หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


กองทัพอินโดนีเซีย

โดยคุณ : MIGGERS เมื่อวันที่ : 17/12/2009 17:43:47

บอร์ดเงียบๆ เลยเอารูปกองทัพอินโดมาให้ชมคับ

 

เครดิตเวป http://www.militaryphotos.net





ความคิดเห็นที่ 1


2.


โดยคุณ MIGGERS เมื่อวันที่ 14/12/2009 06:25:10


ความคิดเห็นที่ 2


3.


โดยคุณ MIGGERS เมื่อวันที่ 14/12/2009 06:26:43


ความคิดเห็นที่ 3


4.


โดยคุณ MIGGERS เมื่อวันที่ 14/12/2009 06:28:38


ความคิดเห็นที่ 4


5.กองทัพอินโดก็เหมือนกองทัพอื่นๆในอาเซียนที่ต้องพึ่งตนเองมากขึ้นคับ

ในภาพจะเป็นยานเกราะที่พัฒนาขึ้นเอง หรือซื้อลิขสิทธิมาประกอบเองในประเทศทั้งหมด เพื่อทดแทนของเก่ารวมถึงการพัฒนาเพื่อการส่งออกเหมือนในโปสเตอร์ นับว่าอินโดมีศักยภาพในด้านนี้มากทีเดียว


โดยคุณ MIGGERS เมื่อวันที่ 14/12/2009 06:37:03


ความคิดเห็นที่ 5


7. อินโดส่งทหารไปรักษาสันติภาพในซูดานเมื่อต้นปีครับ

อาวุธปืนต่างๆแบบต่างๆที่ผลิตภายในประเทศ


โดยคุณ MIGGERS เมื่อวันที่ 14/12/2009 06:41:34


ความคิดเห็นที่ 6


ขีดความสามารถของไทยเราก็ไม่ได้ด้อยกว่าอินโดหรอกครับ เพียงแต่เราขาดการเริ่มต้นที่ดี ก็เลยขาดการพัฒนาตามมาครับ ขาดการสนันสนุน บางคนอาจเสียผลประโยชน์เลยไม่อยากให้เกิดขึ้น บลาๆๆๆ พูดไปก็เท่านั้น

โดยคุณ SPECI เมื่อวันที่ 14/12/2009 10:28:40


ความคิดเห็นที่ 7


ของเค้าแรงจริงๆ มีปืนที่พัฒนาเองด้วย เหอะๆๆๆ ไทยเราต้องเกทับแล้วนะ


โดยคุณ champ thai army เมื่อวันที่ 14/12/2009 23:17:57


ความคิดเห็นที่ 8


อืม ของเขาแรงจริงๆ
โดยคุณ ss_aong เมื่อวันที่ 14/12/2009 23:43:12


ความคิดเห็นที่ 9


ผมว่าศักยภาพในการผลิตอาวุธประเภทนี้เราน่าจะทำได้ดีกว่าเขาเสียอีก ถ้าหากมีการสนับสนุนในทางที่ดีครับ
โดยคุณ เด็กทะเล เมื่อวันที่ 15/12/2009 00:03:39


ความคิดเห็นที่ 10


PINDAD ((Persero) เป็นบริษัทที่รัฐบาลอินโดถือหุ้นใหญ่
โดยผลิตอาวุธป้อนให้กับกองทัพอินโดนีเซียครับ
ผลิตตั้งแต่ปืนพก ปืนไรเฟิล ปืนกล ปืนครก ปืนซุ่มยิง ยันรถหุ้มเกราะ APV
ส่วนนึงเป็นการ Re-engineering รวมถึงการวิจัยพัฒนาขึ้นมาใหม่
เราสามารถเห็นเครื่องหมาย PINDAD  ได้ทั่วไปในกองทัพอินโดคับ
ล่าสุดอินโดสั่งซื้อรถ PANSER 6x6 140 คัน โดยได้รับมอบแล้ว 60 คัน

เวปไซด์ของ Pindad คับ  http://www.pindad.com/
โดยคุณ MIGGERS เมื่อวันที่ 15/12/2009 01:17:16


ความคิดเห็นที่ 11


บ้านเราใช้งบประมาณไปก็มากโขแต่ไม่มีนโยบายเพิ่งพาตัวเองจริงๆจังซะที 
เพราะไม่มีค่า com แค่กๆ ไอเป็นเลือดสักที
โดยคุณ sam เมื่อวันที่ 15/12/2009 10:16:39


