หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


ยอดเสื้อเกราะกันกระสุน ราคาแค่หมื่นต้นๆ ทน M-16 - ปืนพกทุกชนิด

โดยคุณ : Ronin เมื่อวันที่ : 09/02/2010 17:03:12




คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น



เมื่อหลายปีก่อน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ได้เปิดตัวเสื้อเกาะกันกระสุน จากเส้นใยไหมแท้ 100% เป็นตัวแรกของโลกมาแล้ว เสื้อเกาะชุดดังกล่าวผลิตขึ้นด้วยกระบวนการทอลายตะกร้า น้ำหนัก 1.6 กิโลกรัม สามารถป้องกันกระสุนปืนขนาด .22,.38และ 11 มม. ด้วยราคาต้นทุนในงานวิจัยตัวละประมาณ 8-9 พันบาท
       
       จากธรรมชาติของนักวิจัยที่ไม่เคยหยุดนิ่งจากเสื้อเกราะธรรมดาก็ได้พัฒนาศักยภาพขึ้นไปอย่างต่อเนื่องโดยทีมนักวิจัย อันประกอบด้วย รศ.สุจิระ ขอจิตต์เมตต์ , ผศ.ดร.สมประสงค์ ภาษาประเทศ และ ผศ.ดร.อภิชาติ สนธิสมบัติ โดยทั้งหมดได้ช่วยกันสานต่อแรงบันดาลใจนำไปสู่การพัฒนาเสื้อเกราะกันกระสุนที่มีประสิทธิภาพทดแทน กระทั่งเป็นผลสำเร็จ
       
       “ความแตกต่างจากเสื้อเกราะรุ่นเก่าคือ กระบวนการผลิตที่มีวิวัฒนาการสูงขึ้น และสมรรถนะการป้องกันอาวุธร้ายแรง”รศ.สุจิระเล่าสั้นๆ ก่อนที่จะอธิบายถึงประกอบของเสื้อเกราะรุ่นใหม่รุ่นนี้ว่า “เสื้อเกราะนี้เราผลิตขึ้นด้วยกระบวนการทางวิศวกรรมสิ่งทอ ด้วยการนำเส้นใยสังเคราะห์มาเคลือบด้วยแผ่นฟิล์ม โดยกำหนดถึงแรงดัน การทนความร้อน แรงยืดหยุ่นตัว จากนั้นจึงนำมาเข้าสู่กระบวนการอัดขึ้นรูปเป็นแผ่นแล้วมาจัดเรียงเป็นชั้นๆ ซึ่งไม่ใช่เพียงการทอเส้นใยเหมือนอย่างเดิมอีกต่อไป”
       
       ด้วยกระบวนการที่ซับซ้อนกว่าเดิม แน่นอนว่าประสิทธิภาพก็ย่อมเพิ่มขึ้น ส่งผลให้สมรรถนะของเสื้อเกราะรุ่นใหม่ตัวนี้สามารถป้องกันกระสุนจากปืนพกขนาดสั้นทั้งหมด รวมทั้งป้องกัน เอ็ม 16 ซึ่งเป็นอาวุธสงครามและยังได้นำไปใช้ประโยชน์จริงอีกด้วย
       

       “งานวิจัยที่ทำนั้นใช่ว่าทำเสร็จแล้วขึ้นหิ้ง แต่ยังได้ถูกนำไปใช้ โดยสำนักงานทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ให้ทุนและหนุนให้นำเทคโนโลยีนี้มาผลิตชุดเก็บกู้กับระเบิดสังหารบุคคล จากนั้นได้ส่งไปใช้จริงที่ภาคใต้ 15 ชุดจนถึงปัจจุบัน ซึ่งปรากฎว่าเราได้รับการตอบรับที่ดีจากทหารที่ใช้อยู่ ขณะที่กระทรวงกลาโหมก็ได้มอบหมายให้ทางผู้ผลิตทำเพิ่มอีก 77 ชุด เพื่อส่งมอบให้กับทางทหารในจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยและเพิ่มเติมในส่วนที่ล่อแหลมให้มากขึ้น โดยเพิ่มการ์ดป้องกันปลายคาง ต้นคอ แขน และลำตัว”
       
       นอกเหนือจากที่ประสิทธิภาพของเสื้อเกราะจะทรงอานุภาพจนทำให้หลายคนทึ่งก็ตาม แต่ทว่าสำหรับนักวิจัยเองนั้นกลับยิ่งเป็นความท้าทายให้ช่วยหาโจทย์ใหม่ต่อการคิดผลิตใช้ประโยชน์สูงสุด อย่าง การผลิตเพื่อการป้องกันที่มากขึ้น ตลอดจนมองหาความคุ้มค่าด้วย
       
       “ หากเรานำเข้าจากต่างประเทศ ราคาจะตกอยู่ที่ชุดละประมาณ 1.8 ล้านบาท ซึ่งของเราที่คิดค้น และผลิตในประเทศสามารถทำได้ในวงเงินที่ประหยัดงบกว่า คือ ประมาณชุดละ 12,000 บาท ซึ่งหากเทียบกันแล้ว เรายังเหลืองบประมาณที่จะนำไปใช้ประโยชน์ด้านอื่นได้มหาศาล”นักวิจัยเผย และปิดท้ายถึงแนวทางในอนาคตต่อไว้ว่า จากนี้อีกไม่นานเราอาจจะได้ยลโฉม ชุดเกราะ ที่มีประสิทธิภาพที่มากขึ้น ตลอดจนมีความสามารถในการป้องกันชีวิตของมนุษย์ โดยเฉพาะราชการที่ทำหน้าที่เสี่ยงอันตรายเพื่อความสงบสุขของประเทศให้ได้”นักวิจัยสรุป


