พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น. ประชุมร่วมกับ นพ.เพชรพงษ์ กำจรกิจการ
ผอ.ศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร นายกฤษณ์ธรรม กสิกรรังสรรค์
ตัวแทนมูลนิธิป่อเต๊กตึ้ง นายบุญเสริม ศุภศรี ตัวแทนมูลนิธิร่วมกตัญญู
และเจ้าหน้าที่จาก รพ.ตำรวจ รพ.ราชวิถี ศูนย์เอราวัณ อาสาสมัครต่างๆ
เพื่อรับทราบข้อกฎหมายและระเบียบการติดตั้งสัญญานไฟวับวาบที่ถูกต้อง
เป็นแนวทางปฏิบัติเดียวกัน สรุปสาระสำคัญได้ว่า รถที่ใช้สัญญานไฟแดง ได้ คือ
รถดับเพลิง มีสีแดงตลอดคัน มีอุปกรณ์ดับเพลิงประจำรถ เช่น สายสูบน้ำ หัวฉีด
แต่งกายเครื่องแบบอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยขณะปฏิบัติหน้าที่
รถที่ใช้สัญญานไฟแดงและน้ำเงิน ได้ คือ รถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน
ที่มีหลังคาปกปิดพร้อมอุปกรณ์การแพทย์และเครื่องช่วยชีวิตฉุกเฉินประจำรถ
ได้รับการรับรองมาตราฐานจากปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยรถของ ศูนย์กู้ชีพฯ
และมูลนิธิทั้งสองแห่ง จะยื่นขออนุญาตให้ถูกต้อง จะไม่นำรถยนต์เก๋ง
รถกระบะที่ไม่มีหลังคา รถจักรยานยนต์ มาติดตั้งสัญญานไฟแดงและน้ำเงิน
เพื่อเป็นรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินอย่างเด็ดขาด
พล.ต.ต.ภาณุ กล่าวว่า
ตัวแทนทั้งสองมูลนิธิเข้าใจเหตุผลของระเบียบปฏิบัติและกฎหมายการใช้สัญญานไฟ
วับวาบประเภทต่างๆเป็นอย่างดีแล้ว จะนำไปปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องตามกฎหมาย
ส่วนรถยนต์ของอาสาสมัครทั้งสองมูลนิธิจะเปลี่ยนมาติดตั้งสัญญานไฟสีเหลือง แทน
เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีแก่สังคม
โดยทุกคันจะยื่นขออนุญาตผ่านมูลนิธิให้ถูกต้องทั้งหมด
คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในเดือนเมษายน
สำหรับรถยนต์ของอาสาสมัครกู้ภัยในหน่วยงานนิติบุคคลอื่นๆ ควรรีบแก้ไขให้ถูกต้อง
ในกรุงเทพฯ ยื่นขออนุญาตใช้สัญญานไฟวับวาบ ที่ บก.จร ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ
ส่วนต่างจังหวัด สามารถยื่นได้ที่ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนั้นๆ
การจัดระเบียบการใช้สัญญานไฟวับวาบนี้ เพื่อป้องกันการสับสนของผู้ใช้รถใช้ถนน
