หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


ความคืบหน้าการตรวจสอบเครื่องตรวจระเบิด GT 200

โดยคุณ : Trinity เมื่อวันที่ : 25/01/2010 09:20:52

นักวิทย์จี้รบ.ตรวจสอบ"จีที200"ชี้อวดอ้างเกินจริงตรวจระเบิดใน 4 กม.

วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2553 เวลา 19:00:26 น. มติชนออนไลน์


เมื่อวันที่ 17 มกราคม ผศ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบประสิทธิภาพเครื่องตรวจจับระเบิด GT200 และเครื่องตรวจจับสารเสพติดอัลฟา 6 ภายหลังมีปัญหาไม่สามารถใช้งานได้ ว่า หลังเปิดเผยคุณสมบัติของเครื่องเหล่านี้ว่าอวดอ้างเกินจริง โดยเฉพาะเครื่องตรวจจับระเบิด GT200 ที่โฆษณาว่าสามารถตรวจจับวัตถุระเบิดได้ในรัศมี 4 กิโลเมตร โดยใช้ทฤษฎีการดูดกันของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่อาศัยเพียงลวดเดาน์ซิง หรือลวดเสาอากาศเป็นตัวชี้นำ ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงตามหลักวิทยาศาสตร์หากคลื่นแม่เหล็กไม่แรงพอจะไม่สามารถดึง ดูดกันได้ง่ายๆ ที่สำคัญตัวลวดเดาน์ซิงไม่มีคุณสมบัติดึงดูดโลหะหรือวัสดุใดๆ



"ผมได้นำข้อมูลดังกล่าวเสนอกรรมาธิการวุฒิสภา 2 คณะ คือ กรรมาธิการการมีส่วนร่วมของประชาชน และกรรมาธิการวิสามัญ แก้ไขปัญหาภาคใต้ แต่จนบัดนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ทั้งๆ ที่กรรมาธิการทั้ง 2 คณะ ต่างมีมติร่วมกันว่า จะเสนอข้อมูลให้นากยกรัฐมนตรีพิจารณา เพื่อแต่งตั้งคณะทำงานอิสระ อาจเป็นสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ให้ทดสอบคุณสมบัติของเครื่องเหล่านี้ แต่เรื่องกลับเงียบ ล่าสุด เครื่อง GT200 ถูกนำไปใช้แล้วกว่าพันเครื่อง"ผศ.เจษฎากล่าว


ผศ.เจษฎากล่าวว่า ส่วนเครื่องตรวจจับสารเสพติดอัลฟา 6 มีร่วม 700 เครื่อง ได้กระจายไปใช้งานตามพื้นที่ต่างๆ เช่นกัน และหากไม่มีการสั่งระงับ พร้อมทั้งทดสอบผลให้ชัดเจน เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของคนบริสุทธิ์อีกมาก เหตุเพราะมั่นใจในตัวเครื่องเหล่านี้เกินไป ขณะนี้มีข้อมูลความไม่ชอบมาพากลของเครื่องเหล่านี้ เช่น เอกสารของสหรัฐอเมริกา ที่ทดสอบเครื่องดังกล่าวแล้วพบว่า ไม่สามารถตรวจหาวัตถุระเบิดได้ จึงสั่งห้ามไม่ให้มีการจัดซื้อเครื่องพวกนี้มาใช้ ส่วนอังกฤษก็ปฏิเสธว่าไม่เคยใช้เครื่องตรวจจับระเบิด GT200 เช่นกัน




ความคิดเห็นที่ 1


จีที 200-สนิฟเฟ็กซ์-อัลฟ่า 6 เครื่องตรวจมหัศจรรย์ หรือ ไม้ล้างป่าช้ากายสิทธิ์ PDF Print E-mail
Written by Administrator   
Saturday, 16 January 2010 00:09

ผศ.ดร. (ว่าที่ร้อยตรี) เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์
นักวิชาการอิสระ

วันที่ 8 ตุลาคม 2552 เสียงระเบิดกึกก้องกลางตลาดในอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ได้ปลุกกระแสจิตสำนึกของผู้ที่เชื่อมั่นในความถูกต้องของวิทยาศาสตร์ให้ออกมาถกเถียง แลกเปลี่ยน และแสดงความคิดเห็นที่อาจจะพลิกโฉมหน้าวงการวิทยาศาสตร์ไทยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

          จำเลยหลักที่ถูกกล่าวหากับการระเบิดที่สุไหงโกลก คือ เครื่องตรวจหาวัตถุระยะไกลจีที 200 (GT 200) เครื่องมือมหัศจรรย์ที่ได้เคยเผยโฉมให้ประชาชนคนไทยเห็นมาแล้วหลายครั้ง ทั้งในการค้นหาวัตถุระเบิด ยาเสพติด ของต้องสงสัย หรือแม้กระทั่งซากศพ ภาพที่เราได้เห็น คือ การที่เจ้าหน้าที่ถือเครื่องมือนี้เข้าไปตรวจสอบเหตุการณ์สำคัญๆ อย่างเช่น การประท้วงของพันธมิตรฯ หรือเพลิงไหม้ซานติก้าผับ

          ความมหัศจรรย์ของจีที 200 คือ เมื่อถือเครื่องนี้เดินเข้าไปในที่เกิดเหตุ พร้อมกับใส่แผ่นการ์ดระบุชนิดของสารที่ต้องการตรวจ ซึ่งมีหลายสิบชนิด ทั้งสารระเบิด สารเสพติด สารพิษ หรือแม้แต่แบงค์ปลอม เจ้าเสาหนวดกุ้งที่ยื่นยาวอยู่หน้าเครื่องก็เหมือนจะหมุนได้เอง ชี้เป้าไปในทิศที่สงสัยว่าจะมีสิ่งของนั้นได้อย่างน่าอัศจรรย์ แม้ว่าจะมีอยู่ปริมาณน้อยนิดเป็นพิโคแกรม (เศษหนึ่งส่วนล้านล้านกรัม) หรืออยู่ห่างไกลไปหลายร้อยเมตร โดยอ้างว่าเป็นผลจากแรงแม่เหล็กดูด/ผลัก (dia/para magnetic) ที่เกิดจากไฟฟ้าสถิตในตัวผู้ใช้ และไม่มีอะไรจะขวางกั้นการตรวจของเครื่องได้ แม้แต่ตะกั่วที่เอาไว้กั้นรังสีนิวเคลียร์

