หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


ตกลงเรื่องที่ดินเขาพระวิหารเป็นยังไง คับ เสียดินแดนอย่างที่เค้าว่ารึเปล่า

โดยคุณ : seekmen เมื่อวันที่ : 02/05/2009 20:16:49

ขอไม่มีการเมืองนะครับ พูดเรื่องดินแดนอย่างเดียว


ตกลงตอนนี้มีการรุกล้ำของฝ่ายเขมรเข้ามาจริงๆ รึเปล่า ทำไม ไม่เคยเห็นสื่อไหน ลงเลยนอกจากเว็บ เสธแดง






http://board.sae-dang.com/ReadTopic.php?no=12467




ความคิดเห็นที่ 1


ยังหรอกครับตราบใดที่ยังยึดแผนที่เดิมอยู่ ที่เห็นในเว็บเสธเป็นเรื่องการเมืองนะครับ (ที่จริงถ้าไม่มัวแต่รบกับคนอื่นผมว่าความสามารถระดับเสธติดยศพลเอกไม่ใช่เรื่องยากติดตามผลงานมาตั้งแต่ที่ชองบกแล้ว)

แถม อีกนิด ถ้าประเทศไทยเราแข็งแกร่งเหมือนต้นรัตนโกสินทร์อย่าว่าแต่เขาพระวิหารเลย มลฑลบูรพายังเอาคือได้ (บรรพบุรษเราวางยาเอาไว้แล้ว) ไม่แน่อีก 100 ปีข้างหน้าหากบ้านเมืองเป็นปึกแผ่น เราอาจมีดินแดนเพิ่มก็เป็นได้หรืออาจไม่มีแผ่นดินอยู่หากคนในชาติมัวแต่ทะเลาะกัน

ส่วนเรื่องศาลโลก ดูอย่างรัสเซียเรื่องเซาท์ ออสเซเทีย  จีนเรื่องพม่า

พี่เบิ้มก็ได้แต่เห่าอยู่แต่ในบ้านตัวเองไม่กล้าแหยม EU มองตาปริบๆ

ทั่วโลกไม่กล้าทำอะไรเลย เพราะทั้งสองประเทศเขาแข็งแกร่งทั้งด้านเศรษฐกิจ(สามารถปิดประเทศได้โดยที่วัฏจักรเศรษฐกิจยังคงดำเนินอยู่)

ด้านสังคม (มีความเป็นชาตินิยมสูง)

และการทหาร (ไม่ต้องพูดถึง)

original_siam_flag_web2.jpg image by apgts

โดยคุณ economic เมื่อวันที่ 28/04/2009 02:52:53


ความคิดเห็นที่ 2


เอาวะ พูดซักหน่อยว่าจะไม่พูดแล้วเดี๋ยวโดนอีก คือว่ามันก็พูดไม่ยากไม่ง่ายนะครับเอาเป็นว่า พื้นที่ตรงนั้นเป็นของเรา แต่เขมรก็อ้างว่าเป็นของเขา เพราะเราถือแผนที่กันคนละฉบับ แต่เราชอบพูดทำนองว่าเรายอมรับว่าตรงนั้นเป็นพื้นที่ของเขมร มาจากไหนหรอ ก็มาจากคำว่า พื้นที่ทับซ้อนไง เข้าใจใหมครับ คำว่าทับซ้อนคือเขมรก็มีสิทธิ์ เราก็มีสิทธิ์ ซิ่งก็เหมือนกับว่าเราไปยอมรับว่ามันอาจจะเป็นดินแดนเขมรก็ได้ ซึ่งเราไม่ได้คิดแต่ว่ามันอาจจะเป็นหลักฐานที่ชาวโลก หรือศาลโลกเอามาเพิ่มน้ำหนักให้เขมรได้เหมือนกัน เพราะว่าเราไม่ได้ประกาศตนเป็นเจ้าของชัดเจน เราควรพูดว่า เป็นดินแดนของเราที่เขมรอ้างว่าเป็นของเขาจะดีกว่ามันน่าจะเหมาะกว่าทำให้ต่างชาติเข้าใจว่าอ๋อ ที่แท้เป็นดินแดนของไทยที่เขมรมาอ้างกรรมสิทธิ์นี่เอง ในใจฝรั่งมันก็จะเข้าใจว่าตรงนี่เป็นดินแดนไทยนะ แต่เขมรมันอ้าง

