กองทัพอเมริกา กับอังกฤษ นี่เป็นกองทัพของประเทศด้อยพัฒนารึไม่ครับ เพราะเคยได้ข่าวว่าทั้ง 2 ประเทศก็ใช้ที่อิรั และอัฟกัน....แล้วก็แสดงว่า ทหาร 2 ประเทศนี้ก็รับเงินใต้โต๊ะเหมือนกัน....ฟันธงว่าอย่างงี้เลยได้เลยหรือครับ....????
ยังไม่ได้สอบสวนอะไรเลย แต่ตั้งธงไว้แล้วว่าเขาโกง...มันจะยุติธรรมหรือครับ???
เอาข่าวมาบอกเฉยๆนะครับ...ไม่ได้ต้องการจุดประเด็นอีก
ถ้าใครจะตอบเรื่องการเมือง เชิญไปตั้งกระทูใหม่อย่ามาตอบในนี้
เดี๋ยวโดนลบแล้วคนมาทีหลังจะไม่รู้ข่าวตามเจตนาของผม
เมื่อวานมี นายพลมาออก tv เพื่อ ยืนยันว่า "GT200 มันใช้ได้ พิสูจน์แล้ว ด้วยเลือด ด้วยเนื้อ ด้วยชีวิต และ เชื่ออย่างยิ่งว่ามันใช้ได้"....ผมนั่งฟังตั้งนาน พลางน้ำตาซึม ๆ
พอฟังเสร็จ ผมก็มีคำถามอยู่คำถามนึงอยากจะถามท่านทั้งหลายว่า " ถ้ามันใช้ได้ อย่างที่ท่าน ๆ เชื่อมั่น กรุณา "อธิบายให้ผมฟังหน่อยครับว่า มันทำงานด้วยกลไก หรือ หลักการ ยังไง????".........
ปล...ที่ผมน้ำตาซึมน่ะ เพราะผมสงสาร ทหารชั้นผู้น้อย ที่ใช้เครื่องเหล่านี้ เดินสุ่มระเบิดทุกวัน....เจ้านายรู้ทั้งรู้ว่ามันใช้ไม่ได้ ยังยัดเยียด เครื่องนี้ใส่มือลูกน้องอยู่ได้ ใจดำจัง
ทดสอบ
เมื่อคืนท่านสุเทพกล่าวว่า... จะไม่มีการจัดหาเพิ่มแต่ของมีอยู่แล้วและหากกำลังพลยังคงเชื่อมั่นในเครื่องมือนี้ก็จะยังคงให้ใช้งานต่อไปจนกว่าจะหาเครื่องมือใหม่ที่มีประสิทธิภาพกว่ามาให้ใช้ได้
ผมว่าก็โอเคนะครับ...นักวิทยาศาสตร์ก็ทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของชาติหากเขาไม่พิสูจเราก็คงไม่รู้ว่าเจ้าเครื่องนี้มันแพงเกินจริงอย่างมากและถ้าไม่มีการพิสูจเราจะจัดหาอีก500เครื่องเป็นงบประมาณมหาศาล
แต่เมื่อของมันมีอยู่และกำลังพลเชื่อมั่นจากผลงานของมันที่ประสบมา...การใช้งานต่อหรือไม่ก็สุดแล้วแต่ผู้ปฎิบัติงานในพื้นที่อีกทั้งเจ้าเครื่องนี้ก็มีการใช้งานใน40หน่วยงานทั่วโลกแม้แต่เมกากับอังกฤษยังเคยเอาไปใช้ในอิรักมาแล้วการจัดหาเราก็ทะยอยนำเข้าเมื่อกำลังพลเห็นมันมีผลงานก็ร้องขอกันมา ผบ.ก็จัดหาให้และการจัดหาในรอบหลังๆยังถูกกว่ารอบแรกเครื่องละห้าหมื่น อีกทั้งตอนนั้นก็ยังไม่มีนักวิทยาศาสตร์ของไทยออกมาพิสูจ มีแต่อังกฤษมันพิสูจแล้วบอกว่าใช้ไม่ได้ แต่กำลังพลบอกใช้ได้จะให้เชื่อใครละครับ เมื่อพิสูจแล้วกองทัพหยุดจัดหาผมก็ว่าถูกต้อง