          ข่าวความสำเร็จในการใช้เครื่องจีที 200 ก่อให้เกิดความศรัทธาอย่างยิ่งในวงการความมั่นคงของรัฐ จนมีการสั่งซื้อมาใช้กันขนานใหญ่ในหลายองค์กร เครื่องยี่ห้ออื่นๆ ซึ่งอ้างหลักการทำงานแบบเดียวกัน ไม่ว่าจะเครื่องสนิฟเฟ็กซ์ (Sniffex) เครื่องอัลฟ่า 6 (Alpha 6) ก็พลอยได้รับความนิยมไปด้วย และถูกนำไปใช้กันทั่วประเทศ ไม่ใช่เฉพาะในชายแดนภาคใต้เท่านั้น

          แต่ข่าวความสำเร็จ ก็เป็นเพียงแค่ด้านสว่างด้านเดียวของดวงจันทร์ มีหลายต่อหลายครั้งที่เครื่องมือทำนองนี้ได้ให้ผลลัพธ์ที่ผิดพลาด ไม่ว่าจะเป็นการที่เครื่อง “บอกว่ามี แต่กลับไม่มี (false positive)” ทำให้มีผู้บริสุทธิ์ถูกปรักปรำว่าเกี่ยวข้องกับสารระเบิด จนถึงนำตัวไปกักขังสอบสวน หรือ “บอกว่าไม่มี แต่กลับมี (false negative)” จนทำให้เจ้าหน้าที่และประชาชนต้องบาดเจ็บล้มตาย ดังเช่นกรณีที่สุไหงโก-ลก หรือล่าสุดที่จังหวัดยะลา ในระหว่างที่นายกฯมาเลเซียมาเยือนประเทศไทย (วันที่ 9 ธันวาคม)

          คำตอบที่ได้รับฟังจนเหมือนแผ่นเสียงตกร่องจากผู้รับผิดชอบก็มีเพียงแค่ว่าเครื่องมือยังมีประสิทธิภาพดีอยู่ ไม่ได้เสียหายบกพร่อง ผลลัพธ์ที่ผิดพลาดใดๆ น่าจะมาจากเจ้าหน้าที่ผู้น้อยที่ใช้เครื่องผิดวิธี ฝึกมาไม่ดีพอ พักผ่อนน้อยไป ร่างกายอ่อนแอ ขาดสมาธิและศรัทธาในการใช้เครื่อง ทำให้กระแสไฟฟ้าในร่างกายน้อยลง ประสิทธิภาพของเครื่องก็น้อยลงไปด้วย เพราะเครื่องไม่ได้ใช้ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่

          คำชี้แจงแบบวิทยาศาสตร์เทียม (pseudo-science) เช่นนี้ ทำเอานิสิตนักศึกษา คณาจารย์ นักวิจัย และผู้สนใจทางด้านวิทยาศาสตร์ แทบจะกรีดร้องออกมา เครื่องมือมหัศจรรย์ราคากว่าล้านบาทที่เคยคิดกันว่าน่าจะมีระบบอิเล็กโทรนิกส์ซับซ้อน มีเซนเซอร์พิเศษตรวจจับสสารด้วยนาโนเทคโนโลยี มีคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วประมวลผลอยู่ภายใน คล้ายกับอุปกรณ์จมูกเทียม (electronic nose) ที่โด่งดังอย่างเครื่องไฟโด (FIDO) ของทหารอเมริกัน กลับการเป็นแค่ “ลวดเดาว์ซิง (Dowsing rod)” หรือ “ไม้ล้างป่าช้า” เท่านั้นเอง

          แม้แต่เด็กก็รู้จักไม้ล้างป่าช้ากายสิทธิ์นี้จากการ์ตูนโดเรมอนตอนที่โดเรมอนเอาเครื่องมือหาบ่อน้ำออกมา ดูแล้วหน้าตาก็เหมือนกับเครื่องจีที 200 และพี่น้องของมันเปี๊ยบเลย แถมทำงานเหมือนกันด้วย เวลาที่โนบิตะถือเครื่องที่เป็นแท่งลวดงอในมือหลวมๆ แล้วเดินไปเรื่อยๆ ปลายแท่งก็จะชี้ไปหาแหล่งน้ำใต้ดินได้อย่างปาฏิหาริย์

          ความเชื่อเรื่องลวดเดาว์ซิงมีมานานมากในประเทศทางยุโรป ทั้งใช้หาแหล่งน้ำ แหล่งแร่ หรือศพในป่าช้า ผู้ที่งมงายศรัทธาในไม้ล้างป่าช้าพวกนี้ มักจะนำเอาหลักการผลัก/ดูดแม่เหล็กมาอ้างเป็นคำอธิบายเสมอ แม้ว่าจะถูกพิสูจน์มานับครั้งไม่ถ้วนแล้วว่า ลวดเดาว์ซิงเป็นเรื่องลวงโลกแหกตา (bogus) แรงแม่เหล็กที่ว่าก็ไม่ได้มีกำลังมากพอที่จะดูดลวดในมือให้หมุนได้ ถ้าจะให้ทำได้จริง ก็ต้องใช้ขดลวดสร้างแม่เหล็กไฟฟ้าตัวใหญ่เท่าห้อง ถึงจะพอดึงแค่เข็มนาฬิกาให้เคลื่อนได้

          ที่เครื่องไม้ล้างป่าช้าพวกนี้ยังขายได้อยู่ ก็เพราะมันให้ผลการชี้ทิศทางที่กำกวม ไม่ได้ระบุเป็นตัวเลขแต่อย่างใด เมื่อค้นหาในพื้นที่เสี่ยง โอกาสที่จะชี้แล้วหาวัตถุระเบิด อาวุธ หรือยาเสพติดเจอก็มีสูงเป็นธรรมดา แต่ถ้าชี้แล้วไปหาไม่พบ ก็อ้างได้ว่าเครื่องมีความไวสูงจนชี้บริเวณที่ปนเปื้อนวัตถุที่ค้นหาเพียงเล็กน้อย หรือผู้หาหาไม่เจอเอง (ไม่นับรวมที่โบ้ยว่าผู้ใช้เครื่องพักผ่อนไม่เพียงพอด้วย)

          แล้วที่เสาอากาศของเครื่องหันได้เองล่ะ ก็ถ้าไม่ได้ตั้งใจเอนเครื่องเล็กน้อยให้เสาชี้ไปปรักปรำใคร เพราะตั้งธงไว้ก่อนแล้วว่าโรงเรียนนี้หมู่บ้านนี้มีผู้กระทำผิดอาศัยอยู่ ก็จะเกิดจากการเคลื่อนไหวของตัวผู้ใช้เครื่องเองด้วย “จิตใต้สำนึก” สั่งการว่ากำลังสงสัยใครหรือบริเวณใดอยู่ ตามปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาที่เรียกว่า Ideomotor effect แบบเดียวกับที่เกิดขึ้นเมื่อเล่นผีถ้วยแก้ว เมื่อแก้วเคลื่อนที่เองได้โดยทุกคนปฏิเสธว่าไม่ได้ดัน แต่จริงๆ แล้วดันไปโดยไม่รู้ตัว

