หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


ช่องบก อดีตสมรภูมิเลือด 24ปีที่ผ่านมา

โดยคุณ : ตี๋อุบล เมื่อวันที่ : 24/06/2010 20:03:17

พื้นที่ช่องบกเป็นบริเวณที่มีทิวเขาสลับซับซ้อน แนวทิวเขาส่วนมากจะอยู่ในเขตประเทศไทย ยอดเขาหรือยอดเนินเหล่านี้สามารถแบ่งเป็นแนวสำคัญได้ 3 แนวคือ
1.
แนวที่ 1 ถือเป็นแนวยอดเนินสุดท้าย ห่างชายแดนเข้ามาในเขตประเทศไทย 3-5 กม. มียอดเนินทอดติดต่อกันจากซ้ายไปขวา คือ ยอดเนิน 453,352,361 (ภูถ่ำเจีย) ,362,436
2.
แนวที่ 2 เป็นแนวยอดเนินซึ่งห่างจากแนวชายแดนข้ามาในเขตไทย 1-3 กม. ทอดติดต่อกันจากซ้ายไปขวา คือ ยอดเนิน 497 (ภูปาดช้าง) ,500,408,382,396
3.
แนวที่ 3 เป็นแนวยอดเนินซึ่งทอดติดต่อกันตามแนวชายแดน ซึ่งได้แก่ ยอดเนิน 565 (หน่วยที่เข้าทำการรบมักเรียกว่า โนเนม เนื่องจากในแผนที่ไม่ได้บอกตัวเลขความสูงไว้ ความสูงที่ได้ต้องอ่านจากเส้นลายขอบเขา) ,469,495,477,502,500
สำหรับยอดเนินที่ฝ่ายเราเข้าตีจะอยู่ในแนวที่ 1และ2 ซึ่งแนวที่ 2 จะเป็นแนวที่มีการรบรุนแรงที่สุด


แผนที่สังเขปของพื้นที่ช่องบก




ความคิดเห็นที่ 1


พื้นที่ช่องบกเป็นบริเวณที่มีทิวเขาสลับซับซ้อน แนวทิวเขาส่วนมากจะอยู่ในเขตประเทศไทย ยอดเขาหรือยอดเนินเหล่านี้สามารถแบ่งเป็นแนวสำคัญได้ 3 แนวคือ
1.
แนวที่ 1 ถือเป็นแนวยอดเนินสุดท้าย ห่างชายแดนเข้ามาในเขตประเทศไทย 3-5 กม. มียอดเนินทอดติดต่อกันจากซ้ายไปขวา คือ ยอดเนิน 453,352,361 (ภูถ่ำเจีย) ,362,436
2.
แนวที่ 2 เป็นแนวยอดเนินซึ่งห่างจากแนวชายแดนข้ามาในเขตไทย 1-3 กม. ทอดติดต่อกันจากซ้ายไปขวา คือ ยอดเนิน 497 (ภูปาดช้าง) ,500,408,382,396
3.
แนวที่ 3 เป็นแนวยอดเนินซึ่งทอดติดต่อกันตามแนวชายแดน ซึ่งได้แก่ ยอดเนิน 565 (หน่วยที่เข้าทำการรบมักเรียกว่า โนเนม เนื่องจากในแผนที่ไม่ได้บอกตัวเลขความสูงไว้ ความสูงที่ได้ต้องอ่านจากเส้นลายขอบเขา) ,469,495,477,502,500
สำหรับยอดเนินที่ฝ่ายเราเข้าตีจะอยู่ในแนวที่ 1และ2 ซึ่งแนวที่ 2 จะเป็นแนวที่มีการรบรุนแรงที่สุด