เรื่องทุจริตไม่ต้องเป็นห่วงเรามีหน่วยงานตรวจสอบเยอะมาก... หากว่าทุจริตกันเดี๋ยวก็มีข่าวออกมาเอง แต่ตอนนี้ยังไม่มีข่าวออกมาก็อย่าเพิ่งคิดกันไปเองเลยครับให้เป็นหน้าที่เขาตรวจสอบกันก่อน
ส่วนตอนนี้ผมว่าเราอย่าผลักดันความคิดความเชื่อให้อีกฝ่ายต้องผิดเราต้องถูกกันเลยครับ... ผมว่าในเรื่องนี้เราทุกคนถูกหมด นักวิทก็ถูกกองทัพก็ถูก ทุกฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตนอย่างสมบูรณ์
ยอมรับในผลการทดสอบ
ยังคงยืนยันเหมือนเดิมในฐานะ ผู้ปฏิบัติงานจริง ในสนาม และคงไม่ได้นั่งแต่เพียงอยู่ในห้องแอร์(เพราะมันไม่มีห้องแอร์ให้นั่ง)
ตราบใดที่ยังไม่เรียกเก็บคืนและมีคำสั่งระงับใช่ ก็ยังคงใช้งานมันต่อไป
หากผมไม่ได้สัมผัสกับของจริง หากไม่เคยเอาชีวิตเสี่ยงอยู่ในพื้นที่จริง หากไม่เคยสามารถตรวจยึดสิ่งต่างๆได้จริง ผมก็คงจะวิจารณ์ไปตามกระแส คงไม่เป็นจรเข้ขวางคลองอยู่เช่นนี้
ผมไม่เถียงในเรื่องของวิทยาศาสตร์
แต่ถ้าหากว่าผู้ที่อยู่ห่างไกลเป็นร้อยเป็นพันกิโลจากพื้นที่จริง ไม่เชื่อถือในเครื่องมือดังกล่าว ทั้งๆที่ตัวเองนั้นไม่เคยแม้แต่ปฏิบัติงานจริง สัมผัสของจริง
ในทางตรงกันข้าม ผู้ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ สัมผัสอยู่กับของจริงที่เอาชีวิตจริงเป็นเดิมพัน ถ้าพลาดคงไม่สามารถรีสตาร์ทเล่นใหม่ได้ กลับ เชื่อมั่นในสิ่งที่ตนเองสัมผัสอยู่ มันก็น่าแปลกเหมือนกัน
หรือถ้าหากสงสัยว่าผมอาจจะเป็นแค่เพียง ผู้ปฏิบัติงานส่วนน้อยที่คิดแบบนั้นหรือเปล่า สงสัยคงต้องลองลงมาสำรวจทำโพล สังเกตุการณ์ เก็บข้อมูลเพื่อวิจัยวิเคราะห์แล้วละครับ จะได้รู้จริงๆไปเลย
พื้นที่ จชต.คือสนามรบที่ไม่มีแนว ดังนั้นแล้วทุกที่คือแนวรบ ผู้ที่ปฏิบัติงานจึงมีเกณฑ์เสี่ยงหมดไม่ว่าจะอยู่ตรงส่วนไหนในพื้นที่
ดังนั้นแล้วตั้งแต่ พลทหารคนสุดท้ายยันผู้บังคับบัญชาชั้นสูงในพื้นที่มีเกณฑ์เสี่ยงที่ไม่ต่างกัน
ทุกครั้งที่ออกปฏิบัติงานมันมีเกณฑ์เสี่ยงอยู่แล้ว ถ้าหากถามผู้ปฏิบัติงานว่า หากถือเครื่องมือดังกล่าวอยู่จะรู้สึกว่าตัวเองมีเกณฑ์เสี่ยงเพิ่มขึ้นไหม
เชื่อว่าคงจะได้รับคำตอบว่า "ไม่" และในทางตรงกันข้ามคงจะเป็นในแนวทางว่า รู้สึกลดเกณฑ์เสี่ยงลงเสียมากกว่า
ดังนั้นแล้วหากจะสงสารว่า ต้องเดินสุ่มระเบิดแล้วละก็ คงจะไม่ตรงเรื่องเสียทีเดียว เพราะเราก็เดินล่อระเบิดกันอยู่แล้วในการออกทำงานไม่ว่าจะมีเครื่องมือดังกล่าวหรือไม่
