ขออนุญาตุออกความเห็นนะครับ
ขอเป็น ปืนใหญ่ ชีชาร์ ดีกว่าไหมครับ
ทั้งประเทศ มี 6 กระบอก เองครับ
รถถังน่าจะเยอะแล้วนะครับ
การจัดหาก็ให้มาแบบ ลับ ลวง พราง
ถ้ามาแบบปกติ โดนค้าน โดนตีตก ไมได้แน่ๆๆ
*******************
อธิบายแบบนักวิชาการไม่เป็นซะด้วยสิ
ได้เท่านี้แหระ
ปัจจุบันกำลังรถถังของกองทัพบกไทยประกอบด้วย
ถ.เบา M41A3 200กว่าคัน
ถ.เบา(ลาดตระเวน) แบบ ๒๑ Scorpion 128คัน
ถ.หลัก M48A5 105คัน
ถ.หลัก แบบ ๓๐ Type 69-II 60คัน
ถ.เบา Stingray 106คัน
และ ถ.หลัก M60A1 และ M60A3 TTS 178คัน
รถถังส่วนใหญ่ที่กล่าวมาข้างต้นถึงแม้ว่าจะมีอายุการใช้งานนานแต่สามารถ Upgrade ได้ เช่น Scorpion และ Type 69-II ซึ่งมีการ Upgrade ไปบ้างแล้ว ซึ่งในอนาคต ถ.หลักแบบอื่นๆที่มีอายุการใช้งานไม่มากเช่น Stingray และ M60 ก็น่าจะเลือกแนวทาง Upgrade เช่นกันครับ
แต่ในกรณี M41 และ M48 ซึ่งปัจจุบันส่วนใหญ่จะประจำการอยู่ในกองพันรถถังในกองพลทหารราบนั้น จากอายุการใช้งานเชื่อว่าการจัดหา ถ.แบบใหม่จะมีความคุ้มค่ากว่า
โดยแนวทางการจัดหานั้นก็เคยเสนอไปในอดีตแล้วครับว่ามี 2-3แนวทางหลักคือ
1.ทดแทนด้วย รถรบทหารรบ/รถรบทหารม้า(IFV/CFV) แบบสายพาน เช่น M2/M3 Bradley, CV9040
2.ทดแทนด้วยรถหุ้มเกราะสายพานติดปืนใหญ่รถถังเช่น CV90-120
3.ทดแทนด้วย ถ.หลัก ตามตัวเลือกคุณสมบัติในโครงการจัดหาที่เคยมีการนำเสนอ คือ
เป็นรถถังน้ำหนัก27ตันขึ้นไป พลประจำรถ 3-4นาย ตัวถังเป็นเกราะเหล็กกล้า เครื่องยนต์ดีเซล
อาวุธหลัก ปืนใหญ่รถถังขนาด 105mm ขึ้นไป มี ปืนกลร่วมแกนและปืนกลต่อสู้อากาศ มีเครื่องยิงลูกระเบิดควัน
ระบบควบคุมการยิง Ballistic Computer ระบบวัดระยะด้วย Laser ระบบตรวจการณ์และกล้องเล็งแบบ Thermal imaging System
ที่สำคัญต้องติดตั้งระบบสื่อสารที่เข้ากันได้กับระบบที่ใช้อยู่ในกองทัพบก และเป็นรถที่อยู่ในสายการผลิตและประจำการในกองทัพประเทศผู้ผลิตโดยมีอะไหล่สนับสนุนไม่ต่ำกว่า 15ปี
การพิจารณาตัว ถ.หลักนี้มีการอ้างอิงโดยใช้ PT-91M ของมาเลเซียที่จัดหาจากโปแลนด์เป็นพื้นฐานครับ ซึ่งตัวเลือกในปัจจุบันที่ว่าต้องมีในประจำการและต้องอยู่ในสายการผลิต ก็เช่น K1A1 ซึ่งมีนายทหารระดับสูงในกองทัพไปดูงานที่เกาหลีเป็นต้น(แต่ ถ.แบบนี้ยังไม่ประสบความสำเร็จในการส่งออก)
รวมถึง ถ.แบบอื่นๆของรัสเซีย จีน เช่น T-90S และ Type 99 ซึ่งถ้ามองว่าระบบต้องเข้ากับมาตรฐาน NATO แล้ว รวมถึงราคาและความสัมพันธ์ ถ.หลักจากจีนดูมีข้อได้เปรียบมากกว่า ถ.รัสเซียครับ
ก่อนอื่นตัองขอบอกก่อนว่า ไทยเราใช้รถถังจับฉ่ายมากเกินไปครับ อย่างที่ข้างบนบอกไว้ ว่าเราใช้รถถังถีง ๘ แบบรวม ๕ ตระกูล (เอ็ม ๔๘/๖๐เอ๑/๖๐เอ๓ ถือเป็นตระกูลเดียวกัน) เมื่อเทียบกับ สหรัฐ ในสงครามอ่าวครั้งล่าสุดที่ใช้แค่ เอ็ม ๑ เอ ๒ เพียงแบบเดียว ดังนั้นผมก็ห่วงเหมือนกันครับว่าถ้าเราจะต้องทำสงครามในเชีงรุกระดับที่ใช้ ทหารม้า ทั้งกองพลเข้าตีนี่ ระบบส่งกำลังบำรุง ของเราจะสับสนมากแค่ไหนครับ ต้องสำรองอะไหล่กันมากแค่ไหน แล้วรถถังใช้รบแล้วเสียหายที่รอซ่อมจะทำอย่างไร ต้องรออีกนานแค่ไหนกว่าจะเข้ารบได้อีก วึ่งก็เหมือนกับอาวุธประเภทอื่นๆของ กองทัพบก ที่มักจะซื้อ มาใช้อย่างละนิดอย่างละหน่อยเท่านั้น เช่น ปืนใหญ่ เป็นตันครับ ที่มีใช้กันหลายแบบเกินไปทั้งที่เราทำเองและ ต่างประเทศเช่น จากจีน สหรัฐ อังกฤษ ออสเตรีย หรือล่าสุดนี่จาก ฝรั่งเศส (แค่ไม่เกินสิบตัว) ดังนั้นคำถามก็คือว่าเราจะปล่อยให้เกิดปัญหาเรื่องการส่งกำลังบำรุงแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน เราคืดจะแก้ไขกันหรือเปล่า