ความคิดเห็นที่ 12


เห็นรถหุ้มเกราะของอินโดแล้ว ผมว่าเราก็น่าจะพัฒนายานหุ้มเกราะไว้ใช้เองเหมือนกันนะครับ โดยเฉพาะรูปที่เป็นยานหุ้มเกราะล้อยาง 6 ล้อครับ แจ่มสุดๆ ผมว่าเราก็มีศักยภาพสูงมากในการผลิตรถยนต์ของเอเชีย น่าจะมีการพัฒนาและผลิตอย่างจริงจังเพื่อป้อนกองทัพได้นะครับ
โดยคุณ Nine เมื่อวันที่ 15/12/2009 18:47:28


ความคิดเห็นที่ 13


คนไทยเก่งและมีความสามารถนะผมว่า ขนาดนาซ่ายังได้คนไทยนี่แหละออกแบบวิธีการและอุปกรณ์ในการนำยานลงจอดบนต่างดาว อาวุธที่ใช้ภายในโลกทำไมจะสร้างไม่ได้ และคนไทยที่เก่งและมีความสามารถนี่แหละที่กำลังขัดขวางคนไทยด้วยกันเอง ถ้ายึดตามแนวพระราชดำริของในหลวง รักและสามัคคีกันประเทศเราคงดีกว่านี้เยอะ แต่ยังไงก็รักและภูมิใจที่เกิดเป็นคนไทย เรารักในหลวง


โดยคุณ Manthai เมื่อวันที่ 15/12/2009 23:44:59


ความคิดเห็นที่ 14


มาช้าแต่ขอแสดงความเห็นหน่อยนะครับ

เรื่องการพัฒนากองทัพที่พึ่งพาตนเองนะครับผมว่าให้ลืมไปได้เลยเพราะกองทัพเราคาบเกี่ยวกับการเมืองมาตลอดหลายยุคหลายสมัยการจัดซื้ออาวุธทุกอย่างเป็นประเด็นการเมืองไปทั้งหมด พอจะพึ่งตัวเองมีบริษัทในประเทศรับทำก็ขัดหาว่าไม่มีประสบการณ์ในการจัดจ้างเป็นต้น เราก็คงรู้ๆกันอยู่ว่าอะไร คนที่สนใจจะพึ่งตนเองก็มีดีแค่ในระดับผู้ปฏิบัติ ในระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมยังมีการเตะถ่วงกันอยู่เลยถามว่าสถาบันอุตสาหกรรมทางทหารไปถึงไหนแล้ว ก็ตอบได้เลยว่าเงียบหายไปกับสายลมผมว่าสถาบันนี้น่าจะเชือมต่อกับสถาบันการศึกษาต่างๆของประเทศในการพัฒนาวิจัยเทคโนโลยีใหม่ๆเช่น  ChiP set ในการระบุพิกัดดาวเทียมเป็นต้นให้สถาบันการศึกษาวิจัยและสถาบันอุตสาหกรรมทหารสนับสนุนงบวิจัยมีนายทหารควบคุมแผนงานร่วมกันคณาจารย์เป็นต้น เคยได้ยินไหมว่านักศึกษาของเราที่ชนะหุ่นยนต์ระดับโลกญี่ปุ่นเค้าให้ทุนเพื่อไปศึกษาต่อแล้วผมคิดว่าอนาคตเค้าคงไม่กลับเมืองไทยแน่ๆ ทำไมเราไม่สนับสนุนเค้าทำเองในประเทศป้องกันการไหลของทรัพยากรบุคคลที่มีค่า ผมเคยได้ยินมาว่าญี่ปุ่นกำลังวิจัยหุ่นยนต์ผ่าตัดร่วมกับ ม.โตเกียวถ้าจำไม่ผิดนะครับแล้วนักศึกษาของเราก็ได้ทุน ป.โทที่ ม.นี้ครับ

โดยคุณ ddd2521 เมื่อวันที่ 16/12/2009 00:14:06


ความคิดเห็นที่ 15


เห็นแล้วก็น่าดีใจกับเค้าด้วยครับ ว่าแต่รถหุ้มเกราะของชัยเสรีที่มาแสดงในงานที่ผ่านมานี่เป็นยังไงบ้างดูเหมือนไม่ค่อยมีใครสนใจเลย หนังสือแนวทหารเองก็แทบไม่มีรูปมาลงหรือให้ข้อมูลใด ๆ เลยครับ หากท่านใดพอมีรูปหรือมีข้อมูลก็เอามาแบ่งปันกันบ้างนะครับ ผมเชื่อว่าของเราไม่แพ้ชาติไหนเหมือนกันครับ
โดยคุณ jo_joe เมื่อวันที่ 16/12/2009 03:48:37