โดยคุณ ตี๋อุบล เมื่อวันที่ 23/06/2010 06:11:39


ความคิดเห็นที่ 2


ในปี 2522 เวียดนามเข้ามามีอิทธิพลในกัมพูชา กลุ่มเขมรที่ต่อต้านจึงหลบมาอยู่ตามแนวชายแดนไทย รวมถึงพื้นที่ช่องบกที่มีทั้งกลุ่มประชาชน,กองกำลังติดอาวุธ,คลังเก็บสิ่งของต่างๆ และมีการส่งกองกำลังออกไปต่อต้าน ทำลายทหารเวียดนาม ฉะนั้นพื้นที่บริเวณนี้จึงเป็นเป้าหมายสำคัญต่อการโจมตีของทหารเวียดนาม
4
ม.ค. 28 ทหารเวียดนามใช้กำลังจาก 3 พล.ร. คือ พล.ร.315 , พล.ร.2 , และบางส่วนของ พล.ร.307 เข้ากวาดล้างกลุ่มต่อต้านเขมรกลุ่มนี้ ทหารเวียดนามใช้เวลาปฏิบัติการประมาณ 7 วันก็สามารถกวาดล้างได้สำเร็จ หลังจากนั้นกำลังบางส่วนของ พล.ร.315 ได้วางกำลังปิดกั้นแนวชายแดน โดยตั้ง บก.กรม ร.733 พล.ร.315 อยู่บริเวณเนิน 306ในเขตกัมพูชาห่างจากแนวชายแดนประมาณ 1 กม. แต่เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ต่ำล่อแหลมต่อการถูกตรวจพบและทำลายได้ง่าย ทหารเวียดนามจึงได้ส่งกำลังบางส่วนมายึดภูมิประเทศในที่สูง ซึ่งเป็นภูมิประเทศสำคัญที่สามารถตรวจการณ์และควบคุมช่องบกได้ดี เช่น เนิน 361 (ภูถ่ำเจีย) ,เนิน 352 ,เนิน 453-497 (ภูปาดช้าง) ซึ่งลึกเข้ามาในเขตประเทศไทยประมาณ 5 กม. ทั้งยังปรับปรุงเส้นทางให้สามารถใช้ได้ทุกฤดูกาล ดัดแปลงฐานที่มั่นให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเข้าผลักดันของฝ่ายเรา ต้นปี 2529 ฝ่ายเราจึงวางแผนใช้กำลังเข้าผลักดันตาม แผนยุทธการ ดี 8 ซึ่งหลังจากฝ่ายเราใช้เวลาปฏิบัติตามแผนประมาณ 3 เดือน จึงสามารถผลักดันและวางกำลังยึดรักษา เนิน 453-497 (ภูปาดช้าง) , เนิน 352 , เนิน 361 (ภูถ่ำเจีย)เอาไว้ได้ การปฏิบัติตามแผน ดี 8 ฝ่ายเราเสียชีวิต 28 นาย บาดเจ็บ 82 นาย