          จากความงมงายในลวดเดาว์ซิง ซึ่งอย่างมากก็ใช้ต้มตุ๋นหลอกคนว่าจะหาแหล่งน้ำแหล่งแร่ให้ ไม่มีใครบาดเจ็บหรือเป็นอะไร แต่ความเชื่อมั่นในเครื่องตรวจระเบิดที่อาศัยหลักการเดียวกัน กลับเหมือนกับเอาชีวิตผู้ใช้ไปแขวนไว้บนเส้นด้าย เอาผู้บริสุทธิ์มาเป็นผู้ต้องหาโดยไม่รู้ตัว หรือแม้แต่เอาชื่อเสียงเกียรติยศที่ทำมาทั้งชีวิตไปเสี่ยง แม้ว่าจะเป็นความบกพร่องโดยสุจริตก็ตาม

          องค์กรใดที่ใช้ชื่อว่า “วิทยาศาสตร์” แต่เอาเครื่องมือที่เป็น “วิทยาศาสตร์เทียม” เช่นนี้มาใช้ หรือรับรองการันตีว่าเครื่องมือพวกนี้เป็นเครื่องมือวิทยาศาสตร์อันทรงประสิทธิภาพ องค์กรนั้นควรจะมีความละอายแก่ใจ สำนึกต่อความถูกต้องทางวิทยาศาสตร์ หรือไม่เช่นนั้นก็เปลี่ยนชื่อไปเป็นองค์การ “ไสยศาสตร์” เสียดีกว่า

          เครื่องตรวจระเบิดลวงโลกพวกนี้ไม่ได้มีใช้อยู่ในประเทศที่พัฒนาแล้วแม้แต่ประเทศเดียว แต่กลับแพร่หลายอยู่ในหมู่ประเทศกำลังพัฒนาที่ประสบปัญหาการก่อการร้ายและความมั่นคง มีการทุจริตคอร์รัปชั่นเกิดขึ้นได้ง่าย รวมทั้งยังคงมีประชาชนที่หลงไหลศรัทธาในไสยศาสตร์มากกว่าที่จะยึดมั่นในความจริงทางวิทยาศาสตร์

          ยอมรับอย่างน่าเศร้าใจว่า ไทยเราก็เป็นหนึ่งในนั้น เพื่อนร่วมชะตากรรมของเราไม่ว่าจะเป็นเม็กซิโก อินเดีย หรืออิรัก (ไม่เกี่ยวกับทหารอเมริกัน) ก็เป็นลูกค้ารายใหญ่ของไม้ล้างป่าช้าพวกนี้ แม้ว่าจะมีเสียงเรียกร้องจากทั่วโลกปรากฏอยู่ตามเว็บไซต์ต่างๆ บนอินเตอร์เน็ตให้รัฐบาลแต่ละชาติตระหนักถึงภัยอันตรายที่จะเกิดตามมาหรือเกิดขึ้นแล้วจากการใช้เครื่องตรวจแบบลวดเดาว์ซิง แต่ก็ไม่เป็นผล จะด้วยผลประโยชน์มหาศาลหรือทิฐิมานะที่มี หรือกลัวว่าจะต้องถอดหัวโขนตัวเองออกมาแสดงตัวตนที่แท้จริง ก็ไม่อาจจะทราบได้

          หรือจะอ้างว่ามีเครื่องมืออย่างนี้ย่อมดีกว่าไม่มี จะได้ให้เจ้าหน้าที่รัฐมีเกราะป้องกันตัวเองบ้าง แต่ถ้าเกราะที่เคยคิดว่าจะป้องกันตัวได้ชิ้นนี้ แท้จริงกลับกลายเป็นระเบิดฆ่าตัวตายที่พร้อมจะทำงานทุกครั้งที่เครื่องตรวจไม่เจอว่ามีระเบิด ทั้งที่จริงๆ มีซ่อนอยู่ จะไม่เจ็บปวดใจกันบ้างเลยหรือ คิดไม่ออกเลยว่าจิตใจของคนที่ยังสั่งการให้ใช้เครื่องพวกนี้อยู่นั้นทำด้วยอะไร ทั้งๆ ที่รู้ว่ากำลังหยิบยื่นความตายให้กับผู้น้อยในแนวหน้า

          หรือว่าคนไทยเรายังขาดกระบวนการคิดไตร่ตรองหาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ อาศัยแค่ความศรัทธาจากที่เคยใช้เครื่องนี้ได้สำเร็จมาครอบงำจิตใจ จนลืมสงสัยเวลาที่เครื่องผิดพลาด เอาแต่เชื่อในสเป็กเครื่องกับเครดิตของฝรั่งที่มาสาธิตให้ดู ทำไมไม่ลองทำการทดสอบแบบ “ตาบอดสองทิศ (double-blind test)” ที่ผู้ค้นหาต้องไม่รู้ที่ซ่อน ไม่พบหน้าผู้ซ่อนของเลยตลอดการทดลอง และทดลองหลายสิบครั้งเพื่อลดโอกาสในการเดาถูก

          ความจริงแล้ว เครื่องจีที 200 และญาติพี่น้องของมัน ก็ได้เคยถูกเปิดโปงความไม่ชอบมาพากลมาแล้วหลายครั้ง ตั้งแต่ปี ค.ศ.1996 ที่เครื่องควอโดร แทรกเกอร์ (Quadro Tracker) ถูกเปิดโปงว่าเป็นเครื่องลวงโลกโดยอัยการของสหรัฐอเมริกา และถูกเอฟบีไอดำเนินคดีไปแล้ว ต่อมาปี ค.ศ. 2007 เครื่องสนิฟเฟ็กซ์ซึ่งมีใช้ในบ้านเราเหมือนกัน ก็ถูกทางกองทัพเรือสหรัฐพิสูจน์ว่าใช้ไม่ได้ผลดีอย่างที่อ้าง ใช้ได้แค่ 50:50 เท่านั้น หรือเทียบเท่ากับโยนเหรียญหัวก้อยเอง

