ต้องให้ทำเลวใช่ไหมถึงจะไม่ตาย...เสียงจากทายาท"เปาะอีแตดาโอะ" | ![]() |
![]() |
วันจันทร์ที่ 20 เมษายน 2009 22:47น. | |
สิรินาฏ ศิริสุนทร
"พ่อบอกเสมอว่า อะไรเป็นสิ่งที่ดีอย่าลังเลที่จะทำ ตายเพื่อช่วยเหลือคนอื่น มันยังดีกว่าเกิดมาแล้วไม่ได้ทำอะไรเหลือไว้เลย เราทำดีมาตลอด แต่ได้ผลแบบนี้ ต้องให้ทำเลวใช่ไหมถึงจะไม่ตาย..." เป็นเสียงจากทายาทสาวในตระกูล "เปาะอีแตดาโอะ" ภายหลังการเสียชีวิตของ ลัยลา เปาะอีแตดาโอะ นักกิจกรรมด้านสิทธิสตรี เจ้าของรางวัลสตรีดีเด่นของ อ.กรงปินัง จ.ยะลา ประจำปี 2552 ซึ่งถูกลอบยิงเมื่อวันที่ 13 มี.ค.2552 ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา แม้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพียงอีกครั้งหนึ่งที่สังคมได้รับรู้ถึงความโหดร้ายของสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่สำหรับตระกูล "เปาะอิแตดาโอะ" แล้ว มันถือเป็นโศกนาฏกรรมซ้ำซากที่ดูเหมือนจะไม่มีวันสิ้นสุด เพราะ ลัยลา คือศพที่ 4 ที่ต้องสังเวยให้กับความรุนแรง... ศพแรก ลูกชายคนโตของครอบครัว ถูกยิงเสียชีวิตเมื่อปี 2547 ขณะดำรงตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน ศพที่สอง ลูกชายคนที่สองถูกยิงเสียชีวิตเมื่อปี 2549 ขณะเป็นเจ้าหน้าที่อาสาสมัครหมู่บ้าน ศพที่สาม ปลายปี 2549 สามีของลัยลาก็ถูกยิงเสียชีวิตไปอีกคน ขณะมีตำแหน่งเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือหน่วยงานของรัฐ ศพที่สี่ ตัวของลัยลาเองก็มาจบชีวิตลง จากครอบครัวใหญ่ที่มีความสุข วันนี้ที่เหลือเพียงพ่อ แม่ หลานๆ และลูกสาวอีก 3 คนเท่านั้น สับสน วุ่นวาย ไม่เข้าใจ ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร... สิ่งเหล่านี้กลายเป็นหมอกควันที่อยู่ในใจ วรรณกนก เปาะอิแตดาโอะ ผู้จัดการ "กลุ่มลูกเหรียง" กลุ่มเยาวชนที่ทำงานเยียวยาเด็กที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ กับ ปาตีเมาะ เปาะอีแตดาโอะ ผู้อำนวยการกลุ่มผู้หญิงเพื่อสันติภาพ (We Peace) ที่เคลื่อนไหวด้านสิทธิสตรีในพื้นที่ 3 จังหวัด ลูกคนที่ห้าและลูกคนเล็กของบ้านเปาะอีแตดาโอะ แม้ไม่มีใครกล้าฟันธงว่าเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากอะไร แต่การทำงานเพื่อเชื่อมชุมชนเข้ากับรัฐของสมาชิกในครอบครัว "เปาะอิแตดาโอะ" ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ความสูญเสียอย่างต่อเนื่องจึงกลายเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึงอย่างนั้นทั้งคู่ก็ยังยืนยันที่จะสานงานต่อเพื่อทำให้ "บ้านเกิด" สงบสุขเสียที เส้นทางตามความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าและชะตากรรมต้องสาปจึงดูเหมือนจะกลายเป็นคนละเรื่องเดียวกัน...
