิเศษของอินโดนีเซีย หรือกรณีการจัดตั้งหน่วยทหารพรานในพื้นที่ขัอแย้ง3จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย เป็นรูปแบบการใช้กำลังขนาดเบาเข้าแย่งยึดช่วงชิงการควบคุมพื้นที่จากกองโจรของฝ่ายตรงข้ามในปฏิบัติการปราบปรามการก่อความไม่สงบ ส่วนการใช้งานในลักษณะสงครามนอกแบบนั้นถ้าเราอ่านเจอพวกสงครามปลดปล่อยอะไรเทือกนี้ร้อยละร้อยต้องมีประเทศหนุนหลังครับ ไม่มีกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ไหนทำได้เองครับ สำหรับตัวอย่างก็หาอ่านได้จากประวัติการปฏิบัติงานของกรีนเบเร่ย์นะครับนี่เป็นหน้าที่หลักๆของเค้าเลยตั้งแต่เริ่มตั้งหน่วยมาสมัย ปธน.จอห์น เอฟ เคเนดี้

ข้อสังเกต        

หน่วยทหารพรานจะไม่มีกลไกเกี่ยวข้องกับการรบในสงครามตามแบบเลย อาจช่วยทำหน้าที่ดูแลพื้นที่เขตหลังได้บ้างเมื่อมีสงครามตามขีดความสามารถ

บทบาทหลักๆของหน่วยทหารพรานมักจะมีบทบาทอย่างมากในภาวะความขัดแย้งระดับต่ำ(ภาวะใกล้เกิดสงคราม) หรือในภาวะปกติ

ทหารพรานมีโครงสร้างที่ไม่สอดคล้องกับระบบการยุทธตามแบบ ทั้งการจัด ระบบกำลังพล ระบบยุทโธปกรณ์ และระบบการส่งกำลังบำรุง เนื่องจากเป็นหน่วยที่มีความมุ่งหมายตามที่อ้างแล้วในข้างต้น รูปแบบการจัดจึงสมควรที่จะต้องง่าย และใช้ยุทธวิธี ยุทโธปกรณ์ที่เป็นแบบเดียวกับฝ่ายตรงข้าม เพื่อที่จะสามารถนำทรัพยากรของฝ่ายตรงข้ามทั้งคนทั้งของมาใช้งานได้เลยไม่ต้องฝึกหัดจัดหน่วยกันใหม่ อีกทั้งยังเป็นการประหยัดอีกด้วย

ทหารพรานไม่ได้ถือเป็นทหารตามอนุสัญญาเจนีวานะครับ จัดเป็น Para Military Recon Force หรือกำลังกึ่งทหารครับ ไม่ใช่ Ranger

ข้อห่วงใย

เป็นห่วงทหารพรานทุกคนนะครับ

ประกาศ พ.รก.ฉุกเฉินแล้ว อย่าฟังข่าวลือ อย่าถือข่าวลวง คนไทยมีสามสีเหมือนกันทุกคนนะครับ

โดยคุณ Ifeelsogood เมื่อวันที่ 07/04/2010 10:29:31


ความคิดเห็นที่ 5


สนับสนุนข้อมูลของคุณ lfeelsogood

ในเรื่องภารกิจของหน่วยทหารพราน ที่ได้ปฏิบัติงานอยู่ มีภารกิจหลักคือ
- ป้องกันชายแดน
- ป้องการการลักลอบลำเลียงยาเสพติด
- ป้องกันการลักลอบทำลายทรัพยากรป่าไม้
- ป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผืดกฎหมาย
- และป้องกันการกระทำผิดกฎหมายอื่น ๆ
โดยการส่งกำลังเฝ้าตรวจตามแนวชายแดน ทำการลาดตระเวนเส้นทางทั้งทางน้ำและทางบก ตามภูมิประเทศ และจัดตั้งจุดตรวจ/จุดสกัดกั้นร่วม (ตร.,ศุลกากรฯลฯ) ตามช่องทางสำคัญตามแนวชายแดน