และก็คงไม่ต้องถามกลับด้วยนะครับว่าผมไปเดินล่อระเบิดกับเขาด้วยหรือไม่ ถ้าหากจะสงสารมันมีเรื่องอื่นให้สงสารมากกว่านี้ครับ
การลดเกณฑ์เสี่ยง เราใช้ทุกวิธีการและ ทุกเครื่องมือที่มี แม้ว่าเครื่องมือไหนมันจะช่วยลดแค่ 1% มันก็ยังดีกว่าไม่ลดเลย
และไม่มีผู้บังคับบัญชาคนไหน ดีใจ เมื่อเห็นลูกน้องตนเองเจ็บหรือตาย(ยิ่งโดนเฉพาะเห็นกับตาตัวเอง)
เรื่องสุนัขดมกลิ่นนั้น ส่วนตัวเองเชื่อมาตั้งนานแล้วว่ามันใช้ได้ผล แต่ในพื้นที่เช่น จชต.นั้นข้อจำกัดและเงื่อนไข มันทำให้ใช้งานได้ไม่เต็มที่
หากจะถามกลับว่า แล้วทำไม อเมริกัน ถึงใช้งานในอิรัคและอัฟกันได้ คำตอบคือ ลองไตร่ตรองดูว่า อเมริกันไปรบในต่างแดนที่ประชาชนในสนามรบนั้นไม่ใช่ชาติพันธุ์ตัวเอง ดังนั้นแล้วคงไม่ต้องแคร์เรื่องดังกล่าวมากนัก(เพราะถ้าแคร์คงไม่ไปรุกรานเขาตั้งแต่แรก)
ซึ่งตรงนี้หากจะยืนยันว่า สุนัข สามารถใช้งานได้ดี ผมมีคำถามกลับว่า แล้วท่านเข้าใจสภาพสังคม วัฒนธรรม ฯลฯ ของประชาชนในพื้นที่ดีหรือไม่ เคยสัมผัสหรือไม่ หรือเพียงแต่เคยฟังเขามาหรืออ่านมา
เห็นด้วยนะครับ เรื่องการพัฒนางานด้านการข่าว ทักษะทำการรบต่างๆ เรื่องคอมพิวเตอร์นั้น เร่งด่วนเลยและน่าจะง่ายกว่าการเจาะฐานข้อมูล(เพราะในพื้นที่นี้นั้นความจริงต้องบอกว่า ไม่รู้จะไปเจาะฐานข้อมูลใครมากกว่า นอกจากฝ่ายเดียวกัน หุหุ หรือการใช้งานเพื่อตรวจสอบระบบ รปภ.ฐานข้อมูลของฝ่ายเรา) คือการ IO (Information Operation) ต่อฝ่ายตรงข้ามในระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
ปล. เรื่องหน่วยแบบยิวอะไรนั้นนะ แล้วคุณรู้หรือไม่ละว่า เรามีหรือไม่มี หุหุ
ส่วนคำถามที่ว่า "ผมอยู่ในประเทศไทย ที่นักเรียนนายร้อย ได้รับ วิศวกรรมศาตร์บัณฑิต (ในรุ่นอายุผม) กันทุกคนใช่เปล่า" คำตอบคือ "ไม่"ครับ เพราะสาขาวิชาในโรงเรียนนายร้อยนั้นไม่ได้มีแต่สาขา วิศวกรรมศาสตร์เพียงอย่างเดียว ครับ
ถึงคุณ FW190
ผมเชื่อว่าความเชื่อขวัญกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด กำลังพลที่ต้องเสี่ยงหน้าที่เดิมพันด้วยชีวิตหากขาดสิ่งนี้ถึงจะมีอุปกรณ์ดีแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ ผมเชื่อผู้ปฎิบัติงานจริง
ดูเรื่องเล่าเสาร์ อาทิตย์เมื่อกี้ มีฝรั่งเอาเครื่องตรวจระเบิดมาขายอีกแล้วบอกว่ารุ่นนี้ไม่เหมือนของอังกฤษนะ...เพราะรุ่นนี้มีแบตด้วย ขำกลิ้งเลยครับ...