ตามนโยบายของเราจะไม่ใช้กำลังทหาร แต่จะใช้การเจรจาซึ่งผมรู้สึกว่าจะสวนทวนกับรัฐบาลเขมร ที่แสร้งทำโจมตี แล้วก็ออกข่าวว่าเราเหนือกว่าไทย เพื่อสร้างเสียงสนับสนุนให้เกิดความคลั่งชาติในชนชาติเขมรและปลุกระดมให้มองเราในฐานะศัตรูแต่ยังไม่เปิดเผยเพราะตอนนี้เขาต้องพึ่งเราอยู่ และผมก็เชื่อด้วยว่าตอนนี้เขมรยังไม่กล้าทำอะไรกับแผ่นดินตรงนี้หรอก แต่เมื่อไหร่ในอนาคตที่ประเทศเขาได้เงินจากการขายน้ำมันไม่ต้องพึ่งพาเราแล้ว เมื่อนั้นผมก็ไม่รับประกัน

ผมก็ยังมองไม่เห็นว่าที่ท่านผบ.ทบ พูดไว้มันจะทำได้ตรงไหน ที่ท่านบอกว่าจะไม่ใช้กำลังและจะไม่ยอมให้เสียดินแดน แต่ท่านลองดูความเป็นจริงในเมื่อเรา และ เขา ต่างไม่ยอมในที่สุดท้ายเมื่อตกลงกันไม่ได้หรือว่าศาลโลกจะตัดสินให้เป็นของเราตามเดิม แต่มันก็คงหลีกหนีสงครามไม่พ้นหรอก หรือว่าถ้าเราเสียดินแดนครั้งที่15 เราก็ไม่ยอมเช่นกัน แล้วอะไรล่ะที่จะใช้ตัดสินปัญหา ก็ไม่พ้นการทหาร เพราะแม้ว่ารัฐบาลจะยอมแต่ คนไทยทั้งหมดต่างก็ไม่ยอมเหมือนกัน

อิอิอิอิอิอิ ป.ล. เข้าการเมืองหรือเปล่าครับไม่เหมาะสมลบได้นะครับ

โดยคุณ champ thai army เมื่อวันที่ 28/04/2009 04:00:22


ความคิดเห็นที่ 3


แถวนี้บ้านเกิดผมครับ

ผมไม่ใช่ทหาร แต่0.00000000000000000000000001ตารางเมตรก็ยอมไม่ได้ครับ

โดยคุณ JOHN82 เมื่อวันที่ 28/04/2009 06:23:34


ความคิดเห็นที่ 4


    ดูๆแล้วพื้นที่ตรงนั้น เขานำคนเข้าใช้ประโยชน์ได้ ได้มากกว่าเรา เราไม่ได้เข้าไป  เขาขนคนมาอยู่สร้างหลักฐานว่ามีคนอยู่มา  ทำมาหากินอาศัยอยู่  เป็นการยอมรับไปโดยปริยายหรือเปล่า  ว่าที่เป็นของเขา   แล้วตอนนี้เขาไม่ง้อทางขึ้นไทยหรอก  เพราะผมเคยไปเที่ยว เขาทำทาง เอารถยนต์วิ่งขึ้นมาได้แล้ว  และกำลังพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ   ที่หนักกว่านั้น อาจจะเคยได้ยินข่าวกันว่า เขาจำทำกระเช้าไฟฟ้าขึ้นแล้ว   สุดท้ายไทยนี่รักสงบ  ยกให้เขาไป  หนทางที่ทำได้ ไปแทรกแซง โจมตีในเส้นทางที่เขาจะมาเขาพระวิหาร โจมตีนักท่องเที่ยว คนเดินทางมาถนนเส้นใหม่  ปล้่น ทำเหมือนทางใต้ที่บ้านเรา  ไม่ให้มีความมั่นคงในพื้นที่ นักท่องเที่ยวไม่ไป  แต่สุดท้ายเขาก็จะเอาทหารไปอยู่ ก็คงจะหมดหนทาง  ฮ่าๆๆ  ไม่เกี่ยวการเมือง แล้วก็อาจจะไม่ได้มีสาระอะไรเลย  :)
โดยคุณ Tor เมื่อวันที่ 28/04/2009 06:27:54


ความคิดเห็นที่ 5


อันนี้ สายงานโดยตรง ข้อเท็จจริงคือว่า ตัวปราสาทและพื้นที่เขตปราสาท (ย้ำ เฉพาะตัวปราสาทและพื้นที่เขตปราสาท) ตกเป็นของประเทศกัมพูชาตั้งแต่ศาลโลกพิจารณาเมื่อหลายสิบปีก่อนแล้ว คราวนี้ก็มีประเด็นถกเถียงระหว่างประเทศกันยาวนานว่า พื้นที่โดยรอบ (ตัวปราสาทและพื้นที่เขตปราสาท) นั้น ประเทศเป็นผู้ครอบครองอย่างถูกต้อง ซึ่งศาลโลกก็ไม่ได้พิจารณาตัดสิน หรือให้คำวินิจฉัยใดๆ