ความคิดเห็นที่ 16


เขาเก่งมากๆครับ 

เขาเก่งที่คิดได้ว่าประโยชน์ของประเทศชาติมาก่อนค่าคอม

จะว่าไปของเราก็เก่งครับที่คิดได้เหมือนกันว่าค่าคอมมาก่อนชาติมาหลัง

แค่หลักการเหมือนกันแต่คิดกลับกันเท่านั้นเองครับ

อย่าไปคิดอะไรมากเลยครับ  ชาตินี้จะได้เห็นรถเกราะสันชาติไทยหรือป่าวก็ยังไม่รู้  เหนื่อยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ครับ

 

โดยคุณ OMAGA เมื่อวันที่ 16/12/2009 07:36:33


ความคิดเห็นที่ 17


ถึงเค้าจะกินแต่ อินโดเค้าก็ให้ความสำคัญกับเรื่องพัฒนาตัวเองพอสมควร
เมื่อสมัยสรามโลกครั้งที่สองเราอยู่แถวหน้าของเอเซีย  เมื่อ20ปีก่อนเราเป็นเสือตัวที่ห้า  แต่เราหยุดอยู่แค่นั้น พอชาติสงบเรารบกันเอง  ตอนนี้อยากให้คนไทยทุกคนหันมาดูเพื่อนบ้านรอบข้าง เค้าไปกันถึงไหนแล้ว แต่เราหยุด หยุดเดินมามา20ปีแล้ว ตอนนี้มาเลย์ สิงคโปร์ อินโด เค้าทิ้งห่างเราไปหลายช่วงตัวแล้ว พม่า เขมรลาว กำลังจี้ก้นเราติดๆ อีกหน่อยก็คงแซงเราไป    หากคนไทยยังรบกันไปเองแบบนี้ สักวัน ลูกไทยหลานไทย คงไม่มีแผ่นดินให้ยืน  ได้แต่สังเวชใจครับ
โดยคุณ ลมหมุนวน เมื่อวันที่ 16/12/2009 20:24:45


ความคิดเห็นที่ 18


เคยมีคำของบุพบุรุษของเรา กล่าวไว้ว่า "กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี"

เช่นเดียวกัน ประเทศไทยยังมีคนดีๆ อยู่อีกมาก แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นผู้กำหนดชะตาประเทศ


เราไม่สามารถแก้ไขระดับประเทศได้ เราทำครอบครัวของเราให้ดีที่สุดก่อนดีกว่า

มันเป็นระดับเล็กๆ ในสังคม แต่ถ้าหากมีมากๆ มันจะทำให้ประเทศชาติดีขึ้นเอง

ผมเคยทำงานร่วมกับคนเวียดนาม เขามีความมั่นใจตัวเองสูงมาก ทะเยอทะยาน ไขว่หาความรู้

คนสิงค์โปร์ ตั้งใจทำงานมาก เพื่อความก้าวหน้า เพื่อผลงาน การทำงานของเขาเป็นอินเตอร์มาก เพราะภาษาเขาดี เทคโนลียี เขาเลยไปไกล เพราะดิวหา Partner อย่างเดียว

คนมาเลเซีย คนที่กุมเศรษฐกิจ ส่วนมากเชื้อสายจีน ดังนั้นระบบการทำงานของเขา ค่อนข้างเหมือนสิงค์โปร์ แต่มีแค่ 30 % ที่เป็นเชื้อสายจีนในมาเลเซีย

คนไทย ลูกน้องผมเอง ตอนทำงานก็ขยันดี แต่ไม่ค่อยหาความรู้เิพิ่มเติม

การทำงานไม่ค่อยเป็นระเบียบสักเท่าไร หากเลี่ยงได้ ก็จะเลี่ยง

ตกเย็นวันศุกร์หาที่กินเหล้าเที่ยว เสาร์นอน อาทิตย์ถอน

ไม่ค่อยทะเยอยาน ทำที่พอใจอยู่ ดังนั้นการพัฒนาช้ากว่า

สรุป

ความคิดผม อยากรื้อระบบการสอบเข้ามหาลัยใหม่ อยากให้รวมคะแนนความเป็นคนดี โดยให้น้ำหนักมากกว่าความรู้ที่เล่าเรียนมา

