หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


มีการแก้ทางทีเด็ดของ JAS39 กริปเป้น หรือป่าวครับ?

โดยคุณ : AIRFORCE_TEN เมื่อวันที่ : 06/03/2010 19:58:36

ในเมื่อต่างชาติที่ไม่มีเครื่องบินรบชนิดนี้อยู่ เเต่เขารู้ว่า กริปเป้น เป็นเครื่องบินรบที่มีการเปิดเรดาห์เพียงลำเดียวแล้วเปิดระบบ DATA LINK ให้กับเครื่องบินลำอื่นในฝูง ดังนั้นเครื่องบินของข้าศึกจึงสามารถตรวจจับเครื่องที่เปิดเรดาห์เพียงลำเดียว ส่วนเครื่องที่เหลือ ไม่สามารถตรวจจับได้ คือสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทาง กองทัพอากาศของเรารู้ ในเมื่อเรารู้ ทางกองทัพ อากาศต่างชาติเขาก็ต้องรู้เหมือนกัน เขาจะสามารถเเก้ทาง ทีเด็ดของกริปเป้น ในกรณีอย่างนี้ได้หรือไม่ครับ




ความคิดเห็นที่ 1


การเปิดเรดาร์เพียงลำเดียวแล้วส่งข้อมูลผ่านดาต้าลิงค์ให้อีกสองลำที่ไม่ได้เปิดเรดาร์ มันไม่ได้ทำให้ JAS-39 ทั้งหมดจะไม่ถูกตรววจับจากเรดาร์ของเครื่องบินฝ่ายตรงข้ามหรอกนะครับ
โดยคุณ เด็กทะเล เมื่อวันที่ 26/02/2010 21:18:49


ความคิดเห็นที่ 2


เป็นคำถามที่ดีครับ....

 

การเปิดเรดาห์เพียงเครื่องเดียวแล้วส่งข้อมูลผ่านระบบดาต้าลิงค์แทน...จริงวิธีนี้ทำได้แค่ลดวิธีการถูกตรวจจับจาก RWR (Radar Warning Reciever) จากบ.ข้าศึกเท่านั้นเอง....สมมตบินหมู่สี่ลำเปิดเรดาห์แค่หนึ่ง ใน RWR ของข้าศึกจะบอกว่าพบบ.หนึ่งลำ..แต่ในจอเรดาห์สิ จะบอกเต็มๆ ว่ามันมาเป็นสี่เว่ย จะดำเนินการต่อไปยังไงก็ว่ากันไป....ที่แน่ๆ คือต่างฝ่ายต่างเห็นกันแล้ว...

โดยคุณ terdkiet เมื่อวันที่ 26/02/2010 23:24:29


ความคิดเห็นที่ 3


ผมว่าคุณ FatBoy แรงไปเปล่าคับเนี่ย
โดยคุณ YamatoJR เมื่อวันที่ 27/02/2010 01:17:41


ความคิดเห็นที่ 4


ถูกดัง2ท่านข้างต้นกล่าวมาครับ ถ้าอีกฝั่งมีบ.แจ้งเตือนมาด้วย หรือเรดาห์มีประสิทธิภาพค่อนข้างสูงกว่าสามารถตรวจจับ บ.ข.ขนาดเล็กๆได้ก็ทำใหเราแย่ได้เช่นกัน ยกเว้นจะทำงานผสมยุทธวิธีในการบินและระบบสงครามอิเล็คทรอนิค เพื่อรบกวนเรดาห์ฝ่ายตรงข้ามไม่ให้ทำงาน
โดยคุณ MIG31 เมื่อวันที่ 27/02/2010 00:19:44