การได้ครอบครองดินแดนก็ต่อเมื่อประเทศคู่พิพากษายินยอมสละสิทธิครอบครองเหนือดินแดนนั้น อย่างเช่น สหรัฐอเมริกาซื้อ Alaska มาจากรัสเซีย เมื่อทั้งสองประเทศไม่ยินยอมก็จะต้องพยายามเดินเกมส์ทั้งบนดินและใต้ดิน/หรือ ในทางลับ (ตัวอย่าง ดำเนินการใต้ดิน เช่น ส่งคนเข้าไปอยู่ ซึ่งโดยหลัก มันไม่ถูกต้องและไม่เป็นที่ยอมรับตามกฏหมายสากลหรือกฏหมายรัฐธรรมนูญที่เป็นสากล) มองอย่างเป็นกลาง อันนี้ ทั้งไทยและกัมพูชาทำทั้งคู่ ผิดทั้งคู่ เพราะดำเนินการอย่างถูกต้องก็จะเป็นปัญหาโลกแตก ไม่จบสิ้นง่ายๆ แน่นอน ประท้วงหรือบางทีปะทะกันไปมา

สุดท้าย ก็ต้องจบด้วยกำลัง (War at Last Resort) แน่นอนครับ คนที่เริ่มก่อน ถ้าไม่มีอำนาจจริงๆ เสียเปรียบ อันนี้หมายถึงทั้งสองประเทศ ล่าสุดที่ปะทะกัน ในสายตาชาวโลก เราเป็นพระเอกเพราะมีหลักฐานที่พิสูจน์ได้และ ที่สำคัญ ยืนยันฝ่ายเจ้าของได้ (ทุ่นระเบิด) การปะทะก็อ้างกันไปว่า อีกประเทศยิงก่อน แต่สุดท้าย เราหยุดก่อน (นี่ก็ บทพระเอกอีก) และขอเจรจา สำหรับผมถ้ารบกันจริงๆ และไม่มีตัวช่วยจากประเทศใดเลย มันก็เหมือนประเทศใหญ่เอากองเรือรบและบรรทุกเครื่องบินมาตั้งที่อ่าวไทยนะครับ (วันเดียวครับ ครองอากาศได้หมดแล้ว)

เรามีสื่อและเครือข่ายความสัมพันธ์ที่ดีกว่ากัมพูชา แต่ไม่ค่อยได้ใช้สักเท่าไหร่ นี่ต่างหากที่จะใช้เป็นเรียกร้องความชอบธรรมในสายตาชาวโลก จุดนนี้น่าจะต้องปรับปรุงนะครับ (ขอยกตัวอย่าง เช่น ให้คนไทยยืนถือป้ายเรียกร้องให้เจรจากันอย่างสันติ แต่ไม่ต้องเผาหุ่นหรือเรียกทูตมารับจดหมาย แค่นี้ก็ดึงสื่อมาได้มากและสร้างภาพลักษณ์ สงบ สันติ ไม่ใช้ความรุนแรง มีหลักการและเหตุผล แล้วครับ)

โดยคุณ yaiterday เมื่อวันที่ 28/04/2009 07:32:39


ความคิดเห็นที่ 6


พี่น้องร่วมชาติ และมิตรร่วมชีวิตที่รักของข้าพเจ้าทั้งหลาย ตามที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือที่เรียกว่า ศาลโลก ได้วินิจฉัยชี้ขาดเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ.2505 ให้ปราสาทเขาพระวิหารตกเป็นของกัมพูชา และทางรัฐบาลได้ออกแถลงให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบเป็นลำดับนั้น

รัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โดยเฉพาะตัวของข้าพเจ้า ถือว่า เรื่องนี้มีความสำคัญยิ่ง เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผลได้ผลเสียของชาติ อันเป็นเรื่องของแผ่นดินไทย ซึ่งเป็นมรดกที่บรรพบุรุษของเราสู้มา อุตสาห์ฝ่าคมอาวุธรักษาไว้ และตกทอดมาถึงรุ่นเรา

เนื่องจากในคำปราศรัยนี้เป็นเรื่องที่สะเทือนใจพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าทราบดีว่า ในส่วนลึกและหัวใจแล้ว คนไทยผู้รักชาติทุกคน มีความเศร้าสลดและมีความข่มขืนใจเพียงใด แสดงออกถึงของประชาชนในการเดินขบวนทั่วประเทศ เพื่อคัดค้านคำพิพากษาของศาลโลกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็นสิ่งที่เห็นกันอยู่อย่างชัดเจนแล้ว

ทั้งนี้มิใช่ว่าพวกเราจะนั่งนิ่งเฉยหรือท้อแท้ใจ ชาติไทยยอมท้อแท้ทอดอาลัยไม่ได้ เราเคยสูญเสียดินแดนแก่ประเทศมหาอำนาจที่ล่าอณานิคมมาแล้วหลายครั้ง หากบรรพบุรุษของเรายอมท้อแท้ เราจะเอาแผ่นดินที่ไหนมาอยู่กันได้จนถึงทุกวันนี้ เราจะต้องหาวิธีการสู้ต่อไป