โดยคุณ ตี๋อุบล เมื่อวันที่ 23/06/2010 06:13:26


ความคิดเห็นที่ 3


ถึงแม้ฝ่ายเราสามารถเข้าผลักดันและยึดรักษายอดเนินตามแนวที่ 1 ได้แล้ว ภูมิประเทศสำคัญบริเวณยอดเนินตามแนวที่ 2 ข้าศึก กรม ร.733 พล.ร. 315ก็ยังคงวางกำลังยึดรักษาอยู่ที่ เนิน 500 ,408 ,382 และ 396 โดยมีการวางกำลังในเขตไทยดังนี้
-
ร.พัน 8 ตั้งอยู่บริเวณชายแดนใต้เนิน 500 วางกำลังระดับหมวดบนเนิน 500
-
ร.พัน 9 ตั้งอยู่เหนือช่องบกเข้ามาในเขตไทยประมาณ 600 เมตร และวางกำลัง ร้อย 9 ใว้ระหว่าง เนิน 408 และ 382 โดยส่งกำลังระดับหมวดไปอยู่บน เนิน 408 , 382
-
ร.พัน 7 ตั้งอยู่บริเวณ เนิน 500 , 502รับผิดชอบพื้นที่ช่องโปร่งแดง
นอกจากนี้ยังมีอาวุธยิงสนับสนุน และหน่วยอื่นๆตั้งอยู่ตามแนวชายแดน ลึกเข้าไปในเขต กัมพูชา และ ลาว เพื่อเป็นส่วนสนับสนุนและเพิ่มเติมกำลัง
ปลายปี 2529 ฝ่ายเราเริ่มปฎิบัติการผลักดันข้าศึกอีกครั้ง ตามแผนยุทธการ ดี 9 โดยในช่วงแรกเป็นการปฏิบัติการสร้างความปลอดภัยให้กับราษฎรในพื้นที่ เนื่องจากเมื่อมีการรบปืนใหญ่ของข้าศึกที่ใช้ยิงต่อต้านปืนใหญ่ของฝ่ายเราและยิงทำลายการส่งกำลังบำรุง การเพิ่มเติมกำลังของฝ่ายเรา จะทำการยิงลึกเข้ามาในเขตไทยเรามาก ( ปืนใหญ่ 130 มม.ของข้าศึกที่ตั้งอยู่ บ.ตระเปียงกูล ห่างจากช่องบกเข้าไปในกัมพูชา 10 กม. สามารถทำการยิงได้ถึง อ. นาจะหลวย) ทำให้ราษฎรได้รับอันตรายและได้รับความเดือดร้อนได้ สำหรับการปฏิบัติการทางทหารเริ่มในเดือน ม.ค. 30 สามารถผลักดันและยึดเนิน 396 ได้ สำหรับเนิน 500 , 408 และ 382 นั้น ฝ่ายเราได้ใช้กำลัง 1 พัน ร.เข้าตี 3 ครั้งในเดือน ม.ค.-ก.พ.30 และใช้กำลัง 2 พัน ร.เข้าตีในเดือน มี.ค.30 ได้รับการต้านทานจากข้าศึกอย่างหนัก ทำให้ยังไม่สามารถผลักดันข้าศึกออกไปได้ การปฏิบัติตามแผนยุทธการ ดี 9 ฝ่ายเราเสียชีวิต 36 นาย บาดเจ็บ 252 นาย
เพื่อดำรงความมุ่งหมายในการผลักดันกำลังข้าศึกให้ออกไปจากเขตประเทศไทย กองทัพภาคที่ 2 จึงได้จัดตั้งที่ทำการยุทธวิธี (ทกย. ทภ.2) ขึ้นในพื้นที่ อ.น้ำยืน จว.อ.บ. และกำหนดแผนยุทธการเผด็จศึกขึ้น เพื่อประสานการใช้กำลังภาคพื้นดิน กำลังทางอากาศ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ เข้าทำลายผลักดันข้าศึกบริเวณ เนิน 565 (โนเนม) ,500 , 408 , 382 , 376 โดยใช้กำลัง 5 พัน ร. (19 ร้อย ร.) , 1 ร้อย ถ.(-)/ร้อย ถ.หย่อนกำลัง , 9 ร้อย ป. , 1 ร้อย ลว.