ขอตั้งคำถามเป็นข้อๆนะครับ
1.อยากทราบว่าเครื่องยนต์ F-100-PW-220 รอบสูงสุดกี่รอบต่อน่าทีครับ แล้ว กำลังเครื่องยนต์สามารถคิดเป็นแรงม้าแบบรถยนต์ได้ไหมครับ ถ้าได้จะได้มากี่ตัวครับ
2.ผมคิดว่ารอบเครื่องยนต์น่าจะสูงแน่ๆระบบหล่อลื่นใช้น้ำมันหล่อลื่นหรือป่าวหรือใช้อย่างอื่นครับ
3.ระบบระบายความร้อนใช้อะไรครับ น้ำหรือ อากาศ
4.เวลาฝนตกเขาแยกน้ำออกจากอากาศได้อย่างไรครับทำให้อากาศไหลผ่านเข้าห้องเผาไหมโดยไม่มีน้ำปนมาด้วย ผมคิดว่าถ้ามีน้ำมาด้วยการเผาไหม้คงมีปัญหาแน่
5.ในรอบสูงสุด after burner กินน้ำมันเท่ากี่ลิตรครับใน 1 นาที
ต้องขออภัยที่ถามหลายคำถาม เป็นคำถามที่อยากทราบจริง ขอบคุณครับ
ไม่ถึงกับเป็นผู้รู้แต่พอหาข้อมูลได้ครับ...
1) เครื่องยนต์เจ็ตอย่างนี้ไม่รู้นับเป็นแรงม้าได้หรือเปล่า...แรงขับปกติของเค้าเท่ากับ 14,670 ปอนด์แต่ถ้า อาฟเตอร์เบิรน์เท่ากับ 24,000 ปอนด์......แต่ 1 แรงม้า = 550 ฟุต-ปอนด์/วินาที ซึ่งเป็นหน่วยของกำลัง..ก็ขึ้นอยู่กับ f-16 หนักเท่าไหร่ แรงลอยตัวเท่าไหร่ หักลบเป็นน้ำหนักของเครื่องบินเท่าไหร่ที่เครื่องยนต์ออกแรงรับในทิศทางของแรงในหนึ่งหน่วยระยะทางต่อหนึ่งหน่วยเวลาเป็นวินาที...มึนครับ คงตีเป็นแรงม้าไม่ได้ เพราะถ้าทำได้คงทำไปแล้ว
2) น่าจะใช้ระบบหล่อลื่นด้วยจาระบี (เดาล้วนๆ)
3) น่าจะอากาศ (เดาครั้งที่สอง)
4) ไม่ทราบ
5) ไม่ทราบจริงๆ ไม่ได้กวน
ข้อสอบนี้ 5 ข้อ ผมตอบถูกถึงครึ่งข้อผมก็ดีใจแล้ว ยากสุดๆ ในประเทศไทยคนที่ตอบได้น่าจะเป็นพี่ๆ ทีมช่างที่กองบิน 1 กับกองบิน 4 ละครับ
หรือลองหาตามนี้ดูครับ
http://en.wikipedia.org/wiki/Pratt_&_Whitney_F100
http://www.aero-web.org/events/perform/tb/f100-220.htm, หรือเชิรจ์จากกูเกิ้ลดู มีเป็นล้าน....