สำหรับกรณีเขาพระวิหาร ซึ่งศาลโลกได้วินิจฉัยชี้ขาดไปแล้วนั้น ข้าพเจ้าขอทบทวนเข้าใจกับเพื่อนร่วมชาติทั้งหลายว่า รัฐบาลและประชาชนชาวไทย ไม่ได้เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาลโลก ทั้งในข้อเท็จจริงกฎหมายระหว่างประเทศ และหลักความยุติธรรม

เมื่อเป็นดังนี้ แม้นรัฐบาลและปวงชนชาวไทย จะได้มีความรู้สึกสลดใจและข่มขืนเพียงใด ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ ก็ต้องปฏิบัติตามพันธกรณีในกฏบัติสหประชาชาติ กล่าวคือ ต้องยอมให้กัมพูชามีอธิปไตยเหนือเขาพระวิหาร ตามพันธกรณีแห่งกฎบัติสหประชาชาติ แต่รัฐบาลขอตั้งประท้วงและขอสงวนสิทธิ์อันชอบธรรมของประเทศไทยในเรื่องนี้ไว้ เพื่อสงวนสิทธิ์ที่จะดำเนินทางกฎหมายที่จำเป็น ซึ่งอาจจะมีขึ้นในภายภาคหน้า ให้กรรมสิทธิ์นี้กลับคืนมาในโอกาสอันสมควร
พี่น้องทั้งหลายคงทราบดีว่า ชาติของเราต้องเสียศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิไปเนื่องจากเขาพระวิหาร อีกสิบปีอีกกี่ร้อยปี เราก็สามารถสร้างเกียรติภูมิคราวนี้กลับคืนมาได้ ข้าพเจ้าทราบว่า การสูญเสียปราสาทเขาพระวิหารครั้งนี้ เป็นการสูญเสียที่สะเทือนใจของคนไทยทั้งชาติ

ฉะนั้นแม้นว่ากัมพูชาจะได้ปราสาทเขาพระวิหารนี้ไป ก็คงไปได้แค่ซากปรักหักพัง และแผ่นดินเฉพาะรองรับเขาพระวิหารเท่านั้น วิญญาณของปราสาทเขาพระวิหารยังคงอยู่กับคนไทยตลอดไป ประชาชนชาวไทยจะระลึกอยู่เสมอว่า ปราสาทเขาพระวิหารของไทยถูกปล้นเอาไป ด้วยอุปเล่ห์เพทุบาย คนที่ไม่มีเกียรติและไม่รับผิดชอบ ไม่รักความเป็นธรรม เมื่อประเทศไทยเราประพฤติปฏิบัติดีในสังคมโลก อันเป็นที่มีศีลธรรม มีสัตย์ ในวันหนึ่งข้างหน้าไม่ช้าก็เร็ว ปราสาทเขาพระวิหารจะต้องกลับมาสู่ดินแดนไทยอีกครั้งหนึ่ง
เหตุการณ์เกี่ยวกัยเขาพระวิหารครั้งนี้ สลักแน่นอยู่ในความทรงจำของคนไทยสืบไปชั่วลูกชั่วหลาน และเป็นรอยจารึกอยู่ในประวัติศาสตร์ของชาติไปตลอด เสมือนแผลที่อยู่ในใจของคนไทยทั้งชาติ แต่ข้าพเจ้าหวังอยู่เสมอว่า ในที่สุด ธรรมมะย่อมชนะอธรรม การหัวเราะที่หลังย่อมดังกว่า และนานกว่า

พี่น้องร่วมชาติทุกท่าน ได้โปรดวางใจรัฐบาลซึ่งข้าพเจ้าเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่นี้ จะสามารถนำชาติและพี่น้องชาวไทยที่รักก้าวสู่อนาคตอันสุขใสให้ได้ และข้าพเจ้ารับรองแก่ท่านทั้งหลายว่า เมื่อถึงคราวที่ชาติคับขันแล้ว ข้าพเจ้าจะกอดคอร่วมเป็นร่วมตายกับพี่น้องประชาชนชาวไทย เอาเลือดทาแผ่นดิน ไม่เสียดายชีวิตแม้แต่นิดเดียว แต่เราจะทำอย่างไรได้ ข้าพเจ้าเองมีความเจ็บช้ำน้ำใจไม่น้อยไปกว่าเพื่อร่วมชาติทั้งหลาย