          ส่วนเครื่องโมล (M.O.L.E.) ที่ทำจากบริษัทเดียวกับเครื่องจีที 200 นั้นก็เคยถูกพิสูจน์ตั้งแต่ปี ค.ศ.2002 โดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐแล้วว่าลวงโลกเช่นกัน บริษัทผู้ผลิตก็หนีออกไปเปิดใหม่ที่ประเทศอังกฤษ แล้วสร้างเครื่องจีที 200 ออกมาขายประเทศด้อยพัฒนาแทน ทำเอากระทรวงกลาโหมอังกฤษเดือดร้อนต้องออกแถลงการณ์ว่าไม่เกี่ยวข้องหรือเคยเอาเครื่องจีที 200 มาใช้เลย

          เรื่องโอละพ่อของ "ไม้ล้างป่าช้า" ก็มาถึงจุดสรุป เมื่อกระทรวงยุติธรรมสหรัฐออกคำเตือนในเอกสารแนวทางการเลือกซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดของทั้งประเทศว่า ห้ามซื้ออุปกรณ์ตรวจระเบิดแหกตา (bogus explosive detector) ตระกูลที่ใช้หลักการลวดเดาว์ซิงนี้ทุกยี่ห้อ ขณะที่ก็มีการตั้งรางวัลอย่างงามจาก นายเจมส์ แรนดี นักจับผิดเรื่องลวงโลกชื่อดังถึง 1 ล้านเหรียญสหรัฐ ถ้ามีใครพิสูจน์ได้ว่าเครื่องพวกนี้สามารถตรวจหาระเบิดได้จริง ซึ่งถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครกล้ารับคำท้า

          ใครหลายคนอาจจะคิดว่าไม้ล้างป่าช้าราคาตัวละหลายแสนนี้เป็นเรื่องไกลตัว เป็นปัญหาเฉพาะกับคนที่อยู่ชายแดนใต้ แต่เมื่อกระทรวงมหาดไทยประกาศรณรงค์กวาดล้างยาเสพติดขนานใหญ่ด้วยการส่งเครื่องอัลฟ่า 6 ลูกพี่ลูกน้องของจีที 200 ออกไปประจำการทั่วทุกอำเภอทั่วทั้งประเทศ บาปบริสุทธิ์ครั้งใหญ่กำลังจะเป็นภัยร้ายส่งตรง “ดีลิฟเวอรี่” ถึงตัวท่าน ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาหลายคนอาจจะหมดสนุกเมื่อถึงคราวซวย ขับรถผ่านด่านต่างจังหวัด แล้วโดนอัลฟ่า 6 ชี้ว่ามียาซ่อนอยู่ในรถ ถ้าโชคดีหาไม่เจอแต่พูดกันเข้าใจ ก็ปล่อยตัวไป แต่โชคร้ายพูดกันไม่รู้เรื่อง ได้ไปสอบสวนต่อที่โรงพัก หรือค้างแรมฟรีในห้องขังสักคืนสองคืน

          ถึงเวลาหรือยังที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะละเลิกทิฐิมานะในตัวตน แล้วหันมาพูดจากัน ยอมรับข้อเท็จจริงที่ประจักษ์ด้วยความจริงตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ ถึงเวลาหรือยังที่จะหยุดยั้งการสูญเสียของกำลังพลในแนวหน้า และสูญเสียความไว้เนื้อเชื่อใจของคนในท้องถิ่น ตลอดจนสิทธิเสรีภาพของประชาชนทั่วไปจากการใช้ “ไม้ล้างป่าช้ากายสิทธิ์” ที่แอบอ้างตนเป็นเครื่องตรวจมหัศจรรย์นี้ ถึงเวลาหรือยังที่ภาครัฐจะทุ่มเทงบประมาณไปจัดซื้อเครื่องตรวจวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริง (ดังเช่น เครื่องไฟโด ฯลฯ) ทุ่มเทงบไปที่การข่าวและการฝึกกำลังพลสุนัขตำรวจสุนัขทหารเพิ่มเติม

          มีคำกล่าวเตือนใจทางนิติวิทยาศาสตร์อยู่ว่า “คนเอียง วิทยาศาสตร์ไม่เอียง” ประเด็นไม้ล้างป่าช้าลวงโลกในครั้งนี้จะเป็นตัวอย่างคลาสสิกที่สุดสำหรับคติพจน์ดังกล่าว เพราะชัดเจนว่าความจริงทางวิทยาศาสตร์นั้นไม่ได้เอียงเข้าข้างใคร ไม่ว่าจะโด่งดังหรือยิ่งใหญ่แค่ไหน อะไรที่ไม่ถูก อะไรที่ใช้ไม่ได้ อะไรที่เป็น “วิทยาศาสตร์เทียม” ย่อมถูกเปิดโปงในที่สุด

          ส่วนคนที่ยึดติดกับหัวโขนตัวเองกับทิฐิมานะตัวเอง หรือแอบอ้างความเป็นวิทยาศาสตร์ คนผู้นั้นแหล่ะที่ “เอียง”

โดยคุณ JD1 เมื่อวันที่ 17/01/2010 15:20:58


ความคิดเห็นที่ 2


เหมือนไสยศาสตร์เลยเนอะ มีในการตูนลึกลับด้วยเครื่องมือนี้น่ะ- - งงผู้ใหญ่อนุมัติได้ไง ผมคงเป็นอีกคนหนึงที่เริ่มกังขาผู้ใหญ่ในกองทัพบกส่ะแล้วสิ

หลายๆอย่างเป็นการเผาผลาญ หยาดเหงื่อ แรงกาย น้ำตา ของผู้ใช้แรงงานอย่างพวกผมเหลือเกิน

BTR-3E  A-400 GT-200(สองอันหลังเรียกมาตราฐานนาโต้ได้ไหมน่ะ เพราะผลิตในชาตินาโต้นิ)

ที่จริงอย่างคอมเม้นแรงกว่านี้น่ะ แต่เกรงใจแอดมินทุกท่าน  แต่ว่าท่าท่านผู้ใหญ่ที่เกิดมีอำนาจจัดซื้อจัดขายผ่านเข้ามาจะฝาก พุทธสุภาษิตบทนี้ให้

"กัมฺมุนา วัตฺตตีโลโก"(สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม)

และสุภาษิตไทย  "กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง"
โดยคุณ ลมหมุนวน เมื่อวันที่ 17/01/2010 14:05:53


ความคิดเห็นที่ 3


สืบเนื่องจากกระทู้นี้
http://www.thaifighterclub.org/webboard.php?action=detailQuestion&questionid=9728&topic=%CD%C2%D2%A1%CA%CD%BA%B6%D2%C1%E0%A1%D5%E8%C2%C7%E0%A4%C3%D7%E8%CD%A7%B5%C3%C7%A8%A8%D1%BA%C3%D0%E0%BA%D4%B4%20GT200%20%A4%C3%D1%BA%C7%E8%D2%C1%D1%B9%C1%D5%CB%C5%D1%A1%A1%D2%C3%CD%C2%E8%D2%A7%E4%C3%A4%C3%D1%BA&PHPSESSID=ae6615072

