มีข่าวน่าสนใจมากฝาก ในฐานะที่จบ รด. ปี 5 มาร่วม 20 ปี แล้ว เห็นว่า การเรียน รด. ได้ทำให้เข้าใจชีวิตของทหารมากขึ้น และรักชาติมากขึ้นด้วย
18 มค. 2553 15:14 น.
นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ รองประธานคณะกรรมาธิการการทหาร เปิดเผยว่า ได้ยื่นกระทู้ถามนายกรัฐมนตรี เรื่องปัญหาการรับนักเรียน นักศึกษา เข้ารับการฝึกวิชาทหาร หรือการเรียนร.ด. เนื่องจากปัจจุบันได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครองจำนวนมากว่า ลูก หลานที่อยากเรียนร.ด. มีโอกาสสมหวังน้อยมาก เพราะกองทัพไม่มีงบประมาณและกำลังพลที่เพียงพอ ในการฝึกอบรมวิชาทหารอย่างทั่วถึง ทำให้ต้องมีการสอบคัดเลือก และบางแห่งกระบวนการคัดเลือกไม่โปร่งใส นายอภิชาต กล่าวว่า ในระยะ 3-4 ปีมานี้ การเข้าเรียนร.ด.ของนักเรียน นักศึกษา ในระดับมัธยมปลาย และอาชีวศึกษา เป็นไปได้ยาก การสอบคัดเลือกใช้วิธีวัดความแข็งแกร่งของร่างกาย เช่นการวิดพื้น การวิ่งทดสอบกำลัง ต่างจากสมัยก่อนที่เยาวชน มีโอกาสเข้าถึงกองทัพได้มาก เพราะการเรียนร.ด.เปิดกว้าง นักเรียน นักศึกษา สามารถเข้าไปเรียนรู้การฝึกระเบียบวินัย เรียนรู้เรื่องอาวุธ ที่สำคัญคือได้รับการกล่อมเกลาจิตสำนึกรักชาติ เทิดทูนสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แต่ปัจจุบันด้วยเงื่อนไขงบประมาณ ทำให้โอกาสที่เยาวชนลูกหลานคนไทยจะเข้าถึงกองทัพมีน้อยลงไปเรื่อยๆ การได้รับการศึกษาเรียนรู้เรื่องเหล่านั้นก็ลดน้อยลงไปด้วย
เรียนคุณ(พี่) FW190
ผมจบมารุ่น 107ครับ จบปี 49 ตอนนี้เพิ่งเรียนทันตะอยู่ปี3ที่ม.นเรศวรนี่เองครับ ไม่ทราบว่าพี่รุ่นไหนครับผม
ปล.โรงเรียนใหม่กว้างขวางอยู่สบายมาก ไม่รู้ว่าพี่เคยมาเที่ยวมั่งรึยัง เสียอย่างที่ไกล ร้อน แล้วก็ห่างจากสาวๆฉส. ครับ
เห็นด้วยกับป๋าปืนครับ กำลังพลสำรองเรามีแต่ปริมาณ ไม่มีคุณภาพ ผมเองก็เรียน รด.3ปี รู้เลย แล้วถ้ายิ่งไปเพิ่มปริมาฯอีกนะ รับรอง และกว่าเดิม และถ้าเพิ่ม รด. ก็ต้องเพิ่ม งป. ซึ่งผมมองว่า จะยิ่งเป็นภาระให้กับกองทัพซะมากกว่า มีต้องลงทุน แต่ได้ไม่คุ้มเสีย ในแง่ของขีดความสามารถด้านการรบ เอาเงินที่จะเพิ่มส่วนนี้ ไปซื้ออาวุธอย่างอื่น ยังจับต้องได้กว่าครับ เพราะทุกวันนี้ รด.เอง ก็ไม่ใช่ว่าน้อยนะ แต่ก็ไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์อะไรอยู่แล้ว เวลามีการปฎิบัติการทางทหารก็ใช้ทหารหลัก บวกทหารพรานก็พออยู่แล้ว ส่วน รด. มีเตียมไว้สำหรับการรบขนาดใหญ่ ซึ่งมีโอกาสน้อยมาก และปริมาณที่มีในปัจจุบัน ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