การที่ข้าพเจ้าต้องมากล่าวถึงเรื่องนี้ ข้าพเจ้าอยากจะกล่าวว่า การมาพูดกับท่านด้วยน้ำตา น้ำตาของข้าพเจ้า เป็นน้ำตาของลูกผู้ชาย ของเลือด ของความคับแค้น และการผูกใจเจ็บชั่วชีวิตชาตินี้และชาติหน้า ต่อดวงวิญญาณของบรรพบุรุษผู้กล้าหาญของชาวไทย

ข้าพเจ้าขอกล่าวคำปฏิญาณด้วยสัตย์วาจาดังนี้ พี่น้องที่รักชาติทั้งหลาย น้ำตาไม่อาจทำให้เราฉลาดขึ้น แต่เราจะต้องได้อะไรคืนมา ในขั้นสุดท้ายชาติไทยจะต้องประสบกับชัยชนะเสมอ เราต้องกล้าสู้ เราต้องกล้ายิ้มรับภัยที่มาถึงตัวเรา ชาติไทยเป็นชาติที่เชื่อมั่นในบริวารพุทธศาสนา ตั้งตนอยู่ในความเป็นธรรมตลอดมา

ข้าพเจ้าเชื่อมั่นเสมอว่า ชาติของเราจะไม่อับจนเป็นอันขาด เรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องหนึ่งในบรรดาเรื่องใหญ่ทั้งหลาย มีความสำคัญมากกว่านี้ ชาติที่รักของเรากำลังพัฒนาไปในสู่วิถีทางที่ดีขึ้น เหตุนี้ไม่ใช่เหตุผลความอับจนของเรา จงหวังและทำในเรื่องชาติที่สำคัญกว่านี้ ข้าพเจ้าเชื่อมั่นเหลือเกินว่า ชาติไทยของเรามีอนาคตแจ่มใสและรุ่งโรจน์อย่างแน่อนและมั่นคงในอนาคตอันใกล้ นี้ เราจงมาช่วยกันสร้างชาติที่รักยิ่งของเราต่อไป

พี่น้องชาวไทยที่รักทั้งหลาย วันนี้เป็นวันหนึ่งและในวันข้างหน้า เราจะต้องเอาปราสาทเขาพระวิหารคืนมาให้จงได้ และให้เป็นของชาติไทย

คำปราศรัย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์

โดยคุณ casnova เมื่อวันที่ 28/04/2009 09:29:15


ความคิดเห็นที่ 7


ถึงท่านจะปกครองระบบเผด็จการ แต่โดยส่วนตัวผมนับถือท่านมากเพราะผมคิดว่าท่านมีความรักชาติ และจงรักภัคดีมากคับ
โดยคุณ casnova เมื่อวันที่ 28/04/2009 09:34:49


ความคิดเห็นที่ 8


วิชาประวัติศาสตร์ควรใส่เรื่องนี้ไว้ด้วยรวมทั้งการถูกแย่งดินแดนอย่างเจ็บช้ำจากนักล่าอาณานิคมด้วย

โดยคุณ MaDee เมื่อวันที่ 29/04/2009 09:45:08


ความคิดเห็นที่ 9


จริงๆ ผมมีความอัดอั้นตันใจอย่างหนึ่งครับคือว่าจะโทษว่าเด็กไม่สนใจประวัติศาสตร์อย่างเดียวก็ไม่ถูก ก็ในเมื่อรัฐบาลไม่ได้ให้ความสนใจกับวิชาประวัติศาสตร์ความเป็นมาของประเทศเรา ตอนนี้ผมตอบอย่างไม่อายเลยว่าผมเชื่อว่า ทั้งประเทศเรามีเด็กหรือประชาชนรู้ประวัติศาสตร์น้อยกว่า20 เปอร์เซ็นต์ เพราะผมเคยตั้งคำถามเล่นๆกับลูกค้าผมว่า พระบิดาของพระเจ้าอยู่หัวคือใคร 60 เปอร์เซ็นตอบว่า ร.5 30 เปอร์เซ็นตอบ ร.8 10 เปอร์เซ็นต์ตอบร.7 นี่ครับคนไทยท่านเชื่อหรือไม่ครับ เชื่อหรือเปล่าครับวันนั้นผมพูดถึงเรื่องบุเรงนอง ยังมีคนคิดว่าบุเรงนองเป็นกษัตริย์ไทยด้วยซ้ำ เหอะๆๆๆๆๆ