เพราะได้คนเก่งเข้าไป เรียนเก่ง เป็นใหญ่เป็นโต  แต่นึกถึงแต่ตัวเอง ไม่นึกถึงประเทศชาติ แล้วประเทศชาติมันจะเจริญไหม

ประเทศเราไม่จำเป็นต้องรีบเป็นเสือหรอก ขอให้ได้คนดี ไม่โกงบ้าน โกงเมือง อยู่แบบพอเพียงและเพียงพอ บ้านเมืองเราก็ค่อยๆ เจริญเองล่ะ แต่เจริญแบบมั่นคงถาวร


ขออภัยที่บ่น เก็บกดจากที่ทำงานด้วย 555

คนที่ได้ดิบได้ดี วันๆ ไม่ค่อยทำงาน ได้แต่ประจบเจ้านาย ใส่ร้ายคนอื่น

เป็นปัญหาระดับรากหญ้า ถึง ระดับประเทศจริงๆ

แต่สุดท้าย ผมก็ภูมิใจที่ได้เกิดเป็นคนไทยครับ







โดยคุณ Ronin เมื่อวันที่ 16/12/2009 23:44:21


ความคิดเห็นที่ 19


ตอบความเห็นข้างบนครับ ผมเองก็ทำงาน บ.สิงคโปร์ ผมเป็นวิศวกร ก็ไม่เห็นว่าวิศวกรไทย หรือ พนง. คนไทย จะไม่แสวงหาความรู้เพิ่มเติมแต่อย่างใด ต่างคนก็ต่างทำงานด้วยความขยัน แสวงหาความรู้ใหม่ๆตลอดเวลา ยิ่งต้องทำงานสายเทคโนฯ ด้วยแล้ว  ผมว่าคนไทยเราอะ ขยันนะ ทำงานหนักด้วย ไม่งั้น บ.ต่างชาติเค้าไม่เข้ามาหรอก แต่ติดที่ระดับบนๆของประเทศมันมีปัญหามากกว่า คนระดับล่าง ทำให้ตาย ชาติเราก็ไม่เจริญหรอก สุดท้าย สิ่งใดๆที่พวกเราคนไทยช่วยกันสร้างกันไว้ ทั้งกรรมดี กรรมไม่ดี ก็ต้องย้อนกลับมาถึงพวกเราทุกคนอยู่ดี  ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด จนกว่าจะถึงเวลานั่นก็แล้วกันครับ