ในระยะยาวแล้วเราต้องการรถถังที่มากกว่า สองร้อยคัน ที่จะเข้าประจำการแทน เอ็ม๔๑ และ เอ็ม๔๘ แน่ๆครับ เพราะหลังจากหารถถังล็อตใหม่ นี้แล้วอีกไม่นานก็ต้องถืงคราวของ เอ็ม ๖๐ และ ที๖๙ สกอเปี้ยน และสติงเรย์ ตามลำดับ ดังนั้นถ้าหากเป็นไปได้ เราก้ควรที่จะวางแผนเอาไว้แต่ต้นมือในการที่จะนำรถถัง แบบมาตราฐานแบบเดียว หรือตระกูลเดียวเอาไว้เลยเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาทางด้านการซ่อมบำรุง หรือส่งกำลังบำรุงนาครับ ซึ่งต้องเป็นการวางโครงการระยะยาวว่า รถถังค่ายใดจะเป็น ค่ายหลักๆที่เราสามารถจัดหารถถังแบบเดียวกันมาใช้ได้ โดยมีตัวแปรคือเงินงบประมาณ เทคโนโลยี่ และความน่าเชื่อถือได้ของผู้ผลืต รวมถึงความสำพันธ์ระหว่างประเทศด้วย ซึ่งถ้าเป็นไปตามนี้ ก๊น่าจะเป็นรถถังจาก ประเทศมหาอำนาจ เท่านั้นครับ ซึ่งจะได้หมดห่วงว่าอะไหล่จะยังคงมีการผลิตอยู่ด้วยถ้าหากว่ามันยังประจำการรในชาติมหาอำนาจในระดับ ร้อยๆ หรือ พันๆ คันขึ้นไป
ซึ่งตัวเลือกก็มีไม่มากครับ คือ สหรัฐ กับ จีน นั่นเอง (รัสเซียนี่ยังไม่ค่อยน่าไว้วางใจครับเมื่อเทียบกับจีน) ดังนั้นถ้าตัวเลือกตัดสหรัฐออกไป จีนก็น่าจะเป็นตัวเลือกสุดท้ายครับ
นั่นแน่ กล่าวแบบนี้ แสดงว่า คุณโรนิน มีรถถังรัชเซียอยู่ในใจล่ะสิท่า
ในความเห็นส่วนตัวผมนั้นขอตอบแบบคร่าวๆนะครับ กรณีนี้ถ้าคิดถึงอายุและดูการอัพเกรดรถถังของกองทัพบก ของผมจะเป็นไปในแนวทางเดียวกับของ คุณAAG_th1 ครับ ว่ารถถังที่ควรจะมีการจัดหารถถังทดแทนน่าจะเป็น M41 กับ M48 ครับ กรณีรถถัง M41 นั้นจัดเป็นรถถังเบาลาดตระเวณ ที่น่าสนใจคือ CV-90/120 นั้นน่าสนใจอย่างมากครับ หรือถ้าจะเอาปืนในลักษณะเดิม คือไม่เน้นการพิชิตยานเกราะก็เป็น CV-90/40 ก็ได้เช่นกัน แต่ส่วนตัวจะเชียร์ CV-90/120 ครับ แต่เจ้าตัวนี้นั้นก็ถือว่าราคาพอสมควรเหมือนกัน แต่คุ้มค่าครับ ส่วน M-48 นั้นคงต้องดูที่หลายแบบครับ เลือกยากมาก โดยส่วนตัวจะชื่นชอบ Leopard 2 อย่างมากแต่ค่อนข้างจะแพงมากเช่นกัน จึงดูแล้วที่น่าสนใจก็ทางรัชเซียหรือยุโรปตะวันออก แต่กรณีนี้คงต้องมีการดัดแปลงเปลี่ยนเครื่องยนต์และระบบสื่อสารเช่นเดียวกับ ยานเกราะBTR-3E1 หรือไม่ก็มองมาทางเอเชียด้วยกัน อย่างเกาหลีใต้ และจีน ซึ่ง รุ่นใหม่ๆถือว่าประสิทธิภาพสูงราคาไม่แพง สรุปว่ารถถังหลักทดแทน M48 ผมเลือยากมากครับ เอาเป็นว่ามองที่ราคาและประสิทธิภาพงั้นเลือก T-90S แล้วกันครับ รองลงมาก็ Type-99 จากจีนครับ
ส่วนการจะจัดหาทำข้อตกลงอยากให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีและวิจัยพัฒนาร่วมกันด้วยครับมั้งภาคกองทัพและเอกชน หรือให้มีการตั้งศูนย์ซ่อมบำรุงในประเทศ ถ้าเป็นไปได้ให้มีส่วนหนึ่งประกอบในประเทศด้วยยิ่งดีครับ เหมือนดั่งโครงการจรวดเพื่อความมั่นคงครับ
เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ
แบบไหนควรจัดหา
ส่วนตัวผมอยากได้รถถังจากค่ายรัสเซียมากกว่านะครับ เพราะเมื่อดูจากตัวเลือกแล้ว จะเห็นว่ามีแค่ K1A1 เท่านั้นที่เป็นระบบจากอเมริกา และตะวันตก ส่วนตัวผมอยากให้กองทัพบกมองไปทางรถถังจากค่ายรัสเซียมากว่า อดีตสหภาพโซเวียต เพราะรัสเซียเป็นเจ้าของเทคโนโลยีของรถถังจากอดีตประเทศสหภาพโซเวียต ต่างๆ ทั้งPT91 และ T72 ดังนั้นภาษีของรัสเซียน่าจะดีกว่า ดังนั้นผมจึงเชียร์เจ้า T90 ตัวใหม่ของรัสเซียน่าจะดีกว่า ทั้งเรื่องอะไหล่ และราคา ที่น่าจะตกลงกันได้ง่าย ทำไมไม่มองของจีนล่ะผมคิดว่า จีนยังลอกแบบรถถังของรัสเซียมาซะส่วนใหญ่นะครับ ถึงแม้ราคาจะถูกแต่อยากให้ได้ของที่มาจากประเทศเจ้าของเทคโนโลยีเลยจะดีกว่า แล้วเราค่อยไปอัฟเกรดระบบรถ ระบบควบคุมเป็นระบบนาโต้ก็ได้ ผมคืดว่าไม่น่าจะเหลือบ่ากว่าแรงรัสเซียไปหรอกครับ ส่วนK1A1 ผมคิดว่าราคามันแพงไป ถึงแม้จะเป็นตัวเลือกที่ดีแต่ คิดว่าถ้าเราเจ้าK1 น่าจะทำให้เราจัดหาได้ในจำนวนน้อยกว่าที่เราตั้งใจจะซื้อนะครับ