พ่อแม่ที่ออกมาบอกว่า ลูกหลานตัวเองไม่มีโอกาสเรียน รด. แล้วจะไม่มีโอกาสรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ผมว่า เค้ากลัวลูกเค้าต้องไปเกณฑ์ทหารมากกว่า เพราะจริงๆแล้ว เป็นทหารเกณฑ์ เค้าก็สอนให้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เหมือนกัน
สุดท้ายยยย รด.เค้าก็มีให้ผู้หญิงเรียนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วไม่ใช่เหรอครับ ไม่เคยปิดกั้นเลย แฟนผมยังเรียนเลย ทุกวันนี้มันแกร่งกว่าผมอีก ข่มผมต่อหน้าเพื่อนตลอดเลย อิอิ (ขำๆ)
ไม่เห็นด้วยเช่นกันครับ เราไม่ได้ต้องการปริมาณ แต่เราต้องการคุณภาพ ไม่งั้นถ้าเปิดกว้างมากกว่านี้ก็ไม่มีใครอยากเป็นทหารแล้วสิครับ เรียนร.ด.อย่างเดียวเข้าง่ายไม่ต้องเหนื่อยเป็นทหาร อย่างงี้หรอครับ ร.ด.เดี๋ยวนี้วินัยเลว สุดๆ มีมีความเป็นระเบียบ เละละ ไม่รู้ว่าจะมาเรียนกันทำไม เรียนไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร ไม่ได้พัฒนาอะไรในตัวเองเลย เรียนให้มันผ่านไปวันๆแค่นั้นเอง จะได้ไม่ต้องไปเกณฑ์ทหาร เปลืองงบหลวงอีกต่างหาก ไม่เห็นด้วยครับ ค้านหัวชนฝา ถ้าอยากเรียนจริงๆก็ต้องพยายามสิ ไม่ใช้วิดพื้นไม่ไหวก็อยากจะเป็นอยากจะเรียน แค่วิดพื้นยังไม่ไหวแล้วจะมาเรียนทำไม ทำแค่นี้ยังทำไม่ได้ ค้านอย่างแรงครับ ผมไม่อยากให้กำลังสำรองในสายตาประชาชนดูตกต่ำไปมากกว่านี่แล้วครับ
ผมก็จบ ปี5 ว่าที่ร้อยตรี รุ่น 42 ปืนใหญ่
จะเพิ่มไปทำไม จบ ร.ด. ปี 3 มันยังดูแผนที่ เข็มทิศยังไม่เป็นกันเลย
ยิ่งในกรุงเทพ ฝึกอาทิตย์ละครึ่งวัน จะได้อะไรว้า...ถ้าส่วนใหญ่ต้องการแค่ หนีการเกณฑ์ทหาร
เห็นด้วยครับกับ คุณphongrapee กับการเกณฑ์ ๑๐๐% เอาทั้งชายทั้งหญิง
เพื่อปลูกจิตสำนึก ความมีระเบียบวินัย จิตสาธารณะ จิตอาสา
เป็นตัววัดทัศนคติความรักในอาชีพทหารก่อนจะได้รับการคัดเลือกเพื่อพัฒนาป็นทหารอาชีพต่อไป เข้าใจหัวอกทหารตั้งแต่ระดับพลทหาร
ส่วนพวกเรียนรด.จนครบห้าปี ก็มีทั้งพวกชอบ กับพวกชอบมาก ๆ พวกชอบมาก ๆ คุณจะสังเกตได้ง่าย พวกนี้มักจะมีปีก มีเครื่องหมายขีดความสามารถพิเศษ (ประเภทบริจาค) ติดจนถึงหัวไหล่จนคอปกเสื้อบัง จนครูฝึกต้องบอกว่าข้างหลังยังมีที่ติดอีกเยอะ คอสตูมดีมากทหารอาชีพยังอาย ให้เดินแผนที่เข็มทิศก็หลง ถ้าได้รับรางวัลก็จะเป็นผู้มีลักษณะทหารดีเด่นประเภทสวยงาม อะไรประมาณนั้น
เราลองมาทายกันนะครับว่า "ถ้าเรียน รด.แล้ว ยังต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารด้วย จะยังมีคนเรียน รด.อีกไหม?" ติ๊ก ตอก ติ๊ก ตอก
ตอบแบบไม่ต้องคิดเลยครับว่า "ไม่มีมาเรียนครับ"
แค่ให้รัฐออกมาตรานี้ใหม่รับรอง ปัญหาของท่าน ส.ส.กับผู้ปกครองทั้งหลายหมดไปแน่นอน ฟันธง และ คอนเฟิร์ม
ได้เรียน รด ยังดีกว่าไม่ได้เรียน
อย่างน้อยก็ได้ฝึกฝนวินัย
ไม่ให้เรียน ก็ไปเรียน ลูกเสือ เนตรนารี กาชาด ก็ได้
ขอให้มีงบเหอะ
นาน ๆ จะเห็นนักการเมืองพูดอะไรเข้าท่าสักที
