หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


ชายแดนไทย-พม่าในอดีต

โดยคุณ : rodlfc เมื่อวันที่ : 31/08/2010 02:23:28

พี่ๆยังจำเหตุการณ์ที่ไทยกับพม่ามีเหตุที่ต้องเกือบรบกันประมาณปี2540กว่าๆๆไหมครับคือตอนนั้นผมยังอายุ10กว่าเองจึงจำอะไรไม่ค่อยได้ใครที่ยังพอจำได้ช่วยเล่าให้ฟังถึงต้นเหตุของปัญหาถึงจุดจบหน่อยได้หรือไม่ครับได้ยินว่าไทยใช้โซนิคบูมทำให้พม่ากลัวมากใช่ไหมครับ แล้วก็มีรถถังขึ้นมาทางเหนือเยอะมากเค้าว่ากันว่ามีผ้าสีเขียวครุมหมายเลขที่ติดข้างตัวรถด้วยไม่ทราบว่าเค้าปิดไว้ทำไมครับ




ความคิดเห็นที่ 1


ครั้งนั้นจำได้ว่า....มีปืนใหญ่มาลงที่ฝั่งไทย ที่ตลาดชายแดนท่าขี้เหล็ก และมี นักร้องดัง....??? (ของค่ายแกรมมี่ มีงานมินิคอนเสริต์ ที่โรงแรมฝั่งพม่า) ติดอยู่ฝั่งโน้นออกมาไม่ได้...สุดท้ายก็หนีออกมา...เป็นข่าวดังในสื่อทุก ช่อง
............ก็พอจะทราบมาว่าเหตุครั้งนี้..น่าจะมาจาก นโบายปราบปรามยาเสพติดของ รัฐบาลไทย เมื่อครั้งกระโน้น...โดย(แอบ)สนับสนุน กกล.ไทใหญ่ เจ้ายอดศึก ในการปราบและทลายโรงงานผลิตยาเสพติด ของว้า...
...........ขอบคุณ  คุณ TOP สำหรับข้อมูลที่มาที่ไปโดยละเอียด...ขอรอภาคต่อ เลยครับ........

..........ปล. ตอนนี้ ยาเสพติด เริ่มกลับมาระบาด อีกแล้ว ครับ...ท่าน!!!!!!
โดยคุณ tng เมื่อวันที่ 29/08/2010 08:37:03


ความคิดเห็นที่ 2


ปิดเถอะครับ..เดี๊ยวปรายบาน...เอ๊ย!..บานปราย...


โดยคุณ wut เมื่อวันที่ 28/08/2010 13:47:18


ความคิดเห็นที่ 3


อยากรู้ด้วยครับ เหตุปะทะกัน

โดยคุณ dymeow เมื่อวันที่ 28/08/2010 15:13:05


ความคิดเห็นที่ 4


เอามาให้อ่านเล่นๆ จากท่าน yoyo บอร์ด wing21 เก่า...