วิธีการจัดหา
ผมคิดว่าเราน่าจะจัดหาโดยวิธีรัฐบาลต่อรัฐบาล GTG น่าจะเหมาะสมที่สุดครับ จะทำในรูปแบบ บาร์เตอร์เทรด สินค้าเกษตร ยางพารา ไก่สดแลกอาวุธก็ได้นะครับ คิดว่ารัสเซียน่าจะโอเคอยู๋แล้ว ไม่เหมือนกับทางตะวันตก และคิดว่าถ้าเอาวิธีนี้ไปใช้กับเกาหลีใต้ ผมคิดว่าเค้าคงไม่โอเคกับเราแน่นอนครับ ดังนั้นคิดว่า วิธี สินค้าแลกอาวุธน่าจะใช้ได้กับรัสเซียนะครับ เป็นการอุดหนุนเกษตรกร และรัฐบาลได้อาวุธใช้ด้วยครับ ดีกว่าเอาเงินสดๆไปซื้อซึ่งมันขัดกับเศรฐกิจในปัจจุบันของเราครับ
ทำไหมต้องจัดหา ของเดิมก็มีอยู่แล้ว น่าจะเพียงพอ
บอกได้เลยครับว่า ของมันใช้นานๆเข้าทุกวันมันต้องสึกหรอ เริ่มเสือมสภาพ และล้าสมัย แล้วท่านจะเอาอาวุธล้าสมัยไปสู้กับรถถังรุ่นใหม่ๆเป็นเป้าให้เค้าซ้อมยิงหรอครับ ในอดีตมันอาจจะเพียงพอ แต่ปัจจุบันประเทศรอบบ้านเริ่มมีรถถังสมัยใหม่เข้ามาประจำการ ก็เป็นการทำให้มีภัยคุกคามระดับสูงขึ้นให้เรารับมือนะครับ ดังนั้นเราก็ต้องจัดหาอาวุธสมัยใหม่มาทดแทนและเป็นการต้านทาน ป้องปรามไม่ให้เค้ากล้ากำแหงกับเราในอนาคตนะครับ
จะดูเป็นการสร้างเสริมกองทัพ เพื่อรุกรานประเทศเพื่อนบ้านรึเปล่า
ผมคิดว่าไม่เป็นครับเพราะเราซื้อมาทดแทนรถถังรุ่นเก่า ดังนั้นเราไม่ได้จัดตั้งหน่วยรถถังขึ้นมาใหม่ และไม่ได้เป็นการเสริมกำลังรบแต่อย่างใดเราเสริมสร้างขีดความสามารถของกำลังรบ แต่เราไม่ได้เอาไปรบหรือข่มขู่ใครนี่ครับ ไม่ได้เพิ่มกำลังรบ แต่เป็นการจัดหามาแทนของเก่า ดังนั้นเพื่อนบ้านจะมาว่าเราไม่ได้ครับ มิเช่นนั้นเราก็เอาข้ออ้างอย่างงี้ไปใช้กับเพื่อนบ้านบ้างสิ
หากไม่จัดหา จะก่อผลเสียอะไรบ้างต่อประเทศชาติ
มีแน่นอนครับ จะทำให้เราเสียอำนาจในการต่อรองกับประเทศเพื่อนบ้านทำให้เพื่อนบ้านไม่เห็นหัวเรา และจะทำให้เรามีอาวุธที่ล้าสมัยไม่พร้อมที่จะประจันบ้านกับศัตรู ซึ่งถ้าเกิดการเผชิญหน้ากันจริงๆ เราอาจจะต้องสูญเสียทหาร และอาวุธํโดยไม่สมควรได้นะครับ การมีอาวุธที่ทันสมัยนั่นหมายถึงเราจะสามารถลดการสูญเสียของกำลังพล และสูญเสียเอกราชของชาติในอนาคตก็ได้นะครับ เราเคยมีบทเรียนในร.ศ.112 ที่เราไม่มีอาวุธทันสมัยไปสู้กับประเทศที่มีอาวุธทันสมัยทำให้เราต้องเสียดินแดนไปเป็นแสนๆตารางกิโลเมตร ประวัติศาสตร์มีให้อ่านครับ ถ้าไม่จำเราก็อาจจะต้องเจอเหตุการณ์อย่างงั้นอีกในอนาคตเป็นแน่
ขอบคุณมากครับพี่
200คัน? คงเอามาแทนคุณปู่M-41 เพราะดูถ.อื่นๆยังใช้ดีอยู่ได้อีกไม่ต่ำกว่า10ปี
ถ.รุ่นเล็กที่เหมาะกับภาระกิจนี้ไม่มีใครผลิตแล้วแต่มียานเกราะติดปืนใหญ่สำหรับยิงสนับสนุนทหารราบ ได้แก่ CV90/105 หรือ CV90/120 จากสวีเดน หรือ BMP-3 จากรัสเซีย หรือสไตรเกอร์ติดปืน105 ของอเมริกัน
แต่ถ้าจะถือโอกาสขยายขีดความสามารถข้ามรุ่นไปซื้อถ.หลักก็มีหลากหลาย ทั้งจีน รัสเซีย ยูเครน เกาหลีใต้ เยอรมัน อเมริกัน แต่ที่พิสูจน์การใชเงานมาแล้วในสมรภูมิอาฟกันว่ามีขีดความสามารถและความอยู่รอดสูงก็น่าจะเป็น รถเยอรมัน เลพเพิร์ด2 (สิงคโปร์ซื้อไปแล้ว)
หรือจะปรับจากถ.เบาไปเป็นยานรบของทหารราบยานเกราะก็น่าจะเป็น CV90/40 จากสวีเดน หรือ BMP-3จากรัสเซีย หรือจะไป PUMA จากเยอรมันก็.....สุโค่ย
แล้วแต่ภาระกิจละครับ แต่ถ้าดูเรื่อง ประสิทธิภาพ มาตรฐานของเครื่องกระสุน เครื่องยนต์ อะไหล่ การส่งกำลังบำรุง และความสัมพันะระหว่างประเทศ ถึงราคาจะราคาสูงขึ้นหน่อย แต่ผลิตภัณฑ์จากสวีเดนกับเยอรมันน่าสนใจทุกภาระกิจครับ