ที่มา : http://manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9530000018022


ไทยทำ ไทยใช้ ไทยเจริญครับ

งดกาีรเมือง วิจารณ์กองทัพครับ




ความคิดเห็นที่ 1


น่าจะจััดตั้งเป็นบริษัทแล้วทำการผลิตได้แล้วนะครับ แหมแต่เล่นให้ฝรั่งมาเป็นฟรีเซ็นเตอร์ให้เชียว สาวผมทองแจ่ม
โดยคุณ sam เมื่อวันที่ 08/02/2010 08:05:31


ความคิดเห็นที่ 2


คนไทย สุดยอดจิงๆ
โดยคุณ extremeflying เมื่อวันที่ 08/02/2010 12:34:20


ความคิดเห็นที่ 3


ล้านแปดกับหมื่นสอง อืม.......น่าคิดๆ
ขอให้กองทัพอย่าแค่โปรยยาหอมละกันนะครับ สนับสนุนคนไทยเถอะครับสมองไม่แพ้ชาติใดในโลก
โดยคุณ Puriku เมื่อวันที่ 08/02/2010 13:40:27


ความคิดเห็นที่ 4


ครับน่าสนับสนุน ต่อยอดต่อไป

โดยคุณ makropolo เมื่อวันที่ 08/02/2010 23:11:36


ความคิดเห็นที่ 5


ราคานำเข้ามันต่างกันกับผลิตเองมากเลยนะครับ ยอมคาราวะ

ด้วยความจริงใจ งานวิจัยทำเสร็จแล้วขึ้นหิ้งมีเยอะแยะไป

จริงไหมครับไม่เห็นจะ ก่อประโยชน์ซักเท่าไหร่ไม่คุ้มกันเงิน

ทุ่นทำวิจัย แต่เรื่องนี้เห็นประโยชน์ และสมควรแก่การ

ยกย่องเป็นอย่างยิ่งครับ

 

 

โดยคุณ juk เมื่อวันที่ 09/02/2010 02:43:08


ความคิดเห็นที่ 6


เท่าที่อ่านดู ตอนนี้ สับสนตรงที่ว่า  ถ้าตีตามความหมายที่ผมเข้าใจ  บทความนี้น่าจะหมายถึง  ชุดกันแรงอัดและสะเก็ด ของชุดเก็บกู้ฯ หรือที่เราเรียกกันว่า EOD    ถ้าราคานำเข้า 1.8 ล้านบาทต่อชุด ก็มีสิทธิ์เป็นไปได้

แต่ถ้ามันหมายถึงเสื้อเกราะประจำบุคคล ละก็ นำเข้ทชุดละ 1.8 ล้านบาท ดูมันเว่อไปนิดนึง  เพราะ ฉก.หมายเลข2 ตัว อย่างต่ำก็ 600 กว่าชุด แล้วมีเป็นสิบๆ ฉก. ถ้าชุดละ 1.8 ล้าน คิดดูว่าราคาเท่าไหร่  อาจมีการสับสนกันนะครับ

ส่วนตัวแล้ว ถ้าคุณภาพของเกราะทั้งเกราะอ่อนและแผ่นเพลท ผ่านเกณฑ์มาตรฐานสากล(มีการทดสอบได้มาตรฐาน  ไม่ใช่สักแต่เอาปืนมายิง นัด สอง นัด จบ)  จะของนอกหรือของใน ก็โอเคครับ   ยิ่งถ้าของภายในประเทศด้วยแล้วยิ่งสนับสนุน

แต่สิ่งหนึ่งที่อยากให้คำนึงด้วย คือ  การออกแบบตัวเสื้อที่ใช้นำพาแผ่นเกราะ จะเป็น เวสหรือเพลทแครี่เออร์ก็ตาม(เวส คือ เสื้อที่สอดใส่เกราะอ่อนและแผ่นเพลทได้ ส่วนเพลทแครี่เออร์จะใส่แผ่นเพลทแบบแสตนด์อะโลน)  สำคัญคือ ต้องสามารถปรับได้ ทั้งสูง-ต่ำ และ แคบ-กว้าง เพื่อให้ปรับกระชับตามสรีระผู้สวมใส่

ไซน์ของเสื้อเกราะ S M L  นั้นคือ ขนาดของกระเป๋าที่เอาไว้ใช้ใส่แผ่นเพลท(ตามขนาดหน้าอกของแต่ละบุคคล) ไม่ได้หมายถึง ขนาดของตัวเสื้อเหมือนเสื้อผ้าทั่วๆไป

ปัจจุบัน ของที่ใช้อยู่ เป็นแบบเวส(เกราะอ่อนเคฟล่า เรเวล 3A + แผ่นเพลทหน้าหลัง  ตรงที่มีเพลทจะเป็น เรเวล3)  ปัญหาคือ จัดปรับไม่ได้  เลยทำให้บางคนไปเพิ่มภาระกรรมแทน เพราะเคลื่อนไหวร่างกายลำบาก(ไม่ได้หมายถึงว่ามันหนักนะครับ แต่หมายถึง มันทำให้มุมมองการตรงจการณ์ทำได้ยาก และ การเคลื่อนไหวในท่าทางต่างๆทำได้ยาก  เพราะเสื้อมันไม่กระชับ)

ดังนั้นแล้ว นอกจากคุณลักษณะการป้องกันแล้ว แบบดีไซน์ของเสื้อก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แตกต่างกัน

โดยคุณ FW190 เมื่อวันที่ 09/02/2010 06:03:10