O เริ่มทำงานในพื้นที่ได้อย่างไร? วรรณกนก : กลุ่มลูกเหรียงเกิดจากการที่เราเห็นปัญหาเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนในพื้นที่สามจังหวัด โดยแรกเริ่มจะเน้นไปที่ประเด็นโรคเอดส์ที่เกิดกับเด็กในพื้นที่ จนกระทั่งเมื่อปี 2547 สถานการณ์เริ่มเข้ามา เด็กที่เราทำงานด้วยส่วนใหญ่ก็สูญเสียพ่อ แล้วตอนนั้นมันยังไม่มีค่ายเยียวยา ยังไม่มีใครทำอะไรเลย เราก็คิดว่าน่าจะจัดค่ายเยียวยาของตัวเองโดยที่ไม่ต้องรอให้ใครมาช่วยในระดับหนึ่งก่อน ก็เลยหันมาจับเรื่องความไม่สงบ ซึ่งเราก็พยายามสอดแทรกให้ความรู้กับเด็กที่มาเข้าค่ายเกี่ยวกับสันติวิธี สอนให้เขารู้ว่าความรุนแรงเป็นสิ่งที่ไม่ดี ปาตีเมาะ : เมื่อก่อนเราทำงานอยู่กับองค์กรเอกชนนอกพื้นที่ ก็ไปๆ มาๆ ทีนี้เรามาเริ่มเห็นว่าในฐานะที่เราเป็นคนพื้นที่ เราเห็นปัญหาที่บ้านเรา เรารู้สึกว่าคนข้างนอกไม่เข้าใจปัญหาคนภาคใต้ ทำไมในฐานะคนภาคใต้เราไม่มาทำงานเอง ก็เลยลาออกมาตั้งกลุ่มจากเครือข่ายที่เรามี และเราเองก็เป็นผู้ได้รับผลกระทบด้วย ทำให้รู้ปัญหาของผู้ที่ได้รับผลกระทบว่ามีอะไรบ้าง ก็เริ่มเห็นว่ามันมีปัญหาอื่นด้วย อย่างความรุนแรงในครอบครัว การถูกล่วงละเมิด ก็เลยคิดว่าน่าจะทำเรื่องการคุ้มครองสิทธิของผู้หญิงและเด็ก รวมไปถึงการยุติความรุนแรงของผู้หญิงในทุกรูปแบบ ต้องยอมรับว่าคนในพื้นที่ไม่รู้เลย และไม่เคยรับรู้เลยว่าคำว่า "สิทธิสตรี" มีอะไรบ้าง สิทธิมนุษยชน ความเป็นมนุษย์ มีด้วยเหรอ...ไม่มีใครรู้
O จับงานคนละทางแบบนี้ แล้วมีการร่วมงานกันบ้างไหม? วรรณกนก : ส่วนใหญ่ถ้าเราเจอผู้หญิงมันเลี่ยงไม่ได้ที่จะเจอเด็ก หรือถ้าเจอเด็กก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะเจอผู้หญิง เราก็จะส่งเคสกันไป เราเจอเด็กก็ส่งให้ลูกเหรียง ลูกเหรียงเจอผู้หญิงก็ส่งให้เรา อันไหนที่น่าจะลงไปเยี่ยมพร้อมๆ กันก็จะลงไปพร้อมๆ กัน ปาตีเมาะ : ลูกเหรียงจะเริ่มจากเล่านิทาน แต่กลุ่มผู้หญิงจะทำเรื่องสื่อ พูดถึงเรื่องผู้หญิงและเด็ก กับกฎหมายประเด็นครอบครัวด้วย
O แสดงว่าสถานการณ์ความรุนแรงกับปัญหาครอบครัว รวมทั้งปัญหาในชุมชนมันกลายเป็นเรื่องเดียวกันหมด? ปาตีเมาะ : หลายอย่างต้องยอมรับ เพราะความรุนแรงในภาคใต้ไม่ได้เกิดจากความรุนแรงเรื่องความสูญเสียอย่างเดียว ความรุนแรงในครอบครัว ความรุนแรงในการถูกล่วงละเมิดมันก็มีด้วย
