จากประสบการณ์ชีวิต ผมว่า เรียนสิ่งที่ท่านชอบ น่าจะดีกว่า เรียนสิ่งที่คาดว่าจะไม่ตกงานครับ

เพราะชีวิตจริง นอกจากมีความรู้แล้ว...มันก็ต้องมี....เฮง...ประกอบด้วยล่ะครับ...

ขอยกตัวอย่าง....ผมเรียนบัญชี...จบมา ไม่ตกงานแน่นอน...แต่คู่แข่ง เยอะ อิ๋บอ๋าย...ตัวเปรียบเทียบเยอะมากกกกกกก....ทำอยู่กับบริษัทขนาดใหญ่โต และมีความมั่นคง ไม่ค่อยได้...มันไม่เด่น...แต่ถ้าทำกับ บริษัทฯ ที่กำลังจะเจ๊ง หรือเจ๊งไปแล้ว นำกลับมาฟื้นใหม่...ผมจะเด่นมาก ในทันที...กั๊ก กั๊ก กั๊ก...เรื่อง ตอแหลลล...ดูดี มีมาตรฐานทางการบัญชี...และ เดาใจ กับหักหลัง เจ้าหนี้ ผมจะเด่นมากกกกกก....5 5 5 5

กับอีกท่านที่ผมรู้จัก...ตอนปริญญาตรี จบสาขาอะไรไม่รู้ จำไม่ได้...และสุดท้ายไป จบโท สาขาสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีคนจบอยู่ประมาณ 5-6 คน โดยในสมัยนั้น ก็ไม่มีงานอะไรที่ต้องใช้ ปริญญาทางสิ่งแวดล้อม น่าจะประมาณ 10 กว่าปีมาแล้ว...เขาก็เลยเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยแทน...

จนมาช่วงปี 2544 - 45 มีกฎหมายสิ่งแวดล้อมออกมา ให้โรงงาน หรือ โครงการอะไรก็ตามที่จะกระทบต่อสิ่งแวดล้อม...ต้องทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม และสำรวจสภาพแวดล้อมทุกครั้งที่ขออนุญาติ...

เท่านั้นแหล่ะครับ...ความ..รวย ก็มาเยือน...เพราะในการออกรายงาน หรือการสำรวจนั้น ต้องใช้ผู้จบปริญญาโททางสิ่งแวดล้อม เป็นผู้รับรองรายงาน หรือทำการสำรวจ...ซึ่งก็มีคนจบทางนี้ อยู่ไม่กี่คน....ในประเทศไทย...

นั่นแหล่ะครับ ชีวิตจริง...เก่ง ยังไม่พอ ต้อง เฮง ด้วย ครับ....

คือสองสิ่งนี้คือสิ่งที่ผมชอบแล้วครับ

คือตามจริงชอบรัฐศาสตร์ครับ แต่คะแนนไม่ถึง ไม่เป็นไร เราจับเป็นภูมิภาคไปก็ได้(รัฐศาสตร์เรียนทั้งโลก แต่ลงไม่ลึก แต่สองอันนี้ลงลึกทั้งภาษา สังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ)

เลยอยากทราบว่า อะไรมันบูมกว่ากัน

เพราะชอบ ก็ชอบพอกันทั้งสองอย่างน่ะครับเพียงแต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าอะไรบูมกว่ากัน เลยถามพี่ๆ

 

ถ้าเป็นผม ผมจะเลือกเรียนรัสเซียครับ เพราะมีบุคลากรด้านนี้น้อยและกลุ่มธุรกิจของประเทศรัสเซียมีเงินลงทุนที่สูง มีประวัติศาสตรที่น่าสนใจ (สาวๆ สวยด้วย อิอิ ^_^ )  

 

ส่วนเอเซียตะวันออกเฉียงใต้นั้นจะเป็นการซื้ออนาคตมากกว่า ถ้าภูมิภาคนี้สามารถรวมตัวกันได้เหมือนกับกลุ่มสหภาพยุโรปก็จะดี แต่ในปัจจุบันนั้นในแต่ละประเทศยังมีปัญหาเรื่องการเมืองภายในประเทศ และแต่ละประเทศก็ยังมีความระแวงกันอยู่คงจะรวมตัวกันได้ยาก แต่ส่วนใหญ่ประเทศไทยก็ทำธุรกิจกับประเทศในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้อาจจะมีโอกาสได้ติดต่อธุรกิจได้บ่อยๆ