ผมมองอีกมุมนึงนะครับ
เราคงต้องยอมรับความจริงกันก่อนข้อหนึ่งว่า รถถังรุ่นไหนๆลองได้เจอ RPG เข้าก็เป็นจบเห่เหมือนกันทั้งสิ้น M1 จอดเพราะ RPG ไปกี่คันในอิรัก
ที่ผมขึ้นต้นแบบนี้เพราะผมมองว่ากองทัพไทย มีอาวุธมากมายหลายแบบเกินไป ทำให้เกิดปัญหาในเรื่องการซ่อมบำรุงอยู่บ้างไม่มาก ก็น้อย รถถังหลักที่คิดว่าเหมาะกับประเทศไทย คุณสมบัติเบื้องต้นสมควรมีน้ำหนักไม่เกิน 50 ตัน ปืนใหญ่หลักควรเป็นขนาด 120 ม.ม. พลประจำรถ 3 คน (เท่านี้ก็แคบลงมาแล้ว)
แต่ที่ผมอยากให้จัดหาเข้าประจำการจริงก็คือ Commando Stingray เหตุผลคือเป็นรถถังที่เรามีประจำการอยู่แล้ว ปรับปรุงอีกเล็กน้อยโดยเฉพาะป้อมปืนกับเกราะ ค่อยปลดประจำการรถถังที่เกินความจำเป็นในหลายๆแบบ ไม่ว่าจะเป็น M48A5, M60A3 คืออเมริกาไปเพื่อลดปัญหาการซ่อมบำรุงและการฝึกบุคลากร
ผมไม่รู้ว่าในปัจจุบันนี้ จะมีการเอารถถังมาดวลกันเหมือนสงครามโลกครั้งที่สองอีกหรือไม่ รู้แต่ดูข่าวทีไร เห็นไม่เครื่องบิน ก็ ฮ. สอยเอาแต้มไปซะทุกที เลยทำให้ดูเหมือนว่า รถถังในปัจจุบันเป็นเสมือนสิ่งที่ช่วยทหารราบในการเข้าตีเพื่อยึดพื้นที่ซะมากกว่า ถ้าจะอ้างเรื่องเกราะบาง แล้วไงครับ M1 เกราะหนาแค่ไหนกันเชียว RPG ตูมเดียวก็จอดเหมือนกัน M48A5, M60A3 คิดหรือว่าเจอ RPG เข้าไปจะไม่จอดเหรอ
ในภาพฝีมือของ Su-25
อืมตั้ง200 ของเค้ามาผลิตเองหรือประกรอบเองซัก100เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเเละเป้นเเนวทางในสร้างรถถังของเราเอง ถ้าทำได้เราก็อาจจะได้เห็นรถถังที่เราสร้างเองเข้าประจำการต่อจาก200คัน (มาฝันอีกเเล้ว)ตื่นๆๆเช้าเเล้ว
จัดทำโครงการจัดหารถถังเพื่อทดแทนรถถังรุ่นต่างๆ 600 -800 คันโดยเป็นแผนระยะยาวสัก 20 ปี เริ่มที่ปลด M-41 และ M-48 ซึ่งก็ปาไปเกือบ 500 คันแล้ว ตามมาด้วย scorpion สุดท้ายจึงเป็น สตริงเรย์
น่าจะเป็นแบบเดียวกันทั้งหมด แต่มีการปรับปรุงเป็นรุ่นย่อย(อับเกรด)ตลอด เช่น รุ่น A-1 มาแทน M-41 พอจะต้องทดแทน M-48 ก็เป็นรุ่น A-2 เมื่อทดแทน scorpion ก็เป็น A-3 เป็นเช่นนี้เรื่อยๆครับ
ผมสนับสนุน K-2 และ CV90-120 ครับ
สำหรับผมสนับสนุนจากทางรัสเซียถึงผมจะไม่ชอบรถถังก็จริงแต่รัสเซียแลกได้ทุกอย่างเช่นพืชผลทางการเกษตรของเราไปแลก ชาวบ้านอิ่มท้อง กองทัพก็อิ่มใจ อย่าลืมถ้ามีโอกาสซื้อสิทธิบัตรมาประกอบด้วยยิ่งแจ๋วไปกันใหญ่
ผมขอแสดงความคิดเห็นแย้งกับพี่ น่าคิด นิดนึงนะครับผม
พี่อย่าลืมนะครับว่ารถถังไม่ได้ไปแบบลุยเดี่ยว ยังไงก็ต้องมีทหารราบไปด้วยไม่นำหน้าก็เดินไปข้างหลังรถถัง แล้วพี่คิดว่าทหารราบจะไม่เข้าไปเคลียร์ข้างทางก่อนที่รถถังจะวิ่งตามเข้ามาหรอครับ รถถังไม่ได้ไปเดี่ยวๆนะครับ ไหนจะก่อนเข้าไปจะต้องระดมยิงด้วยปืนใหญ่เข้าเคลียร์พื้นที่รอบๆก่อนอีก แล้วผมคิดว่าถ้ารถถังหลักเจอ RPG รุ่นที่มีประจำการรอบๆบ้านเราอย่าง RPG 7 RPG2 M71 ผมคิดว่ายังไงเสีย สมมุตินะครับเราได้T90s ผมคิดว่ายังไงเสียถึงแม้จะโดนยิงผมก็คิดว่าเราคงไม่พังเละตุ้มเป๊ะ หมดทั้งคันหรอกครับ แต่อาจจะต้องลากกลับไปซ่อมแค่นั้นเอง รอบๆบ้านเรายังไม่มีRPG 27 ใช้นะครับ ยังเป็นRPG 7อยู่เลย ไหนจะเก่า ERA รอบคันอีก ถ้ากลัวนักก็เอาตระแกรงเหล็กมาติดรอบคันเหมือนกับ สไตรเออร์ ของมะกันในอิรักซะเลยจะได้ลดความเสี่ยงลงมาหน่อย ผมว่าRPG ยังไม่ใช่ภัยคุกคามที่น่ากลัวเท่าไหร่ครับ