O ยากไหมเวลาทำงาน? วรรณกนก : ยากตรงที่ต้องดูแลจิตใจของคนทำงาน คืองานข้างนอกมันไม่ยากหรอก แต่สิ่งที่ยากคือการควบคุมจิตใจ เราต้องตั้งรับกับหลายเรื่อง อย่างในกลุ่มเวลาลงพื้นที่ทำงานเยียวยาแล้วเห็นเพื่อนร้องไห้ มันกลายเป็นช็อคตัวเองให้คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองที่ผ่านมาด้วย เราก็ต้องคอยปลอบ มันไม่เหมือนตอนทำเรื่องเอดส์ เราคอยดูไม่ให้เด็กเกิดพฤติกรรมเสี่ยง แต่เรื่องเยียวยานี่เป็นเรื่องจิตใจล้วนๆ ปาตีเมาะ : มันเหมือนต้องทำงานควบคู่กันไป เน้นการสื่อสารกับชุมชนและคนข้างนอกด้วย เพราะบางทีเราคิดว่าคนในพื้นที่ยังไม่เข้าใจกันเอง คนข้างนอกก็ยังไม่เข้าใจคนในพื้นที่ เพราะฉะนั้นการทำงานเราก็ต้องทำงานควบคู่กันไป เราจะเยียวยาข้างใน ข้างนอกเราก็ต้องเยียวยาด้วย เพราะคนข้างนอกก็รับข้อมูลภาคใต้ด้านเดียว เป็นข้อมูลความรุนแรงตลอดเวลา กลับกลายเป็นว่าคนที่รับผลกระทบจากภาคใต้...คือเราเป็นเหยื่อของสถานการณ์อยู่แล้ว กลับกลายเป็นเหยื่อของคนในสังคมอีก
O ทำงานดูแลคนอื่นมาตลอด เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเราดูแลครอบครัวตัวเองอย่างไร? วรรณกนก : คือ... ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะตอบยังไงนะ เรารู้สึกอยู่ตลอด เรามุ่งมั่นทำงานจนคิดว่าน่าจะตั้งรับได้กับทุกๆ เรื่องที่จะเข้ามา แต่พอเกิดกับตัวเองจริงๆ เราช่วยอะไรตัวเองไม่ได้เลย สองมือที่เคยกอดคนอื่นเราใช้กอดตัวเองไม่ได้ คำพูดปลอบประโลมต่างๆ เราไม่สามารถนำมาใช้กับตัวเองได้ นี่เป็นครั้งที่ 4 แล้วที่ต้องเจอเรื่องอย่างนี้ มันรู้สึกว่าหมดศรัทธาต่อความดีที่เราคอยช่วยเหลือคนอื่นมาโดยตลอด ปาตีเมาะ : ครอบครัวเราสูญเสีย 3 คนแล้ว เราก็ถูกคุกคามตลอด ชีวิตที่เหลือที่บ้าน กำพร้าหมดเลย แล้วก็มีพี่สาวที่เป็นหญิงหม้าย ตอนกลางคืนก็มานอนรวมกันที่บ้านพ่อ มานอนเรียงกัน พ่อก็เป็นเวรยามรักษาความปลอดภัยให้พวกเรา เหมือนทุกคนเริ่ม... เหลืออยู่ 4 คนแล้ว ผู้ชายไม่มีแล้ว ได้แต่มองหน้าว่าใครจะไปก่อนกัน ก็กลายเป็นว่าพี่สาว 2 คนที่โดนล่าสุด แทนที่จะเป็นเรากับพี่เปาะ ไม่ใช่พี่ที่บ้าน เพราะพี่ที่บ้านเป็นพี่ที่กรีดยาง ทำสวน เลี้ยงแพะ เลี้ยงไก่ หลังจากพี่เสียก็จะเหลือแค่หลานๆ ที่ขาดพ่อขาดแม่ไปโดยปริยาย ก่อนหน้านั้นชาวบ้านเพิ่งมาบอกว่า มันมีใบปลิวก่อนที่จะยิงพี่สาวว่าจะเป็นการฆ่าล้างตระกูลเปาะอิแตดาโอะ เราก็เลยรู้สึกว่าทำไมชาวบ้านไม่บอกเราทั้งๆ ที่มีใบปลิว ไม่นานมานี้หลานก็เพิ่งมาเล่าว่ามีคนห้ามเพื่อนหลานไม่ให้คบกัน เพราะจะมีการเตรียมเก็บหลานต่อ เดี๋ยวจะโดนลูกหลงไปด้วย เราก็รู้สึกว่าโห... (พูดไม่ออก) ตอนนี้เราก็พยายามสื่อกับสังคมให้เห็นว่า บางทีสังคมเองหรือภาครัฐเองก็ควรจะตื่นตัวกับเหตุการณ์แบบนี้ ช่วยดูบ้านเราเป็นตัวอย่างว่านี่คือการสูญเสีย มันแล้วศพเล่า คุณน่าจะมีมาตรการอะไรในการดูแลประชาชนกับชีวิตที่เหลืออยู่ ไม่ได้หมายความว่าเราต้องการให้ดูแลบ้านเราเป็นกรณีพิเศษ แต่เราต้องการให้คุณดูแลประชาชนที่เหลืออยู่ทั้งหมดไม่ให้เกิดการสูญเสียอีกต่อไป