ผมอยากเรียนป.ตรีสายประวัติศาสตร์นะครับแต่ผมก็ต้องถามกลับมาที่ตัวเองว่า จบไปตูจะไปทำงานอะไรในเมื่อสายนี่มันหางานทำยากมากๆๆๆๆผมก็เลยต้องทิ้งความคิดไปเรียนสายอื่นในสายที่ผมต้องฝืนใจเรียนทั้งที่ไม่ชอบแต่มันหางานง่ายดี แต่ใจอยากเรียนประวัติศาสตร์แทบตาย ถ้าผมจะไปสมัครเป็นครู ใครจะจ้างในเมื่อแม้แต่รัฐบาลยังไม่ค่อยให้ความสนใจเลย โรงเรียนก็ไม่ได้บรรจุเป็นวิชาหลักแล้วโรงเรียนไหนล่ะจะจ้าง นี่ก็เป็นอีกสาเหตุนึงครับ จะมาโทษเด็กอย่างเดียวไม่ได้ว่าไม่ยินดีไม่ภูมิใจในความเป็นไทย แล้วมาทำท่าตกอกตกใจกันเมื่อเห็นผลวัดต่ำทุกวันนี้เด็กไทยภูมิใจในความเป็นไทยแค่30 กว่าเปอร์เซ็นเองครับ ในเมื่อรัฐบาลยังไม่ทำอะไรให้มันเป็นจริงเป็นจังกว่านี้ผมก็จนใจครับ

โดยคุณ champ thai army เมื่อวันที่ 29/04/2009 23:12:30


ความคิดเห็นที่ 10


ไอ้เรื่องที่บอกว่า คนไทยไม่อนุรักษ์ไทยไม่สนใจความเป็นไทยผมมองเป็นเรื่องปกตินะเพราะ

ผมเห็นพูดกันมา 60-70  ปีได้แล้วครับ  ลองมองย้อนไปสมัยก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครองและตอนเปลี่ยนแปลงการปกครองใหม่ๆ  ช่วงเป็นช่วงที่คนไทยคนไหนพูดภาษาอังกฤษได้ ดูดีดูเท่ห์ น่าเชื่อถือมาก   บางคนพูดไทยคำอังกฤษคำ  ทำกิริยามารยาทเหมือนฝรั่งพูดต้องเสียงดัง หัวเราะต้องหัวเราะเสียงดังหงายหน้าหัวเราะ  แล้วต้องสูบไปป์ อาหารการกินต้องฝรั่งจ๋า ดนตรีไทยเป็นของล้าสมัยเชย (เห็นมั้ยว่าใครๆมองดนไทยดนตรีไทยล้าสมัยมาตั้งแต่เมื่อไหร่)คนพวกนี้อายุ มักจะประมาณ 23-24ปีขึ้นไป

ผู้เฒ่าผู้แก่ ในสมัยนั้นมองพวกนี้เป็นพวกทำลายวัฒนธรรม ไม่อนุรักษ์เห็นฝรั่งดีกว่าหมด  โดยจะค่อนขอดว่าพวกหัวนอก  ไม่เห็นความเป็นไทย ไม่ช้าวัฒนธรรมไทยจะสูญหายไปหมดเพราะไม่มีใครอนุรักษ์

พอทีนี้ช่วงสงครามโลกท่านผู้นำก็ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ ขนบธรรมเนียมของไทย(บ้าง) เช่นการส่งเสริมให้มีการรำโทน,รำวง (ช่วงนั้นเห็นฮิตเป็นบ้าเป็นหลัง) ใครรำวง,รำโทนไม่เป็นเชย ควบคู่ไปกับการออกรัฐนิยมขึ้นมา (กลายเป็นยุคมาลานำไทย)

พอหลังสงครามวัฒนธรรมต่างชาติยิ่งเข้ามาประเทศไทยง่ายๆขึ้น  เพราะมีกองกองต่างชาติเข้ามาในประเทศไทย(สงสัยเหมือนกันว่า ทีตอนเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่น  ทำไมวัฒนธรรมญี่ปุ่นไม่แพร่หลายหรือคนญี่ปุ่นหวงแหน เลยไม่ค่อยมีผลต่อชาวไทย)  ก็เหมือนกับช่วงก่อนสงคราม ใครพูดจากับฝรั่งได้ ดูดีีมีชาติตระกูล  ดูหนังฝรั่งแล้วตอนคำพูดตลกออกมา แล้วหัวเราะดูน่าเชื่อถือ

ยิ่งหลังช่วง 2500 เป็นต้นมาเป็นยังไงครับ คนไทยช่วงนั้น รับวัฒนธรรมอเมริกามาเต็มๆ  ยิ่งพวก GI เกลื่อนเมือง จิ๊กโก๋สมัยนั้น (ก็รุ่นพ่อรุ่นปู่เรานี่แหละ)  ฮัมเพลงร็อก เต้นท่าเอลวิสกันเป็นแถว วัยรุ่นหรือวัยเริ่มทำงานช่วงนั้นตัดผมทรงเอลวิสกันเป็นแถว ใครไม่ทำเชย 