จาก ทหารพรานแม่สะเรียง

โดยคุณ prapas เมื่อวันที่ 07/04/2010 22:09:17


ความคิดเห็นที่ 6


ขอบคุณพี่ๆครับ

โดยคุณ korn เมื่อวันที่ 07/04/2010 23:00:31


ความคิดเห็นที่ 7


                   การจัดตั้งหน่วยทหารพรานโดยกองทัพบกนั้น  มีผลสืบเนื่องมาตั้งแต่สมัยภัยคุกคามจากลัทธิคอมมิวนิสต์ สถานการณ์ก่อการร้ายภายในประเทศได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อย และยังมีแนวโน้มของการใช้กำลังรบตามแบบของชาติคอมมิวนิสต์ ทำให้กองทัพจำเป็นจะต้องเตรียมกำลังซึ่งรวมทั้ง กำลังกึ่งทหาร กำลังประชาชน ที่เป็นกองกำลังต่อสู้เบ็ดเสร็จไว้เพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามทั้งภายในและภายนอกด้วย จึงได้มีการจัดตั้ง กำลังประชาชน เช่น  ลูกเสือชาวบ้าน ,หมู่บ้านป้องกันตนเองตามแนวชายแดน (ปชด.),  ไทยอาสาป้องกันชาติ(ทส.ปช.) ขึ้น    เป็นการระดมทรัพยากรของชาติเพื่อใช้ในการต่อสู้กับภัยคุกคามเหล่านั้น  ในครั้งนั้นกองทัพบกจึงได้จัดตั้งกำลังทหารพรานในปี 2521  โดยมีทั้งทหารพรานที่ขึ้นตรงกับกองทัพบกที่ปักธงชัย และขึ้นกับกองทัพภาคต่าง ๆ ในส่วนของกองทัพเรือ ยังมีทหารพรานในความควบคุมของนาวิกโยธินอีกด้วย จนเมื่อ ปี2542   ในส่วนของกองทัพบกได้ยุบกองกำลังทหารพรานกองทัพบก และแบ่งมอบกองร้อยทหารพรานปักธงชัยให้กับทหารพรานกองทัพภาค

                         ในอดีตที่ผ่านมาทหารพรานถูกใช้ในภารกิจการป้องกันและปราบปรามการก่อความไม่สงบภายจาก ผกค.ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี เมื่อสถานการณ์ ผกค.ในประเทศลดระดับสู่สภาวะปกติ        จึงเริ่มใช้ทหารพรานในภารกิจป้องกันประเทศเพื่อออมกำลังให้กับกำลังรบหลัก และเข้ารับผิดชอบการเฝ้าระวังพื้นที่ชายแดนแทนกำลังรบหลัก  เมื่อภัยคุกคามบริเวณชายแดนมีระดับต่ำ เช่น ภัยคุกคามด้วยกำลังขนาดเล็กจากฝ่ายตรงข้าม โจรชายแดน หรือขบวนการค้ายาเสพติด ฯลฯ

                   กองทัพไม่ได้มีความต้องการให้ทหารพรานมีอำนาจกำลังรบเท่ากำลังรบหลัก เพียงแต่ใช้เพื่อลดภาระงาน “เฝ้า” ชายแดนหรือพื้นที่เสี่ยง เพื่อ “สงวน” หน่วยรบหลักไว้ใช้เฉพาะภารกิจจำเป็น  ทำให้โครงสร้างการจัดของทหารพรานตามความต้องการของกองทัพบกมีลักษณะที่ประหยัด, อ่อนตัว สามารถลดหรือเพิ่มกำลังได้ ทหารพรานเป็นกำลังที่มาจากประชาชนในท้องถิ่น  มีความ คุ้นเคยกับภูมิประเทศ, ขนบธรรมเนียมประเพณีในท้องถิ่นเป็นอย่างดี  ซึ่งเป็นคุณลักษณะเด่นที่ทำให้ทหารพรานมีความคล่องแคล่วสูงแม้ในป่าเขา มีความสามารถในการทำงานมวลชน และการงานข่าว  สามารถปฏิบัติการในพื้นที่ยากลำบากได้ยาวนาน สามารถพึ่งตนเองได้ในพื้นที่ปฏิบัติการ โดยอาศัยการสนับสนุนเพียงเล็กน้อย โครงสร้างของชุดของทหารพรานเป็นชุดปฏิบัติการคล้ายชุดรบพิเศษ  แต่ไม่ได้ใช้ในงานจัดตั้งแบบชุดรบพิเศษ  ชุดทหารพรานใช้ทำการรบแบบหน่วยขนาดเล็กคล้ายกับหมู่ปืนเล็กของทหารราบ  อย่างไรก็ตามทหารพรานแตกต่างจากทหารราบตรงที่ที่มีความความคล่องแคล่วมากกว่าทหารราบ มียุทโธปกรณ์น้อยกว่าทหารราบ ด้วยการที่ทหารพรานใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีน้ำหนักเบา  เคลื่อนที่ด้วยเท้าเป็นหลัก  จึงทำให้ทหารพรานมีอำนาจการยิงต่ำ, และการป้องกันตนเองได้ไม่ดีนัก ทั้งนี้  แต่หากเพิ่มอำนาจการยิง, เสื้อเกราะ, หมวกเหล็ก และเครื่องมือช่างสนามเข้าไปในชุดทหารพราน ก็จะเสียคุณลักษณะเฉพาะ ทำให้ “อุ้ยอ้าย”   ทหารพรานจึงไม่เหมาะสมต่อการใช้เข้าทำการรบโดยตรง  รบติดพัน