ไกล , 37 กองร้อยทหารพราน และกำลังสนับสนุนต่างๆเช่น ชุดสัตว์ต่างที่ใช้ในการส่งกำลังบำรุงในพื้นที่ป่าเขาที่ยานพาหนะไม่สามารถเข้าถึง ชุดสุนัขทหารที่ประกอบไปด้วยสุนัขลาดตระเวณและสุนัขตรวจค้นทุ่นระเบิด กำลังราษฎรอาสาสมัครซึ่งใช้ในการคุ้มกันเส้นทางส่งกำลังบำรุง และระวังป้องกันพื้นที่ส่วนหลัง ในการปฏิบัติตามแผนได้กำหนดวัน ว.ในวันที่ 14 เม.ย.30โดยใช้กำลังเข้าตีพร้อมกันทั้ง 5 ที่หมาย ในการเข้าสู่ที่หมายในระยะแรกฝ่ายเราได้รับการต้านทานอย่างเบาบาง ยกเว้นเนิน 408 ที่ข้าศึกระดมยิงอย่างหนัก แต่ต่อมาข้าศึกใช้กำลังเข้าตีโต้ตอบฝ่ายเราอย่างหนัก ต่อเนื่องเป็นระยะ พร้อมทั้งใช้ปืนใหญ่ , ปรส.(ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง) , เครื่องยิงลูกระเบิดระดมยิงฝ่ายเราอย่างหนัก จนกระทั้งวันที่ 25 พ.ค.30 ฝ่ายเราจึงสามารถยึดและควบคุมที่หมายสำคัญ เนิน 408 , 382 ได้ ส่วน เนิน 500 แม้ฝ่ายเรายึดและควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ได้ แต่ยอดเนินซึ่งเราเรียกกันว่า ไข่ดาว (ซึ่งอยู่ค่อนไปทางทิศใต้และเป็นจุดสูงสุดของเนิน) ฝ่ายข้าศึกยังคงยึดรักษาไว้ได้ แต่ฝ่ายเราก็ได้วางกำลังเกาะติดข้าศึกไว้ โดยกำลังหมวดที่อยู่หน้าสุดอยู่ห่างจากข้าศึกเพียง 60-70 เมตร และมีการยิงปะทะกันเป็นประจำทุกวัน จนพวกเราพูดกันติดปากว่า ยิงกันวันละ 3 เวลาหลังอาหาร ในการปฏิบัติการต่อมาเพื่อลดการสูญเสียฝ่ายเราจึงปรับยุทธวิธีไปใช้ชุดปฏิบัติการขนาดเล็กริดรอนกำลังข้าศึก พร้อมทั้งขุดคูเหลด(คูติดต่อ) สร้างเบิร์มปิดขยับกำลังทางปีกซ้ายของฝ่ายเราเข้าประชิดข้าศึกบนยอดเนิน 500 เข้าไปเรื่อยๆ ซึ่งหากกำลังทางปีกซ้ายของฝ่ายเราสามารถเข้าประชิดฐานข้าศึกบนยอดเนิน 500 และควบคุมพื้นที่ด้านทิศตะวันออกของยอดเนินได้ ข้าศึกบนยอดเนิน 500 จะถูกตัดเส้นทางส่งกำลังบำรุงและเส้นทางเพิ่มเติมกำลัง เนื่องจากทิศใต้ของยอดเนินเป็นหน้าผาและทางด้านทิสตะวันตกเฉียงใต้เป็นเส้นทางสูงชัน ในวันที่ 2 ม.ค.31 เวลาประมาณ 2 ทุ่ม ข้าศึกได้ส่งกำลังเข้ากดดันกำลังฝ่ายเราที่เผชิญหน้ากันอยู่บนยอดเนิน 500 เกิดการยิงปะทะกันนานประมาณ 30 นาที กำลังข้าศึกส่วนใหญ่ได้ทำการถอนตัวออกจากยอดเนิน 500 คงเหลือกำลัง 5-7 คนเอาไว้เกาะติดความเคลื่อนไหวของฝ่ายเรา ในวันที่ 5 ม.ค.31 ฝ่ายเราจึงส่งกำลังเข้ายึดและควบคุมยอดเนิน 500หรือไข่ดาวเอาไว้ได้ จากการปฏิบัติการตามแผนยุทธการเผด็จศึก ฝ่ายเราเสียชีวิต 45 นาย บาดเจ็บ 330 นาย