กำลังเขียนบทความเรื่อง GT200 เจ้าปัญหาและกระบวนการทดลองทางวิทยาศาสตร์แบบประชาชนทั่วไปสามารถเข้าใจได้ง่ายๆ
เพื่ออธิบายวิธีคิดเรื่องหลักความน่าจะเป็น การออกแบบการทดลอง การแปลความหมายจากการทดลอง ลูกเล่นเกี่ยวกับการออกแบบการทดลองเพื่อกำหนดผลการทดลอง ลูกเล่นในการแปลความหมายจากผลการทดลอง รวมถึงตัวอย่างการออกแบบการทดลองเพื่อกำหนดผล
เพื่อนำเสนอเวปมาสเตอร์ ให้พิจารณาก่อนนำมาลงบทความ
แต่คงต้องใช้เวลาสักหน่อย รอให้กระแสจางลงกว่านี้ครับ ไม่งั้นเดี๋ยวทะเลาะกันแย่เลย
โอเค ผมไม่ขอเถียง ท่านนักวิดฯ
แต่ผมขอเลือกเชื่อ พี่น้องทหาร ผู้ใช้ชีวิตจริงในการทดสอบฯ
ถึงอย่างไร พวกเราทุกคนก็ต้องขอบคุณ GT200 ที่ทำให้ระเบิดทาง จชต.ลดลงจากที่น่าจะเป็น เพราะเมื่อ EOD นำมาใช้ประกาศให้โจรทราบโดยทั่วกัน ว่าGT200 ทำงานตรวจระเบิดในที่ไกล และ scan ได้จากบนฟ้า ทำให้กลุ่มผู้ไม่หวังดี ไม่กล้าทำอะไรเหมือนก่อน ไม่แน่ใจว่า ทางการจะตรวจจับได้หรือเปล่า ทำให้ไม่กล้าขนระเบิดผ่านด่านที่มี GT200 ประจำด่านตรวจ ถึงกระทั่งขณะนี้พวกมันก็ยังแหย่ๆอยู่ มันเหมือนเขียนภาพเสือให้วัวกลัว พอวัวออกอาการกลัว เสือก็รู้ว่าจะกินตัวไหน อิอิอิ
เรื่องราคานั้นผมไม่ขอพูดถึงนะครับ
แต่ส่วนตัวแล้วอยากบอกว่า มันมีเรื่องจริงที่แสนเจ็บปวดยิ่งกว่านี้
แต่สำหรับส่วนตัว แล้ว หากยุทโธปกรณ์ใดก็ตามที่ยังไม่ได้จัดหาหรืออยู่ในระหว่างการจัดหานั้น หากเชื่อว่าไม่เหมาะสม(ทั้งเรื่องราคาในการจัดซื้อและความุ้มค่า)แล้ว ส่วนตัวเองก็มีความขัดแย้งในทางความคิดเช่นเดียวกัน แต่ถ้ามันจัดซื้อมาแล้ว ก็ได้แต่ทำหน้าที่ในฐานะผู้ปฏิบัติและรอพิสูจน์มันจากการปฏิบัติจริง และค่อยมาว่าต่อในแนวความคิดหลังการปฏิบัติหรือได้สัมผัสมา
ยกตัวอย่างหนึ่ง หน่วยผมมีเครื่องมือดังกล่าว 3เครื่อง หากตีเป็นเงินก็ประมาณ 3 ล้านบาท และเท่าที่ทำงานมานั้น สิ่งที่ได้จากเครื่องมือดังกล่าวที่ขอยกตัวอย่างเล็กน้อยคือ
ปืนเล็กยาวที่อยู่ในสภาพกระสุนอยู่ในรังเพลิง (เชื่อว่าตามสภาพดังกล่าวฝ่ายตรงข้ามพร้อมทำงานในวันนั้น หากไม่เจอก่อน) 5 กระบอก
ระเบิดฝังใต้ผิวถนน ที่ฝังแล้ว(พร้อมทำงานในวันนั้น) 1 ลูก