--- ที่น้องถาม เข้าใจว่า อยากเรียนเพื่อมุ่งเน้นที่จะมาใช้ประกอบวิชาชีพ ซึ่งสาขาด้านสังคมศาสตร์ ทั้งสองด้านที่ยกมานั้น  สามารถทำงานให้ตรงได้จริงๆ  คงเป็นงานราชการ เช่น หน่วยงานด้านต่างประเทศ หรือ งานในมหาวิทยาลัย เช่น อาจารย์ หรือ นักวิจัย  ซึ่งแน่นอนว่า วุฒิปริญญาตรี ไม่เพียงพอ ต้องไปเีรียนต่อเพิ่มเติม

แต่หากเรียนเพื่อจะได้ภาษา ก็สามารถทำงานด้านล่าม หรือ การแปล ได้อีก จากที่บอกว่า พูดอังกฤษ และ ญี่ปุ่นได้  คิดว่าน่าจะเน้นด้านนี้มากกว่าใช่หรือไม่ครับ

ตอนนี้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา(อุษาคเนย์) ถ้าจำไม่ผิด อ.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ คงเป็นผู้ควบคุมโครงการ  กำลังบูม ในด้านวิชาการครับ  ที่โดดเด่น ก็มีผลงานด้านอินโดนีเซีย และมุสลิม 

วิเคราะห์ในแง่เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองระหว่างประเทศ ภูมิภาคนี้ ไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน  อาเซียน จำเป็นต้องหันมาร่วมมือกันมาก แม้ว่าจะมีความแตกต่าง ระหว่างกันค่อนข้างเยอะ ที่เป็นกลุ่มนำ อย่างไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม ก็มีการพัฒนาความสัมพันธ์กันตลอด  โดยเฉพาะตอนนี้ตลาดทางเวียดนาม กำลังขึ้นถึงจุดสูงสุด  แต่ผมเชื่อว่า อีก 10-15 ปี  ประเทศรอบข้างเรา อย่างลาว เขมร และพม่า จะเป็นจุดที่น่าสนใจมากสำหรับนักลงทุน

สำหรับรัสเซีย องค์ความรู้เกี่ยวกับประเทศรัสเซียนั้น ประเทศไทย ก็มีหน่วยงานด้านนี้ เข้าใจว่าอยู่ในกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานบางแห่งในมหาวิทยาลัย  สมัยก่อน เรื่องของรัสเซีย หรือ สหภาพโซเีวียตเดิม เป็นที่ศึกษามากในระดับหนึ่ง นักเรียนไทยไปเรียนที่รัสเซีย กันพอสมควรครับ ที่รู้จักกันก็เช่น นิติภูมิ เนาวรัตน์

แต่หลังจากสงครามเย็นสงบ  สหภาพโซเวียตล่มสลาย แ่บ่งเป็นหลายประเทศ  การศึกษาเรื่องรัสเซีย ของไทย ก็เริ่มไม่เข้มข้นมากเท่าแต่ก่อน อย่างไรก็ดี รัสเซียและประเทศที่แตกออกมา จะเริ่มส่งอิทธิพล ต่อภูมิภาพเอเชีย มากขึ้นแน่นอนครับ และมีผลมาถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย โดยเฉพาะในด้านพลังงาน และการทหาร  อย่างไรก็ตาม ณ ปัจจุบัน เรื่องของทางรัสเซีย จะบูม น้อยกว่าอุษาคเนย์ครับ ^o^


สรุป  อยากเป็นอะไร หรือ อยากทำอะไร ขึ้นกับความมุ่งมั่นและตั้งใจของเราครับ  ความฝันไม่้ได้จบแค่การเรียนคณะอะไร แต่เป็นแค่การเริ่มต้น

ข้อแนะนำ ... เรียนภาษาจีน เพิ่มได้อีกภาษา  และเก่งอังกฤษ + ญี่ปุ่น ต่อให้น้องไม่จบ ป.ตรี  น้องก็ไม่อดตายแน่นอนครับ  ขอให้โชคดี

Seize the day ... make your life extraordinary.