แล้วพี่ว่าคุณสมบัตรน้ำหนักไม่เกิน50 ตันน่าจะเหมาะสม ผมเห็นด้วยครับ แต่อย่าลืมนะครับว่าปัจจุบันนี้ไม่มีรถถังหลักรุ่นไหนที่น้ำหนักไม่เกิน50ตันเลยซักรุ่นมีแต่ 50กว่าๆ อัฟทั้งนั้นไม่งั้นเราไม่ต้องรอจนลูกบวชเลยหรอครับกว่าจะได้จัดหามาใหม่ ส่วนเรื่องที่ว่าเราน่าจัดหาสตริงเรย์มาประจำการแทนผมไม่เห็นด้วยนะครับเพราะว่า สตริงเรย์ เกราะอ่อนมาก ถูกกำหนดมาให้ทำภารกิจลาดตระเวณเบา ไม่ใช้ประจัญบานหรือทำลายรถถัง เหมือนกับรถถังหลัก ดังนั้นคงเป็นไปไม่ได้แน่ๆที่เราจะเอาสริงเรย์ไปดวลกับ PT91 T72 หรือ T55 ของเพื่อนบ้านเราที่เกราะหนากว่า และแข็งแรงกว่าเยอะ ดังนั้นอัตราความสูญเสีย ถ้าเรายิงก่อน เค้าอาจจะแค่เจ็บ แต่ถ้าเราโดน ปืน120 ม.ม.ของเค้าสวนมาเราถึงกับเละเลยนะครับ เพราะเราเกราะอ่อน ถึงแม้จะติดเกราะเสริมก็คงไม่น่าจะรอด ดังนั้นมันเอามาใช้ข้ามรุ่นกันไม่ได้หรอกครับ สตริงเรย์ ถ้าเราอยากจะจัดหาเพิ่มผมคิดว่าน่าจะจัดหาเอามาทดแทนคุณปู่ M41 เราซะมากกว่าครับน่าจะเหมาะสมกว่า
ผมคิดว่ายังไงซะ รถถังก็ยังมีความจำเป็นในยุทธศาตร์และมีความจำเป็นในสมรภูมิอยู่มากครับ ในการเป็นส่วนสนับสนุนการรบในการเข้าตีที่มั่นแข็งแรงของข้าศึก และช่วยเป็นเกราะกำบังให้ทหารราบในเวลาเข้าตีที่หมายได้ และยังทำลายรถถังศัตรูที่เข้ามาขัดขวางได้ด้วยครับ ดังนั้นไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนรถถังก็ยังมีความจำเป็นอยู่มากครับ เราไม่สามารถใช้เครื่องบินคุ้มกันหรือสนับสนุนทหารราบได้ตลอดเวลา แม้แต่ฮ.จ ก็ไม่สามารถคุ้มครองได้ตลอดเวลาเช่นกัน แต่รถถังทำได้สามารถคุ้มครองและมีความอ่อนตัวในการเข้าภูมิประเทศมากกว่าฮ.และเครื่องบิน ส่วนถ้าเกิดศัตรูจะใช้เครื่องบินโจมตีรถถังเรา ผมคิดว่าคงไม่เหลือบ่ากว่าแรง ท.อ. และกรมป.ต.อ. นะครับ ในอนาคตถ้าเรามีเงินก็หาพวก รถถังต่อสู้อากาศยานมาประจำการซัก1กองพันก็จะอุดปัญหาเรื่องนี้ไปได้เองครับ
ป.ล.เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ คงไม่โกรธกันนะแค่มาแลกเปลี่ยนทัศนคติกันนะครับ
รุ่นไหนก็ได้ครับ ขอแค่มีแอร์เป็นใช้ได้
ผมอ่านสเปคของรถถังใหม่ที่กองทัพเราอยากได้ก็ต้องเอามือก่ายหน้าผากครับ คือเขาบอกจะเอารถถังที่มีความสามารถสูสีกับประเทศใกล้เคียง ( ในที่นี้น่าจะเป็น มาเลย์ กับ สิงคโปร์) ในจำนวนตั้ง ๒๐๐ คัน ผมว่าเรามีเงินแค่ไหนครับ จะซื้อตั้ง ๒๐๐ คัน ซื้อทีเดียวยกล็อตใหญ่ หรือแบ่งเป็นล็อตย่อยๆ ทีละ ๕๐ คัน ในเวลา ยี่สิบ ปีครับ ลำพังรถถังที่เสนอมาทั้งสี่แบบนี่ก็ดีทั้งนั้นครับ คุณภาพไม่หนีกันเท่าไหร่ แต่ออปชั่นเพิ่มนี่ซิครับ มันอาจจะทำให้เราต้องมานั่งคำนวนกันใหม่ว่าอันไหนมันถูกแพงกว่ากันเท่าไหร่ จะเอาปริมาณหรือคุณภาพกันดี ( อยากถามในเชิงลึกอีกนิดว่าจะเอาไปรบกับใครครับจะได้จัดออปขั่นถูก)
อย่างมาเลย์ ตั้งงบไว้ซื้อ เอ็มบีที จำนวน สามกองพัน ระบุมาเลยว่าจะเอา พีที๙๑ (ราคาตอนนั้นตัวเปล่า ราวๆ๒ล้าน ยูเอส) แกเอาไปใส่ระบบควบคุมอาวุธ และสื่อสาร จากฝรั่งเศส แต่ใส่ปืนรถถังเดิมๆจากโรงงาน (คุยว่าออปชั่นนี้ระดับเดียวกับรถถังเลอแคลร์) ราคาถีบไปแตะๆ ๔ ล้านยูเอส ครับ ขณะที่ตอนนั้นรถถังใหม่แกะกล่องจากค่ายตะวันตกทั้งหลาย (เอ็ม ๑ หรือ แชลแลนเจอร์) อยุ่ที่ ๕ ล้านยูเอส กว่าๆเท่านั้น เอง ลงท้าย มาเลย์ งบหมดครับ ได้รถถังไปกองพันเดียวเอง ( หายไป สอง ) จากงบประมาณ ๒๕๐ ล้ายยุเอสครับ (ที่คาดว่าจะได้ ๓ กองพัน)
ไทยเราถ้างบประมาณมีไม่มากแต่อยากได้ของดี คงต้องหาจุดสมดุลลำบากครับ นอกจากระบุไปเลยว่าจะเอารบกับใครแนวรบตะวันตก ตะวันออก หรือใต้ ครับ ถ้าไม่ใช่ทางใต้ ผมว่าเอาแค่รถถังเดิมๆจากโรงงานก้พอครับประหยัดงบดี