ถามว่า หากทั้งสองครั้งข้างต้น หากไม่เจอก่อนแล้ว ฝ่ายเราจะเกิดการสูญเสียเช่นไร และมันสามารถตีเป็นเงินได้หรือไม่ และถามว่ามันคุ้มค่าหรือไม่
เรื่องภาษีนั้น ที่หลายคนชอบพูดถึงทำนองว่า "ในฐานะผู้เสียภาษี" นั้น ส่วนตัวแล้วเชื่อว่าทหารในทางกฏหมายก็ถือเป็น ประชาชนคนหนึ่งดังนั้นแล้วหน้าที่ในการ "เสียภาษี" ทหารก็ต้องปฏิบัติเช่นเดียวกัน ถึงแม้รายได้จากเงินเดือนที่ได้รับมันจะมาจากเงินภาษีก็ตาม แต่นั้นคือ "สิทธิ"และ "หน้าที่"ความรับผิดชอบครับ
ดังนั้นแล้วถ้าพูดเพียงแค่ว่า ในฐานะผู้เสียภาษี ผมว่ามันเป็นคำที่ไม่ยุติธรรมเสียทีเดียวนักต่อทหารที่เป็นประชาชนคนหนึ่งเช่นเดียวกัน
ตรงคำว่า "ผมเป็นเพียงคนธรรมดาที่ท่านบอกว่านั่งสบายในห้องแอร์" นั้นตรงนี้ผมต้องขอโทษด้วย ข้อความของผมข้างบนผมอาจจะเขียนไม่เคลียร์ เขียนสั้นไปหน่อย เลยอาจทำให้ท่านตีความหมายผิด
ที่ผมเขียนว่า "ยังคงยืนยันเหมือนเดิมในฐานะ ผู้ปฏิบัติงานจริง ในสนาม และคงไม่ได้นั่งแต่เพียงอยู่ในห้องแอร์(เพราะมันไม่มีห้องแอร์ให้นั่ง)" นั้นผมเขียนเพื่อกันตัวเองครับ
เพราะอาจจะมีคนพูดทำนองว่า ผู้บังคับบัญชาที่นั่งทำงานสบายอยู่ในห้องแอร์ ครับ เลยเขียนเช่นนั้น ผมไม่ได้หมายถึง ประชาชนที่ไม่ใช่ทหารนั่งสบายในห้องแอร์ครับ
ตรงนี้นั้นส่วนตัวแล้วผมไม่เคยพูดหรือไม่เห็นด้วยหากทหารเองจะเปรียบเทียบตัวเองเรื่องความยากลำบากและความสบาย เพราะแต่ละคนย่อมมีหน้าที่และความรับผิดชอบของตัวเองตามแนวทางที่ตัวเองเลือก(เพราะถ้าทหารพูดเช่นนั้น ก็เท่ากับ ถามตัวเองว่า แล้วคุณจะมาเป็นทหารทำไม ในเมื่อรู้ว่ามันยากลำบาก) และทุกคนก็สามารถทำเพื่อส่วนรวม เพื่อชาติ และพระมหากษัตริย์ ได้เช่นเดียวกันตาม "หน้าที่" ของตนเองครับ
ส่วนตัวแล้ว ก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ทหาร นั้นยากลำบาก แต่ก็เลือกที่จะเป็นด้วยใจ ไม่มีใครบังคับ และไม่น้อยใจในโชคชะตา ออกจะชอบด้วยซ้ำ
ทหารมีสายการบังคัญชา ทุกหน้าที่ ทุกตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นระดับผู้ ปฏิบัติ ระดับอำนวยการ หรือระดับนโยบาย ทุกคนมีหน้าที่ความรับผิดชอบและสิทธิของตนเอง ดังนั้นแล้วประโยคที่มีหลายคนชอบพูดทำนองว่า ผู้บังคับบัญชาระดับสูงนั่งสบายในห้องแอร์ นั้นอาจจะไม่เป็นธรรมเสียทีเดียวครับ