ผมว่าเรียนอันไหนต้องดูความถนัดเราด้วย และแน่นอนอนาคตความอยากความถนัดมันสวนทางกับวิชาชีพและการหางานในอนาคต
ก็ได้นะจะบอกให้ ตอนนี้ไม่รู้ ตอนปีสองจะรู้เองทางสว่าง
เช่น ภาษารัสเซีย เรียนไปแล้ว เกิดปี สอง คิดอยากจะแตกแขนงออกไปเป็นภาษาอื่น เพราะบางทีรัสเซียมันยากว่ะ
เรียนแล้วตกทุกที ทำไงดีหว่า เรียนหาวิชาเพิ่มเกรด น้องก็จะต้องขยับขยาย
ไปเรียนพวกวิชาอังกฤษ เศรษฐศาสตร์ และบริหารทั่วไปโดยเฉพาะบริหารรัฐกิจ รัฐศาสตร์  แน่นอน เพราะเรียนภาษารัสเซียอย่างเดียว บางที ก็สมองฝ่อเรียนแค่แขนงเดียวมันไม่สะใจ ต้องรู้แบบกว้างๆหรือจับฉ่ายๆ พูดง่ายๆ
  บางทีเก่งภาษารัสเซียเสร็จ ปีสาม เออว่ะงานที่ต้องทำเกี่ยวกับรัสเซียต้องเป็นนักข่าว ทำไงละ ก็ต้องไปขวนขวายหาวิชา สื่อสารมวลชน คณะวารสาร มาเติมเต็มอีกทีนึง
แต่โครงสร้างหลักสูตรผมว่ายังไงธรรมศาสตร์เขาให้คุณเรียนกว้างๆเข้าไว้อยู่แล้ว
ไม่ต้องห่วงเผลอๆจะมีคณิตศาสตร์พื้นฐานให้เรียนตอนปี หนึ่งด้วย พวกศิลป์ภาษาร้องโอ้ย กันเป็นแถวเพราะเกลี่ยดคำณวน เกรดก็ต้องไปตัดกับพวก บัญชี และเศรษฐศาสตร์
    เก่งภาษา ก็สามารถไปเรียนเพิ่มเติมในคณะอื่นๆได้เช่น รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ บัญชีและบริหาร และสื่อสารมวลชน เป็นต้น
   และสำคัญอย่างยิ่ง โปรดทำกิจกรรมด้วยนะครับเพราะจะเป็นการสร้างฐานชีวิต อันแข็งแกร่งทีเดียวเลยละ ไม่ใช่ทำงานออกค่ายอย่างเดียวนะ แต่จะมีชมรม ชุมนุม ที่ธรรมศาสตร์เขามีเยอะ ไปเลยครับทำมันทุกอย่างได้เพื่อน ดูสาวๆ สวยๆ เพิ่มประสบการณ์ชีวิต
    หรือจะเพิ่มวุฒิการศึกษาเรียนรามคำแหง หรือสุโขทัยก็ได้ครับ พวกรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ บริหารมีให้ลงด้วย รับรองว่าสนุกแน่นอน อ้ออีกอย่างชีวิตมหาวิทยาลัยมันสุดยอดมากครับ ใช้ให้คุ้มแต่อย่าเสียคนไปเลยละ สี่ปีอย่าพึ่งรีบจบเรียนมันสักห้าปี กำลังดี เอาแบบ รู้วิชา จนเชี่ยวไปหางานทำก็ไม่สายครับ เอาความรู้ให้หมดก่อนจนพอใจค่อยจบก็ได้ จบห้าปี ชีวิตไม่พังทลายหรอกครับ
      อ่าที่สำคัญคณะิศิลปศาสตร์นี่สาวสวยเยอะนะ ผมเคยไปนั่งบ่อยๆ งามๆทั้งนั้น มีสาขาวิชาน่าเรียนเยอะ เช่น จิตวิทยา ภูมิศาสตร์ เป็นต้น
ลองดูครับ รุ่นพี่ ปี 2538 ยินดีต้อนรับครับ จะให้ดี มาสมัครชุมนุมเชียร์ และชมรมโฟโต้ ก็ได้นะ รับรองว่า สาวติดตรีม หุหุหุ