ซื้อมาใช้แล้วกว่าพันเครื่อง เครื่องละเกือบล้านก็พันล้านบาท ....  อืมม
โดยคุณ Trinity เมื่อวันที่ 17/01/2010 09:26:21


ความคิดเห็นที่ 4


สวัสดีครับ
ผมก็สงสัยทำไมทบเเลจะมีปัญหาเกือบทุกรั้งที่มีการจัดซื้อ
เป็นเพราะอะไรน้า..^^


โดยคุณ ohmmer เมื่อวันที่ 17/01/2010 23:40:07


ความคิดเห็นที่ 5


เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก รบกวนท่านสมาชิกพิจารณาความเห็นของของท่านด้วย เนื่องจากอาจจะมีนักข่าว นักการทหาร และ นักนำหน้าทั้งหลายเข้ามาหาข้อมูล


ขอบคุณครับ

Webmaster

โดยคุณ Ronin เมื่อวันที่ 18/01/2010 00:07:26


ความคิดเห็นที่ 6


ผมว่าประเด็นละเอียดอ่อนหรืออะไรเทือกนี้ งดวิจารณ์กันก็ไม่เลวนะครับ ^^
โดยคุณ BloodRoyal เมื่อวันที่ 18/01/2010 09:06:35


ความคิดเห็นที่ 7


ถ้าอยากรู้ว่าหาระเบิดเจอหรือไ่ม่ ก็ลองจำลองสถานการณ์โดยเอาระเบิดไปซ่อนไว้ และใช้อาสมัครหลายคน และทดสอบหลายๆครั้ง เพื่อหา% ตรวจเจอวัตถุระเบิด 
โดยคุณ sam เมื่อวันที่ 18/01/2010 09:43:54


ความคิดเห็นที่ 8


ผมก็เกรงใจ wm ทุกคนนะครับ และเข้าใจว่านี่เป็นเว็บบอร์ดส่วนตัวที่ไม่ต้องการถกกันเรื่องแนวนี้

แต่ผมก็ขอสงวนสิทธิ์ของผมในการที่จะไม่เห็นด้วยกับการทำเป็นลืมๆ ไม่รู้ไม่เห็น ปัดๆซุกๆไปใต้พรมเพียงเพราะเห็นว่า"มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน"เช่นกัน

ผมกลับเห็นว่าหากทหารไทยอยากให้ตัวเองเป็นสถาบันที่ประชาชนรักและเชื่อมั่น คุณก็ต้องโปร่งใส และตรวจสอบได้เช่นเดียวกับที่นายพล หรือนายทหารการเมืองบางคนชอบออกมาเรียกร้องให้สถาบันอื่นๆโปร่งใส ตรวจสอบได้เช่นกัน สถาบันอื่นๆอย่างสภาผู้แทนฯ หรือรัฐบาลยังต้องมีการตรวจสอบกันทั้งจากภาครัฐด้วยกัน องค์กรอิสระ และสื่อ รัฐวิสาหกิจอย่างการบินไทยผู้บริหารโกงน้ำหนักบรรทุกคิดเป็นเงินไม่กี่แสนบาทยังถูกตรวจสอบต้องลาออก ต้องใช้ค่าเสียหายกัน องค์กรอื่นๆอย่าง ทอท. หรือ รฟม.เวลาถูกร้องเรียนว่ามีการโกงกันก็ยังต้องหยุดการประมูล ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบกันเสียเวลายืดยาวกว่าจะได้งานมาแต่ละชิ้น แล้วทำไมมาตรฐานการตรวจสอบการจัดซื้ออาวุธของทหารถึงจะต้องต่างไปจากมาตรฐานที่ใช้กับหน่วยงานอื่นๆหรือครับ? เพียงเพราะว่ามันเป็นเรื่อง"ละเอียดอ่อน" เท่านั้นหรือ?

ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเราบางคนถึงด่านักการเมือง จงเกลียดจงชังเข้ากระดูกทุกครั้งที่เห็นข่าวการโกงในการจัดซื้อจัดจ้างของราชการ แต่กลับสามารถยอมรับได้หากเป็นการซื้ออาวุธของทหาร โดยเฉพาะกรณีที่เห็นชัดๆเช่นนี้ว่าของที่ซื้อมา แพงเกินจริง และไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่อวดอ้างเช่นเครื่อง GT200 นี้ มาตรฐานการตรวจสอบมันคืออะไร ขีดจำกัดการรับได้กับ"ระดับความน่าเกลียด"ทั้งสองกรณีมันต่างกันตรงไหนหรือ? สังคมทุกวันนี้ที่มันแตกแยกกันส่วนหนึ่งไม่ใช่มาจากการปฏิบัติต่อกันด้วยมาตรฐานที่ต่างกันหรือ?

บางที การออกมายอมรับอย่างเปิดอก ยอมให้ตรวจสอบ ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ผลสุดท้ายอาจจะออกมาดีกว่าการปกปิดไว้ใต้พรม หวังว่าสักวันสังคมจะลืมๆไป

ชีวิตของทหารแนวหน้าและประชาชนเป็นร้อยเป็นพันที่ฝากความเชื่อถือไว้กับเครื่องตรวจระเบิดเก๊นี้จะเป็นอย่างไรหากปล่อยให้ใช้ GT200 ในการตรวจระเบิดเป็นหลักอยู่แบบนี้ คนที่เซ็นต์สัญญาซื้อรับผิดชอบเขาได้ไหม? หรือถ้ามันไปชี้ว่าชาวบ้านเขามีระเบิดหรือยาเสพย์ติดทั้งที่เขาไม่มีอะไรแล้วไปกล่าวหาเขาผิดๆละ? ความไว้เนื้อเชื่อใจกันระหว่างรัฐกับชาวบ้านที่เสียหายไปมันเรียดกลับมาได้ง่ายๆหรือเปล่า? โดยเฉพาะในสาม จว.ใต้ที่สถานการณ์เปราะบางแบบนี้

คนที่ออกมาเรียกร้องให้ตรวจสอบการจัดซื้อนี้ ต้องเข้าใจด้วยว่าเขาไม่ได้หวังร้ายอะไรกับทหารหรอก ตรงข้าม ผมว่าทุกคนอยากให้ทหารมีอุปกรณ์ที่ดีมีคุณภาพใช้งานคุ้มค่ากับเงินที่ใช้ไปทุกคนแหละ และหากมีเหลือบไรเกาะกินงบประมาณ จัดซื้ออาวุธต่ำกว่ามาตรฐานมาให้ใช้ มันไม่ใช้เรื่องที่ถูกต้องที่จะต้องสอบสวนเอาคนผิดมาลงโทษหรอกหรือ?