ความจริงแล้ว ส่วนตัวนั้นไม่ค่อยชอบ ที่ตัวเองต้องพูดทำนองว่า เป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ในพื้นที่จริง หรือเคยสัมผัสจริง ออกมา เพราะผมเชื่อว่าทุกคนในบอร์ดนี้ คือ ผู้ที่ชอบในเรื่องเดียวกันทุกคนมีความคิดและความถนัดต่างกันไป(ในเรื่องที่ชอบเหมือนกัน) แม้บางท่านในบอร์ดนี้ไม่ใช่ทหาร แต่ผมก็ยอมรับในความรู้ ด้านข้อมูลทางเทคนิก ที่ทหารบางคนยังต้องสะอึก และผมก็ชอบที่จะอ่าน ข้อมูลต่างๆ ทั้งข้อเท็จจริง และข้อคิดเห็นที่ทุกท่านเอามาแชร์กันในบอร์ดนี้ และผมก็ร่วมแชร์ในฐานะ ผู้ทำหน้าที่โดยตรง และผู้ปฏิบัติจริงในพื้นที่(กรณีของเรื่องนี้)
ปล. นอกประเด็นจากเรื่องเครื่องมือดังกล่าวนะครับ ผมในฐานะเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง ก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านจากใจจริงที่เป็นห่วง และเอาใจช่วยพวกเราที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ รวมถึงพี่น้องประชาชนชาวไทยในพื้นทีด้วยเช่นเดียวกัน
มันสะท้อนให้เห็นว่า พี่น้องชาวไทยทุกคนยังเป็นห่วงและไม่ทอดทิ้ง เจ้าหน้าที่และประชาชนทุกคนในพื้นที่ความขัดแย้ง ตรงนี้มันเป็นยาหอม เป็นแรงใจต่อพวกเราเป็นอย่างดีครับ
การจัดหาก็ระงับแล้ว... ของเดิมมีอยู่เขาอยากใช้ก็ไม่เห็นจะต้องเสียเงินเพิ่ม เรื่องทุจริตก็มีหน่วยงานตรวจสอบ... ผมว่ามันก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลยนิครับ ถ้าคนใช้เขากลัวเขาก็ไม่เอามาใช้แค่นั้นเอง
และขอเรียนท่าน Wing oF... ขอเรียกย่อๆแค่นี้นะครับมันยาว ไม่ถนัดพิมอังกฤษ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ52 อยู่ที่ 1.5-1.8 ล้านล้านบาท(ผมประมาณนะครับเลขเต็มๆไม่รู้ว่าจดไว้ที่สมุดเล่มไหน)
จึงอยากกล่าวให้ท่านสบายใจว่าเงินภาษีของท่านมีอัตราส่วนความน่าจะเป็น สูงมากที่จะไม่ถูกนำมาจัดซื้อเจ้าเครื่องนี้ (อย่าไปมองมุมกฎหมายว่ามันเป็นส่วนควบ หรือทรัพย์สินที่ละคนกันไปจนแยกไม่ได้นะครับเดี๋ยวท่านจะเครียสอีก) เงินภาษีของท่านอาจไปเป็นเงินเดือนทหารภาคใต้ นักวิชาการ นักการเมือง หรืออาจไปใช้สร้างโรงพยาบาล โรงเรียนแล้วก็ได้... จึงเรียนมาให้ท่านสบายใจได้ ผมคิดว่าเงินภาษีของท่านคงไปสร้างสิ่งดีๆให้แก่ชาติแล้ว...