ผมเองก็จบ รด.ปี 5 เหล่าทหารสื่อสาร เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว และได้ถูกเรียกพล เพื่อเข้ารับการฝึกทบทวน อีก 3 ครั้ง ครั้งละ 21 วัน ได้มีโอกาสไปใช้ชีวิตอยู่ในค่ายทหาร ฝึกทบทวนวิชาทหารที่ได้เรียนมาเพียงน้อยนิด ตอนเป็น รด.ให้เพิ่มมากขึ้น เกี่ยวกับเรื่องเพิ่มหรือไม่เพิ่มงบประมาณ หรือยังควรจะมีหรือไม่มีนักศึกษาวิชาทหาร ผมเห็นดังนี้ครับ
1.ไม่ควรเพิ่มปริมาณนักศึกษาวิชาทหาร
2.ควรเพิ่มวันในการฝึกศึกษาให้มากขึ้น อาจเป็นครั้งละ 1 เดือน ตอนช่วงปิดเทอมใหญ่เดือนเมษายน
3.ปรับหลักสูตรการฝึกศึกษาให้เข้มข้นมากขึ้น เพื่อให้มีความรู้ทางทหาร ซึ่งจะเป็นกำลังสำรองที่แท้จริง
4.ควรเพิ่มหลักสูตรพิเศษทางทหารต่างๆ เช่น หลักสูตรรบพิเศษฉบับย่อ แบบ Mini Ranger, Mini Seal, Mini Airborne เพื่อให้ รด.ที่ชอบและมีความพร้อมได้ฝึกศึกษา จะได้กำลังสำรองที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นอีก
สุดท้ายผมว่าสำคัญ ทำไมเราไม่นำระบบไพร่ส่วย ที่ใช้ตอนต้นรัตนโกสินทร์มาใช้คือ หากใครไม่อยากเป็นทหาร ก็ให้จ่ายเงินบำรุงให้กองทัพ กองทัพก็มีเงินไปพัฒนากองทัพอีกทางหนึ่ง
ผมเพิ่งจบปี5 มาหมาดๆ(ปีนึงแล้ว)นะครับ ตามความเห็นผมนะ ถ้าเพิ่มจำนวนเด็ก ไม่เพิ่มงบฝึก ไม่เพิ่งผู้ฝึก (ปีผมปี5ฝึกเขาชนไก่ไม่ได้ยิงปืนสั้น เสียดายมาก ครูบอกงบไม่มีเล่นเพ้นท์บอลไปละกัน)มันก็เข้าอีหรอบเดิม เด็กก็วินัยเลวลง กองทัพก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา สู้เอางบไปทำอย่างอื่นดีกว่า
ปล.อีกอย่างนึงนะครับพวก "เพศที่3เนี่ย" อย่าหาว่าผมกีดกันหรือมีอคติเลยนะ แต่ให้เข้ามาเรียนรด.มากๆเนี่ย น่าอายมากกว่าน่าดูครับ(น้องโรงเรียนผมเอง โรงเรียนช.ประจำจังหวัดพิษณุโลกเนี่ย เห้อ)
ว่าจะเฝ้าอ่านอย่างเดียว
ทักสักนิดก็ได้ 555 พอดีเจอคนบ้านเดียวกัน
ไม่ทราบว่าคุณ Tawporn นี่ศิษย์เก่าโรงเรียนชายพิดโลก ช่วงปีไหนครับ
พอดีผมก็จบจากที่นั้นเช่นเดียวกัน(โรงเรียนเก่าที่ศาลสมเด็จฯ)ครับ
พอดีผมก็จบจากที่นั้นเช่นเดียวกัน(โรงเรียนเก่าที่ศาลสมเด็จฯ)ครับ |
โดยคุณ : FW190 ![]() ![]() |
โรงเรียนใหม่ที่กำลังจะเข้า คือ ศาลทหาร ข้อหาล่อลวงน้องสาวผมมาบังหน้าชาวบ้านว่าเป็นชายเต็มตัว ที่แท้เป็นแบบนาย โจ๊ก ยาราไนก้า
ว่าแต่ว่าอย่าไปนับเลยคับ ว่ากำลังพลสำรองมีเท่าไหร่ เพราะถ้าจะนับคงต้องนับหมด ทั้งเด็กจบ รด. พลทหารที่ปลดแล้ว และคนที่จับได้ใบดำ เพราะทุกคนเป็นกำลังสำรองหมด |
ไม่ทราบว่า รด. แต่ผม เดาว่า น่าจะมาจาก ประเทศอิสราเอลครับ
หากใครทราบรายละเอียดของอิสราเอลจะทราบกันดีว่าเขามีไว้ทำไม
เวลาปฏิบัติงานเขาทำกันอย่างไร(คือเขาจะปฏิบัติงานร่วมกับทหารประจำการครับ)