เห็นหลายคนแถลงไขยังไม่ประติดประต่อ เลยอยากช่วยแถลงไขมั่งอีกคนละกันครับ

ก่อนอื่นต้องทำการตกลงกันก่อนนะครับว่าเนื้อหาทุกส่วนมาจากแหล่งข่าวหลายแหล่งข่าว ทั้งไทย พม่า ว้าแดงและไทยใหญ่ จริงหรือเท็จยังไงต้องใช้วิจารณญาณ หากเนื้อหาที่นำมาลงนี้เกี่ยวข้องกับความมั่นคงก็ให้ลบกระทู้นี้ทิ้งเลยครับ
ภาค ๑
เหตุการณ์ความตรึงเครียดระหว่างไทยกับพม่านี้จริง ๆ แล้วมันซับซ้อนยิ่งกว่าเถาวัลย์พันกันเลยละครับ เมื่อเรามาลองคลี่เถาวัลย์ออกมาทีละจุด (แต่ไม่ครบทุกจุดนะ) ก็พอจะบอกเล่าได้ดังนี้
หลังจากที่พรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้มีนโยบายในการพัฒนาประเทศหลายๆ ด้านที่เสนอต่อประชาชนไว้ตอนหาเสียง เช่น ๓๐ รักษาได้ทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน เป็นต้น และหนึ่งในนั้นก็คือการปราบปรามยาเสพติดให้สิ้นไป คณะรัฐมนตรีได้มีการไปประชุมที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้มีการนำเสนอข้อมูลการผลิต และการลำเลียงยาเสพติดจากพม่าเข้าไทย โดยตัวการใหญ่คือว้าแดง ซึ่งมีระดับความรุนแรงอยู่ในขั้นที่น่าเป็นห่วง สิ่งหนึ่งที่สร้างความตกละลึงให้กับ นายกและผู้เข้าร่วมประชุมก็คือ ภาพถ่ายทางอากาศแสดงการเติบโตของเมืองยอน ซึ่งว้าแดงควบคุมอยู่ ภายในเวลาไม่กี่ปี เมืองยอนจากหมู่บ้านเล็ก ๆ กลายเป็นเมืองขนาดใหญ่มีการจัดสร้างถนนอย่างดี โรงพยาบาล และเขื่อนสำหรับผลิตกระแสไฟฟ้า มีการอพยพประชาชนแถบชายแดนจีนมาอยู่ที่นี่ในจำนวนหลักแสนคน โดยรายงานในที่ประชุมระบุว่า เงินที่ใช้ในการสร้างเมืองยอนให้ยิ่งใหญ่ขนาดนี้มาจากการผลิตยาบ้าแล้วส่งมาขายในประเทศไทยนั่นเอง
ในช่วงนั้นมักจะมีข่าวคนร้ายเมายาบ้า ก่อคดีสะเทือนขวัญหลายคดี จนได้มีการวางแผนในการขจัดยาเสพติดให้สิ้นไปจากประเทศไทยอบย่างเร่งด่วน แต่ปัญหามันติดอยู๋ตรงที่ว่า แหล่งผลิตไม่ได้อยู่ในประเทศไทย หากแต่อยู่ในเขตของประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะในเขตของพม่า ซึ่งชนกลุ่มน้อยครอบครองอยู่ รัฐบาลไทยจึงได้ประสานงานผ่านกระทรวงการต่างประเทศของพม่า เพื่อขอความร่วมมือในการปราบปรามยาเสพติดร่วมกัน และต่อมาได้มีการเยือนประเทศไทยของผู้นำระดับสูงของพม่า คือ พลเอก ขิ่นต์ ยุ้น และ หลังจากนั้นไม่นาน พลเอก หม่อง เอ ก็ได้มาเยือนประเทศไทย หลังจากการเยือนไทยของพลเอกขิ่นต์ ยุ้นมีข่าวออกมาว่าพลเอก ขิ่นต์ ยุ้น อนุญาตให้ทางการไทยทำการปราบปรามแหล่งผลิตยาเสพติดในเขตพม่าได้
ก่อนหน้าจะมีการเยือนไทยของผู้นำพม่าทั้งสองก็ได้มีการปะทะกันระหว่างกองกำลังผาเมืองกับกองกำลังว้าแดงที่ขนยาเสพติดบ่อยครั้ง ว้าแดงเสียทหารและยาเสพติดถูกยึดได้เป็นจำนวนมาก สร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มว้าแดง ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นชนกลุ่มน้อยที่แข็งแกร่งที่สุดของพม่าแม่แต่รัฐบาลทหารพท่ายังขยาดจนต้องสัญญาหยุดยิง โดยพม่าให้ว้าแดงครอบครองพื้นที่แถบเมืองยอนและบริเวณรัฐฉาน และไกล้เคียง นัยหนึ่งเพื่อต้องการใช้ว้าแดงในการปราบปรามกองกำลังไทยใหญ่ของเจ้ายอดศึก ซึ่งเป็นหนามแทงใจทหารพม่ามาช้านาน แต่ไม่สามารถปราบลงได้ กองกำลังว้าแดงได้เริมกำลังเข้าประชิดชายแดนไทยอีกทั้งยังมีการยิงประสุนปืน ค. เข้ามาในเขตไทยหลายครั้ง โดยครั้งที่สร้างความขุ่นเคืองให้กับทางการไทยเป็นอย่างยิ่งคือยิงกระสุนปืน ค. เข้ามาในพระตำหนักดอยตุง ทำให้ทหารไทยที่ทำการอารักขาได้รับบาดเจ็บ ทางการไทยได้ทำหนังสือประท้วงไปยังพม่า แต่ได้รับคำตอบว่าทางการพม่าไม่สามารถรับผิดชอบต่อเหตุดังกล่าวได้ เพราะเป็นการกระทำของว้าแดงไม่ใช่ทหารพม่า หลังจากนั้นไม่นานฐานของทหารว้ากลุ่มดังกล่าวถูกทหารไทยใหญ่เข้าโจมตี ทหารว้าเสียชีวิตจำนวนมาก รัฐบาลทหารพท่าทำหนังสือประท้วงมายังทางการไทยกล่าวหาว่า ทหารไทยใหญ่เข้าตีฐานทหารว้าโดยได้รับการสนับสนุนการยิงปืนใหญ่จากฝั่งไทย แต่ทางการไทยปฏิเสธว่าเป็นการยิงตอบเตือนและตอบโต้เนื่องจากมีกระสุนมาตกในฝั่งไทย
เมื่อวันที่ ๘ ก.พ. ทางด้าน จ.เชียงราย โดยมีการสู้รบกัน อย่างหนัก ระหว่างทหารรัฐบาลพม่ากับกองกำลังกู้ชาติไทยใหญ่ หรือ กลุ่ม SSA.(โดยการนำของเจ้ายอดศึก) ฝ่ายทหารรัฐบาลพม่าระดม กำลังกว่า ๕๐๐ นาย จากกองพัน ม.๔๔๒ และ ม.๕๒๖ บุกเข้าประชิด ฐานที่มั่นของกองกำลังไทยใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณเนินปางหนุนตรงข้าม บ้านไพรเลาจอ หมู่ ๕ และบ้านแม่หม้อ ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ห่างจากชายแดนไทยประมาณ ๒ กม. วันต่อมาทั้งสองฝ่าย เปิดฉากปะทะกันไม่ต่ำกว่า ๕ ครั้ง มีรายงานว่าทหารทั้ง ๒ ฝ่ายเสียชีวิต ฝ่ายละไม่ต่ำกว่า ๑ คน และได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