ส่วนตัวแล้ว ถ้าจะจัดหาทดแทนใหม่ อยากให้ลองทบทวนหลายๆอย่างครับ เพราะสิ่งหนึ่งนั้น เราคงต้องยอมรับว่า เราคงไม่สามารถจัดหาให้ครบได้ภายระยะเวลาอันสั้น ดังนั้นยิ่งต้องมองยาวๆครับ
หลักๆก็เรื่องถึงความเป็นไปได้ ในหลายๆ แนวทาง ทั้งกระแสหลักนิยมของประเทศผู้ค้าหลัก(เพราะมันจะบ่งบอกถึงยุทโธปกรณ์ที่จะมีให้เลือกในตลาด) แต่ที่น่าสนใจและน่าจะทำที่สุดคือ การปูรากฐานในการพัฒนาเองในอนาคต
และตรงนี้มันอาจจะส่งผลถึงหลักนิยมของเราที่อาจจะต้องปรับปรุง รวมถึง อจย. ของหน่วย (กรณีนี้ ยกตัวอย่างง่ายๆคือ เรื่องของ ถ.เบา ที่แถบจะสูญพันธุ์ไปแล้ว)
เรื่องความเลื่อมล่ำของเทคโนโลยี เนื่องจากเราไม่สามารถจัดหาให้ครบได้ในระยะสั้น ดังนั้นอาจจะมีปัญหาเรื่องของเทคโนโลยี เช่น ได้ของใหม่มา ของเก่าก็ตกยุค(ทั้งๆที่ อยู่ใน อจย.เดียวกัน) ตรงนี้คงต้องดูในเรื่องของระบบโมลดูลล่า คือ สามารถรองรับการอัพเกรดได้ในอนาคต
เรื่องของสายการส่งกำลัง และอะไหล่ อันนี้น่าจะเป็นปัญหาสำคัญและประเด็นสำคัญ เพราะมันจะตามมาถึงความพร้อมรบ ประเด็นสำคัญคือ ถ้า ทำให้ทั้งระบบใช้งานอุปกรณ์หลักร่วมกันได้ เช่น ระบบเครื่องยนต์ ระบบถ่ายเทกำลังและระบบช่วงล่าง ก็จะง่ายขึ้นครับ
ตอนนี้ถ้าถามส่วนตัวแล้ว ในระบบของยานเกราะ คงจะต้องปรับใหม่ให้เหลือเพียง 1. ถ. หลัก 2 ยานเกราะสายพาน และ 3. ยานเกราะล้อยาง
สำหรับตาม กระทู้นั้น คงพูดถึง ถ. หลัก และคาบเกี่ยวคือ ยานเกราะสายพาน
ถ. หลักคงต้องลดแบบลงให้เหลือเพียง 1 หรือ 2 แบบ สำหรับ พล.ม.2รอ. ส่วน พัน.ถ. ในพล.ร. และ พล.ม.1นั้นตรงนี้ต้องมาถกกันละครับ ว่าจะยึดแนวไหน เพราะปัจจุบัน พัน.ถ. ดังกล่าว ประจำการด้วย ถ.หลัก(พล.ร.2รอ. และ พล.ร.3) และ ถ.เบา 2 แบบ คือ สตริงเรย์(พล.ม.1) และ M 41 (พล.ร.ที่เหลือ) ตรงนี้สิ่งที่เร่งด่วนสุดคือ คุณปู่ M41 ดังนั้นถ้ามองระยะยาวมันจะมีคาบเกี่ยวเยอะครับ คือ ถ้ายังคง อจย. พัน.ถ. อยู่ ก็คงจะต้องเป็น ถ.หลักครับ แต่ถ้าปรับเปลี่ยน ก็จะมีตัวเลือกอีกมากครับ หมายถึง เราสามารถเลือกระบบ ยานเกราะสายพาน ที่มีออปชั่น รุ่นติดตั้ง ป้อมปืนใหญ่รถถัง ได้ครับ(ซึ่งมันจะไปสอดคล้องกับ ยานเกราะสายพานเวอร์ชั่นอื่นๆในส่วนอื่นครับ ระบบพื้นฐานจะเป็นแบบเดียวกัน ง่ายในการส่งกำลังและอะไหล่) หรือไม่ก็อาจจะต้องปรับเป็น กองพันชุดรบทหารม้า(ผสมระหว่าง ถ.หลัก และ ยานเกราะสายพาน)
ต่อมามันก็จะมาสอดคล้องกับ ทหารม้าลาดตระเวณ ซึ่ง การจัดของ ทหารม้าลาดตระเวณนั้น ใน 1 มว. จะครบเครื่องครับ คือ มีทั้ง ถ.เบา(เจ้าแมงป่องผยองเดช อยู่ในนี้ครับ) ยานเกราะลำเลียงพล และ ยานเกราะติด ค. และก็จะสัมพันธ์กับ กองพันทหารม้าบรรทุกยานเกราะด้วยครับ
สรุปคือ ถ้าเลือกระบบที่มีรากฐานเดียวกัน เช่น แคร่รถแบบเดียวกันแล้วมันจะตอบได้หลายโจทย์ เช่น รุ่นติดตั้ง ป้อมปืนใหญ่รถถัง สำหรับ พัน.ถ. พล.ร. รุ่นติดตั้งปืนใหญ่อัตโนมัติขนาดเล็ก สำหรับ ม.ลว. รุ่น ติด ค. สำหรับ ม.บรรทุกยานเกราะและม.ลว. รุ่นลำเลียงพล สำหรับ ม.บรรทุกยานเกราะ และ ม.ลว. ซึ่งทั้งหมดจะใช้อะไหล่หลักร่วมกันได้
ในทำนองเดียวกันครับสำหรับ ยานเกราะล้อยาง สำหรับ พล.ร.2รอ. และ ม.ลว.(ล้อยาง)
พูดซะยาว เริ่ม งง 55555
ก็ต้องรอดูกันต่อไปครับ ผมอยากเห็นกองทัพในเรื่องการวางแผนระยะยาวครับ ไม่ใช่ระยะสั้น ซึ่งมันจะทำให้เรามีแบบของยุทโธปกรณ์หลายแบบจนเกินงามครับ
ขอตอบคุณ : Praetorians ตามความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ
ผมว่ายังไงรัสเซียก็ขายให้เราครับ เพราะว่ารัสเซียนะครับไม่ใช่มะกันที่จะต้องตามใจฉัน ฉันเป็นคนขาย แกเป็นคนซื้ออย่าเรื่องมาก จะเอาไม่เอาอะไรทำนองนี้แหละครับ และอีกอย่างคือมันเป็นอุปกรณ์คู่รถนะครับ ในเมื่อตัวรถที่เค้าเสนอมามีเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้มาด้วย แต่พอตกลงกันเรียบร้อยแล้วเค้าจะมาขอถอดออกมันทำไม่ได้ครับ เพราะรถถังแต่ละอย่างมันต้องมีจุดเด่นเป็นของตัวมันเอง และถ้าเค้าจะถอดจุดเด่นเอกลักษณ์ของตัวเองออกถอดเทคโนโลยีทันสมัยออก ขีดความสามารถของรถถังมันก็จะไม่แตกต่างอะไรกับPT91 และType99 ของจีนเลย (เพราะลอกแผนแบบของรถถังรัสเซียมาครับ)ส่วนตัวคิดว่าอย่างไงเสียถ้าเราต้องการระบบนี้ รัสเซียก็ต้องให้ครับ ไม่งั้นเราก็ไม่เลือกก็ได้ ตัวเลือกอื่นอาจจะมีออฟชั่นดีกว่าให้เลือกครับ และคิดว่ารัสเซียก็คงไม่อยากเสียลูกค้าไปง่ายๆหรอกครับ รัสเซียซะอย่างใจกว่ามะกันหรือประเทศอื่นเยอะ ขอแค่มีตังอย่างเดียวแค่นั้น ถ้าตังไม่มี เอาสินค้าเกษตรมาแลกก็ได้ไม่เกี่ยงอยู่แล้ว ส่วนตัวคิดว่าถ้าเราจะเอายังไงก็ต้องได้มาแน่นอนครับ
ส่วนในเคสของอินเดียผมคิดว่าคงเป็นเพราะเค้าไม่ต้องการเองแหละครับเลยให้ถอดออกจะได้ประหยัดงบประมาณไปได้ด้วยเซฟๆตังน่ะครับ และเค้าคงคิดว่าคงไม่มีความจำเป็นเท่าไหร่แล้วแต่ความต้องการของลูกค้าน่ะครับ ของเราถ้าต้องการมันต้องมาอยู่แล้วเพราะเป็นอุปกรณ์พื้นฐานของรถถังรุ่นนี้(T90s)
ส่วนของมาเลย์เซีย ก็พี่แกเล่นเอาโน่นออก เอานี่ใส่อย่างงี้โดยไม่คำนึงถึงงบประมาณที่มันต้องเพื่มขึ้นมา ส่วนตัวคิดว่ามาเลย์เอาราคาตัวเปล่าเดิมๆจากโรงงานของPT91 มาตั้งแล้วคิดเป็นจำนวนเงินตามตัวให้ได้3กองพัน แต่เอาเข้าจริงๆ พี่แกไม่ได้เอาของเดิมจากโรงงานตามที่ตั้งงบประมาณเอาไว้เอาโน่นออก เอานี่ใส่ มันก็ต้องใช้เงินทั้งนั้นสุดท้ายก็เลยงบบานจัดหาได้ไม่ครบตามจำนวนอย่างที่คิดไว้น่ะครับ ผมว่ามันคงเป็นอย่างนี้นะครับ
ส่วนเรื่องที่ว่าเราเคยซี้มะกันมาก่อนแล้วเค้าจะไม่ปล่อยเทคโนโลยีให้ ผมคิดว่าความคิดนี้คงไม่มีในหัวรัสเซียหรอกครับ เค้าใจกว้างพอน่ะครับ ไม่อย่างนั้นเค้าคงไม่ขายเครื่องSU30 ให้กับมาเลย๋เซียหรอกครับเพราะมาเลย์เซียก็มีF/A18 HAWK100 ประจำการอยู่เหมือนกันไหนจะอินเดียอีกที่มีทั้งเครื่องฝั่งมะกันและรัสเซียประจำการอยู่ผมคิดว่าอย่างรัสเซียน่าจะใจกว้างพอครับ ไม่เหมือนมะกัน
ป.ล.ขอบคุณสำหรับคำชมเชยของพี่ๆทุกคนนะครับ
ถ้าพูดถึงแคร่รถแบบเดียวครอบคลุมหลายภารกิจ ผมนึกถึงCV9040 ยานรบทหารราบจากสวีเดน มีประจำการแล้วกว่า1200คันในฝั่งยุโรป ลูกค้ารายต่อไปคาดว่าจะเป็นแคนาดา สายการผลิตยังไม่ปิด รวมทั้งมีรุ่นรถถังเบาติดปืน120mm ด้วย
ตัวนี้เป็นรุ่นดั้งเดิมที่เข้าประจำการในทบสวีเดน CV9040 ติดปืนหลัก Bofors 40L70 พร้อมกระสุน240นัด บรรทุกทหารราย 8นาย มีรุ่นติดจรวดนำวิถีต่อสู่รถถังบิลล์(BILL)ด้วย ข้อมูลจากเวป military-today
http://www.military-today.com/apc/cv_90.htm
Entered service | 1993 |
Crew | 3 men |
Personnel | 8 men |
Dimensions and weight | |
Weight | 22.4 t |
Length | 6.47 m |
Hull length | 6.47 m |
Width | 3.1 m |
Height | 2.5 m |
Armament | |
Main gun | 40-mm cannon |
Machine guns | 1 x 7.62-mm |
Mobility | |
Engine | Scania DS14 diesel |
Engine power | 550 hp |
Maximum road speed | 70 km/h |
Amphibious speed on water | 5 km/h |
Range | 300 km |
Maneuverability | |
Gradient | 60% |
Side slope | 40% |
Vertical step | 1.2 m |
Trench | 2.9 m |
Fording | 1.4 m |
Fording (after preparation) | Amphibious |
Video of the CV 90 infantry fighting vehicle
นี่ก็CV90 120T ติดปืน120mm เพิ่มเกราะ เพิ่มกำลังเครื่องยนต์ น่าตาดีทีเดียว แต่ยังไม่มีลูกค้า ?