หากท่าน wm รู้สึกไม่สบายใจที่ผมจะพูดในที่นี่ ผมเคารพในสิทธิ์ของท่านครับในฐานะที่ท่านเป็นเจ้าของที่ และ reply นี้คงเป็นอันสุดท้ายที่ผมจะพูดเรื่องนี้ที่นี่ แต่ท่านต้องเข้าใจว่าท่านห้ามผมหรือประชาชนทั่วๆไปไม่ให้พูดเรื่องนี้ในบอร์ดสาธารณะที่อื่นไม่ได้หรอกครับ


โดยคุณ Trinity เมื่อวันที่ 18/01/2010 15:51:01


ความคิดเห็นที่ 9


   ^
 ^  ^
^    ^
สร้างสรรค์...ฟันธง
อยากให้นักข่าวทีวีซักรายการเล่นข่าวนี้จัง คนเซ็นอนุมัติคงหนาวๆร้อนๆ

โดยคุณ Puriku เมื่อวันที่ 18/01/2010 16:22:47


ความคิดเห็นที่ 10


เห็นด้วยกับท่าน Trinity 
คอมเม้นนี้อาจจะทำให้ท่านWMลำบากใจ  แต่กองทัพยังคงสงวนความเป็นแดนสนธยา และตรวจสอบไม่ได้ ทั้งๆที่เป็นหน่วยงานที่จับจ่ายใช้สอยภาษีของประชาชนเยอะมาก  อยากให้กองทัพได้"ปฎิวัติ" ตัวเอง ให้ภาคประชาชนเข้าไปมีส่วนรู้เห็นบ้าง และสามารถลงโทษผู้ที่กระทำผิดต่อการย่ำยีเงินรายได้ภาคประชาชน

ก็บ่นๆกันไปตามประสาประชาชนตาดำๆ ที่ไม่มีสิทธิมีเสียงอะไร ที่จะมีสิทธิทำอะไรต่อกองทัพได้  ได้แต่ดูอะไรที่ผิดซ้ำๆซากๆของกองทัพ แล้วปล่อยผ่านไป
โดยคุณ ลมหมุนวน เมื่อวันที่ 18/01/2010 23:25:34


ความคิดเห็นที่ 11


ส่วนเรื่องดับไฟใต้ ก้ยากอยู่เพราะสิ่งที่เหลื้อมล้ำที่ รัฐเคยบ่มเพาะมา มันเติบโตเต็มที่การแก้ปัญหาแบบนี้คงช่วยอะไรมากไม่ได้

สิ่งที่ผู้ใหญ่ทำกัน คนรับกรรมที่ไม่ได้ก่อ คือผู้น้อย และประชาชนที่ไร้อภิสิทธิ์ใดๆ
โดยคุณ ลมหมุนวน เมื่อวันที่ 18/01/2010 23:28:27


ความคิดเห็นที่ 12


เห็นด้วยกับคุณ Trinity ครับ เรื่องแบบนี้ควรจะมีการตรวจสอบให้ชัดเจน
โดยคุณ Praetorians เมื่อวันที่ 18/01/2010 23:34:41


ความคิดเห็นที่ 13


เห็นด้วยกับท่าน Trinity �ครับ�

ผมคิดว่าใครทำผิดต้องได้รับโทษเหมือนกันไม่ว่าจะประชาชน ข้าราชการ นักการเมือง ตำรวจ ทหาร

ถ้าทำผิดก็ต้องถูกตรวจสอบ ไม่ใช้ปล่อยให้เงียบหายไป

โดยคุณ BC_1980 เมื่อวันที่ 19/01/2010 00:37:23


ความคิดเห็นที่ 14


ว่าจะไม่พูดแล้ว เอาสักนิดละกันนะ

จะตรวจสอบว่า แพงเกินจริง ไปไหม อันนั้นก็ว่ากันไป

แต่ถ้าถามว่า GT200 เป็นไง

สำหรับตอนนี้แล้ว ตราบใดที่ยังไม่สามารถหาเครื่องที่มันดีกว่านี้มาใช้แทนได้  (ใครพอทราบข้อมูล ลอง เอาแบบอื่นๆ มานำเสนอประชาสัมพันธ์ครับ   เพราะผมก็อยากรู้จริงๆ ไม่ได้ประชดนะครับ) ถึงขี้เหล่สุด มันจะ 50-50   ผมก็ยินดีที่จะมีมันไว้ใช้งาน   ก็ยังดีกว่าที่จะไม่มีอะไรมาใช้ลดพื้นที่ในการตรวจสอบ

ถึงแม้ GT200 จะชี้ แต่นั้นคือ เบื้องต้น  เพื่อการตรวจสอบต่อไป  ไม่ได้หมายความว่า GT200 มันชี้ใครแล้วจะจับยัดเข้าคุกไปเสียหมด     

ถึงแม้จะเสียเวลา ตรงนี้ก็ต้องเข้าใจนะครับ หากบริสุทธิ์ใจจริงก็ต้องยอมให้ตรวจสอบละเอียด เพราะในความเป็นจริง ถ้าไม่มีเครื่องดังกล่าว รับรองว่า จะเสียเวลามากกว่านี้

ผมไม่ได้บอกว่า GT200 มันเลิศเลอประเสริฐศรี ต้องยึดมัน 100%  แต่ที่จะบอกคือ  มันยังดีกว่าไม่มีอะไร

การตรวจสารระเบิด หรือสารเสพติดนั้น มันมีเครื่องมือตรวจละเอียด ที่ใช้ตรวจหลังจากนั้น(ของชุดนิติฯ) ซึ่งอันนั้น 100%    ดังนั้น GT200 เป็นแค่การตรวจเบื้องต้น

สังเกตุหรือไม่ว่า เหตุการ ชาวบ้านก่อม็อบปิดล้อมเจ้าหน้าที่ไม่ให้ออกจากพื้นที่ หลังเข้าจับกุม ช่วงหลังนี้หายไปเพราะอะไร

แต่ก่อนฝ่ายตรงข้ามหลังก่อเหตุมักย้อนเข้ามาในพื้นที่ก่อเหตุเพื่อดูผลงาน หรือ ยืนยันการปฏิบัติ แต่ทุกวันนี้ หาได้น้อยมาก เพราะอะไร