วันที่ ๑๓ ก.พ. ทหารพม่าได้นำกำลังเสริมจากเมืองตูม ๗๐๐ นาย พร้อมอาวุธหนัก เพื่อหวังโจมตีฐานที่มั่นเนินปางหนุนให้แตกให้ได้ ขณะ เดียวกันฝ่ายไทยใหญ่ก็มีการเสริมกำลังจากส่วนหน้าอีก ๒ กองร้อย เพื่อตอบโต้พม่า ผลจากการปะทะทำให้มีลูกกระสุนปืน ค.ข้ามเข้ามาตก ยังฝั่งไทย ๕ ลูก แต่ไม่ได้สร้างความเสียหายแก่ชาวบ้านที่อยู่ตามแนว ชายแดน นอกจากนี้ที่บริเวณดอยก่อวัน ตรงข้าม ต.เทอดไทย ยังมีการ สู้รบกันระหว่างกองกำลังกู้ชาติไทยใหญ่กับทหารพม่า โดยทหารพม่า ได้เคลื่อนกำลังประมาณ ๒,๐๐๐ นาย เข้าประชิดชายแดนไทยด้าน ต.เทอดไทย ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนประมาณ ๘๐๐ เมตร หลังจาก นั้นได้ทำการขุดสนามเพลาะเพื่อเตรียมรับมือกับกองกำลังไทยใหญ่ และได้ติดตั้งอาวุธปืน ค. ๑๒๐ , ปืนล็อคเก็ต ๑๐๗ วางตลอด แนวเป็นจำนวนมาก สำหรับการโจมตีฐานที่มั่นของกองกำลังไทย- ใหญ่ มีรายงานว่าจะต้องใช้เวลานาน ๓ วันจึงจะทำได้สำเร็จ
และเมื่อวันที่ ๒๔ ก.พ ทางด้านท่าขี้เหล็ก ทหารพม่าได้เสริม กำลังตามตะเข็บชายแดนระหว่างเมืองท่าขี้เหล็กไปจนถึงเมืองสาด ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับ อ.แม่ฟ้าหลวง โดยได้ร่วมกับทหารว้าแดง จาก เมืองตุนและเมืองกลาง เข้าประชิดชายแดนด้าน อ.แม่ฟ้าหลวง ทุก จุดโดยเฉพาะเนินปางหนุน ทหารพม่าได้เข้าปิดล้อม ส่งผลให้กอง กำลังไทยใหญ่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ และนอกจากนี้พม่ายังได้ให้ ทหารว้าแดงและลูกหาบทำการขุดสนามเพลาะลึกเข้าไปในกองกำลัง ไทยใหญ่ จนถึงบ้านนายาว ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านก่อวันและเนินปาง หนุนเพียง ๑ กม. และพยายามที่จะขุดลึกเข้าไป โดยไม่มีการเคลื่อน ไหวตอบโต้จากทางกองกำลังไทยใหญ่ แม้ว่าทางการพม่าจะมีการ ติดตั้งปืนใหญ่ ๑๒๐ มิลลิเมตรและปืน ค. เข้าไปยังสนามเพลาะ
และที่ฐานบาลาหลวง ซึ่งเป็นฐานของพม่าที่ถูกกองกำลังทหาร ไทยใหญ่โจมตีไปก่อนหน้านี้ ก็ได้มีการเสริมกำลังเช่นกัน นอกจากนี้ ที่ท่าขี้เหล็กซึ่งมองเห็นได้ชัดจากฝั่งไทย ที่บริเวณถ้ำผาจง ก็พบว่า ทหารพม่าได้เคลื่อนกำลังพลเป็นจำนวนมาก คาดว่าจะขึ้นไปที่ ดอยกูเต็งนาโย่ง เพื่อโจมตีกองกำลังทหารไทยใหญ่ที่อยู่กระจัด กระจายในบริเวณนี้
สำหรับการเคลื่อนไหวของกำลังกู้ชาติไทยใหญ่ หรือ SSA เจ้า ยอดศึก ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่บ้านเชียวไคร้ ใกล้เนินปาง- หนุน ตรงข้ามกับ อ.แม่ฟ้าหลวง โดยมีการนำชมอาวุธจำนวนมาก ที่ยึดได้จากทหารพม่าที่บุกเข้าโจมตี รวมทั้งมีการนำธงพม่าที่ทหาร ไทยใหญ่ยึดได้จากการตีฐานทหารพม่าแห่งหนึ่งแตกมาจัดแสดงโชว์ สื่อมวลชนและยังได้กล่าวว่า สาเหตุที่ถูกพม่านำพลประชิดในครั้งนี้ เพราะไปปิดกั้นเส้นทางการลำเลียงยาเสพติด โดยเฉพาะยาบ้าจาก ทหารพม่าและว้าแดง ซึ่งขัดต่อนโยบายของSSA.ที่ต้องการปราบ ปรามยาเสพติด และการปะทะกันครั้งนี้ ทางSSAต้องการให้ ทั่วโลกได้รู้ถึงศักยภาพของกองกำลังไทยใหญ่ และสักวันหนึ่งคงจะ ได้ประกาศเอกราชอย่างแน่นอน หลังจากนั้น เจ้ายอดศึกก็ได้เดิน ทางเข้าตรวจเยี่ยมฐานก่อวัน เพื่อดูความเคลื่อนไหวของทหารพม่า และสอบสวนเชลยพม่าที่ถูกจับกุมได้เมื่อวันที่ ๒๑ ก.พ. หลังจาก การสอบสวนเสร็จแล้วก็ได้ปล่อยเชลยทหารพม่าไป พร้อมกับมอบ เสื้อผ้าและเงินจำนวน ๓,๐๐๐ บาท เพราะกองกำลังไทยใหญ่ไม่มี นโยบายที่จะฆ่าเชลย และทหารพม่าที่อยู่ตามฐานต่างๆ เขาก็ไม่มี ส่วนรู้เห็นด้วย
ส่วนที่ฐานบาลางน้อย ที่ทหารพม่านำกำลังเข้าเสริมก็เป็นเรื่อง ของพม่า สำหรับสาเหตุที่เข้าโจมตีเป็นเรื่องของยุทธการทางการรบ และทราบว่าทหารพม่าเสริมกำลังเข้ามากว่า ๒,๐๐๐ นาย ฝ่ายไทยใหญ่ก็จะดูท่าทีไปก่อน และจะไม่เปิดฉากโจมตีก่อนเพราะจะทำ ให้กระทบกับชายแดนไทยและยังได้เปิดเผยอีกว่านับแต่นี้ไปไทยใหญ่ จะไม่รอให้ทหารพม่าโจมตีแต่ฝ่ายเดียว แต่จะเคลื่อนทัพ ไปสู้กับพม่าบ้าง "เราเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถสู้กับกองทัพ พม่าได้เพราะต้องการประเทศของเราคืน" และSSAมี นโยบายการต่อต้านยาเสพติด แต่กลับไปอยู่บนเส้นทาง การค้ายาเสพติดของพม่าจึงถูกพม่าโจมตี SSAมีหนทางในการหาเงินบำรุงกองทัพด้วยวิธีการที่ถูกต้องตาม กฎหมายได้เงินราว ๑๐๐ ล้านจ๊าตต่อปี โดยไม่ยุ่งเกี่ยว กับยาเสพติด และเชื่อว่ารัฐฉานไม่ใช่เป้าหมายเดียวของ พม่า แต่พม่าต้องการโจมตีประเทศไทยด้วย