ช่วงปลายสงครามเวียดนาม การแต่งกายแบบฮิปปี้เริ่มแพร่เข้ามา  คนไทยทำบ้างแต่งตัวเรียนแบบบ้างผู้ใหญ่สมัยนั้นมอง เป็นไอ้พวกทำลายวัฒนธรรม   มองถึงการแต่งกายก็รับฮิทธิพลจากเมืองนอก พอขาบานฮิตเราก็ฮิตบ้าง

ช่วงที่หนัง Speed ภาค 1 ดัง  วัยรุ่นไทยตัดสกินเฮด ตรามคีนูรีฟกันเป็นแถว

พอมาสมัยช่วง 25450ถึงปัจจุบัน ที่นี้เป็นยุคสมัยของเอเชียบ้างที่วัฒนธรรมเริ่มเข้ามาในเมืองไทย  เริ่มจากไต้หวัน ศิลปิน F-4 ดังมาก เล่นเอาสาวๆไทยกรี๊ดกันเป็นแถว ต่อจากนั้นก็เป็นจากญี่ปุ่น ทั้งเร่องการแต่งกาย ทรงผม  วัยรุ่นไทยก็ฮิตตาม

จนปัจจุบันเป็นเทรนเกาหลี  ทั้งเสื้อผ้า,หน้า,ผม  รวมถึงศิลปิน,ดารา.นักร้องหนัง,ละคร(ซีรียส์ดัง)  จากเกาหลี เกลื่อนเมืองไทย คือวัยรุ่นไทย (อายุ 10 ปีขึ้นไป) ก็ทำตามไปเกือบหมด


แต่ทำไมวัฒนธรรม,ประเพณีของไทย ตั้งแต่โบราณ  ถึงอยู่มาถึงทุกวันนี้ได้  ทั้งที่ 60-70 ปีก่อนผู้ใหญ่สมัยนั้น ต่างพากันห่วงว่าจะไม่มีใครสืบทอดเพราะวัยรุ่นยุคนั้นดูเหมือนไม่สนใจ  ผมว่ามันเป็นที่ยุคสมัยต่างๆ ในช่วงวัยที่เริ่มโต ยุคนั้นสมัยนั้นฮิตอะไร ก็ต้องเป็นไปตามนั้น  แต่พอพวกเค้า ผ่านวัยตรงนั้นมา มันก็จะเริ่มไปสู่อีกช่วงหนึ่งที่เห็นความสำคัญของวัฒนธรรมไทย

ลองไปดูผู้ใหญ่ในสมัยนี้สิครับ  ลองหาภาพเก่าสมัยวัยรุ่นของพวกท่านผู้ใหญ่ ซึ่งบางคนก็ทำงานเกี่ยวกับวัฒนธรรมของชาติมาดู ท่านก็แต่งตัวตามสมัยนั้นที่ฮิตกัน  บางคนมีเครื่องแก่งกายเอลวิสร้องเพลงเอสวิสได้ทุกเพลง  บางคนตอนวัยรุ่นเรียนที่อเมริกาแต่งกายเป็นพวกฮิปปี้  แต่พอผ่านยุคผ่านวัยนั้นๆไปแล้ว  ผมว่ามันก็เข้าสู่สภาพปกติ  คนไทย ยังไงก็ต้องเป็นคนไทยครับ เมื่อถึงเวลาและวัย มองให้เป็นเรื่องปกติดีกว่าครับ


อย่าไปโทษวัยรุ่นสมัยนี้ครับ  เพราะอยู่ในช่วงวัยของพวกเค้า  ขนาดผู้ใหญ่บางคนในสมัยนี้  ยังสะสมอัลบั้มและภาพวงwonder girl ไว้ครบ ชุด อย่างลุงเด็กทะเล หรือลุงโยเป็นต้นครับมีครบลองถามดูได้


กระทู้มันเป็นเรื่องเขาพระวิหารแล้วไหงกลายเป็นเรื่องวัฒนธรรมไทยได้หว่า


โดยคุณ nok เมื่อวันที่ 30/04/2009 00:58:42


ความคิดเห็นที่ 11


เสริมคุณ Nok ครับ

ท่านจอมพล.นะ ตัวดีเลยครับ ทำลายของไทย ๆ เสียเกือบหมด ลิเกก็ห้ามเล่น ดนตรีไทยก็ห้ามบรรเลง ที่เห็น ๆ กันในหนังโหมโรงนะยังน้อยกว่าความเป็นจริงอีกนะครับ คุณหลวงประดิษฐ์ไพเราะที่ยังเล่นอยู่ได้เพราะลูกศิษย์ลูกหาเยอะ จอมพล เลยไม่กล้าทำอะไรไม่งั้นคุณหลวงก็โดนครับ

เรื่องรำโทนที่บอกนั่น เพราะว่าแกให้เลิกเสียหมดทุกอย่างแล้ว เลยไม่รู้จะเอาอะไรมาเล่นครับเพราะตัวเองสั่งให้ยกเลิกห้ามเสียหมดแล้ว ครั้นจะรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ก็เท่ากับจอมพล.ต้องกลืนน้ำลายตัวเองแกทำไม่ได้หรอกครับ