1 ไม่มีหน่วยเป็นแรงม้า มีหน่วยเป็น LB. หรือ newton แปลงไม่เป็นด้วย
2 ใช้ Oil แน่นอน
3 เครื่องยนต์ เป็น turbo fan ใช้ อากาศ ไหลผ่านด้านนอกเครื่องยนต์ oil ฉีดไปตาม bearing ต่างๆ แล้วดูดเข้ามาทำให้เย็นโดย Fuel พร้อมกับอุ่น fuel ไปด้วย ใช้ nozzle เปิด หรือปิด เพื่อควบคุมความร้อน ของเครื่องด้วย (แบบคราวๆนะครับ)
4 compressor turbine ซัดเรียบ ไม่เหลือถึง combustion chamber แน่นอน
5 max AB ที่ sea level 40000LB/hr ไม่นับเป็นลิตร เพราะคนละหน่วยกัน แต่ แปลงได้ ต้องรู้ค่า ความหนาแน่น
อยากจะขอตอบตามความรูอันน้อยนิดนะครับพอดีว่าไม่ได้ทำงานเกี่ยวกะเครื่องบินเจทแต่ทำงานกะเรือที่ติดเครื่องแกซเทอร์ไบน์ (มันก็เหมือนกันละ)
1.ความเร็วรอบ ประมาณ 10000 รอบต่อนาที
2.ใช้ นมล. น้ำมันหล่อลื่นแน่นอนครับ ^__^ แต่ไม่รู้เครื่องบินใช้เกรดเดียวกะเรือผมรึป่าว
3.ระบายความร้อนโดยอากาศแน่นอนครับไม่มีใครเอาน้ำใส่ไปด้วยแน่ๆ
4.ฝนตกในเครื่องบินไม่มีปัญหาครับ เพราะว่า เครื่องยนต์ทำงานที่อุณหภูมิสูงมาก 1000กว่าองศาเซลเซียส ต่อให้เป็นน้ำอะไรก็ระเหยหมดครับ (แต่ถ้าน้ำเข้าระบบน้ำมันมีปัญหาแน่นอน T__T ) ส่วนในเรือจะที่อุปกรณ์ดักน้ำครับเนื่องจากขนาดเครื่องและจิปาถะครับเลยต้องมี
5.ที่เรือไม่มี after burner ครับ ต้องรอถามผู้รู้ส่วนที่เรือเราไม่คิดเป็นกี่ลิตรต่อนาทีครับ เราคิด ที่กิโลลิตร ต่อชั่วโมงครับเปลืองกว่าเยอะ ^__^
หวังว่าจะเป็นปนะโยชน์ ต่อ จขกท. นะครับ
ผมคิดว่า F-16 ใช้เครื่องยนต์ Turbo Jet ไม่ใช่ Turbo Fan นะครับ
Turbo Fan ใช้กับเครื่องบินโดยสาร เช่น 747 ฯลฯ
http://www.pttplc.com/TH/MSDS-th/Jp_8.htm
น้ำมันของ F-16 ใช้มาตราฐาน JP-8 ความหนาแน่นอยู่ที่
0.775-0.840 kg/L ครับ ถ้าใช้ AB 1 นาทีก็ประมาณ 390-360 ลิตร
แต่ JP-8 ราคาหน่วยงานรัฐซื้อตกลิตรละประมาณ 33 บาทครับ
ขอบพระคุณทุกท่านที่สระเวลาตอบกระทู้ ที่ผมตั้งอย่างสูงครับ ผมได้คำตอบที่ผมสงสัยในบางข้อก็จัดเจน ในบางข้อก็ยังงงครับ แต่ถ้าท่านใดมีข้อมูลเพิ่มเติมก็ขอเชิญให้ตอบต่อนะครับ ผมยังรออ่านอยู่ครับ
ขอบคุณมากครับ
ยืนยันเช่นกันว่าใช้เครื่องยนต์ Turbo Fan เดี๋ยวนี้ตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ.1960 เป็นต้นมา เครื่องบินเจ็ตที่ออกแบบตั้งแต่ปีนั้น หันมาใช้เครื่องยนต์ Turbo Fan กันหมดแล้ว ไม่เห็นมีแบบไหนใช้ Turbo Jet เลย สาเหตุหลักก็คงมาจาก