การเข้ายึดฐานที่มั่นของพม่าที่บ้านปะลางหลวง เป็น การปฎิบัติการที่แสดงให้เห็นว่าทางSSA มีความพร้อม ที่จะตอบโต้กองกำลังทหารพม่าและว้าแดง ที่เข้ารุกราน แม้ว่าปัจจุบันจะมีการนำทหารจำนวนมากมาประชิด กอง กำลังของSSA.ที่มีน้อยกว่าทุกพื้นที่ก็ตาม การที่ทหารพม่า เข้าประชิดชายแดนไทยครั้งนี้ เป้าหมายใหญ่ไม่ใช่การ ปราบปรามชนกลุ่มน้อยไทยใหญ่ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า ไทยใหญ่มีกำลังอยู่ที่เนินปางหนุนประมาณ ๕๐๐ นาย เท่านั้น แต่ทหารพม่ากลับนำอาวุธยุทโธปกรณ์ และกำลัง พลกว่า ๑๒ กองพัน ซึ่งเป็นกองกำลังร่วมระหว่างพม่า กับว้า และมีการระดมยิงปืนใหญ่ จรวดอาร์พีจี ที่สนามบิน เมืองสาดจำนวนมาก ฉะนั้นเป้าหมายการโจมตีไทยใหญ่ จึงเป็นเป้าหมายรอง ส่วนเป้าหมายจริงคือ การบุกรุก โจมตีประเทศไทย เจ้ายอดศึกกล่าว
แหล่งข่าวระดับสูงของกองทัพภาคที่ ๓ เปิดเผยถึง สถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย-พม่าว่า หน่วย เฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ ๓ ได้ส่งกำลังทหาร พร้อมอาวุธ เข้าไปรักษาความสงบเรียบร้อย และช่วยอพยพราษฎรไทย ที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนในจุดที่มีการสู้รบออกจากพื้น ที่ เนื่องจากครั้งนี้ทหารพม่าปฎิบัติการอย่างรุนแรงและ ต่อเนื่อง เพื่อหวังปราบปรามไทยใหญ่ให้ราบคาบลงในฤดู แล้งนี้ นอกจากนี้ก็ยังมีแผนที่จะบุกโจมตีทหารกะเหรี่ยง คะยาหรือกะเหรี่ยงแดง ทางด้าน จ.แม่ฮ่องสอน และ เคเอ็นยู ของกลุ่มนายพลโบเมียะ ที่มีฐานที่มั่นอยู่ด้านตรง ข้าม จ.ตาก ในเวลาเดียวกันด้วย ทำให้สถานการณ์การ สู้รบระหว่างทหารพม่ากับชนกลุ่มน้อย เคเอ็นยู ไทยใหญ่ และกะเหรี่ยงคะยาหรือเคเอ็นพีพี จะทวีความรุนแรงขึ้น
พล.ต.สมบูรณ์เกียรติ สิทธิเดชะ ผู้บัญชาการกอง กำลังผาเมืองได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ตรวจสถานการณ์ตลอด แนวชายแดน อ.แม่ฟ้าหลวง ถึง อ.แม่สาย โดยเฉพาะที่ เนินปางหนุน , เนินกิ่วฮุ้ง และเนินกุเต็งนาหย่ง ที่ทหารไทย และทหารพม่าต่างตรึงกำลังที่ชายแดนกันอยู่ ซึ่งไทยได้ปิด ด่านตลอดแนว โดยเฉพาะที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย เนื่องจากผลกระทบจากการสู้รบ ถ้าสถานการณ์คลี่คลาย ไปในทางที่ดีขึ้น ก็จะยกเลิกการปิดด่าน และยังได้บอกอีก ว่ามีทหารของพม่าประจำการอยู่จุดละ ๔๐๐-๕๐๐ นาย โดยเฉพาะที่เนินปางหนุนซึ่งเป็นจุดปะทะ ระหว่างทหารพม่ากับกองกำลังไทยใหญ่ มีอยู่ประมาณ ๔๐๐ นาย และได้โจมตีฐานที่มั่นของกองกำลังกู้ชาติไทยใหญ่อย่างหนัก
วันที่ ๑๓ ก.พ. มีรายงานว่า ทางกองกำลังทหารว้าแดงหลายกอง พันได้เคลื่อนพลเข้ามาสนับสนุนกองกำลังทหารพม่าที่ จ. ท่าขี้เหล็ก และเมืองสาด และทหารฝ่ายไทยก็ได้มีการเสริมยานยนต์หุ้มเกราะ รถถัง และรถกู้ระเบิด เข้าไปในพื้นที่ จ.เชียงราย รวมกันกว่า ๔๐ คัน นอกจากนี้ ยังมีการสับเปลี่ยนกำลังตามแนวชายแดนอยู่ตลอดเวลา ขณะที่ฝ่ายพม่ารายงานว่า ได้เสริมปืนใหญ่ในพื้นที่ จ.ท่าขี้เหล็กอีก ๑๔ กระบอก แล้วได้เคลื่อนกำลังพลจากเมืองเชียงตุง และกองกำลัง ว้าแดงจากกองพลที่ ๑๗๑ เมืองใหม่ ๔๖ เข้าสู่ตะเข็บชายแดน อ. แม่ฟ้าหลวง-อ.แม่สาย จึงทำให้ฝ่ายพม่ามีกำลังไม่น้อยกว่า ๑๐ กองพัน การเสริมกำลังดังกล่าว ทำให้ชายฉกรรจ์ที่อยู่ในเขตชุมชน ใหม่ที่เชียงตุง ห่างจากท่าขี้เหล็กไป ๑๕๐ กม. ถูกทหารพม่าเกณฑ์ ไปเป็นลูกหาบในการแบกอาวุธปืนเป็นจำนวนมาก ขณะที่ชาวพม่าที่ เป็นหนุ่มในเขตรัฐฉานต้องหลบหนีทหารพม่ากันยกใหญ่ เนื่องจาก เกรงว่าจะถูกเกณฑ์ไปเป็นลูกหาบ ราษฎรชาวพม่าและชาวไทยใหญ่ ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่บ้านเชียวไคร้เก่าและบ้านเชียวไคร้ใหม่ เมืองสาด รัฐฉาน ได้อพยพหนีตายเข้ามายังฝั่งไทยจำนวน ๑๐๒ คน๒๖ เมษายน ๒๕๔๕ เวลา ๐๗๐๐ ขณะที่ ชุดลาดตระเวน กองร้อยทหารพรานจู่โจมที่ ๙๕๐ ซึ่งขึ้นควบคุมทางยุทธการกับ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ ๔ ลาดตระเวนในพื้นที่รับผิดชอบได้ตรวจพบกับผู้ต้องสงสัยแต่งกายคล้ายทหารกองกำลังต่างชาติ จำนวน ๒ คน บริเวณห่างจากบ้านโป่งไฮฯ ไปทางทิศตะวันตกประมาณ ๕๐๐ เมตร ซึ่งเป็นจุดที่ห่างจากชายแดนลึกเข้ามาในเขตไทยประมาณ ๑ กิโลเมตรเศษจึงได้จับกุมและควบคุมตัวไว้ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนการซักถามต่อมาในวันเดียวกัน เวลา ๑๕๐๐ กองกำลังอาสาสมัครทหารพม่าเชื้อสายมูเซอ ซึ่งมีฐานฯ อยู่ใกล้ๆ กันกับที่ตรวจการณ์ของกองร้อยทหารพรานจู่โจมที่ ๙๕๐ บริเวณช่องทางบ้านโป่งไฮ ได้เข้ามาข่มขู่ขอตัวกำลังพล ๒ คน กลับคืนโดยใช้กำลังประมาณ ๓๐ – ๔๐ นาย ล้อมที่ตรวจการณ์ฝ่ายไทยไว้ และอีก ๑๕ นาย ได้ขึ้นมาเจรจาด้วยวิธีรุนแรงและข่มขู่ โดยหัวหน้ากองกำลังอาสาสมัครทหารพม่าเชื้อสายมูเซอ ใช้ปืนพกจี้หน้าอกของอาสาสมัครทหารพราน หนูกาญน์ กิ่งวรรณ พยายามจะใส่กุญแจมือ ฝ่ายไทยไม่ยอมกองกำลังฯ ดังกล่าว จึงใช้ปืนเล็กยาว AK – ๔๗ ยิงขู่ลงพื้นดินตรงบริเวณหว่างขา ของอาสาสมัครทหารพรานหนูกาญน์ฯ ๑ ชุด และกองกำลังฯ คนหนึ่ง ได้หันลำกล้องเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด ๔๐ มม. M ๗๙ ไปที่อาสาสมัครทหารพรานหนูกาณน์ฯ ระหว่างนั้น มีกองกำลังฯ อีก ๑ คน ใช้พานท้ายปืนเล็กยาว AK – ๔๗ กระแทกเข้าที่กกหูซ้าย ของอาสาสมัครทหารพรานหนูกาญน์ฯ ทำให้ได้รับบาดเจ็บกกหูซ้ายแตก จึงเป็นเหตุให้อาสาสมัครทหารพรานหนูกาญน์ฯ หมดความอดทน และคิดว่าสถานการณ์ขณะนั้นคงไม่ปลอดภัย และอาจถูกจับกุมไปเป็นตัวประกัน จึงได้ผลักอกหัวหน้ากองกำลังฯ ดังกล่าวได้หยุดการกระทำแล้วพูดว่า “เรามีหัวหน้าใหญ่จะให้ตกลงกันกรณีที่คนของท่านถูกควบคุมตัว” ซึ่งจากการสื่อสารกันไม่เข้าใจ ฝ่ายตรงข้ามใช้ภาษามือประกอบท่าทาง หัวหน้ากองกำลังฯ ดังกล่าวได้ชูนิ้ว ๒,๓ นิ้ว ในลักษณะอีก ๒ - ๓ ชั่วโมง จะมาที่นี่อีกแล้วก็ถอนกำลังกลับไปยังฐานปฏิบัติการ ที่อยู่ตรงข้ามจุดตรวจการณ์ฝ่ายเรา
ในขณะเดียวกันหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ ๔ ได้นำตัวกำลังอาสาสมัครทหารพม่าเชื้อสายมูเซอ ทั้ง ๒ คน ไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ ๔ ค่ายเม็งรายมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ต่อมาเวลา ๑๗๓๐ น. วันเดียวกันกองกำลังอาสาสมัครทหารพม่าเชื้อสายมูเซอ ได้นำกำลังมาปิดล้อมที่ตรวจการณ์ฝ่ายเราบริเวณช่องทางบ้านโป่งไฮจำนวนประมาณ ๖๐ คน และยิงเครื่องยิงลูกระเบิดเข้าใส่ฝ่ายไทย ๑๐ นัด โดยพยายามจะใช้กำลัง จากการสอบสวน นายจะซอ อายุ ๑๕ ปี และนายจะแกะ อายุ ๒๐ ปี ทั้ง ๒ คน ให้การว่าเป็นทหารประจำฐานปฏิบัติการ บ้านออเลาะ ซึ่งอยู่ตรงข้ามช่องทางบ้านโป่งไฮ ประจำการมาแล้ว ๒ ปี โดยได้รับการฝึกจากกองกำลังทหารพม่าเชื้อสายว้า ( UWSA ) ที่เป็นหน่วยควบคุมกองกำลังอาสาสมัครทหารพม่าเชื้อสายมูเซอบริเวณนี้ และนายจะซอเป็นบุตรบุญธรรมของนายจะไหไพจะซึ่งเป็นผู้นำหมู่บ้านออเลาะ และเป็นหัวหน้ากลุ่มอาสาสมัครทหารพม่าเชื้อสายมูเซอ จากการสอบสวนของฝ่ายเราบุคคลดังกล่าวได้รับสารภาพว่าได้เข้ามาในลักษณะของการหาข่าวในเขตไทย จึงถูกจับกุมและควบคุมตัวการรุกล้ำอธิปไตยเข้ามา ของกองกำลังฯ ทั้ง ๒ คน ก็ทราบดีอยู่แล้วว่า บริเวณที่เข้ามารเป็นเขตไทย
เย็นเดียวกัน กองกำลังฐานออเลาะ กองทหารอาสาพม่า ๓๐ นาย พร้อมอาวุธครบมือเดินทางมาเจรจาขอตัวทั้งสองคนกลับแต่ทหารไทยไม่ยอม จึงเกิดการปะทะกันขึ้น ฝ่ายไทยใช้อาวุธ และเฮลิคอปเตอร์ ๒ ลำยิงขับไล่ทำให้เหตุการณ์ บานปลาย เกิดการตรึงกำลังและเผชิญหน้ากัน ๒๗ เมษายน ๒๕๔๕ ทหารหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารราบที่ ๔ กองกำลังผาเมือง ฐานบ้าน โป่งไฮ จ.เชียงราย ปะทะกับกองกำลังทหารอาสาพม่าเชื้อสายว้าและมูเซอ ฐานออเลาะ เมืองยอน จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า จุดปะทะห่างจากตะเข็บชายแดน ๒๐๐ เมตร สาเหตุจากกองกำลังทหารอาสาพม่า พยายามเข้าโจมตีฐานที่มั่นทหารพรานส่วนแยกบ้านโป่งไฮ เพื่อบีบฝ่ายไทยให้ปล่อยตัวเชลยว้า ๒ นายที่ถูกจับ
๒๘ เมษายน ๒๕๔๕ ทหารอาสาพม่าเชื้อสายว้าและมูเซอ ฐานออเลาะ ๕ นาย บุกเข้าหวังทำลายฐานทหารพรานบ้านโป่งไฮ แต่ฝ่ายทหารไทยเห็นเสียก่อนจึงนำกำลัง ๗๐ นาย ไปตรึงพื้นที่ไว้ เกิดการยิงขับไล่ ฝ่ายว้าถอยร่นไป แต่นำกำลังมาเสริมอีก ๓๐ นายจนเกิดการปะทะกันขึ้น
วันเดียวกัน นายวิน อ่อง รัฐมนตรีต่างประเทศพม่า ส่งหนังสือผ่านโทรสารมายังนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว
๒ พฤษภาคม ๒๕๔๕ มีการเจรจาระหว่างฝ่ายไทยและกลุ่มว้าแดง ในการประชุมคณะกรรมการชายแดนระดับท้องถิ่น(ทีบีซี) เพื่อพิจารณาปล่อยตัวเชลย ๒ คน การประชุมเลื่อนไปเป็นวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๔๕
๓ พฤษภาคม ๒๕๔๕ มีข่าวออกทางวิทยุพม่าว่าบริษัทหงปัง อิมปอร์ตเอ็กซ์ปอร์ต กิจการในเครือของกลุ่มว้า และเป็นแหล่งฟอกเงินที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของกลุ่มว้า ถูกทางการพม่าสั่งปิดแล้ว
๕ พฤษภาคม ๒๕๔๕ พล.ท.อุดมชัย องคสิงห์ แม่ทัพภาคที่ ๓ เปิดการฝึกซ้อมรบตามแผน "สุรสีห์ ๑๔๓" ที่สนามฝึกจังหวัดทหารบกตาก เพื่อซักซ้อมทำความเข้าใจตามขั้นตอนตามแผนป้องกันชายแดน ซึ่งการซ้อมจะมีถึงวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๔๕ มีการเคลื่อนย้ายรถถัง รถสายพานลำเลียงพล ปืนใหญ่กระสุนเบาวิถีโค้งและปืนใหญ่อัตถาจร ระบบเรดาร์เข้า รวมทั้งยานยนต์ต่าง ๆ หลายร้อยคันเคลื่อนย้ายทหารจำนวน ๓๐,๐๐๐-๔๐,๐๐๐ นาย เข้าไปในพื้นที่ รวมทั้งกองกำลังหน่วยเคลื่อนที่เร็วที่สามารถทำการรบในเวลากลางคืนเข้าไปในพื้นที่ นับเป็นการเคลื่อยย้ายกองกำลังขนาดใหญ่ที่สุดของกองทัพไทยนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์บ้านร่มเกล้า