หากเราไม่รวยอย่างนั้นและไม่จำเป็นถึงขนาดนั้นผม ก็เห็นด้วยกับทุกท่านนะครับ
ที่ว่าเราไม่ควรเพิ่มอัตราการฝึก นศท เพิ่มเติมจากเดิม เพราะแค่ทุกวันนี้ก็ไร้...อยู่แล้ว
และทุกวันนี้ผมเชื่อว่าหลายท่านน่าจะมีเพื่อนที่ดูยังไงก็ไม่น่าสอบผ่านเข้ามาเรียนได้ แต่เขาก็มา
เหตุผลของ สส. ที่ได้รับมาจากผู้ปกครองทั้งหลาย ผมว่าเราๆทั้งหลายน่าจะทราบดีว่าเหตุเพราะอะไร
ก็เรื่องเดิมๆครับ เพื่อไม่ให้เกณฑ์ทหาร หากผู้ปกครองอ้างว่าอยากให้ลูกหลาน เป็นคนแข็งแกร่ง สมเป็นชายชาติไทย
อย่างแรกและง่ายๆก็สอบให้ผ่านสิครับ ผมจำได้ว่าใครผ่านเกณฑ์ก็เข้าได้หมดนะ(รุ่นผมปี42)
และอยากให้สมชายชาตรีจริงๆ ก็เป็นทหารกองประจำการไปเลย สมัครหรือเกณฑ์ก็ได้
ผมเข้าใจคุณ che นะครับเรื่องชีวิต รด. แต่เหตุผลที่เพิ่มนะ ผมว่าก็ไม่สอดคล้องกันเท่าไหร่
ได้ความสนุกกับมิตรภาพ แต่ไม่ได้ศักยภาพครบกันทุกคน(หรือส่วนใหญ่) งบประมาณที่เสียไปก็เหลวลงแม่น้ำครับ
ผมไม่ทราบว่าท่านทั้งหลายเคยเห็นการฝึกที่เขาชนไก่ในเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมาเปล่าครับ
เผอิญผมไปธุร หาญาติเอาสำเนาทะเบียนบ้านไปให้เขาเห็นวันที่ฝึกโดดหอพอดี ทราบไหมครับว่าเดี๋ยวนี้
สะพานเชือกใครจะเล่นก็ได้ไม่เล่นก็ได้ ผมถามญาติแล้วฝึกภาคสนามเป็นไง ญาติผมบอกว่า "โห! ยั่งกะเดนเล่นในทุ่งมัน"
"ทำไรกันไม่รู้เล่นกันเป็นเด็ก โดยเฉพาะตุ๊ด เนี่ยครูฝึกให้สิทธิพิเศษ อะไรก็ไม่รู้ พักกันประจำ"
"เดี๋ยวก็เรียกเข้า seven (ร้านขายของแม่บ้านทหาร) โดยเฉพาะพวกตัวถ้วมๆที่ทำอะไรไม่ค่อยได้เนี่ยถูกให้ซื้อประจำ"
ผมฟังแล้วก็เชื่อบ้างแต่ก็ส่วนใหญ่ แต่มันเป็นเสียงสะท้อนจากคนที่พบเห็นนะครับ
เรื่องกำลังสำรองหากพูดถึงความจำเป็นก็คงยาววว แต่เหตุผลเพิ่มงบไม่ต้องถามรัฐหรอกครับเพราะมันไม่จำเป็น
ถามผู้ปกครองดีกว่าว่าดูแลลูกหลานยังไงไม่แข็งแรง
จะเพิ่มอีกทำไมงบประมาณครับ เอาไปช่วยทหาร- ตร. 3 จชต. ไม่ดีกว่าหรือ คนที่เรียน รด. นะเขาหวังไม่ต้องแค่เกณฑ์ทหาร กลัวมากนักหรือแค่การเป็นทหาร ถ้าจบ ม.ปลาย แค่สมัครก็เป็นแค่ 1 ปีเอง เรียน รด.ก็เหมือนการไปปิกนิค เรียนแค่อาทิตย์ละ 1 - 2 ชม. ปี 3 ก็แค่เข้าค่าย อีก 1สัปดาห์ มันจะได้อะไร ผมไม่ว่าหรอกเพราะผมก็เคยเรียน เรียนเพื่อต้องการคะแนน + เพื่อเป็นทหาร
ผมได้ลองสอบถามเพื่อนที่กรมการสรรพกำลังทหารแล้ว ได้ความว่ากองทัพมีนโยบายจะลดขนาดทหารประจำการลงในอนาคต
แต่ให้เน้นเรื่องกำลังสำรอง (reserve) ที่พร้อมจะปฏิบัติการได้ทันทีที่มีสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น สามารถกำลังสำรองที่พร้อมรบได้ภายใน 72 ชั่วโมง
(ตัวเลขของอิสราเอล ของเราอาจต้องใช้เวลามากกว่านั้น) และการที่จะมีความพร้อมขนาดนี้คงไม่ได้เรียกกำลังพลจากผู้สำเร็จการศึกษาวิชาทหาร (นศท.)