ความคิดเห็นที่ 5


สรุป รบจริงก็ไม่ได้เหนือกว่าซื้อ  ซื้อทั้งทีน่าจะซื้อให้เหนือกว่า ซื้อมาทำไมครับ ซื้อของที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่า  ที่อ้างงบประมาณน้อย ไม่มีงบ ฟังไม่ขึ้นครับ อดีตที่ผ่านมาเราซื้อยุทโธปกรณ์แพงกว่าชาวบ้านเขาเสมอ   บริหารงบประมาณดีๆ กองทัพคงไม่เป็นแบบนี้  ดูกรณีทหารพรานเป็นตัวอย่าง ถ้าไม่มีสื่อมวลชน หรือประชาชนเสนอข่าว เปิดกระทู้ ถึงชีวิตความยากลำบาก ของเขา มีหรือที่ผู้นำกองทัพจะสนใจ  พอมีกระแสจากสังคม เห็นนายพลฯ รีบนำของไปให้ไปแจกทหารพราน  มันก็เหมือนกับชีวิตทหารในภาคใต้ อยู่อย่างลำบาก ยุทโธปกรณ์ชำรุด แจกจ่ายไม่ครบหน่วย  อย่างเครื่องตัดสัญญาโทรศัพท์ ราคาประมาณ 3,000 - 15,000 บาทเห็นเจ้าหน้าที่ต้องใช้เงินส่วนตัวจัดหาเองก็มี  แต่ของบางสิ่ง ที่ใช้ประโยชน์ได้จริงหรือไม่ ไม่รู้ แต่จัดหามาเป็นล้าน ๆ ได้     

 อย่าหวังว่ากองทัพเราเหนือกว่าประเทศรอบบ้านเลย เพราะ เราเดินตามหลังเขาอย่างน้อยหนึ่งก้าวเสมอ 

โดยคุณ FatBoy เมื่อวันที่ 27/02/2010 00:43:15


ความคิดเห็นที่ 6


^

^

^

คุณคนข้างบนผมอ่านแล้วมันจี้ดครับไม่ได้ถูกใจนะเศร้าใจมากกว่าบังเอิญผมไม่ค่อยได้โพสได้เขียนอะไรเท่าไหรเพราะไม่ค่อยมีความรู้เลยขอเป็นผู้อ่านที่ดี ดีกวาอันไหนจริงหรือไม่จริงไปหาข้อมูลเอาสนุกสนานและได้ความรู้มากมายแต่ถ้าอย่างคุณ FatBoy ผมว่าลองอ่านๆๆๆๆๆๆๆและอ่านๆๆๆๆๆๆๆๆๆเยอะๆนะครับก่อนที่แสดงความเห็นแบบน่าเศร้าใจเพราะเดียวจะทำให้ผู้ให้ข้อมูลหลายท่านแล้วก็เว็ปมาสเตอร์ต้องเหนื่อย

โดยคุณ nongwor เมื่อวันที่ 27/02/2010 01:05:46


ความคิดเห็นที่ 7


เหอะๆ จริงๆ ไม่ได้มาชี้ว่าของที่เราซื้อหามาไม่ดีนะครับ...เพียงแค่ทำความเข้าใจให้จขกท.เท่านั้นเอง...นี่ยังไม่กล่าวถึงข้อดีข้ออื่นๆ ที่มีอีกเยอะของเจ้ากริเพนเลย...อีกอย่างนบ.และบุคลากรอื่นๆ ของเราก็ไม่น้อยหน้าใครในย่านนี้ ในแต่ละปีกองทัพสามารถคัดเลือกเด็กเก่งๆ เข้าไปเป็นบุคลากรไม่น้อยเลย

 

.....ก็เป็นธรรมดาละครับ ที่คนเรามักจะเห็นของคนอื่นดีกว่าของตัวเองเสมอ..หญ้าหน้าบ้านคนอื่นยังไงๆ ก็สวยกว่าบ้านเรา

 

...โอเค ว่าเจ้ากริเพนมันไม่ใช่บ.รบที่ดีที่สุด แต่มันเหมาะกับเราที่สุดในเวลานี้เมื่อเทียบข้อเสนอจากเจ้าอื่น ยังไม่นับว่าถึงมีตังค์อย่างญี่ปุ่นก็ยังซื้อ เอฟ-22 ไม่ได้ เพราะเค้าไม่ขายให้....ลองอ่านในสตอรี่กว่าจะเป็นบข.20 ดูนะครับ....จะเข้าใจว่ากว่าโครงการจะออกมายากเย็นแค่ไหน...องค์ประกอบอื่นที่ต้องพิจารณามีมากมาย ผมเชื่อว่าด้วยเงินเท่ากันแบบนี้ทอ.สามารถจัดหา ซู-30 สเปคเดียวกับมาเลย์ได้ไม่ยาก...แต่หลังจากบ.ลงมาจอดที่พื้นดินหล่ะของจริงจะปรากฎ ค่าปรนนิบัติดูแลมโหฬารเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึง ไม่เช่นนั้นมาเลย์คงไม่กราวด์ มิก-29 ทั้งฝูงหรอก เห็นไหมว่าถึงดีแค่ไหน ทำให้บินไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์....