๖ พฤษภาคม ๒๕๔๕ แผนการซ้อมรบเริ่มขึ้น โดยมีพิธีเปิดที่ จ.เชียงใหม่ มีการลำเลียงรถถังโดยขบวนรถไฟเข้าร่วมฝึก ทั้งอาวุธหนักและกำลังพลไปใน ๓ จังหวัด คือตาก ลำปาง และเชียงราย ส่วนทหารพม่าเข้าไปตั้งกองบัญชาการปืนใหญ่ตามแนวชายแดนพม่า-ไทย เพื่อกวาดล้างยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมาย มีอาวุธหนักหลายชนิดเข้าประจำการ
วันเดียวกัน กองกำลังว้าแดงทำหนังสือประท้วง รัฐมนตรีกลาโหมไทย ผ่านสถานทูตไทยในย่างกุ้ง ว่าทหารไทยยิงปืนถูกโรงเรียนทำให้นักเรียนบาดเจ็บ เมื่อครั้งเกิดการปะทะที่ฐานบ้านโป่งไฮ
๘ พฤษภาคม ๒๕๔๕ มีการประชุมคณะกรรมการทีบีซี เพื่อเจรจาแลกเปลี่ยนเชลยศึก ผลไม่ชัดเจนให้นำเรื่องเข้าหารือระดับสูงของทั้งสองฝ่าย๑๘ พฤษภาคม ๒๕๔๕ ฐานของทหารว้าแดงตลอดแนวชายแดนไทยพม่าในเขตภาคเหนือ ถูกโจมตีอย่างหนักจากกองกำลังไทยใหญ่ ส่งผลทำให้ไทยใหญ่เข้ายึดฐานที่มั่นทางทหารของพม่า - กลุ่มว้า จนถึงเช้าวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๔๕ รวมทั้งสิ้น ๒๗-๒๘ ฐาน
ในช่วงเวลาดังกล่าวมีรายงานข่าวแจ้งว่า มีทหารไทยในสังกัดกองกำลังผาเมืองที่ถูกส่งเข้าพื้นที่ชายแดนด้าน อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ ตรงข้ามพื้นที่ BP3 ประเทศพม่า (บริเวณที่เกิดเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารพม่า-กำลังกู้ชาติไทยใหญ่ (SSA) ของ พ.อ.ยอดศึก ตั้งแต่วันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๔๕) จำนวนราว ๕๐นาย ได้ขาดการติดต่อกับหน่วยเหนือไป โดยยังไม่สามารถยืนยันสาเหตุได้ ขณะเดียวกันเริ่มเกิดข่าวลือหนาหูมากขึ้นว่า การปะทะกันระหว่างกำลังทหาร SSA กับทหารพม่า - ว้า ในพื้นที่รัฐฉานตรงข้ามพรมแดนด้านแม่ฮ่องสอน - เชียงใหม่ และเชียงราย หลายวันที่ผ่านมา ทหารไทยมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย นอกจากนี้ยังมีการระบุออกมาถึงขั้นว่า มีการส่งกำลังทหารไทยเข้าไปร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ และหนังสือพิมพ์บางฉบับได้ถึงกับระบุชื่อของนายทหารระดับนายพันของหน่วยสงครามพิเศษที่ได้เข้าไปควบคุมการปฏิบัติการในครั้งนี้ด้วย
๑๙ พฤษภาคม ๒๕๔๕ หนังสือพิมพ์ของไทยบางฉบับ และหนังสือพิมพ์ต่างประเทศบางฉบับ ได้ลงข่าวว่าไทยกับ พม่าตกลงร่วมกัน หรือรัฐบาลไทยกับหม่องเอตกลงร่วมกัน ที่จะใช้กำลังกวาดล้างทหารว้า ที่อยู่ตามแนว ชายแดนทั้งหมด
๒๐ พฤษภาคม ๒๕๔๕ มีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายเข้าโจมตีฐานของว้าแดงแตกไปหลายฐานและมีฐานของทหารพม่า ๔-๕ ฐานถูกโจมตีละลายทั้งฐาน ทหารในฐานทั้งหมดเสียชีวิต ในจำนวนนี้มีนายทหารระดับยศพันโท ผู้บังคับการกองพัน และนายทหารระดับนายพันอีกประมาณ ๓-๔ นายรวมอยู่ด้วย
๒๑ พฤษภาคม ๒๕๔๕ รัฐบาลย่างกุ้งส่งโทรสารไปยังสำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนัก กล่าวหาว่าไทยสนับสนุนการก่อการร้าย รวมทั้งติดอาวุธให้กับกลุ่มกองกำลังกู้ชาติไทยใหญ่เพื่อโจมตีกลุ่มกองทัพว้าแดง เนื้อหาในแถลงการณ์บางตอนระบุว่า เป็นที่น่าเสียใจที่นายทหารไทยให้ข้อมูลผิดๆ แก่สื่อมวลชน ซัดทอดความผิดแก่ชนชาติว้าฝ่ายเดียว ขณะเดียวกันกลับสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายในแผ่นดินของตนเองจนนำมาซึ่งภาวะไร้เสถียรภาพในหลายๆประเทศในภูมิภาคนี้ พล.ต.จ่อวิน รองเจ้ากรมข่าวกรองทหารพม่า แถลงในวันเดียวกันอีกว่า รัฐบาลย่างกุ้งพร้อมที่จะใช้มาตรการอื่นๆ นอกเหนือไปจากมาตรการทางการทูตเพื่อตอบโต้ไทย รักษาไว้ซึ่งอธิปไตยและดินแดนพม่า วาระเดียวกันนี้ เขายังปฏิเสธว่า พล.อ.หม่อง เอ ผู้บัญชาการทหารบก และรองประธานสภาสันติภาพและการพัฒนา (SPDC) ไม่ได้ให้ไฟเขียวแก่ทหารไทยบุกถล่มแหล่งผลิตยาเสพติดของว้าแดง หลังจากเดินทางเยือนประเทศไทยเมื่อเร็วๆนี้ "พม่าไม่ยอมให้ทหารต่างชาติล่วงล้ำอธิปไตย ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น การกระทำของทหารไทยครั้งนี้ ไม่ถือว่าเป็นสิ่งที่เพื่อนบ้านกระทำต่อกัน" พล.ต.จ่อวิน กล่าว