สุดท้ายนี้ผมหวังว่าเงินภาษีที่ผมเสียไปกับร้านเซเวน เมเจอร์ ค่าไฟที่มานั่งเล่นเว็บนี้ และเงินที่ซื้อโค้กร้านป้าเจี๊ยบและหวังว่าป้าคงไปเสียภาษีนะ... รัฐบาลจะเอาเงินภาษีของผมไปจัดซื้อน้ำมันเติมเจ้ากริปเป้นเพื่อบินกลับไทย ผมจะได้คุยได้ว่าไม่มีข้ากริปเป้นกลับไม่ได้นะโฟ้ย...ฮ่าๆๆๆ ยืดเลยงานนี้
เรื่องมันจบแล้วครับให้เป็นหน้าที่หน่วยงานที่มีอำนาจเขาตรวจสอบต่อไปเถอะครับอย่าซีเรียส.......
ถึงคุณ FW190 นะครับ เรื่องหลักสูตรนายร้อยสมัยผมเน้น (30 ก่า) นี่ สมัยนั้นไม่ค่อยมีไรให้เลือกมากนัก ยกเว้น สามสมอ มี อุทกศาสตร์ ไม่ได้อย่างเดียว ตำรวจไม่เกี่ยวนะครับ แต่เห็นหลักสูตรหลังๆมานี่ มีให้เลือกหลากหลาย ดีใจจริงๆครับ
เรื่องจีที นี่สุดแท้แต่ท่านนะครับ อันนี้ไม่มีข้อสงสัย ถือเป็นเรื่องการทำงาน แต่ถ้าเมื่อไหร่อันไหนมันจำหน่ายอยากให้ท่านลองไปจิ๊กมาแกะดู อิ อิ ล้อเล่น :}
แต่มีเรื่องที่ยากคุยด้วยนะครับ เรื่องสุนัขครับ ในความเป็นจริงที่เห็นๆกันอยู่อิสลามนั้นเหมือนเป็นศาสนาที่ดูคลุมเคลือที่สุด นั้นเพราะมันไม่แบ่งแยก (หมายถึง สงฆ์ กับ ฆารวาส) มันจึงดูว่ามีข้อแม้เยอะมากมาย ทั้งๆที่ข้อแม้บางอย่างล้วนตั้งกันขึ้นมาเอง เรื่องสุนัขนี่ก็เหมือนกันครับ
แม้ว่ามันจะเป็นสัตว์ที่น่ารังเกียจสำหรับอิสลาม แต่เค้าไม่ได้ห้ามอะไรมากมายไปกว่าการที่จะโดนน้ำลายมันโดยตรงเท่านั้น ถ้าโดนก็ไปล้างทำความสะอ่าด จะได้ละหมาดได้ แค่นั้นจริงๆ แต่ไปเหมาเอาหมด ห้ามขึ้นบ้านนะ ห้ามเข้ามัสยิดนะ น้ำลายมันหยดสกปรก เห็นมะ ข้อแม้เยอะ
แต่ผมว่าถ้าต้องใช้จริง ก็ต้องใช้ครับ ทำความเข้าใจกับสัปบุรุษ โต๊ะครู อิหม่าม ตลอดจน จุฬาไปเลยก็ได้ (เหมือนง่าย) นะ เชื่อเปล่าครับ อันนี้นอกเรื่องไม่เกี่ยว โมร๊อคโค มุสลิมทั้งประเทศ ยังมีเกษตรกรมุสลิมเลี้ยงหมูเอาไว้บริการนักท่องเที่ยวเลย เห็นล้างขี้หมู ให้อาหาร อาบน้ำ เฉย แต่แค่เค้าไม่กินเท่านั้นเอง
แฮะ ดีใจครับที่ได้คุยกับคุณ FW190 ขอให้ปลอดภัยนะครับ :]