 

ผมเข้าใจประเด็นที่ท่าน Fatboy กำลังชี้...นะครับ แล้วก็เห็นด้วยมากๆ และเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องใหม่และเศร้าเกินกว่าจะเอ่ย....แต่ (คำว่าแต่จะเป็นจุดเริ่มของอะไรแย่ๆ เสมอ) สงสัยว่าทำไมเราต้องมีกองทัพเหนือชาวบ้านด้วย หรืออยากเป็นแบบพม่าที่ดูแลแต่กองทัพ ไม่ดูแลประชาชน บ้านเมืองเรามีอะไรต้องทำอีกเยอะ...ทุกอย่างต้องพัฒนาไปพร้อมๆ กัน ไปแบบกระท่อนกระแทนทุกองคาพยพนี่แหละ...กองทัพก็เอาแบบไม่ห่างชั้นถึงกับใช้ปืนแก๊ปไปสู้กับไรเฟิลเพื่อนบ้านหรอกนะ...เมื่อประชาชนผาสุขแล้วแบบสิงค์โปร์หรือเกาหลีใต้ เราจะเริ่มคิดถึงความปลอดภัย เมื่อนั้นอาวุธดีๆ ย่อมตามมาแน่นอน

 

ตอบด้วยนะครับ

โดยคุณ terdkiet เมื่อวันที่ 27/02/2010 01:52:08


ความคิดเห็นที่ 8


คือ ไม่ว่าจะบ.ข.ข้างบ้านอย่าง ซู-30 หรือแม้แต่กรีเพ้นเองก็ไม่ได้เทพจนใครๆก็ทำอะไรไม่ได้น่ะครับ ทุกอย่างล้วนมีข้อดีข้อด้อยในตัวมันเอง ตัวแปรอยู่ที่หลักการรบ อุปกรณ์สนับสนุน แม้แต่รุ่นเทพๆอย่าง ยูโรไฟเตอร์ เอฟ-15 ยังต้องอาศัยการช่วยรบ การให้ข่าวจาก บ.แจ้งเตือนเลยครับ

อีกอย่าง มองความจริงเรื่องบประมาณแล้วดูสิ่งที่เราจัดหามาจะดีกว่า อย่างน้อยไม่ได้จัดหามาแก้ขัดแบบโครงการ รัฐบาลอะไรแบบนี้

โดยคุณ MIG31 เมื่อวันที่ 27/02/2010 02:18:18


ความคิดเห็นที่ 9


การเปิดเรดาห์เพียงเครื่องเดียวแล้วส่งข้อมูลผ่านระบบดาต้าลิงค์แทน...จริงวิธีนี้ทำได้แค่ลดวิธีการถูกตรวจจับจาก RWR (Radar Warning Reciever) จากบ.ข้าศึกเท่านั้นเอง....สมมตบินหมู่สี่ลำเปิดเรดาห์แค่หนึ่ง ใน RWR ของข้าศึกจะบอกว่าพบบ.หนึ่งลำ..แต่ในจอเรดาห์สิ จะบอกเต็มๆ ว่ามันมาเป็นสี่เว่ย จะดำเนินการต่อไปยังไงก็ว่ากันไป....ที่แน่ๆ คือต่างฝ่ายต่างเห็นกันแล้ว...