ขณะที่นายทหารระดับสูงของไทยยืนยันว่า รถถัง และอาวุธหนักที่ดาหน้าขึ้นเหนือประชิดชายแดนนั้น เป็นเพียงการซ้อมรบแต่สื่อโทรทัศน์ของพม่า กลับได้ออกข่าวระดมคนในชาติไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติพม่า ว้า คะฉิ่น ฯลฯ ให้ร่วมกันขับไล่ "ข้าศึก" ที่รุกล้ำประเทศพม่าออกไป ข้าศึกที่ว่านี้ พม่าระบุชัดแจ้งว่าหมายถึง ประเทศไทย เหตุผลเนื่องจาก ตลอดสัปดาห์มีกระสุนปืนจากรถถัง - ปืนใหญ่ ข้ามจากฝั่งไทย ไปตกในฝั่งพม่า แถบตรงข้าม อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่และบริเวณตรงข้ามชายแดนด้านปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน จนทำให้ฐานทหารพม่าในพื้นที่แถบนี้ ถูกกองกำลัง SSA ตีแตกและเข้ายึดฐานไปหลายแห่ง ที่สำคัญ กองกำลังกู้ชาติไทยใหญ่ (SSA) ที่เคลื่อนไหวอยู่บริเวณชายแดนตรงข้าม จ.เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ไม่มีปืนใหญ่ และรถถังอยู่ และทหารพม่าเสริมกำลังด้วยรถถังแบบที ๖๙ จำนวนประมาณ ๑๐๐ คัน เข้ามาตรงข้ามจังหวัดแม่ฮ่องสอน๒๒ พฤษภาคม ๒๕๔๕ ทางการพม่าสั่งปิดพรมแดนพม่า-ไทยทั่วประเทศ ตั้งแต่เขตติดต่อ อ.แม่สาย จ.เชียงราย- จ.ระนอง มีข่าวทหารพม่าจากค่ายเมือง กองพล ๓๓๑ ทางตอนเหนือของ จ.ท่าขี้เหล็ก ๓๐๐ นาย เข้ามาตั้งค่ายที่หมู่บ้านสามปี จ.ท่าขี้เหล็ก ตรงข้ามผาช้างมูบ-ผาหมี ต.เวียงผางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตลอดแนวชายแดนตั้งแต่จังหวัดเชียงรายถึงระนองพบว่าในฝั่งพม่ามีการเสริมกำลังทหารอยู่ตลอดเวลาซึ่งชายแดนตรงข้ามจังหวัดเชียงราย,เชียงใหม่,แม่ฮ่องสอน มีกำลังทหารพม่าเข้าประจำการถึง ๑๔๙ กองพัน โดยเฉพาะชายแดนตรงข้ามอำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ พบว่ามีการเสริมกำลังทหารเข้าไปอย่างผิดปกติเนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีการสู้รบกันอย่างหนักระหว่าง พม่ากับกองกำลังกู้ชาติไทยใหญ่
ขณะที่ชายแดนตรงข้ามจังหวัดตาก พม่าได้เสริมกำลังทหารเข้าไป ๕๐๐ นายพร้อมรถลำเลียงพล ๖๐ คัน ส่วนชายแดนด้านจังหวัดระนอง นอกจากจะมีเรือรบ ๓ ลำ เข้าประจำการในฝั่งพม่าแล้ววันนี้ยังได้มีการติดตั้งปืนใหญ่และจรวด แซมพร้อมระบบเรด้าห์ โดยมีพลจัตวา ต้าเอ้ ผู้บัญชาการภาคทหารบกพื้นที่ชายฝั่งเป็นคนบัญชาการ และได้สั่งให้เพิ่มความเข้มในการตรวจตราน่านน้ำตลอดเวลาด้วย
ขณะเดียวกันบรรดาสื่อของทางการพม่า ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์หรือโทรทัศน์ ก็ยังคงออกข่าวโจมตีไทยตลอดเวลา และได้มีการปลุกระดมมวลชนตามหัวเมืองใหญ่ ๆ ต่อต้านไม่ให้ซื้อสินค้าไทย และได้นำเข้าสินค้าจากประเทศจีน,สิงคโปร์ และมาเลเซียมาแทนที่ แต่ถึงกระนั้นพบว่าในฝั่งพม่า เริ่มขาดแคลนสินค้าอุปโภคบริโภคกันแล้ว และที่มีเหลือขายอยู่ก็มีราคาแพง ๔-๕ เท่า บางคนต้องลักลอบข้ามแดนมาซื้อในฝั่งไทย ซึ่งสร้างความวิตกให้ กับคนไทย และพ่อค้าตามแนวชายแดนอย่างมาก เพราะเกรงว่า จะถูกบุกมาปล้นสะดม
ทางการไทยสั่งทุกหน่วยเตรียมพร้อม และมีการเสริมกำลังทางอากาศ ส่งเครื่องบินรบแบบเอฟ ๑๖ ย้ายไปประจำการที่เชียงใหม่
๒๓ พฤษภาคม ๒๕๔๕ รัฐบาลพม่าไฟเขียวให้ทหารพม่าที่ประจำอยู่บริเวณชายแดน สามารถยิงผู้ต้องสงสัยว่ามีอาวุธทุกคนที่ข้ามมาจากฝั่งไทยได้ทันที โดยสำนักงานบริการด้านกลาโหม เป็นผู้ออกคำสั่ง
วันเดียวกัน กลุ่มกะเหรี่ยงอิสระ(เคเอ็นยู) กองพัน ๒๐๑ เข้าโจมตีฐานที่มั่นทหารพม่าค่ายกะแนเล ตรงข้ามบ้านน้ำตื้น ต.วาเลย์ อ.พบพระ จ.ตาก ทางการพม่ามีคำสั่งห้ามราษฎรพม่าข้ามมาฝั่งไทย
๒๖ พฤษภาคม ๒๕๔๕: มีกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ๓๐-๔๐ นาย บุกเข้าโจมตีฐานกองร้อยทหารพรานที่
๓๒๐๖ บริเวณบ้านเมืองนะ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว โดยล้ำแดนเข้ามา ๗๐๐ เมตร ใช้อาวุธปืนและเครื่องยิงลูกระเบิดยิงเข้าใส่ แต่ไม่สามารถยึดฐานของไทยได้ ทหารต้องอพยพคนไทย ๑๐๐ คน ไปอยู่ที่โรงเรียนบ้านเมืองนะ เพื่อรอพิสูจน์ให้ทราบแน่ชัดว่าเป็นกำลังฝ่ายไหน
วันเดียวกัน ทหารไทย จับชายชาวพม่า ๓ คน ต้องสงสัยเป็นสายลับเข้ามาสืบข่าว แต่ปรากฏว่าเป็นเพียงชาวพม่าที่ลักลอบเข้ามาหางานทำ ทางการพม่าเสริมกำลังเข้าไปในพื้นที่ จ.ท่าขี้เหล็ก ตรงข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย จำนวนมาก โดยเฉพาะจุดผ่อนปรน ตั้งแต่บ้านเหมืองห้าถึงบ้านหัวฝาย มีการสร้างบังเกอร์กระสอบทรายตลอดแนว และสั่งปิดจุดผ่อนปรนบ้านหัวฝาย ขณะที่ฝ่ายไทย กรมทหารม้าที่ ๔ กองกำลังผาเมือง เพิ่มกำลังทหารเข้าไปยังพื้นที่ที่มีกองกำลังทหารพม่าอยู่บางเหตุการณ์เช่น ทหารไทยยืนคำขาดให้ทหารพม่าผสมว้าถอนทหารออกจากเนินปางหนุน แต่ไม่ยอมถอน เลยโดนทหารไทยยิงปืนใหญ่ถล่มแบบถ่ายทอดสด ยังไม่ขอลงละกันครับ มันยาวเหมือนกัน กลัวขี้เกียจอ่าน เพราะที่มาที่ไปก็ยาวเหมือนกัน
ส่วนภาค ๒ จะเป็นผลที่เกิดขึ้นคือ การถอนกำลังทหารไทยยุติการฝึกก่อนกำหนด มีการโยกย้ายนายทหารของไทย และการปรับเปลี่ยนผู้บัญชาการของพม่าและการเปิดให้เข้าตรวจสอบเมืองยอน รวมทั้งแผนพัฒนาเมืองยอนเพื่อยุติยาเสพติด โดยใช้ต้นแบบโครงการหลวงของไทยที่เคยใช้ได้ผลยุติการปลูกฝิ่นมาแล้ว ซึ่งหลายคนคงจะทราบข่าวบ้างพอสมควร เลยไม่ขอเอ่ยในที่นี้ครับ
 