เป็นแน่ (เพราะมีการฝึกที่ไม่เพียงพอ) แต่จะเอามาจากทหารเกณฑ์เป็นหลัก ดังนั้น แนวโน้มเรื่องกำลังสำรองนั้นน่าจะไปทางที่มีการเพิ่มจำนวนทหารเกณฑ์มากขึ้นตามที่หลายท่านในบอร์ดได้ตั้งของสังเกตไว้ ส่วนเรื่องการฝึก รด. หากสมารถแยกอาจจากเรื่องเกณฑ์ทหารได้คงจะดีนะครับ
เพราะจะได้นักศึกษาที่มีใจรักทางด้านนี้เข้ามาฝึกกันแบบจริงๆ จังๆ เสียที และจะได้ควบคุมเรื่องระเบียบวินัยได้มากขึ้นด้วย
(อนึ่ง สำหรับ รด. ที่เป็นเพศที่ 3 ในสมัยเมื่อ 20 ปีก่อนไม่ค่อยมีให้เห็นครับ เพราะคิดว่าพวกนี้หากเข้ามาเรียน รด. อาจสร้างปัญหาบางประการ
แต่เดี๋ยวนี้ผมไม่ทราบว่า มีกลุ่มนี้เข้ามาเรียน รด. มากแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ คือ พวกเรียน รด. ที่มาจากสถาบันที่ชอบตีกัน พอมาเรียน รด. ด้วยกัน
ก็ไม่เห้นว่าจะมีปัญหาทะเลาะวิวาทกันเลย อาจเป็นเพราะเกรงใจเครื่องแบบ นศท. ที่สวมอยุ่ ส่วน ร ด.หญิงนั้น ถ้าจำไม่ผิดสมัยเรียนปี 5
ผมได้ทันเห็นรุ่นแรกๆ ด้วยครับ บรรดาครูฝึกหูตาแพรวพราวกันเชียว)
จากที่เคยเห็น เคยไปนั่งดูเค้าคัดกันอยู่
ผมว่าถ้ารับสมัครทหารอย่างเดียวไม่มีทหารเกณฑ์ ไม่พอแน่นอนครับ
ส่วนตัวมีโอกาสเรียนนศท.แค่ 3 ปี (สองปีถัดมา ดันไปนอนโรงพยาบาลเล่นซะปี อีกปีพักผ่อน) แล้วดันลืมรักษาสภาพ(ไม่แน่ใจคำเรียก) เลยอดเรียนต่อ�
�
น้อง phat21 ที่บอกว่า
"สําหรับนศท ผมมองเป็นเพียงกองทัพกุ๊กกิ๊ก" แสดงว่าไม่ได้เรียนร.ด.ใช่รึเปล่าครับ หรือว่าไม่ผ่านการทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย หรือมีข้อบกพร่องทางร่างกายหรือเปล่า เลยออกมาพูดแบบองุ่นเปรี้ยว
เพราะคนที่อยากจะเป็นทหารอย่างน้องไม่นาจะพลาดการเรียนร.ด.แน่นอน เพราะมันเป็นการปูพื้นฐานความรู้ทางทหาร และยังมีได้คะแนนช่วยตอนสอบบรรจุเป็นทหารด้วย
ที่น้องพูดๆมามีหลายอย่างที่มันขัดแย้งกันเองนะครับ เข้าขั้นเพ้อเจ้อเลย ถ้าเป็นคนที่ผมรู้จักคงจะต้องถามแล้วว่าบ้ารึเปล่า เพราะไม่น่าเชื่อว่าอายุขนาดเข้ามหาวิทยาลัยแล้วเนี่ยะยังไม่สามารถแยกแยะเรื่องต่างๆได้