^

^

^

แล้วกัน นี่ผมเข้าจัยผิดมาตลอดเลยงิ ผมก้นึกว่าเปิดเรดาร์เครื่องเดียว แล้วจะมองไม่เห้นเครื่องที่ปิดเรดาร์ไว้ซะอิก หยั่งงี้ระบบDATALINK ที่ว่าก้เป้นฟังชั่นประดับเพื่อความโก้เก๋สิครับ ในเมื่อเค้าเห้นเราแล้วจะกระซิบกระซาบ(DATALINK)กันเพื่ออะไร หรือว่ามันมีประโยนช์อย่างอื่นอีก??  แต่ถ้าพุดถึงในแง่ประหยัดพลังงานก็ยอมรับได้ครับ ในความคิดของผมถ้าไห้เลือกจริงๆก้อยากได้SU30MKTน่ะครับถ้าเรามีตังน่ะนะ ก้โออ่ะ  GRIPEN เครื่องบินดีใช้ได้+นักบินเยี่ยม มันก้ดีอ่ะนะ

แต่ว่าถ้าได้เครื่องบินชั้นยอดแบบSU30MKT+นักบินชั้นเยี่ยมของเรามันก้ซึยอดเรยไม่ไช่หรือ??ทั้งๆที่นักบินของเราก้ระดับนิวไทป์น่าจะได้เครื่องที่เทพๆอย่างSU30มาขับ ขนาดเอาF-5ไปกดF-15ตอน:ซ้อมรบกับสหรัฐได้สุดตรีนเมิกๆ (เค้าว่ากันว่าSU30มันไช้ท่อปรับทิศทางดริฟได้ด้วยนะครับ)  ถ้าประเทศเรารวยผมว่าทางทอ.เค้าก้คงอย่ากได้ SUอยุ่แล้วแหละ จะได้เอามาดริฟห้ายกระจายเรย ขอตัวไปเล่น ACE COMBAT ก่อนนะครับ ^ ^

โดยคุณ YUKIKAZE เมื่อวันที่ 27/02/2010 04:15:20


ความคิดเห็นที่ 10


ในตัวเลือกทั้งหมดที่กองทัพอากาศต้องตัดสินใจ ผมเชื่อว่ายังไงกริพเพนก็ดีที่สุด (สำหรับเรา)  เปิดเผยกระทั่งซอร์สโค๊ด ถ้าเราเอามาปรับปรุงยังรับซื้อคืนอีก แถมตาทิพย์อายุการใช้งานอีกบานโข ให้ลูกยาว RBS-15 มาให้ลองยิงเล่นอีก ค่าบำรุงรักษาก็ถูกกว่า F-16 อีก ทุนการศึกษาอีกเพียบ ใจดีกว่าเจ๊ขายของหน้าปากซอยซะอีก

ยิ่งคิดสภาพภาระถ้าเอาเจ้า MKT มา รับรองว่า กองบิน 7 หิมะตกแน่ และความฝันที่จะมีเครื่องบินแจ้งเตือนภัยทางอากาศก็ยังคงเป็นฝันต่อไป แต่ตอนนี้ฝันใกล้เป็นจริงแล้ว ฝันต่อไปก็คือ Tanker (*0*)/  จ
มา จงมา จงมา
โดยคุณ Puriku เมื่อวันที่ 27/02/2010 04:52:51


ความคิดเห็นที่ 11


 ตามความคิดของผมนะครับ กริฟเฟน เปนเครื่องที่เหมาะสมกับประเทศของเรามากที่สุดแล้วละครับ โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในการบิน และ ค่าบํารุงรักษา
ถ้าเราซื้อ เจ้าซู มา เราบินได้ไม่กี่ ชม.ก็ต้องเปลี่ยนเครื่องยนต์กันแล้ว แล้วรัฐบาลจะเอาเงินที่ไหนมาให้ ทอ.ละครับ ไม่นานก็สั่งกราวน์กานเหมือน มิก-29 ของ มาเลย์กันพอดี   เสียดายเงินกันไปป่าวๆนะคับ  ผมว่าเจ้า กริฟเฟน มานก็ไม่ได้ด้อยมากมาย นะคับ อย่าลืมว่า เครื่องบิน บินไม่ได้ ถ้าไม่มีนักบินนะคับ อย่าลืมนักบิน ซิคับ นักบินที่เก่งก็จะสามารถทําให้เครื่องที่ด้อยกว่า กลับมาบาลานซ์หรือดีกว่า เคยได้ยินที่ นักบินเอฟ -16 ของเรา สามารถสอย เจ้าเอฟ-18 ของมะกันได้มั้ยครับ ในการฝึก ซึ่งเป็นแบบด็อกไฟต์นะครับ ไม่ได้ใช้อาวุธ BVR เราก็รู้ๆกันอยว่า เอฟ-18 มานเหนือกว่า เอฟ-16 
 ก็ลองคิดดู ซิครับว่า อย่างน้อยก็ดีกว่า ที่เราจะไม่มีเครื่องมาแทนเอฟ-5
อย่างน้อยกริฟเฟนที่เราซื้อมามานก็จะเปลี่ยนระบบ ของทอ.ไทย ไปเลยนะครับ