O จากความสูญเสียของคนในบ้านคนแล้วคนเล่า แสดงว่าการทำงานกับชาวบ้านไม่ได้ผลหรือเปล่า? ปาตีเมาะ : ไม่ใช่ค่ะ อย่างที่เขาพุ่งเป้ามาที่บ้านเรา เขาไม่ได้พุ่งเป้ามาที่การทำงานของเรานะ แต่พุ่งเป้ามาที่ประเด็นส่วนตัว ประเด็นครอบครัว เพราะถ้าเป็นการทำงาน เจ้าหน้าที่ของเราก็ต้องโดน ทุกพื้นที่นะ อย่างบาเจาะ บันนังสตา เป็นพื้นที่สีแดงเข้มเราก็ลงไปคุย คือเขาก็ให้ความร่วมมือดี ทีนี้มันต้องแยก เรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวให้ออก แต่เราไม่รู้ว่าประเด็นที่เราถูกคุกคามภายในครอบครัวมันเกิดจากอะไร
O แล้วรู้ไหมว่าทำไมครอบครัวถึงตกเป็นเป้า? วรรณกนก : โจรคงไม่ชอบคนที่ทำงานมั้ง (ยิ้มเจื่อนๆ) เขาคิดว่าเราช่วยรัฐ งานที่เราทำเหมือนเป็นตัวกลางประสานระหว่างเจ้าหน้าที่กับชาวบ้านให้เกิดการประสานงานกันในชุมชน และเราเองก็ทำงาน... ชาวบ้านไม่เข้าใจว่าเอ็นจีโอคืออะไร แต่ชาวบ้านเขารู้ว่าถ้ามีโครงการฝึกอบรมหรือทำอะไร แน่นอนต้องเป็นรัฐ เราก็พยายามอธิบายว่าเราไม่ใช่นะ เราเป็นประชาชนคนหนึ่ง เขาก็ไม่เข้าใจ ชาวบ้านมองเราในภาพที่เราเป็นคนทำงานให้รัฐ ซึ่งจริงๆ มันเป็นสิ่งที่พ่อและแม่ปลูกฝังพวกเรามาตั้งแต่เด็กแล้ว พ่อสอนลูกๆ ทั้ง 6 คนเสมอว่า ให้ทำความดี ให้ช่วยเหลือคนอื่น จนมาเป็นเราทุกวันนี้ พ่อกับแม่ไม่เคยบอกว่าพอเถอะลูก มันไม่ปลอดภัย น่ากลัว แต่พ่อบอกเสมอว่าอะไรเป็นสิ่งที่ดี อย่าลังเลที่จะทำ ตายเพื่อช่วยเหลือคนอื่น มันยังดีกว่าเกิดมาแล้วไม่ได้ทำอะไรเหลือไว้เลย เราทำดีมาตลอด แต่ได้ผลแบบนี้ ต้องให้ทำเลวใช่ไหมถึงจะไม่ตาย เมื่อก่อนเราก็คิดนะว่าเขาคงไม่ทำร้ายผู้หญิง แต่มาวันนี้เขาทำแล้ว ปาตีเมาะ : เชื่อเถอะว่าต้องมีคนที่ 5 (น้ำตาคลอ)
O ทำไมไม่ย้ายออกไป? ปาตีเมาะ : แม่ไม่ยอม แม่บอกว่ายังไงๆ แกก็ไม่ยอมย้าย เราไม่รู้จะพูดยังไง มีคนเสนอเหมือนกันให้เราย้ายไปที่เชียงใหม่ ให้ย้ายไปที่กรุงเทพฯ แต่การที่เราย้ายไปคนเดียวที่บ้านก็ไม่ไปด้วย มันเหมือนเห็นแก่ตัวน่ะ ที่บ้านอยู่ท่ามกลางความหวาดกลัว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ใครจะเป็นรายต่อไป