 

โดยคุณ lordsri เมื่อวันที่ 30/04/2009 05:10:14


ความคิดเห็นที่ 12


จอมพลที่สั่งห้านเล่นดนตรีไทยและเปลี่ยนวัฒนธรรมบ้างอย่างนี้ก้อคือจอมพล ป. คับ ท่านเปนพวก ฟาสชีส(เขียนไม่เปน หุหุ) คล้ายกับพวกนาซีคับ ซึ่งตอนหลังโดน         จอมพลสฤษดิ์ ยึดอำนาจคับ
โดยคุณ casnova เมื่อวันที่ 30/04/2009 09:48:44


ความคิดเห็นที่ 13


เด็กวัยรุ่นหนุ่มสาวก็ตามประสาพวกเขาล่ะครับการที่รับนำวัฒนธรรมอื่นๆเข้ามาก็แสดงว่าเขาชอบและเห็นว่าดีก็ตามนั้น

แต่การรักชาติกับการอนุรักษ์วัฒนธรรมนั้นไม่ใช่อันเดียวกันเสียทีเดียว

คนเราจะรักชาติอย่างจริงใจได้อย่างไรถ้าไม่รู้กำพืดตนเอง ไม่รู้เลยว่าบรรพบุรุษได้ต่อสู้ดิ้นรนมาหนักหนาสาหัสเพียงไหนให้คนยุคนี้ยังพอมีที่จะยืน

ท่านเคยเห็นประเทศที่เจริญแล้วประเทศไหนในโลกนี้ที่เจริญขึ้นมาได้ด้วยการไม่รู้ประวัติศาสตร์ชาติพันธ์ตนเองบ้างหรือไม่ สำหรับผมไม่เคยเห็น

วิชาประวัติศาสตร์ควบคู่กับจริยธรรมเป็นสิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องมีในการสร้างคนให้รักชาติ

ผมเชื่ออย่างนั้น และเชื่อจริงๆ

โดยคุณ MaDee เมื่อวันที่ 30/04/2009 10:01:41


ความคิดเห็นที่ 14


เคยไปคุย กับทหารแถวนั้น�
ตามพฤตินัย เราเสียไป เยอะ มาก�

เรียกว่า เขมรมันจะขอ ภูมะเขือ อีก เพราะ มันบอกว่า �อยู๋ใน ดินแดนมัน

น่าเศร้าที่ ธง ยูเนสโก มาปัก ใน พื่นที่ ๆ เคยเป็น ของ ๆ เรา�

และ เรากำลังสูญเสีย จังหวัด ศรีสะเกศ ประมาณ 30%


ต้องไปดูด้วยตา ครับ จะเห็น จริง ๆว่า แผ่นดินเราหายไป เยอะ ขนาดไหน
โดยคุณ u3616234 เมื่อวันที่ 02/05/2009 08:31:54


ความคิดเห็นที่ 15


เขมรมันกร่างหลังปี44มานี่แหละ กินแดนมาเรื่อยๆ เผลอเป็นย้ายหลักเขต

ศาลโลกตัดสินเมื่อปี2505 ที่ดินบนเขาเป็นของไทย ปราสาทเป็นของเขมร ตอนนั้นคนไทยมั่นใจว่ายังๆก็ต้องชนะ แต่สมัยนั้นดันมีคนในกระทรวงตปทขายชาติ เอาสำนวนที่เราเตรียมขึ้นศาลโลกไปขายให้ทนายของเขมร

ผมไม่ได้แช่ง แต่เขมรมันโกงเขาพระวิหารเราไปไม่ได้นานหรอกครับ แผ่นดินไทยเรานี้ศักดิ์สิทธิจริงๆ ใครจะว่าผมงมงายก็ได้ (เรื่องทรงเจ้าเข้าผีเครื่องรางของขลังเวทย์มนต์คาถาผมไม่เชื่อถือเลย) แต่ตลอดประวัติศาสตร์รัตนโกสินธิ์มานี่ ใครโกงแผ่นดินเราไปฉิบหายหมด

เขมรโกงเขาพระวิหารเราไปเมื่อปี2505 พอปี2515 สีหนุก็ต้องกระเด็นตกเก้าอี้ บ้านเมืองวุ่นวายยึดอำนาจกันไปมาอยู่หลายปี สุดท้ายเขมรแดงยึดอำนาจในปี2518 บ้านเมืองกลายเป็นนรกแตกอยุ่สิบห้าปีกว่าสงครามกลางเมืองจะยุติ

 

 

 

โดยคุณ oldbot เมื่อวันที่ 02/05/2009 09:16:50