แล้วก็ แน่นอนครับ ถ้ามี AEW&C หรือ AWACS เข้ามา เครื่องบินที่ไหนก็เสียเปรียบทั่งนั้นแหละครับ ถ้าไม่มีเจ้าพวกนี้เข้า มา ถ้า เครื่องที่เปิดเรด้าร์ ทิ้งระยะห่างซะหน่อย ผมว่า เรด้าร์ของศัตรูมานก็จับไได้เเค่เครื่องเด๋วนะครับ
สามเครื่องหลังมานจาจับได้หรอครับ ถ้ามานเกินพิสัยเรด้าร์ของเครื่องข้าศึก ถ้าซักวัน เราติดMETEOR ยิงไกลมากกว่าร้อยกิโล เร็วมากกว่าสี่มัค ซู ก็ซู เหอะ ยังไงก็โดน

แต่ที่สําคัญ ความรู้และประสบการณ์ผมว่าเป็นสิ่งที่สําคัญมากพอๆกับเครื่องบินนะครับ

  
โดยคุณ falcon4956 เมื่อวันที่ 27/02/2010 10:02:55


ความคิดเห็นที่ 12


^
^
^  ปรับปรุงภาษาสักหน่อยก็ดีนะครับ เช่น

มาน=มัน
เด๋ว=เดี๋ยว
โดยคุณ nok เมื่อวันที่ 27/02/2010 10:16:11


ความคิดเห็นที่ 13


อันนั้นมันก็ใช่....ว่าหากสามเครื่องหลังทิ้งระยะเกิน 100 กม. มานก็จาบม่ายด้ายแน่นนอนอ่าคราบ...ว่าแต่ว่าถ้าทิ้งระยะขนาดนั้นจะช่วยกานยางงาย  อ่านลำบากเน๊าะ พิมพฺก็ลำบาก...เอาแบบชัดๆ ก็แล้วกัน

 

ว่ากันตัวตัวหลังวัด...ประเด็นหลักคือเรดาห์ซูสามสิบระยะมาน เอ๊ย...มันยาวกว่านะสิครับแต่ตัวเราเล็กกว่า เค้าจึงเห็นเราก่อนสักพัก เราเองก็รู้จาก RWR ว่าโดนเรดาห์จับ แต่ไม่รู้ว่าข้าศึกอยู่ทิศทางไหน นบ.ซูสามสิบก็แค่รอจนเข้าระยะยิงของ R-77 แล้วก็จัดให้ก่อน...ในขณะที่เมอเทเออร์ถึงแม้ระยะยิงไกลกว่าก็จริง แต่เรดาห์ของกริเพนมันยาวไม่เท่าระยะยิงสิ ดังนั้นกว่าที่กริเพนจะเห็นซู ก็เห็นพร้อมๆ กับรู้ว่า R-77 มาแล้ว จึงยิงสวนไป....จากนั้นต่างฝ่ายต่างก็รักษาตัวเองให้รอดเองก็แล้วกัน...

 

อันนั้นว่าด้วยเรื่องเรดาห์อย่างเดียว ยังไม่รวมแจมเมอร์ต่างๆ นะครับ

โดยคุณ terdkiet เมื่อวันที่ 27/02/2010 11:06:30


ความคิดเห็นที่ 14


แล้วกัน นี่ผมเข้าจัยผิดมาตลอดเลยงิ ผมก้นึกว่าเปิดเรดาร์เครื่องเดียว แล้วจะมองไม่เห้นเครื่องที่ปิดเรดาร์ไว้ซะอิก หยั่งงี้ระบบDATALINK ที่ว่าก้เป้นฟังชั่นประดับเพื่อความโก้เก๋สิครับ ในเมื่อเค้าเห้นเราแล้วจะกระซิบกระซาบ(DATALINK)กันเพื่ออะไร หรือว่ามันมีประโยนช์อย่างอื่นอีก??  แต่ถ้าพุดถึงในแง่ประหยัดพลังงานก็ยอมรับได้ครับ ในความคิดของผมถ้าไห้เลือกจริงๆก้อยากได้SU30MKTน่ะครับถ้าเรามีตังน่ะนะ ก้โออ่ะ  GRIPEN เครื่องบินดีใช้ได้+นักบินเยี่ยม

