อืมอาจจะจับได้นะครับแต่มันก็แยกไม่ออกอยู่ดีว่าเป็นเป้าหมายหรือว่าอะไรกันแน่ และระยะต้อง1200 กิโลก็คงไม่มีอาวุธประเภทไหน ที่เมดอิน USA ยิงถึงหรอกครับแค่200 กิโลยังไม่มีเลย แน่นอนว่าถ้าจับได้ยังไงก็ล็อคเป้าไม่ได้อยู่ดี ต้องรอให้เข้าระยะที่สัญญานแรงแล้วและระบบแน่นอนว่าเป็นเครื่องบินแน่ๆ ไม่ใช่นกก็คงเข้าอิหรอบเดิมกับ SU30MKM นั่นแหละครับที่จับเป้าหมายได้ไกลแต่ถ้าจะยิงจริงๆก็ต้องให้เข้าระยะไม่ต่ำกว่า120กิโลมาแล้ว แต่ผมว่า1200 กิโลเหมือนราคาคุยเลยเนาะ หลังๆมานี้ แร๊ฟเตอร์ก็ตกบ่อย ไหนจะโดน F15 F18 สอยอีกงานนี้มันก็คงไม่เจ๋งเหมือนกับใครหลายๆประเทศคิดซะแล้ว หลายประเทศก็เลยไปตั้งตารอกับ F35 ที่รอน๊านนาน ไม่ได้ผลิตมาซักที(ซึ่งราคาแมร่งก็แพงแถมยังไม่ค่อยน่าเชื่อถือก็ยังบ้ารอซื้อกันอีก) เหอะๆๆๆ ธรรมดาครับประเทศคนมีตัง เราแค่น้องแจ๊สก็หรูแล้วครับ เล็กพริกขี้หนู
มามั่วครับ เพราะลืมแล้ว
ถ้าจำไม่ผิดอ่านใน Blog F-22 Skyman ครับ แต่ก็ลืมอยู่ดีขี้เกียจเข้าอีกแฮ่ๆ
Su-30MKM จำพวกนี้ เรด้าร์ นั้นตรวจจับได้ไกล 300 กม. เลยกระมัง
อาจจะต้องรอพิสูจน์ฝ่ายก่อนค่อยยิง หมัดยาวได้เปรียบ
แต่ F-22 อาจจะตรวจจับไกลกว่า แต่ก็ยิงไม่ได้เพราะจรวดยิงไม่ถึง - -
แต่ที่ว่ากันเนี้ยว่า 1200 กม. โอ้วแม่เจ้ารวม AWAC ด้วยหรอเปล่าครับนั้น
Grippen ตรวจได้ 120 กม. (ไม่แน่ใจนะราวๆนี้) + AWAC เข้าไปอีก 400 กว่า กม. (ก็ไม่แน่ใจอีกแหละ แต่ไกลมากๆ ตรวจจับได้ตั้งแต่อยู่นอกประเทศไทย)
เข้าใจว่าน่าจะหมายถึงระยะของการตรวจจับใน Mode Passive ของ AN/APG-79 แต่มันก็ดูเวอร์มาก ถ้าเป็นจริงอดเป็นห่วงนักบินไม่ได้ครับ ว่าต้องรับภาระปริมาณข้อมูลมากมายจาก Sensor ของ F-22 ได้ยังไงกันนะ
ข้อมูลเรื่อง Radar F-22 passive mode
http://airforcemedicine.afms.mil/idc/groups/public/documents/afms/ctb_031301.pdf
ปล. ข้อมูลไม่ confirm แต่ Radar ของ Jas-39 ก็อาจจะทำงานในแบบ Passive Mode ได้เหมือนกันนะ
ด้วยราคาที่แพงระยับของบ.เอง เรดาห์เองก็น่าจะมีประสิทธิภาพอยู่มากนะครับ อาจจะจับเป้าได้เพื่อให้นักบินอยู่ว่าเป็นใคร ทำอะไร ที่ไหน เพื่อนำข้มูลมาประกอบการตัดสินใจใช้อาวุธเมื่อเข้ามาในพิสัยยิง ขอขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