โดยคุณ RMUTK เมื่อวันที่ 17/12/2009 01:11:25


ความคิดเห็นที่ 20


ผมขอต่อของคุณ Ronin นะครับว่าผมเห็นเช่นนั้นและแย้งด้วยครับ ผมว่าคุณ Ronin น่าจะหมายถึงโดยรวมครับผมมีเพื่อนหลายระดับในการทำงานตั้งแต่รายวันยัน ผู้จัดการทั่วไป ทุกสาขาตั้งแต่ช่างอุดยัน แพทย์(ตัวผมเรียนเศรษฐศาสตร์) เรื่องพฤติกรรมทั้งหลายที่คุณRoninว่ามานั้น เกินร้อยละ50ครับที่พบในหมู่เพื่อนฝูงที่รู้จัก(ก็ประมาณ70กว่าๆได้)ทุกศุกร์รามไปเสาร์อีกไม่ต้องพูดถึงเทศกาลโดยเฉพาะช่วงนี้ลานเบียร์ครับ หรือไม่ก็คาราโอเกะที่เป็นกระท่อมนะครับ มีเพื่อนผมเพียงไม่กี่คนครับส่วนใหญ่จะเป็นพวกวิศวะที่หาความรู้เพิ่ม หรือคิดจะเรียนเสริม และพวกออฟฟิตก็มีบ้างที่เพิ่มพูนประสิทธิภาพของตนเองแต่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง
ผมว่ามันเป็นกระแสสังคมเป็นส่วนใหญ่เพราะผมเคยถามพวกเขาว่าไปเที่ยวดึกๆทำไม?ไม่ไปเรียนอะไรเพิ่มหรือ? ไม่หางานพิเศษทำหรือ? ฯลฯ เขาบอกว่าไปเที่ยวตามเพื่อน ขี้เกียจเรียนเพิ่มไม่รู้จะเพิ่มทำไม แค่ทำงาน5วันก็เหนื่อยอยู่แล้ว(แต่+เที่ยวอีก2วัน) ฯลฯ คำตอบเหล่านี้ทำให้ผมขอแย้งผมว่าตลอกเวลา 10กว่าปีที่ผ่านมากระแสสังคมเป็นไปในทิศทางบริโภคนิยม กระแสแฟร์ชั่นแซงกระแสของกระแสของความดีงาม ผมว่าจุดนี้น่าจะปรับปรุงมากกว่าครับ ตัวอย่างที่เห็นกันชัดๆ จากสถิติผู้ดื่มสุราและสถิติการเที่ยวสถานบันเิทิงยามราตรีสูงขึ้นไปในทิศทางบวก หมายถึงมันไม่เคยลดลง(อาจมีช่วง2-3ปีที่ผ่านมา)แต่อัตราการดื่มสุรากลับไม่ลดลงเลยไม่สะดุดพุ่งอย่างเดียวแถมอายุผู้ดื่มรายใหม่กลับเป็นเด็กมากขึ้นล่าสุดปี2552อายุต่ำสุดนั้นต่ำกว่า15ปีอีก รวมไปถึงนักดื่มที่เป็นผู้หญิงเพิ่มขึ้นมากในช่วง 10ปีที่ผ่านมา(จากสำนักงานสถิติและสสส.)    สถิติอาชญากรรมจากสถิติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุว่า คดีข่มขืนมากขึ้นอย่างทวีคูณในช่วงปี 2541-2544 และเพิ่มขึ้นในทิศทางที่เป็น+ บ่งบอกว่าคนไทยระงับความต้องการทางเพศได้น้อยลงมาก หรือละอายต่อบาปน้อยลง สาเหตุจากการรับสาระภาพโดยรวมมีเรื่องแฟร์ชันเข้าไปอยู่ด้วย การถูกยั่วยุทางสายตาและการขาดสติจากของมึนเมาและสารเสพติด สิ่งเหล่านี้พบเห็นได้ในสังคมเมืองในยุคปัจจุบันครับ (ยอมกันไหมครับว่าทุกวันนี้รัดรูปกันเหลือเกินจนจินตนาการถึงรูปร่างที่แท้จริงได้เลย)
สิ่งต่างๆเหล่านี้ผมเชื่อว่าเป็นสิ่งขัดขวางการพัฒฯประเทศมากกว่าระดับผู้นำครับ  เปรียบง่ายๆครับ  ตัวอย่าง โรงงานที่มีผู้จัดการที่ไม่ดีไม่เก่งและไม่มีประสบการณ์หากแต่มีแรงงานไร้ฝีมือ ถ้าคุณเป็นเจ้าของโรงงานคุณเลือกปรับปรุงใครก่อน ระหว่างแรงงานหรือผู้จัดการ ผมเชื่อว่าเถ้าแก่ส่วนใหญ่เลือกแรงงานครับเพราะนั้นคือกำลังการผลิตผู้จัดการเพียงนำพานโยบายหากไม่ดีเจ้าของก็ไม่เอาจ้างใหม่แต่แรงงานจำนวน10 100 1000 หากจ้างใหม่ผมว่าคงเจ๋งเพราะการผลิตหยุดชะงักไป
เรื่องการสอบเข้าอันนั้นก็ต้องควบคู่กันในทัศนของผมครับเพราะถือว่าเป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยขัดเกลาคนในสังคมให้เห็นข้อดีถึงการทำความดีบ้างต้องทำหลายๆทางเป็นแนวขนานกันครับ   แต่สิ่งสำคัญครับเริ่มที่ตัวคุณก่อน(ทุกท่านนะครับ)เพื่อเป็นแบบอย่างให้ครอบครัวได้เห็นดีเห็นงามด้วยและขยายไปสู่ข้างบ้านแล้วไปชุมชน หากทุกจุดขยายพร้อมกันผลออกมาจะรวดเร็วและสร้างความสามัคคีไปในตัวครับ


อย่าลืมนะครับ

วันนี้คุณลุกให้คนชรานั่งแล้วหรือยัง
โดยคุณ PINJI เมื่อวันที่ 17/12/2009 06:43:51