^

^

จริงๆ ดาต้าลิงค์ เราไม่ได้ลิงค์แค่หมู่บินสี่ลำนั้นหรอกครับ...เราลิงค์ทั้งระบบครอบคลุมทั่วประเทศ...ถ้าไม่นับอีรี่อาย หากเรือตกก.ของทร.ที่มีระบบดาต้าลิงค์ หรือสถานีเรดาห์ภาคพื้นที่มีลิงค์ หรือกระทั่งทบ.ก็ลิงค์ด้วยรวมเป็นระบบใหญ่ ถ้าโหนดใดโหนดหนึ่งหาเจ้าซูเจอ ก็เท่ากับเห็นทั้งหมด...ซ้ายรู้-ขวารู้ แบงค์ไร-แบงค์สิบ เก่งยิ่งกว่าอับดุลซะอีก เจ้ากริเพนหมู่สี่ ก็แค่แบกเมอเทเอ้อหรือแอมแรมขึ้นไปแล้วก็ตกลงกันเองก็แล้วกันว่าใครจะกดปุ่มยิง....ไม่ได้โก้อย่างเดียว ยังฉลาดและเท่ห์อีกด้วย

โดยคุณ terdkiet เมื่อวันที่ 27/02/2010 11:23:48


ความคิดเห็นที่ 15


ระยะการตรวจจับของเรดาห์นั้น มีอีกหนึ่งตัวแปรที่สำคัญครับ คือ ระยะความสูง(ของทั้งตัวเรดาห์ และตัววัตถุที่จะตรวจจับ)   ซึ่งมันจะตรงข้ามกันคือ ตัวสถานีเรดาห์ภาคพื้นจะพยายามไว้ในที่ที่สูง ในทางตรงกันข้ามตัวเครื่องบินเองนักบินก็พยายามบินต่ำเพื่อให้เรดาห์มีระยะตรวจจับสั้นลงหรือยากขึ้น ยิ่งโดยเฉพาะภูมิประเทศแบบฉากหลังเยอะๆเช่นเทือกเขาด้วยแล้ว ยิ่งมีผลสูง

ดังนั้นเราเลยพัฒนาเอาเรดาห์ขนาดใหญ่ไปติดบนเครื่องบิน จนกลายเป็นเจ้าเครื่องเตือนภัยหรือเอแวคทั้งหลาย เพราะบนอากาศไม่มีอะไรบัง

 

เช่นกัน ระบบตรวจจับมีหลายแบบไม่ได้แต่มีเรดาห์เพียงอย่างเดียว ดังนั้นแล้วระบบ ดาต้าลิงก์ที่เราชอบพูดกันถึงเรื่อง เปิดเครื่องเดียวที่เหลือปิดนั้นนะ ก็เป็นวิธีการหนึ่งในการเลือกใช้ มันใช้ได้หลายอย่างทั้งการลดการแพร่ทางสัญญาณต่างๆ หรือพูดง่ายๆว่า ลดให้มันจับได้ยากขึ้นหรือระยะตรวจจับสั้นลง หรือ ลวงและสร้างความสับสน ก็แล้วแต่การเลือกยุทธวิธี  มันทำให้มีทางเลือกมากขึ้น

 

เรื่องเครื่อง ซูซี่ นั้นเคยเถียงกันในบอร์ดจนบอร์ดแถบแตกไปแล้ว ลองไปหาข้อมูลเก่าๆอ่านครับ

 

ส่วนตัวแล้วก็อยากเห็น ทอ. มีเครื่องมัลติโรลขนาดใหญ่ แต่ถ้ามองด้านอื่นๆด้วยแล้วเชื่อว่า กริฟเฟ่น เหมาะสมแล้วครับ

โดยคุณ FW190 เมื่อวันที่ 27/02/2010 11:36:49


ความคิดเห็นที่ 16


ใจเย็น ๆ ครับอย่างพึ่งเข้าใจผิดกันไปใหญ่ ถ้า Data link เป็นอะไรที่ไม่จำเป็น
แล้ว F-22 และเครื่องบินฝั่งยุโรปรุ่นใหม่ ๆ เค้าจะติดไอนี้ไว้ทำเพื่ออะไรละครับ????

