@ กห.เล็งตัดงบฯปี"53เกือบ2หมื่นล.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา ได้อนุมัติ ปรับลดงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 เหลือประมาณ 1.7 ล้านล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ 1.9 ล้านล้านบาท ทำให้ทุกกระทรวง ทบวง กรม จะต้องตัดงบฯเฉลี่ยแห่งละ 7-10% หรือประมาณ 20,000-50,000 ล้านบาท ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กำชับให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวง ไปจัดทำงบฯปี 2553 ใหม่ ก่อนเสนอ ครม.ในวันที่ 6 พฤษภาคม
แหล่งข่าวกระทรวงกลาโหมเปิดเผยว่า งบฯปี 2553 ในส่วนของกระทรวงกลาโหมถูกตัดไปเกือบ 20,000 ล้านบาท หรือประมาณ 11% จากเดิมที่ได้รับประมาณ 1.7 แสนล้านบาท เหลือประมาณ 1.51 แสน ล้านบาท ทำให้กระทบเรื่องการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของแต่เหล่าทัพ ซึ่งขณะนี้ผู้บัญชาการเหล่าทัพแจ้งให้กับหน่วยขึ้นตรงของแต่ละเหล่าทัพทราบถึงตัดลดงบฯปี 2553 แล้ว โดยให้แต่ละหน่วยไปศึกษาในรายละเอียด โดยเฉพาะงบฯเรื่องการศึกษาและเรื่องสวัสดิการของแต่ละเหล่าทัพ จะถูกตัดเป็นอันดับแรก ทั้งนี้ งบฯดูงานในต่างประเทศถูกตัดแล้ว โดยเปลี่ยนให้มาดูงานในประเทศแทน
@ "ทบ."ถูกหั่นมากสุด1หมื่นล้าน
แหล่งข่าวกล่าวว่า สำหรับโครงการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของแต่ละเหล่าทัพนั้น จะต้องพิจารณาดูว่าเหมาะสมกับสถานการณ์ของประเทศหรือไม่ ทั้งนี้โครงการใหม่ที่เหล่าทัพเสนอมายังกระทรวงกลาโหมก่อนหน้านี้อาจต้องชะลอไปก่อน ดังนั้นแต่ละเหล่าทัพจะต้องไปสำรวจในรายละเอียดเพื่อนำเสนอมาให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พิจารณาอีกครั้ง
แหล่งข่าวกล่าวว่า จากงบฯที่จะถูกตัด 20,000 ล้านบาทนั้น กองทัพบกจะถูกตัดมากที่สุดประมาณ 50% หรือประมาณ 10,000 ล้านบาท ส่วนอีก 50% ของงบฯ ที่ถูกตัดจะเกลี่ยระหว่างกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ
@ ซื้อรถเกราะ"ยูเครน"ส่อชะงัก
แหล่งข่าวกล่าวว่า โครงการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อเสริมศักยภาพของแต่ละในส่วนของกองทัพบกอาจมีปัญหามากที่สุด โดยเฉพาะโครงการการจัดซื้อรถยานเกราะล้อยางจากประเทศยูเครน ด้วยงบฯเกือบ 5,000 ล้านบาท และโครงการการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ เอ็มไอ 17 จากประเทศรัสเซีย จำนวน 4 ลำ รวมถึงโครงการจัดซื้ออาวุธปืนขนาดเล็กอีกด้วย
แหล่งข่าวกล่าวว่า โครงการจัดซื้อรถยานเกราะล้อยางจากประเทศยูเครน แม้ว่ารัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯอนุมัติให้กับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ก่อนหน้านี้แล้ว แต่ยังติดปัญหาซื้อไม่ได้ เนื่องจากบางฝ่ายเห็นว่าจะต้องดำเนินการตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญ ที่ต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาด้วย อีกทั้งประเทศยูเครนก็มีปัญหาเรื่องการจัดซื้อเทคโนโลยีเพื่อนำมาประกอบรถยานเกราะล้อยาง เนื่องจากเกิดปัญหากับประเทศเยอรมนี เรื่องการซื้อท่อก๊าซ ทำให้ประเทศเยอรมนีไม่ขายอุปกรณ์ให้กับประเทศยูเครนเกี่ยวกับชิ้นส่วนอะไหล่ของรถยานเกราะล้อยาง จึงทำให้โครงการดังกล่าวคาราคาซังอยู่ทุกวันนี้
@ ทอ.อาจวืด"กริพเพน"ล็อต2
แหล่งข่าวกล่าวว่า สำหรับกองทัพเรือไม่มีผลกระทบอะไรมากนัก มีเพียงโครงการการจัดซื้อเรือตรวจการณ์ฟริเกต ที่อาจต้องพับไปก่อน ส่วนการปรับปรุงอาวุธยุทโธปกรณ์โดยเฉพาะเรือหลวงนเรศวรก็อยู่ระหว่างการดำเนินการ รวมถึงโครงการต่อเรือที่กองทัพเรือหันมาต่อเรือใช้เองกับบริษัท มาซัน จำกัด ขณะที่กองทัพอากาศอาจส่งผลกระทบเกี่ยวกับการก่อสร้าง และปรับปรุงสถานีเรดาร์ วงเงิน 4,000 ล้านบาท เพื่อรองรับกับระบบการปฏิบัติการของเครื่องกริพเพน ซึ่งเป็นเครื่องบินขับไล่ฝูงใหม่ที่จะมาประจำการในปี 2554 จำนวน 6 ลำ ซึ่งมีการอนุมัติซื้อจัดในสมัยของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกฯ นอกจากนี้อาจกระทบการจัดซื้อเครื่องบิน กริพเพนล็อต 2 ที่อยู่ระหว่างนำเสนอนายกฯ แม้ว่ากองทัพอากาศต้องการจัดซื้อเครื่อง บินกริพเพนมาประจำการจำนวน 1 ฝูงบิน หรือ 12 ลำ เพื่อทดแทนเครื่องบินเอฟ 5 ที่ปลดประจำการไปแล้วก็ตาม
แหล่งข่าวกระทรวงกลาโหมกล่าวว่า การพิจารณางบฯปี 2553 ถือเป็นงานหนักที่นายอภิสิทธิ์ต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะหากไกล่เกลี่ยไม่เหมาะสมอาจเกิดปัญหากับพรรคร่วมรัฐบาล และควรจับตาดูว่างบฯของกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงคมนาคม ที่พรรคภูมิใจไทยดูแลอยู่นั้นจะถูกตัดลงมากน้อยแค่ไหน
http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01p0103060552§ionid=0101&day=2009-05-06
งบประมาณของ ทอ.นั้น ในส่วนของ GRIPEN 39 ภายใต้โครงการ พีชสุวรรณภูมิ เป็นการจัดหาโดยงบประมาณที่ไม่เหมือนโครงการ F/A-18 ที่ยกเลิกไป...และแตกต่างจากงบประมาณการจัดซื้ออาวุธของเหล่าทัพอื่น ตรงที่....