30 ก่าๆนี่คือ อายุ หรือปี พ.ศ. ครับ แต่ถึงแม้จะเป็นช่วงอายุหรือปี พ.ศ. ในช่วงนั้นสำหรับโรงเรียนนายร้อยจปร. แล้ว ล้วนแต่มีสาขาวิชาที่นอกเหนือจากวิศวกรรมศาสตร์ครับ แต่ถ้าเป็นโรงเรียนนายเรือ หรือ นายเรืออากาศ อันนี้ผมไม่ทราบครับ เพราะพูดว่า โรงเรียนนายร้อยแล้ว ทหารอย่างผมจะเข้าใจว่า เป็น โรงเรียนนายร้อย จปร. ครับ อาจจะผิดพลาดกันเรื่องการสื่อสารครับ
ส่วนเรื่องสุนัขกับการใช้งานในพื้นที่นั้น ต้องลองมองดูปัญหาของการต่อสู้ก่อนครับ ที่สู้อยู่ในปัจจุบันก็ด้วยเพราะเหตุผลด้าน "ความคิด ความเชื่อ" โดยฝ่ายตรงข้ามดึงหัวข้อ "ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์" และ "ศาสนา" มาบิดเบือนเพื่อแย้งชิงมวลชนเพื่อการต่อสู้กันอยู่แล้ว
ดังนั้นแล้ว การขอความร่วมมือ ที่มี "ความเชื่อด้านศาสนา" เป็นหัวข้อสำคัญ ดูจะเป็นเกณฑ์เสี่ยงที่สูงอยู่ครับ (ถ้าคนพูดกันรู้เรื่องก็คงไม่มีปัญหากันตั้งแต่แรก ใช่ไหมครับ)
และเชื่อว่า ถึงแม้พื้นที่ไหนให้ความร่วมมือเรื่องดังกล่าว นั่นหมายความว่าพื้นที่นั้นมวลชนเป็นฝ่ายเราอยู่แล้ว ดังนั้นแล้วก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องตรวจค้นแบบละเอียดด้วยวิธีการดังกล่าวในพื้นที่ดังกล่าว หรือหาเรื่องให้เกิดเป็นเงื่อนไขขึ้นมา
แต่พื้นที่แย่งชิง ละก็คนละเรื่องครับ และดูจะเปราะบางไปสักนิดหากจะเสี่ยงด้วยวิธีการดังกล่าวครับ
ถ้าสามารถฝึกให้สุนัขสามารถทำงานจากระยะไกลได้แล้วละก็ นั้นแหละครับที่สมควรเพิ่มการนำลงมาใช้งาน
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ส่วนตัวเชื่อว่าสามารถนำสุนัขลงมาใช้งานได้และปัจจุบันก็ใช้แต่น้อย นั้นคือ การใช้สุนัขเพื่อสะกดรอยครับ อันนี้แหละครับที่เห็นด้วยหากเพิ่มจำนวน
ความจริงเรื่อง ลักษณะทางสังคมของคนที่นี่ ผมอยากจะพูดมากกว่านี้ เพื่อให้เห็นภาพ แต่คงไม่สะดวก ยังไงหากจะพูดคุยมากขึ้น ก็หลังไมค์มาคุยกันได้ครับ