ยาวหน่อยครับ แหะๆ

โดยคุณ TOP เมื่อวันที่ 28/08/2010 21:25:56


ความคิดเห็นที่ 5


ลงชื่อรอด้วยคนครับ

โดยคุณ toni89 เมื่อวันที่ 29/08/2010 07:16:43


ความคิดเห็นที่ 6


 สั้นๆ ฉก.90
โดยคุณ MIGGERS เมื่อวันที่ 29/08/2010 03:29:10


ความคิดเห็นที่ 7


ไรเหลอครับโค้ดลบเหลอ

โดยคุณ rodlfc เมื่อวันที่ 29/08/2010 04:21:33


ความคิดเห็นที่ 8


คุณ Top มาลงให้หมดเลยนะครับ หลอกให้อ่านแล้วจากไปยังงี้ T_T

ฉก.90 หน่วยพิเศษของกองทัพ
โดยคุณ piyapart เมื่อวันที่ 29/08/2010 04:56:04


ความคิดเห็นที่ 9


ขอบคุณคุณ TOP มากเลยครับ   :)
โดยคุณ smish เมื่อวันที่ 29/08/2010 06:27:27


ความคิดเห็นที่ 10


สนุกมาครับคุณ TOP อยากอ่านจนจบจัง

ชอบครับแบบนี้ยาวๆๆแบบนี้แหละชอบขอภาค2ส่วนที่เหลือได้ไหมครับ

โดยคุณ rodlfc เมื่อวันที่ 29/08/2010 00:29:27


ความคิดเห็นที่ 11


ขอเล่าหน่อยนะครับ...(เอาเหตุการณ์ในตัวอำเภอก่อนนะครับ ขอบอกก่อนเลยว่า ช่วงนั้น ยาบ้าหายไปเยอะจริงๆครับ จะหายาบ้าสักเม็ดเจียนตาย (เขาบอกมา) )
ช่วงนั้นผมเรียนอยู่ที่เวียงแหงครับ ติดชายแดนเลยครับอำเภอนี้ บ้านผมอยู่ห่างจากชายแดนประมาณ 15 โลฯ ตอนนั้นผมก็อายุประมาณ 10-11 ปีได้ครับ พ่อผมเป็นครูที่นั้นก็เลยต้องไปเรียนที่นั้น
เหตุการณ์ตอนนั้น เมื่อรัฐบาลเริ่มเอาจริงกับยาเสพติด ก็เกิดปัญหาชายแดนตามมาครับ (ข่าวบอกว่า ถ้าหน่วยไหนจับยาบ้าได้ รัฐบาลจะให้เงินค่าเหนื่อยหลายแสนเลยทีเดียวต่อการจับได้หนึ่งครั้ง) ซึ่งมันก็จับได้ทุกวันเลยครับ แม่ผมอยู่สำนักงานสาธารณสุข ต้องออกไปตรวจค่าความเข้มข้นของเฮโรอีนที่จับได้กับทหาร บ่อยๆ (แ้ล้วแม่ก็บอกว่า ออกไปแจกยาให้ชาวบ้านเฉยๆ) ซึ่งจากการจับยาบ้านี้ทำให้เหตุการณ์ การ "ฆ่าตัดตอนตามมาครับ" เมื่อคนส่งยาบ้าถูกจับ ข่าวรู้ถึงนายใหญ่ ก็ต้องส่งคนมาเก็บเพื่อไม่ให้ความลับรั่ว จึงมีการฆ่าตัดตอนกันทุกวัน...เท่านั้นยังไม่พอ พอตกดึกเสียงที่ผมได้ยินจนชินหูทุกๆ คืนคือ เสืองปืนใหญ่ ปืนใหญ่ทหารไทยนี่แหละครับ ยิงแบบ ผมว่าหลายคนไม่เคยเห็นไทยยิงอย่างนี้นะครับ แบบ 1 นาที ผมจะได้ยินเสียงปืนใหญ่ ดังตึม...ตึม...ตึม ประมาณ 20-30 นัด ครับ ได้ยินอย่างนี้ทุกคืน พอเช้ามาประมาณ ตี 4 ถึงตี 5 
เสียงปืนใหญ่ก็จะหายไปครับ แทนที่ด้วยเสียงของรถบรรทุกทหารครับ มาเป็น สิบๆ คันเลยทีเดียวต่อวัน บรรทุกทหารขึ้นไปบนชายแดนครับ เยอะมากๆ (จำได้เลยครับ ผมยังไปยืนดูตอนที่เขาขนทหารขึ้นไปอยู่เลย ถ้าโชคดี ผมจะเห็นทหารขนปืนใหญ่ขึ้นไปด้วย) เป็นอย่างนี้ทุกวันจนชินตา พอเช้ามาไปเรียนหนังสือ ทหารก็จะหยุดขนกำลังครับ เพราะเขาจะขนทหารขึ้นชายแดนตอนมึดเท่านั้น แทนที่ด้วยเสียงของเฮลิคอปเตอร์ครับ ได้ยินเสียงมันทุกวัน จนครูต้องหยุดสอนหนังสือ เพราะเสียงดัง แล้วเด็กก็วิ่งออกไปดูกันเต็มเลย นานๆทีก็จะได้ยินเสียงเครื่องบินครับ เป็นอย่างนี้ทุกวัน...
ชาวบ้านที่อยู่ชายแดนต่างพากันทยอยลงมาอยู่ในตัวอำเภอครับ บางคนไปอยู่วัดก็มีเพราะแถบชายแดนตอนนั้นเริ่มอันตราย ผมไปถามชาวบ้านที่ลงมาจากชายแดน (ส่วนมากเป็นคนจีนฮ้อ กับไทยใหญ์) ถามว่าได้ยินเสียงปืนใหญ่ไหม เขาตอบว่าทุกวันเลย แถมได้ยินเสียงปืนกลด้วยเขาบอก (เขาใจนะว่าน่าจะเป็น M16 ) พอคนทยอยกันลงมามากขึ้นที่ในอำเภอผมเริ่มชักจะกลัวแล้วครับ พร้อมกลับข่าวลือจากคนที่ทยอยลงมาว่ามีลูกระเบิดตกลงตรงเจดีย์ในวัดบ้าง ทหารองค์รักษ์โดนยิงบ้าง (ช่วงนั้นพระราชินีเสด็จบ่อยมากๆ ขนาดอันตรายขนาดนั้น พระองค์ยังเสด็จ แม่ผมต้องไปรับเสด็จประจำ อันตรายเหมือนกัน) พระราชินีเสด็จมาทางฮอครับเห็นขบวนฮอเสด็จประจำเลย...พอถึงวันเสาร์ป้าผมมาจากตัวเมืองเชียงใหม่ครับ มาที่เวียงแหง แล้วบอกว่าอยากจะไปเยี่ยมเพื่อนที่ชายแดน (ป้ากรุคิดอะไรอยู่วะตอนนั้น) โทรไปหาเพื่อนป้า เพื่อนก็บ้าจี้อีก บอกว่ามาเลย ไม่น่ากลัวหรอก พอบ่ายวันเสาร์ผมก็ไปกับป้าผมด้วยนั่งรถยนต์ไปพอไปถึงที่ชายแดนภาพที่เห็นโอ้สุดยอดครับ ผมเห็นหทาร 20 กว่าคนช่วยกันขนปลอกกระสุนปืนใหญ่ลงมาจากฐานปืนใหญ่ ใช้ม้าขนลงมาก็มี ผมยืนมองไกลคิดว่าเป็นร้อยๆ ปลอก ครับ (สรุปก็คือกลางคืนยิง กลางวันขนปลอกกระสุนลง เออ ใช้ได้ๆ) ผมอยู่ที่นั้นได้เห็นอะไรหลายๆ อย่างที่คนอื่นไม่เห็นครับ ที่ว่าทหารไทยยิงปืนใหญ่นั้น ฟันธงครับ ยิงแน่นอน แต่ยิงไปไหนนั้นไม่รู้เพราะดูจากปลอกและเสียงปืนใหญ่ที่ได้ยินมันทุกคืน...

มีอะไรเพิ่มเติมเดี๋ยวผมจะมาต่อให้นะครับ แต่ตอนนี้รอเจ้าของกระทู้มาต่อเรื่องที่เป็นทางการอยู่ครับ

(ปล.ป้าผมเปิดร้านขายข้าวในตัวอำเภอ นายทหารมากินกันแทบทุกวัน เกี่ยวกันมั๊ย)
โดยคุณ NightForce เมื่อวันที่ 30/08/2010 15:15:18


ความคิดเห็นที่ 12


เสริมครับ สำหรับคนที่ยังไม่รู้ครับ...
SSA มาจากคำว่า Shan State Army ครับ แปลก็คือ กองกำลังรัฐฉาน
โดยการนำของเจ้ายอดศึก พวกนี้รบเก่งมากครับ ผมได้ดูคลิปการรบจริงๆ แล้ว พม่าแตกกันทั้งฐานเลย ดูไปเสียวไปเพราะศพแต่ละศพ เกินบรรยาย
(เจ้ายอดศึกเข้าออกไทยบ่อยมาก และเคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสารทางทหารของไทยมาแล้วด้วย) 
โดยคุณ NightForce เมื่อวันที่ 30/08/2010 15:23:26