GRIPEN 39 เป็นงบประจำที่ ทอ.ได้รับ...เหมือนแม่ให้เงินไปโรงเรียน เดือนละ ๑๒๐๐ บาท หากเราจะซื้อโทรศัพท์มือถือใหม่เครื่องละ ๕๐๐๐ บาท เราก็จะต้องใช้เงินที่เราได้...โดยการผ่อนชำระ เป็นงวด เช่นงวดละ ๕๐๐ บาท จำนวน ๑๐ งวด (ดอกเบี้ยต่างหาก) เป็นต้นครับ...กรณีการจัดซื้อ GRIPEN 39 อยู่ในลักษณะนี้ โดยหากแม่ให้เงินมา ๑๒๐๐ บาท ก็ต้องใช้เท่าที่มี...หากเดือนนี้แม่ให้พิเศษ ๑๔๐๐ บาท ก็โชคดีมีเงินเพิ่ม ๒๐๐ บาท แต่หากเดือนนี้แม่บอกเงินน้อย ให้มาแค่ ๑๐๐๐ เดียว เราก็ต้องไปประหยัดด้านอื่น .....เพื่อให้มีเงินพอผ่อนตรงนี้ครับ...เช่นเลื่อนโครงการจัดหา บ.ฝึก บ.ลำเลียง จรวดนำวิถี ออกไปก่อนหรือซื้อให้น้อยลง.....แต่กรณีเดียวกันในส่วน ทบ.เรื่องของ รถเกราะ นั้น เขาได้งบพิเศษต่างหากนอกเหนือนเงินงบประมาณประจำครับ....ซึ่ง ทอ.เองก็อยากจะได้งบแบบนั้นในการจัดหาตั้งแต่ครั้งแรก....ดังนั้นเขาจึงเรียกว่า "การจัดซื้ออาวุธโดยงบประมาณของ ทอ.เอง" ครับ ..... หากถ้า ทอ.จะยกเลิก ๖ เครื่องหลัง...นั้นแสดงว่า วงเงินตรงนี้อาจจะมีความจำเป็นที่จะต้องไปซื้ออ่างอื่นที่จำเป็นกว่าครับ.....งบประมาณแบบนี้เกิดขึ้นกับกองทัพเรือ มาแล้ว...อย่างที่เห็นว่า...ทำไม กองทัพเรือจึงไม่เสริมสร้างอากาศยานรบ...เป็นเพราะงบที่รัฐบาลให้น้อยลง...ความจำเป็นเร่งด่วนของ ทร.คือการคงสภาพเรือรบให้พร้อมรบ...เขาจึงเลือกสิ่งที่สำคัญและจำเป็นระดับต้นๆ ก่อนครับ
ก็หวังว่า...ภารกิจในการป้องกันภาคใต้ที่โหว่อยู่ของทัพฟ้า จะไม่มีปัญหาครับ..นะโยนะ..ฮึๆๆๆๆ(ความเห็นไม่ตรงกันแต่ตังค์ต้องแบ่งนะโย)
ถ้างั้นสรุปได้ว่า JAS-39 หกเครื่องแรกนั้นไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่หกเครื่องหลังต้องดูงบประจำปีถัดไปรวมถึงความเร่งด่วนของโครงการต่างๆที่เข้ามาใช่ไหมครับ
ส่วนของกองทัพเรือที่ระบุว่า "โครงการจัดซื้อเรือตรวจการณ์ฟริเกต ที่อาจต้องพับไปก่อน" นี่มันงงๆยังไงไม่รู้ครับ หมายถึงเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง(OPV)ที่จะต่อเองในอู่มหิดลหรือเปล่าครับ
ก็ต้องทำใจละครับเงินไม่มี จะกู้มาซื้ออาวุธเขาก็ไม่ให้เเน่ มีทางเดียวต้องหาเงินให้เป็น