หน่วยเคยสูญเสีย 8 นักรบ   และฝ่ายตรงข้ามที่ลงมือปฏิบัติก็ยังคงอยู่ในพื้นที่ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน แต่สุดท้ายโดนจับกุมและขยายผลได้เกือบหมด ส่วนหนึ่งก็มาจาก การตรวจเบื้องต้นด้วย GT200  ยืนยันนะครับว่าเบื้องต้น ทำให้เราสามารถนำมาขยายผลและหาหลักฐานอื่นได้เพิ่มเติมเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

หลายครั้งที่ สื่อฯ  มักตกเป็นเครื่องมือการ IO(Information Operation) ของฝ่ายตรงข้ามโดยไม่ตั้งใจ(บวกด้วยการขาดจรรยาบรรณ)  ซึ่งมันสร้างภาพลบมากกว่าภาพบวก    

 

สุดท้าย ผมไม่ได้เทิดทูล GT200 ว่าเป็นเครื่องมือที่สุดยอด   แต่ถ้ายังไม่มีเครื่องมือในการใช้งานลักษณะเดียวกันนี้ ที่ดีกว่า(ซึ่งผมก็อยากรู้ข้อมูลเหมือนกัน)    มันก็ยังดีกว่าไม่มี 

ส่วนเรื่องราคาสูงเกินจริงหรือไม่  หรือ มีเครื่องที่ดีกว่านี้ ราคาถูกกว่านี้ หรือคุ้มค่ากว่านี้ ทำไมไม่จัดหา  อันนี้ก็ว่ากันอีกเรื่องหนึ่งครับ

โดยคุณ FW190 เมื่อวันที่ 19/01/2010 07:15:39


ความคิดเห็นที่ 15


Google ดูคำว่า portable bomb detector ก็เจอขึ้นมาสาม สี่อันแล้วครับ มีหลายรุ่น หลายราคา หลายผู้ผลิต ตามลิ้งค์เลย เท่าที่อ่านๆดูเครื่องพวกนี้ใช้หลักการ"ดม" หรือตรวจจับอนุภาคของสารเคมีเป้าหมายที่เป็นส่วนประกอบของวัตถุระเบิดจริงๆ แหล่งพลังงานมาจากแบตเตอรี่ธรรมดาๆนี่แหละ ไม่ต้องใช้พลังจิต หรือสมาธิใดๆจากคนใช้งาน

http://www.scintrextrace.com/products_and_systems.html
http://www.global-security-solutions.com/GSS300HandHeldExplosiveDetector.htm

เรื่องราคาเป็นไงไม่ทราบ แต่ตราบใดที่มันทำงานได้จริง มีหลักการทางวิทยศาสตร์จริงๆมารองรับ ต่อให้เครื่องละสิบล้าน ผมว่าก็น่าซื้อกว่าเครื่องละล้าน แต่ใช้"พลังจิต"ค้นหาระเบิดครับ

ถ้าสนใจอยากรู้หลักการทำงานเพิ่มว่ามันตรวจจับอนุภาคอย่างไร ไปอ่านได้จากวิกิ
http://en.wikipedia.org/wiki/Explosive_detection

อันนี้เป็นข้อความบางส่วนที่คัดมาจากวิกิเช่นกันเกี่ยวกับเครื่องตรวจปลอมที่ใช้หลัก dowsing
"...There is a rather large community of people around the world that believes in dowsing: the ancient practice of using forked sticks, swinging rods, and pendulums to look for underground water and other materials. These people believe that many types of materials can be located using a variety of dowsing methods. Dowsers claim that the dowsing device will respond to any buried anomalies, and years of practice are needed to use the device with discrimination (the ability to cause the device to respond to only those materials being sought). Modern dowsers have been developing various new methods to add discrimination to their devices. These new methods include molecular frequency discrimination (MFD) and harmonic induction discrimination (HID). MFD has taken the form of everything from placing a xerox copy of a Poloroid photograph of the desired material into the handle of the device, to using dowsing rods in conjunction with frequency generation electronics (function generators). None of these attempts to create devices that can detect specific materials such as explosives (or any materials for that matter) have been proven successful in controlled double-blind scientific tests. In fact, all testing of these inventions has shown these devices to perform no better than random chance...."

ก็ขออภัยที่มีแต่แหล่งข้อมูลภาษาอังกฤษมาให้ตอนนี้ ผมยังไม่สะดวกมาแปลให้เพราะยังอยู่ที่ทำงานอยู่

ด้วยความเคารพ
โดยคุณ Trinity เมื่อวันที่ 19/01/2010 08:44:49


ความคิดเห็นที่ 16


ขอบคุณครับ
โดยคุณ FW190 เมื่อวันที่ 19/01/2010 12:45:26


ความคิดเห็นที่ 17


ผมว่ามันมีดีและไม่ดีแต่มีแล้วน่าจะมีการชี้แจงให้เข้าใจ
เกี่ยวกับการซื้อการทำงานของเครื่องแล้วมีการนำมาทดลองใช้งาน
หาข้อดีข้อเสียครับ ก่อนที่จะนำมาใช้งานและพิจารณาจัดซื้อครับ
บางที่คนจัดซื้อเขามีข้อมูล ในการจัดซื้อหรือตัวเลือกที่น้อยหรือป่าว ผมไม่ทราบว่าก่อนซื้อเขาคิดยังไงด้วย และน่าจะมีหน่วยงานตรวจสอบนะครับ
แต่ผมคิดว่า ยังไงกรรมมันมีอยู่จริงครับ
โดยคุณ RECON60 เมื่อวันที่ 19/01/2010 21:57:09


ความคิดเห็นที่ 18


GT200 หน่วย ทลร.อโณทัย (EOD ทบ.)

น่าจะนำมาใช้งานเป็นหน่อยงานแรกๆ และได้ผลดี มาก

ผมว่านอกจากเครื่องมือแล้ว ผู้นำมาใช้น่าจะมีส่วนอยู่มาก หากเครื่องตรวจสอบไม่ดี หรือไม่สามารถพิสูจน์ อะไรได้เลย คงไม่มีใครหลับหู หลับตาสั่งซื้อ จากเงินภาษีประชาชนแน่นครับ

 

 

ชมรมEODสัมพันธ์

http://www.thaireadyweb.com/ecommerce/eodrta/

 

โดยคุณ potae เมื่อวันที่ 20/01/2010 16:51:27


ความคิดเห็นที่ 19


London: UK police arrested a businessman who sold bomb detecting equipment to Iraq on suspicion of fraud, as ministers banned the export of the devices amid concerns they do not work.

The device is virtually identical to the GT200 bomb-detector used in the South.  The GT200 has caused several deaths, but every time it failed to detect explosives, the operators have been blamed.