                         สถานะของทหารพรานในแง่ความผูกพันกับองค์กรอ่านกล่าวได้ว่าคล้ายกับลูกจ้างราชการ ในแง่ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศถือว่าไม่ใช่ทหาร ไม่ได้รับความคุ้มครองจากสัญญาเจนีวา แต่ในทางยุทธศาสตร์แล้วทหารพรานเป็นกำลังที่ได้รับฉายาว่า  “ทหารประชาชน” 

 

โดยคุณ ม.ม้าหมวกแดง เมื่อวันที่ 08/04/2010 04:40:59


ความคิดเห็นที่ 8


ทหารพรานใช้ทำการรบได้หรือไม่?

                         เทคโนโลยีทางทหารปัจจุบัน ได้พัฒนากำลังรบหลักมาสู่ความทันสมัย มีความสมบูรณ์ มีอำนาจกำลังรบสูง นั่นย่อมทำให้มีราคาแพงมากขึ้นด้วย ดังนั้นในอนาคตการใช้กำลังรบหลักจะถูกใช้ในในการรบแตกหักเท่านั้น  ลักษณะเช่นนี้จะก่อให้เกิดช่องว่างการวางกำลัง จำเป็นที่จะต้องมีกำลังรบขนาดเบา, อ่อนตัว และมีค่าใช้จ่ายต่ำ เพื่อลดช่องว่าง ทหารพรานเป็นหน่วยที่เหมาะสมในการสนองความต้องการของกำลังรบหลักดังกล่าว  นอกจากนี้ทหารพรานอาจถูกใช้เข้าช่วยเหลือกำลังรบหลักที่กำลังถูกข้าศึกกดดัน โดยรบกวนหรือเบี่ยงเบนข้าศึก  เปิดโอกาสให้กำลังรบหลักผละออกจากข้าศึกได้  เมื่อข้าศึกรุกเข้ายึดครองพื้นที่ทหารพรานจะหลบซ่อนในพื้นที่ที่ถูกข้าศึกยึดครอง    และทำการรบในสงครามนอกแบบภายใต้การควบคุมของกำลังรบพิเศษต่อไป 

                         ในการรบ ทหารพรานจะกระจายกำลังเป็นหน่วยขนาดเล็กเข้าทำการรบโดยเข้าปะทะอย่างต่อเนื่อง ใช้การ ซุ่มยิง, ซุ่มโจมตี  หรือตีโฉบฉวย  ในเวลาสั้น ๆ  แล้วผละออกจากข้าศึก   เพื่อเข้าปะทะต่อไปในทิศทางอื่นในลักษณะ “ตอด” หรอ “แหย่”  การปะทะจากหลายทิศทางอย่างต่อเนื่องจะสามารถหน่วงเหนี่ยวการเคลื่อนที่ของข้าศึก, ทำให้ได้ข่าวสารข้าศึกอยู่ตลอดเวลา  และ รบกวน ไม่ให้ข้าศึกได้พักผ่อน ทั้งกลางวัน และกลางคืน

                         อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทหารพรานจะต้องนึกถึงอยู่เสมอคือ โครงสร้างของทหารพราน   ไม่ได้ออกแบบไว้ทำการรบโดยตรง  การกระจายกำลังและเคลื่อนไหวอยู่เสมอจำเป็นต่อความอยู่รอดของทหารพราน  การรบติดพันเป็นอันตรายอย่างยิ่งสำหรับทหารพราน  และถ้ามีทหารพรานหน่วยใดถูกสถานการณ์บังคับให้ต้องทำการรบติดพัน ผู้บังคับหน่วยทหารพรานจะต้องขอให้หน่วยอื่นๆ  เข้าช่วยเหลือโดยเร็ว

โดยคุณ ม.ม้าหมวกแดง เมื่อวันที่ 08/04/2010 04:43:23