|
มีรุ่นติดปืนค.120mm แท่นคู่พร้อมระบบป้อนกระสุนอัตโนมัติ ยิงปูพรมกันกันเพลิน น่าตาดีแต่ยังไม่มีใครซื้อ
http://www.military-today.com/artillery/amos.htm
พึ่งเห็นว่าลืมให้ลิ๊งรุ่น CV90120T http://www.military-today.com/tanks/cv90120t.htm
นอกจากนั้นก็มีรุ่นปตอ. ปืน40mm ติดเรดาห์ควบคุมการยิง รุ่นนี้มีประจำการในทบ.สวีเดน
http://www.military-today.com/artillery/lvkv_90.htm
อันนี้เป็นรุ่นติดปืน30mm ไม่แน่ใจว่าของประเทศไหน เข้าใจว่าอาจจะเป็นนอร์เวย์
ส่วนลิ๊งนี้เป็นเวปไซด์อย่างเป็นทางการของเจ้านี้ ในสังกัดBAE พร้อมโบร์ชัวร์
http://www.baesystems.com/ProductsServices/landa_hagg_products_cv90herita.html
ขอเป็น T90T(Thailand)ได้หรือไม่ครับ
น้อง แชมป์ ครับที่อยากให้น้องดูนิดนึงนะครับ โดยเฉพาะภาพที่โพส V-150 หนักไม่ 10 ตันดี ยังน่วมขนาดนี้
ยุทธวิธีที่น้องแชมป์เขียนมา อเมริกาใช้มาแล้วในอิรัค ในบางพื้นที่ยิงปูพรมแบบนั้นไม่ได้ด้วย การเอารถถังเข้ามาปะทะกันในปัจจุบันแทบไม่มีแล้ว หลังสงครามระหว่าง อิสราเอล-อาหรับ แล้วมีการรบครั้งไหนอีกไม๊ครับที่มีการนำเอารถถังมาลุยกันแบบนั้น อาวุธที่จัดหาเข้าประจำการ ควรใช้ได้ตลอดทั้งปีใช่ไม๊ครับ เจอหนักมากๆเดี๋ยวก็หน้าฝนจอดไว้ในฐานอย่างเดียวหรอกครับ
ผมมองว่าหลายคนพยายามนึกถึงสิ่งที่ดีที่สุดให้กับประเทศไทย แต่สิ่งที่ดีที่สุดที่มีอยู่ อาจจะไม่เหมาะกับประเทศไทยก็ได้ รถถังหลักที่ขนาดไม่ถึง 50 ตันมีเยอะครับนี่ก็ 2 แบบเข้าไปแล้ว ยิ่งถ้าไปค้นหาตระกูล T-72 หรือ T-80 รุ่นอัพเกรดล่ะก็ ลิสยาวเลย
ที่ว่า เสียรถถังไปไม่กี่คันอเมริกันไม่แคร์หรอกครับ ที่โดน RPG ทั้งหมดทำได้เพียงแค่ M-Kill เท่านั้น ลากกลับไปซ่อมแป๊ปเดียวก็ออกมาวิ่งได้ กองทัพไทยมีขีดความสามารถขนาดนี้เหรอครับ การที่โดนยิงไปหนึ่งคัน แล้วต้องลากออกไป ขวัญกำลังใจของทหารจะเป็นไงบ้าง รถถังที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดของกองทัพลากออกเพราะ RPG
สิ่งที่ดีที่สุด ไม่ได้หมายความว่า จะเหมาะกับเราที่สุด โดยส่วนตัวผมว่าหลายคนยังมองความจริงไม่ครบทุกมุม ผมเพียงแต่สะท้อนจากมุมที่ผมมองเท่านั้นเอง
http://en.wikipedia.org/wiki/T-90
http://en.wikipedia.org/wiki/PT-91_Twardy
http://en.wikipedia.org/wiki/Combat_Vehicle_90
http://www.army-technology.com/projects/cv90/ ต้องการให้เห็นเรื่องปืน 105 ม.ม. ว่าใช้ได้
http://en.wikipedia.org/wiki/Cadillac_Gage_Commando
ความคิดของผมคือ รถถังที่จัดซื้อใหม่อีก ๒๐๐ คัน หรือ ๔ กองพันนี้ควรอยู่ในกองพลทหารราบครับ เพราะหน่วยหลักๆ ในการรบที่จะเป็นด่านหน้าถ้าปะทะกันจริงๆคือกองพลทหารราบหลักๆทั้ง ๔ ของเราครับ ซิ่งถือว่าพร้อมรบที่สุดในขณะนี้ ส่วน กองพลทหารม้าที่ ๒ ดูเหมือนว่า ทบ, จะตั้งไว้เพื่อกินตำแหน่งเฉยๆครับ เพราะแต่ละกองพันอยู่กระจัดกระจายกันเหลือเกิน อาทิ เช่น มี บก.พล อยู่ที่ช่อง ๕ ใน กทม. แต่หน่วยรบไปอยู่ สระบุรี อย่างนี้ ซึ่ง ต่างกับของสหรัฐที่เขาเอามาอยู่รวมกันที่เดียว (ฟอร์ดน็อต )การเคลื่อนย้ายกำลังก็ทำได้ง่ายครับ ซ่อมบำรุงก้ง่าย สามารถรบเป็นเอกเทศได้เลยเดี่ยวๆเหมือน กองพล แพนเซอร์เยอรมันยุคสงครามโลกครับ มีทั้งเครื่องบิน ปืนใหญ่ และ ปตอ. ในอัตรา สมบูรณ์ในตัวเอง เหมือนกองพลทหารราบครับ ไทยเราถ้าจัดกองพลทหารม้าแล้วไม่มีความพร้อมแบบนี้ ก็มีกองพลทหารม้าแค่กองพลเดียวก้พอ และให้ จัดแบบ กองพลปืนใหญ่ หรือ พล ปตอ. ครับ คือ กองพลทหารราบ หรือ หน่วยรบไหน อยากได้อะไรก้ไปเบิกเอาเอง เป็นหน่วย ร่วมด้วยข่วยกัน ส่วน หน่วย ทหารม้าบรรทุกยานเกราะ ที่ดูเหมือน ทหารราบยานยนต์ (สังกัด พล.ม ที่ ๑ ) ที่อยูแถบภาคเหนือ นั้น ดูๆแล้วน่าจะย้ายไปสังกด กองพลทหารราบ มากกว่านาครับ เพราะ พท. ดูไม่ค่อยเหมาะแก่การใช้รถถังเท่าไหร)
สรุปก้คือ รถถังใหม่ๆทันสมัยเอาไปไว้กองพลทหารราบครับส่วนรถถังที่ ไม่ใช่แบบล่าสุด ก็เอาไปเก้บไว้ในกองพลทหารม้า (เอาไว้เป็นกำลังสำรอง) ซึ่งต่างจาก พล ป. และ ปตอ. นาครับ เพราะทั้งสองกองพลนี้ต้องเอาปืน ที่ทันสมัยที่สุดเก็บไว้เอง ส่วน ที่ทันสมัยรองลงมาก้เอาไปไว้ให้ กองพลทหารราบใช้ ครับ
เรื่องรูปน่ะครับผมแค่
1.เข้า Google
2.คลิ๊กตรงรูปภาพ
3.พิมพ์คำว่า "V-150 ติดหล่ม"
ภาพแรกเลย ไม่รู้จะให้เครดิตใครดี
ถ้าตามที่ท่าน FW-190 เสนอ(เพราะเป็นผู้ใช้) ก็ต้องจบที่ CV90 เพราะมีรุ่นย่อยให้ใช้ครบครับ สกอร์เปี้ยนอาจจะต้องทดแทนด้วยรุ่น CV9040 หรือ รุ่น 30 มม. รุ่น cv90-120 ก็ทดแทนทั้ง M-41 และ M48 และ M-60 ด้วยเลย แม้แต่สตริงเรย์ก๋ได้ด้วย
นอกจากนี้ยังสามารถนำแคร่รถรุ่นเดียวกันนี้ไปใช้กับปืนค. ปืนใหญ่อัตตาจร ระบบต่อสู้อากาศยาน รวมทั้งรุ่นรถสายพานลำเลียงเพื่อทดแทน type 83 ด้วยเลย มากพอที่จะเปิดสายการผลิตได้....ว่างั้น ตัดปัญหาเรื่องการส่งกำลังบำรุงหรืออะไหล่ในการใช้งาน