โดยคุณ ตี๋อุบล เมื่อวันที่ 23/06/2010 06:15:28


ความคิดเห็นที่ 4


วันที่ขึ้นยึดและควบคุมเนิน 500หรือไข่ดาว


โดยคุณ ตี๋อุบล เมื่อวันที่ 23/06/2010 06:17:39


ความคิดเห็นที่ 5


ฐานข้าศึกบนยอดเนิน 500 ที่ถูกทำลาย


โดยคุณ ตี๋อุบล เมื่อวันที่ 23/06/2010 06:21:02


ความคิดเห็นที่ 6


ฐานข้าศึกบนยอดเนิน 500 ที่ถูกทำลาย


โดยคุณ ตี๋อุบล เมื่อวันที่ 23/06/2010 06:22:36


ความคิดเห็นที่ 7


ฐานข้าศึกบนยอดเนิน 500 ที่ถูกทำลาย


โดยคุณ ตี๋อุบล เมื่อวันที่ 23/06/2010 06:23:56


ความคิดเห็นที่ 8


หน้าผาด้านทิศใต้ของยอดเนิน 500 ตรงข้ามเนิน 469


โดยคุณ ตี๋อุบล เมื่อวันที่ 23/06/2010 06:28:11


ความคิดเห็นที่ 9


บันไดลิงลงไปหน้าผาที่ฝ่ายข้าศึกทำไว้


โดยคุณ ตี๋อุบล เมื่อวันที่ 23/06/2010 06:31:42


ความคิดเห็นที่ 10


เนิน 565 (โนเนม) มองจากจมูกเขา (ฝ่ายเราเรียกตะโหนก) อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของยอดเนิน 500


โดยคุณ ตี๋อุบล เมื่อวันที่ 23/06/2010 06:33:10


ความคิดเห็นที่ 11


ภาพมุมกว้างเนิน 565 (โนเนม) ซึ่งเชิงเขาลาดลงไปยังเนิน 469 มุมซ้ายบนไกลออกไปเป็นดินแดนกัมพูชา ที่ลงไปจากปากช่องบก


โดยคุณ ตี๋อุบล เมื่อวันที่ 23/06/2010 06:34:20


ความคิดเห็นที่ 12


วันที่ธงไตรรงค์ปักลงบนยอดเนิน 500


โดยคุณ ตี๋อุบล เมื่อวันที่ 23/06/2010 06:35:29


ความคิดเห็นที่ 13


เล่าเรื่องราวเก่าๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อ 20 กว่าปีที่ผ่านมา เพื่อรำลึกถึงผู้กล้าทั้งหลาย ที่ยอมเสียสละชีวิตและเลือดเนื้อ ปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบ หลายต่อหลายคนได้รับบาดเจ็บทุพลภาพ หลายต่อหลายคนเสียชีวิต และอีกหลายต่อหลายคนไม่มีแม้แต่โอกาส ที่จะนำร่างซึ่งไร้วิญญาณ กลับมาให้ครอบครัวได้ประกอบพิธีทางศาสนา
...............ไม่ว่าท่านเหล่านั้นจะเป็นใคร เชื้อชาติใด ไม่ว่าท่านจะเป็นทหารเวียดนาม ไม่ว่าท่านจะเป็นทหารกัมพูชา หรือไม่ว่าท่านจะเป็นทหารไทย ถือโอกาสนี้กราบคาระวะทุกท่านด้วยความจริงใจ เราทั้งหลายไม่เคยรู้จักกัน เราทั้งหลายไม่เคยมีเรื่องบาดหมางโกรธเคืองกัน แต่พวกเราล้วนปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบ ตามหน้าที่ เพื่อส่วนรวม เพื่อประเทศชาติของตน ขอความเสียสละของพวกเรา เป็นบทเรียนเตือนสติ แก่ผู้ที่มุ่งร้ายทำลายประเทศชาติ เพียงเพื่อผลประโยชน์แห่งตนและพวกพ้อง ขอจงรู้เถิดว่า " ทุกสิ่ง...ย่อมมีเวลาของมัน "
............................ขอวิญญาณของท่านทั้งหลาย...สู่สุขติ.
------------------------------------------------------------------------------------------................................" การรบคือการเสี่ยงต่อความตาย
................................ ใครเล่าจะกล้าทำเช่นนั้น
................................ ถ้าเหตุผลในการตาย
................................ ไม่มีค่าควรแก่การเสี่ยงชีวิต "