และประชาชนจะได้ช่วยอำนวยความสะดวกจราจร เมื่อเกิดเหตุด่วนเหตุร้ายขึ้นจริงๆ http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?lang=th&newsid=432733 ที่นำมาให้อ่าน เพราะประเด็นนี้เคยคุยกับผู้รู้หลายครั้งแล้ว โดยที่ผมตั้งข้อสงสัยว่าทำไมเดี๋ยวรถพยาบาลบางโรงพยาบาล ที่นำรถมาเข้าร่วมเป็นหน่วยกู้ภัย ถึงติดสัญญาณไฟสีแดงทำไมไม่ติดสีน้ำเงิน มันผิดหรือไม่ ที่พูดยังไม่รวมรถมูลนิธิต่างๆ ทีี่พี่แกติดไฟกระพริบสีแดง แถมสัญญาณไซเรน ฟังแล้วสับสนว่าไอ้นี่มันรถดับเพลิงหรือรถกู้ภัย ดีไม่ดีฟังแล้วคล้ายๆรถตำรวจที่ใช้นำขบวน น่าจะทำตั้งนานแล้วครับเรื่องแบบนี้ รวมถึงการอบรมการขับขี่เวลาฉุกเฉินด้วยครับ เพราะเท่าที่เห็นกลัวคนขับรถมูลนิธิจะไปโรงพยาบาลหรือวัดก่อนที่จะไปช่่วยคนเจ็บ เพราะขับปาดทั้งซ้ายและขวา จนบางทียังนึกไม่ออกเลยว่าจะหลบซ้ายหรือขวาดี เพราะพี่แกแทรกตลอดรู้ว่ารีบ แต่ตามหลักจริงๆแล้ว ขับชิดขวาไปตลอดก็ได้ เพราะรถที่ขับอยู่จะได้หลบมาเลนทางซ้ายได้ แต่ขับที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ มันไปทุกเลน
|
ความคิดเห็นที่ 1
บางทีก็ต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่กู้ภัยนะครับ เพราะเพียงเสี้ยวนาทีหมายถึงชีวิตของผู้บาดเจ็บครับ มีส่วนน้อยครับที่ไม่มีเหตุการณ์แล้วขับเร็ว เพราะรถที่พวกอาสานี่ก็รถเค้าเองครับ น้ำมันก็น้ำมันเค้าเอง ไม่จำเป็นไม่อยากขับเร็วหรอกครับ เปลืองน้ำมันก็ ชนมาก็มีแต่เสียกะเสียครับ ไปเร็วก็ด่า พอไปช้าก็บ่น ทำดีแค่ไหนก็แค่นั้นครับ แต่พอมีเรื่องขึ้นมาโดนอย่างเดียวครับ (เค้าเรียกว่าปิดทองก้นพระครับ)
เหตุผลของคนกู้ภัย
การที่พวกเรารวมตัวกันมาทำงานในส่วนนี้ พวกเราไม่ได้มีความต้องการในทรัพย์สินเงินทองของผู้ประสบภัย หรือญาติของเค้าแต่อย่างใด หากแต่การที่พวกเรามารวมตัวกันทำงานในส่วนนี้ เพียงต้องการให้ผู้อื่นมีโอกาสรอดชีวิตจากการที่ได้ประสบอุบัติเหตุต่างๆ ทั้งที่เค้าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม หลายคนชอบมองว่าการมาทำงานกู้ภัยนั้น ต้องมีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน หรือไม่ก็พวกกู้ภัยชอบขับรถเร็วขับรถแข่งกัน แต่ในความเป็นจริงนั้นคำว่า อาสากู้ภัย นั้น ไม่มีคนใดเลยที่มาทำงานกู้ภัยแล้วได้เงินทองกลับไป แต่ในความเป็นจริงมันกลับกันซะด้วยซ้ำ อุปกรณ์ทุกอย่างบนรถกู้ภัยนั้น ล้วนแล้วแต่ต้องใช้เงินทองซื้อมาให้ได้ซึ่งของเหล่านั้น ได้ของเหล่านั้นมาก็เอามาไว้ใช้ในการช่วยเหลือ บุคคลที่ตนเองไม่รู้จัก หรือแม้อาจไม่เคยเห็นหน้าเลยซะด้วยซ้ำ หากจะลองคิดเล่นๆว่าอุปกรณ์ในรถราคาเท่าใดเอาเป็นว่าเป็นหลักหลายหมื่น บางคันถึงแสนถึงล้านยังมี นี่ยังไม่รวมเรื่องราคารถหรือค่าสึกหลอของการใช้งาน หากจะรวมเป็นเงินนั้นมากมายอยู่ ... เรื่องการขับรถเร็วทางพวกเราก็คงไม่มีคำแก้ตัวใดๆนอกจากอยากให้รู้ถึงเหตุผล ในบางประการที่มันมีความจำเป็นที่ต้องทำให้พวกเราขับรถเร็ว