O คิดว่ามันเป็นชะตากรรม? ปาตีเมาะ : ตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าคนเราจะตาย อยู่ไหนมันก็ตาย (ยิ้ม) เราก็เลยเริ่มมีกำลังใจนะที่จะทำงาน คำๆ นี้มันใช้ได้ตลอดเลย มีคนมุสลิมสอนให้เราคิดว่า ชะตาชีวิตของคนเรา พระเจ้าได้กำหนดไว้แล้วว่าเราจะตายในวิถีทางไหน เพราะฉะนั้นถ้ามันถึงฆาตที่เราจะตาย ถ้ามันไม่ถึงฆาตเราก็คงยังไม่ตายหรอก (หัวเราะ) วรรณกนก : เราเชื่อว่ามันเป็นบททดสอบของพระผู้เป็นเจ้ามาโดยตลอด ถึงมันจะดูหนักหนาสาหัสกว่าคนอื่นๆ แต่ก็น้อมรับโดยไม่มีข้อโต้แย้ง ก็มีเหมือนกันนะที่บางครั้งเราพยายามตั้งคำถามว่าครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้าย พระองค์คงไม่ทดสอบเราอีก อยากให้ที่บ้านได้เจอกับสิ่งที่ดีๆ บ้าง เพราะนานแล้วที่คนในบ้านไม่ได้ยิ้มหรือหัวเราะอย่างเป็นสุขจริงๆ สักที
O หลังจากนี้จะทำอย่างไรต่อ... ปาตีเมาะ : ก็คิดว่าต้องอยู่ให้ได้ เพราะที่ผ่านมาเราหยุดนิ่งกับเหตุการณ์ พยายามจะไม่พูดเรื่องนี้ จนตอนนี้เรารู้สึกเรื่องมันเงียบมาก สังคมไทยในฐานะที่เราเป็นคนทำงานคนหนึ่ง พอมันเกิดอะไรขึ้นกลับไม่มีใครตื่นตัวเลย ไม่มีใครนึกถึงว่าจะเซฟคนที่เหลืออยู่ให้มีชีวิตต่อไปยังไง ก็เลยรู้สึกว่าเราต้องทำน่ะ แล้วงานไม่ใช่แค่ว่าพอเขาทำที่บ้านแล้วเราจะหยุด มันไม่ใช่ ไม่เช่นนั้นแล้วคนอื่นๆ จะกล้าขึ้นมาทำงานเหรอถ้าเป็นแบบนี้ เราคงไม่ถอย แล้วเราก็คงไม่ยอมให้ชีวิตที่เหลืออยู่ต้องตายลงไป คิดนะ ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่จะต้องไม่มีใครสูญเสียอีกในครอบครัว นอกจากเราสูญเสียไปก่อน
วรรณกนก : ตอนนี้นอกจากหลานๆ ที่เหลืออยู่ในบ้าน ก็คือเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ เราก็พยายามช่วยกันหามาเพื่อให้เพียงพอกับชีวิตที่ต้องดำเนินต่อไป ไม่มีเวลาที่จะหยุดแย่นานๆ หรอกค่ะ
O ในเมื่อเราต้องทำงานที่แบกรับความเสี่ยงอย่างนี้อยู่ตลอดเวลา คิดจะวางมือจากสิ่งที่ทำอยู่ไหม? วรรณกนก : ไม่เคยคิด (เน้นเสียง) ทุกครั้งที่เกิดเรื่อง โอเค...เราตั้งคำถาม แต่ไม่เคยหยุด เราเกิดมาเพื่อทำสิ่งเหล่านี้ กลุ่มลูกเหรียงก็เป็นเหมือนชีวิตจิตใจของเรา หลานเองก็มีส่วนที่ทำให้เราอยากทำ เห็นเขาแล้วก็สะท้อนไปถึงเด็กคนอื่นว่าแล้วเขาจะอยู่ยังไง ถึงวันนี้เราจะเป็นเพียงคนทำงานกลุ่มเล็กๆ ไม่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานไหนเป็นพิเศษ แต่ลำบากแค่ไหนก็ต้องทำ ก็เพื่อเด็กๆ ที่ยังรอเราอยู่ข้างหลัง หลายคนบอกว่า เพราะบ้านเราทำงานช่วยเหลือรัฐมาตลอด โจรเกลียดคนที่เป็นหน่วยงานรัฐ แต่เรายืนยันว่าเราไม่ได้ทำงานช่วยเหลือใคร ทั้งบ้านเราทำงานเพื่อความถูกต้อง อะไรเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เราคิดว่าเราต้องทำ ยิ่งบ้านเรามาถูกฆ่าไปคนแล้วคนเล่าแบบนี้ เรายิ่งต้องทำเพื่อความถูกต้อง หรือความถูกต้องมันไม่มีบนโลกใบนี้ หรือแค่ประเทศนี้ประเทศเดียว หรือที่สามจังหวัดความยุติธรรมมันไม่มี ปาตีเมาะ : ถึงแม้เราตกเป็นเหยื่อ ถ้าเราหยุดแล้วใครจะกล้าลุกขึ้นมาทำงานเพื่อคนที่เหลืออยู่ การทำงานในภาคใต้เราไม่ได้มองว่าตัวเราคนเดียวที่ทำงาน ถึงแม้ทุกวันนี้จะมีคนทำงานในพื้นที่จริงๆ เพียงไม่กี่กลุ่ม แต่ถ้าเราถอย ก็คงไม่มีใครคนอื่นกล้าเข้ามาช่วย และนี่ก็ถือเป็นจุดที่ทำให้เราเข้มแข็งตราบใดที่เราไม่หยุดถูกคุกคาม เราก็ยังหยุดไม่ได้ ตราบใดที่ยังมีการสูญเสียเพิ่มขึ้นเราก็หยุดไม่ได้ แม้การทำงานของเราอาจจะไม่ได้ช่วยให้คนหยุดการกระทำเหล่านั้น แต่มันก็สร้างให้คนเข้าใจเรื่องสถานการณ์ เรื่องสิทธิของตัวเอง นั่นก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว
(หมายเหตุ : สกู๊ปพิเศษเรื่องนี้เป็นอีกชิ้นงานหนึ่งที่ "ทีมข่าวจุดประกาย" หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ร่วมกับ "ทีมข่าวอิศรา" โดยสกู๊ปได้ลงตีพิมพ์ในเซคชั่น "จุดประกาย เสาร์สวัสดี" คอลัมน์ "Be My Guest" ในชื่อ "โศกนาฏกรรมซ้ำซาก...ครอบครัวเปาะอิแตดาโอะ" ฉบับวันเสาร์ที่ 18 เม.ย.2552 โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา นำมาปรับเนื้อหาใหม่เล็กน้อยเพื่อความเหมาะสม)
|
ขอบ่น
ปัจจุบันนี้อ่านเวบข่าว หรือหนังสือพิมพ์มีแต่ข่าวแต่ดารา ในด้านไม่ดี
ไม่มีสื่อไหน เอาคนดีสังคมมาเขียนเลย (ยกเว้นทีมข่าวจุดประกาย" หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ)
หากมีสื่อวิ่งกันเล่นอยู่ในเวบนี้ ผมรบกวนเห็นคุณค่าคนดีของสังคมที่เขายังมีลมหายใจอยู่บ้างแถอะ คนเหล่านี้ ยอมเสียสละตัวเอง เพื่อความสุขของคนอีกหลายๆ คน
ขอบคุณครับ
ผมเห็นด้วยกับคุณโรนินมากเลยครับ
เคยเข้าไปอ่านในเว็บของผู้จัดการอ่ะครับ
ข่าวที่มีสาระดีๆ สกู๊ป หรือ บทสัมภาษณ์ที่มีสาระ มีคนเข้าไปดูแค่หลัก
ร้อย บางทีก็หลักพันกว่าๆ
ส่วนกระทู้ของซ้อเจ็ดที่พูดถึงเรื่องลับๆ เรื่องคาวๆของดารา มีคนเข้าไปดูเป็นแสน
เห็นแล้วก็ท้อใจแทนสื่อทุกสื่อที่พยายามนำเรื่องดีๆมานำเสนอ
พอทำออกมาแล้วคนไม่ค่อยสนใจ ขายไม่ได้ เลยก็ต้องเน้นไปเล่นข่าวฉาวโฉ่ของพวกดารา เพราะเป็นเรื่องที่คนสนใจ
ผมเห็นวัฒนธรรมการเสพข่าวสารของคนไทยแล้วเศร้าใจครับ
ขอบ่นด้วยคน
สื่อ เสนอข่าวก๊อสซิพ ดาราตลอด จนสังคมไทยเปลี่ยนไปเป็นคนชอบนินทาไปแล้ว
และไม่ใช่ เกี่ยวกับเรื่องคนดีช่วยเหลือสังคมด้วย
เป็นเรื่อง เปลี่ยนคู่ไปมา จนเด็ก ม3เลียนแบบหมดแล้ว
แมกกาซีน ก็มีแต่โชว์เรือนร่างทั้งนั้น
ผมว่า คุณภาพแทบไม่มีแล้วครับ
มองเห็นอนาคตของ เยาวชนเลยครับ
ขอชื่นชมคนดีที่ต่อสู้ที่ใต้ด้วยครับ ขอให้กำลังใจทุกท่าน