1.Turbo Jet ระบายความร้อนได้ไม่ดี ควบคุมการระบายความร้อนยาก เพราะไม่มีกระแสอากาศเย็นไหลผ่าน บางครั้งต้องใช้น้ำช่วย บ่อยครั้งที่เกิดปัญหาเครื่องยนต์ระเบิด (อย่างของ เอฟ 5 ต้องมีช่องรับอากาศข้างๆ เครื่องยนต์เพื่อระบายความร้อน
2.Turbo Jet กินน้ำมันมากที่ความเร็วต่ำ เพราะกลีบใบพัดมีขนาดเล็ก กินอากาศน้อย ทำให้ที่ความเร็วต่ำ อากาศเย็นที่ดูดเข้ามีน้อยกว่า
จากข้อเสียดังกล่าวนักออกแบบจึงแก้ปัญหาด้วยการติดใบพัดขนาดใหญ่ที่ด้านหน้าเครื่อง Turbo Jet จึงกลายมาเป็นเครื่อง Turbo Fan และออกแบบให้เปลือกเครื่องยนต์มี 2 ชั้น โดยชั้นในเป็นส่วน Turbo Jet ส่วนชั้นนอกจะใช้อากาศที่เหลือจากที่เข้าไปในส่วนเผาไหม้ มาใช้หล่อเย็นเปลือกชั้นใน และยังให้แรงขับดันอีกด้วย ซึ่งข้อดีที่เกิดขึ้นคือ
1.เครื่องไม่ร้อนจนเกินไป ควบคุมอุณหภูมิได้ดีเพราะมีกระแสอากาศเย็นคอยหล่อเย็น ไม่ค่อยพบปัญหาเครื่องยนต์ Turbofan ระเบิดจากความร้อนที่มากเกินไป
2.ประหยัดน้ำมันแม้บินด้วยความเร็วต่ำ เพราะกลีบใบพัดของ Fan ด้านหน้าที่มีขนาดใหญ่กินอากาศได้มาก ทำให้มีอ๊อกซิเจนถูกพัดเข้าไปในห้องเผาไหม้อย่างเพียงพอ ทั้งยังเหลือออกมาใช้หล่อเย็นเครื่องยนต์และใช้เป็นแรงขับในการบินได้ด้วย กล่าวได้ว่า ประมาณ 90 % ของแรงขับเครื่องยนต์ TurboFan มาจากส่วนที่เป็น Turbo Jet ส่วนอีก 10 % เป็นแรงขับที่ได้มาจากใบพัดขนาดใหญ่นั่นเอง
จำได้ประมาณนี้ อ่านจากวิกีน่ะ
ข้อสังเกต
F86 บินครั้งแรก 1947 ใช้ TurboJet
F-102 บินครั้งแรก 1953 ใช้ Turbo Jet
Lightning ของอังกฤษ ,F-104 บินครั้งแรก 1954 ใช้ Turbo Jet
F-105,MiG-21 บินครั้งแรก 1955 ใช้ Turbo Jet
F-106 ,Mirage III บินครั้งแรก 1956 ใช้ Turbo Jet
F-4 บินครั้งแรก 1958 ใช้ Turbo Jet
F-5 บินครั้งแรก 1959 ใช้ Turbo Jet
F-111 บินครั้งแรก 1964 ใช้ Turbo Fan
MiG-25 บินครั้งแรก 1964 ใช้ TurboJet
MiG-23 บินครั้งแรก 1967 ใช้ TurboJet
F-14 บินครั้งแรก 1970 ใช้ Turbo Fan
F-15 บินครั้งแรก 1972 ใช้ TurboFan
F-16 , Tornado บินครั้งแรก 1974 ใช้ TurboFan
MiG-29 บินครั้งแรก 1977 ใช้ TurboFan
F-18 , Mirage 2000 บินครั้งแรก 1978 ใช้ TurboFan
MiG-31 บินครั้งแรก 1975 ใช้ TurboFan
ค่ายตะวันออกจะตามหลังตะวันตกอยู่หลายปีเหมือนกัน