The GT200, which reportedly has cost the Thai army and taxpayer 200,000 baht per unit, has been described by sceptics as a "divining rod" - a forked stick used to find water or buried treasure. There is no scientific explanation for why the GT200 should find explosives.

The director of British-based company ATSC, Jim McCormick, 53, was arrested on suspicion of fraud by misrepresentation and bailed pending further investigation, police said.

At the same time, the government announced it will ban the export of the ADE651, an ATSC product marketed as a bomb detector and reportedly bought in large numbers by the Iraqi military to use at security checkpoints.

"Tests have shown that the technology used in the ADE651 and similar devices is not suitable for bomb detection," the Department for Business, Innovation and Skills said in a statement.

"As soon as it was brought to the attention of the Export Control Organisation and (business secretary) Lord (Peter) Mandelson we acted urgently to put in place export restrictions which will come into force next week," it added.

The findings on the ADE651 back up the U.S. military, which has had concerns about the device for months. The military does not use it, and in June 2009 it distributed a study using laboratory testing and X-ray analysis that found the ADE651 ineffective.

"The examination resulted in a determination that there was no possible means by which the ADE651 could detect explosives and therefore was determined to be totally ineffective and fraudulent," Maj. Joe Scrocca, a US military spokesman in Baghdad, told The Associated Press in an e-mail.

As a result of that study, the US military notified all military and civilian personnel in Iraq that the bomb detection device is "ineffective and should not be relied upon as a means of insuring the safety of any personnel," Scrocca said.

The New York Times reported in November that the Iraqi government purchased more than 1,500 of the devices, at a cost of between $16,500 and $60,000 each.

While ATSC did not need an export licence because the ADE651 is not officially military technology, the department said "it is clearly of concern that it is being used as bomb detection equipment."

The ban will be limited to Iraq and Afghanistan, the department said, because "our legal power to control these goods is based on the risk that they could cause harm to UK and other friendly forces."

It added: "The British Embassy Baghdad has raised our concerns about the ADE651 with the Iraqi authorities.

"We have offered co-operation with any investigation they may wish to make into the how the device came to be bought for their military as bomb detection equipment." (With agency reports)


http://www.bangkokpost.com/news/local/166305/uk-bans-bomb-detectors

โดยคุณ Trinity เมื่อวันที่ 24/01/2010 06:18:11


ความคิดเห็นที่ 20


ผู้ดีสั่งห้ามขายเครื่องตรวจระเบิด ADE651


กรมนวัตกรรมและทักษะฝีมือด้านธุรกิจของอังกฤษ สั่งห้ามการส่งออกอุปกรณ์ตรวจหาวัตถุระเบิด รุ่น ADE651 ทั้งในอิรัก-อัฟกัน หลังสื่อแฉไม่เวิร์กดั่งโฆษณา ...

สำนักข่าวต่าง ประเทศ รายงานเมื่อวันที่ 23 ม.ค.ว่า กรมนวัตกรรมและทักษะฝีมือด้านธุรกิจของอังกฤษ สั่งห้ามการส่งออก "อุปกรณ์ตรวจหาวัตถุระเบิด" รุ่น ADE651ของบริษัท "ATSC" ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในแถบชนบทเมืองซอมเมอร์เซต มีการส่งออกไปขายทั่วโลกรวมทั้งในอิรักและอัฟกานิสถาน เพราะห่วงการสูญเสียชีวิตทหารอังกฤษและกองกำลังพันธมิตร

การสั่ง ห้ามข้างต้น มีขึ้นหลังผู้สื่อข่าวของรายการ "Newsnight" ของค่ายบีบีซี นำชิ้นส่วนของเครื่องADE651ไปให้เจ้าหน้าที่ในห้องทดลองมหาวิทยาลัยเคม บริดจ์ ตรวจสอบแล้วพบว่าเครื่องดังกล่าวไม่มีคุณสมบัติดั่งโฆษณา

ส่วน ตัว "การ์ด" คลังสมองของอุปกรณ์ที่ใช้ตรวจจับหาวัตถุระเบิดก็ไม่ต่างอะไรกับเทคโนโลยีที่ ใช้กันขโมยในห้างสรรพสินค้า ข่าวระบุด้วยว่า ตำรวจเข้าจับกุมตัวนายจิม แม็คคอร์มิค ผู้อำนวยการบริษัท ATSC ไปสอบสวนฐานต้องสงสัยข้อหานำเสนอข้อมูลที่ทำให้ผู้ อื่นเข้าใจผิดพลาด แต่ได้อนุญาตให้เขาประกันตัวออกไปสู้คดี โดยก่อนหน้านี้เมื่อ พ.ย.ปีที่แล้ว ทหารสหรัฐฯเชื่อเช่นกันว่าอุปกรณ์ตัวนี้ ทำงานตรวจหาวัตถุระเบิดไม่ได้ผล

ด้านสถานทูตอังกฤษในอิรัก ได้หยิบยกเรื่องนี้เข้าหารือกับฝ่ายเจ้าหน้าที่อิรักซึ่งซื้อหาเครื่อง ADE651ไปใช้ตามด่านตรวจต่างๆมากกว่า 1,500 เครื่อง ราคาตกระหว่าง 16,500-60,000 ดอลลาร์ต่อเครื่อง แต่นายจาวัด อัล-โบลานี รมว.มหาดไทยอิรัก กลับระบุว่าที่ผ่านมา เครื่องADE651 ตรวจพบเจอวัตถุระเบิดมากกว่า 16,000 จุดและค้นหาระเบิดจนสามารถป้องกันเหตุ คาร์บอมบ์มากกว่า 733 คัน โดยเขาเข้าใจว่าเป็นกลยุทธ์โจมตีของคู่แข่งหวังเบียดแย่งตลาดส่วนนี้ของ บริษัทATSC ส่วนความมีประสิทธิภาพของเครื่องตัวนี้ จึงขึ้นอยู่กับผู้ใช้มากกว่าว่าได้รับการฝึกฝนมาดีแค่ไหนอย่างไร.

http://th.88db.com/th/Knowledge/Knowledge_Detail.page?kid=2228534

โดยคุณ Trinity เมื่อวันที่ 24/01/2010 06:22:05


ความคิดเห็นที่ 21


กระทู้ GT200 หายไปหนึ่งกระทู้ ไม่ทราบว่าทำไมถึงถูกลบ ขอให้แอดมินช่วยตอบทีครับ(เมื่อวานไม่ได้เล่น)
โดยคุณ ลมหมุนวน เมื่อวันที่ 24/01/2010 22:20:55