โดยคุณ ตี๋อุบล เมื่อวันที่ 23/06/2010 06:38:21


ความคิดเห็นที่ 14


อ.น้ำยืน นี่แหละที่พี่ผมเสียชีวิต สภาพศพพี่ผมตอนเห็นนี่แม่ถึงกับเป็นลมสภาพที่เคยไปคนไม่มีให้เห็น...
โดยคุณ Banyat เมื่อวันที่ 23/06/2010 23:09:22


ความคิดเห็นที่ 15


ถ้าไม่ได้จีนมาช่วยงานนี้ไม่รู้จะเป็นฉันใด ดูเอาคับว่าใครมันจริงใจต่อเราเมกาหาเรื่องให้แล้วชิงหนีเราขอให้ช่วยบอกเรื่องของเอ็ง
โดยคุณ nathekop เมื่อวันที่ 24/06/2010 00:49:54


ความคิดเห็นที่ 16


ช่วงสมรภูมิช่องบก ปี 29-30 ตอนนั้นผมอายุ 13-14 ปี จำความได้ว่าช่วงก่อนสงกรานต์ 2- 3วัน เห็น รถ GMC ลากจูงปืนใหญ่ และบรรทุกทหารผ่านหน้าบ้าน 30 กว่าคัน เป็นขบวนยาวเลยครับ รู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้เห็นภาพ ทหารและอาวุธ มากมายในขณะนั้น และรู้สึกสงสารทหารที่ไปออกรบมาก ที่พวกเขาได้ทำหน้าที่แทนพวกเรา    ตอนนั้นทหารในแนวหลังก็ ออกไปรับบริจาคสิ่งของกับ ร้านค้า ประชาชนทั่วไป เพื่อส่งไปยังแนวหน้า ผมจำได้ว่า แม่ผมได้บริจาค ผ้าอนามัย (เอาไว้ซับเลือดเวลาบาดเจ็บ) และมีเรื่องที่น่าหดหู่ใจในสมัยนั้นที่ผมได้ยินมา พวกชาวญวนอพยพที่อยู่ในอุบล มักจะปล่อยข่าวไม่ดีเกี่ยวกับทหารไทยเสมอ(สมควรไล่พวกมันกับบ้านไปด้วย) เป็นต้นว่าผ้าห่อศพ ในท้องตลาดขาดตลาด เนื่องจากทหารไทยถุกทหารเวียดนามฆ่าตายเป็นจำนวนมากและที่เคยเป็นข่าวหน้า 1 ในสมัยนั้น ตอนที่สงครามเข้าขั้นรุนแรง พลเอกเปรม นายกฯได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมให้กำลังใจทหารในแนวรบ แต่ ผู้ว่าราชการ ไม่อยู่ ลาราชการเพื่อไปทัวร์ที่ประเทศจีน  ป๋าเปรม จึงมีคำสั่งด่วนให้ ผวจ.เดินทางกลับมารายงานตัวด่วน ผู้ว่าสมัยนั้น น่าจะเป็น เรือตรี ดนัย เกตุศิริ (บิดาของท่าน ผบ.กรมทหารที่ 16 ในปัจจุบัน)

โดยคุณ ตี๋อุบล เมื่อวันที่ 24/06/2010 01:00:04


ความคิดเห็นที่ 17


ขอสดุดีในวีรกรรมของบรรพชนทุกท่านครับ

โดยคุณ CROBRA99 เมื่อวันที่ 24/06/2010 04:43:28


ความคิดเห็นที่ 18


ที่ช่องบกตายเยอะยืนยันเพราะเคยได้ยินผู้ใหญ่คุยกันว่าตายเยอะจิงๆๆ ตายเยอะกว่าบ้านร่มเกล้าอีก แต่บ้านร่มเกล้าดังกว่า ทั้งทหารหลัก ทั้งทหารพราน ทั้ง ตชด. หามลงเปลกันลงมาทุกวัน ฟังแล้วมันคาราวะท่านเหล่านั้นจิงๆ

โดยคุณ kit_thaifighterclub เมื่อวันที่ 24/06/2010 09:03:17