ลองนึกถึงในสถานการณ์ที่มีคนรอการช่วยเหลืออยู่อาการเป็นตายเท่ากัน เพียงเสียววินาทีในตอนนั้น คุณอาจกำหนดความเป็นหรือความตายของเค้าคนนั้นได้ ในส่วนนี้เชื่อว่าน้อยคนที่จะรู้ได้ถึงข้อเท็จจริงในส่วนนี้ การทำงานกู้ภัยนั้นอาสาทุกท่านต่างรู้ดีว่าพวกเราจะไม่มีการได้รับผลตอบแทน ใดๆ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน หรือเงินทอง หรือแม้แค่คำ ขอบคุณ เพราะคุณจะเป็นเพียงแค่คนที่ทำงานหรือช่วยเหลืออยู่ในตอนที่ผู้ประสบภัยไม่ อยากจดจำ คุณจะอยู่แค่ในความรู้สึกเจ็บปวดของผู้ประสบภัยนั้นๆ และแน่นอนเมื่อถึงโรงพยาบาลแล้ว ส่งเสร็จก็หมดงานเรา สิ่งที่ได้รับไม่ใช่เงินทองนอกจากการที่พวกเราได้เห็นว่า ผู้ประสบภัยคนนั้นๆที่พวกเราได้ช่วยเหลือได้มีลมหายใจและ ได้มีชีวิตรอดต่อไป ผู้ประสบภัยหลายคนหรืออาจจะทุกคนผมเชื่อว่า ไม่ค่อยจะได้เห็นหรือมีโอกาสได้พูดคุยกับอาสากู้ภัย ที่ต้องเสียสละเวลา ทรัพย์สิน และชีวิตในยามค่ำคืนของพวกเค้า มาช่วยเหลือสังคม การทำงานของพวกเรานั้นเหนื่อยแต่พวกเราก็ยังคงจะทำต่อไป เพราะ พวกเราไม่ได้ช่วยเหลือเพียงชีวิตที่อยู่ตรงหน้าเราเพียงชีวิตเดียว หากแต่พวกเรากำลังช่วยอีกหลายชีวิตที่อยู่ข้างหลังชีวิตคนที่พวกเรากำลัง ช่วยเหลืออยู่ เพราะ หนึ่งชีวิตที่อยู่ตรงหน้าเราอาจรับผิดชอบอีกหลายชีวิตที่อยู่ข้างหลังเค้าก็ ได้........นี่คือเหตุผลที่หลายคนยังไม่รู้
โดยคุณ
scuba 
เมื่อวันที่
18/02/2010 19:42:19
ความคิดเห็นที่ 2
รถของมูลนิธิร่วม......แถวที่ทำงานผมมันเล่นเปิดไซเรนแล้วขับปาดซ้ายปาดขวา เพื่อจะไป"ซื้อข้าว" แต่ก็ไม่มีใครไปว่าเพราะมันก็ช่วยไว้หลายรายเหมือนกัน
โดยคุณ Puriku เมื่อวันที่
16/02/2010 13:46:07
ความคิดเห็นที่ 3
สาเหตุที่ไม่บริจาคเงินให้ พวก มูลนิธิ ก็เพราะ ไม่อยากให้ มันเอาเิงินเราไปขับเลว ๆ
แต่ จะบริจาคเป็น อุปกรณ์ เช่น ผ้าพันแผล ยาต่าง ๆ แทน เพราะ ของพวกนี้ ซิ่งรถไม่ได้ ^^
โดยคุณ u3616234 เมื่อวันที่
16/02/2010 18:02:38
ความคิดเห็นที่ 4
ภ้ามองในมุมกลับนะคับ
เราอาจจะเห็นรถร่วมกตัญญูขับรถน่าหวาดเสียว
แต่จริงๆแล้วเค้าจำเป็นที่จะต้องทำแบบนั้น
เพราะเพียงเสี้ยววินาที อาจจะทำให้ผู้ประสบอุบัติเหตุที่รออยู่ อาจเสียชีวิตได้
จึงจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างไวที่สุด
อีก 1 ข้อที่อยากแนะนำ
ทุกวันนี้เห็นร่วมกตัญญูใช้สัญญาณวิทยุเดียวกันกับตำรวจ
เวลาตำรวจใช้วิทยุสกัดจับยาเสพติด หรือ วางแผนจับกุมยาเสพติด
ร่วมกตัญญูบางกลุ่ม ดันเป็นสายสืบให้ผู้ค้ายา
ประสบการณ์ตรงการเป็นตำรวจ ยิ่งจับมอไซค์แข่งกันร่วมกตัญญูรู้ทุก แมต
โดยคุณ pushbutton เมื่อวันที่
16/02/2010 21:44:21