จากที่คุณ Terdkiet ได้ตอบไปนั้น เป็นคำตอบที่ถูกต้องเพียงบางส่วนครับ
แต่อาจจะต้องขยายความก่อนครับ

ระบบ Data link เป็นระบบที่ไม่ได้มีไว้โก้เก๋นะครับ ประโยชน์จริง ๆ ของมันมีดังนี้ครับ
 
1. เพิ่มความรับรู้ต่อสถานการณ์โดยรอบทั้ง 3มิติให้กับนักบิน เพื่อให้นักบินสามารถใช้
ยุทวิธีได้เหมาะสมกับการรบในขณะนั้นๆ  ซึ่งจากเดิมเครื่องบินจะสามารถมองเห็นในระยะ
ไกลด้วยมุมมองที่จำกัด ตามข้อจำกัดของเรดาร์ที่ติดตั้งภายในเครื่อง ซึ่งส่วนใหญ่จะมีมุม
ในการค้นหาไม่เกิน 180 องศา แต่ระบบนี้จะทำให้นักบินสามารถมองเห็นได้รอบตัว
โดยอาศัยข้อมูลจากระบบ Radar และ sensor ต่าง ๆ ที่อยู่ทั้งบนเครื่องบิน
ในฝูงเดียวกัน AWAC หรือแม้นแต่เรดาร์ภาคพื้นดินก็ตาม

2. Share ข้อมูลในการนำวิถีจรวด ฺBVR ซึ่งกรณีนี้เป็นตัวอย่างที่มักจะเอาไปใช้ใน
การอธิบายการทำงานของระบบ Data link เพื่อให้บุคคลทั่ว ๆ ไปเข้าใจการ
ทำงานของระบบนี้ได้อย่างง่าย ๆ  แต่จริง ๆ แล้วระบบนี้ไม่ได้จำกัดการ Share ข้อ
มูลจากเครื่องบิน Gripen ด้วยกันเท่านั้น สามารถใช้ข้อมูลจากการ Track ของ
เรดาร์ AWAC หรือ เรดาร์ภาคพื้นดิน เพื่อใช้ในการยิงจรวดนำวิถีให้เข้าสู่เป้าหมายได้
โดยเครื่องบินที่ยิงไม่จำเป็นต้องเปิดระบบเรดาร์เลย 


การที่ปิดเรดาร์และใช้ระบบ Data link ของ Gripen นั้นจริงอยู่ที่ว่า
เบื้องต้นเป็นแค่ลดโอกาสตรวจพบได้ก่อนด้วย RWR แต่จุดนี้มันมีปัจจัยที่สำคัญเนื่องจาก
ในการรบทางอากาศระยะไกลในปัจจุบัน อุปกรณ์ที่สำคัญตัวหนึ่งรองจากเรดาร์ประสิทธิภาพ
สูงคือ RWR เพราะมันช่วยบอกให้นักบินทราบถึงทิศทางของ Radarที่กำลังเป็นภัย
คุกคามเครื่องบินครับ ซึ่งถ้าอาศัยเพียง Radarจากเครื่องบินเพียงลำพังในการค้นหา
เครื่องบินฆ่าศึกก็ต้องใช้ความพยายามสูงขึ้นเพราะมันมีข้อจำกัดมากมายทั้ง Mode
เรดาร์  Modeที่ค้นหาได้ไกลมักมีมุมในการค้นหาที่จำกัด Mode ที่ค้นหาได้กว้าง
ก็จะมีระยะการตรวจจับที่ใกล้ นอกจากนั้นยังมีข้อจำกัดเช่น มุม ความสูง ลักษณะภูมิประเทศ
ลักษณะอากาศยานที่ค้นหา และที่สำคัญมากคือ RCS(Radar cross section)
เครื่องที่มี RCS น้อย ๆ ก็ต้องเข้าไปใกล้ ๆ ถึงจะตรวจเจอ

โดยปกติถ้า Gripen นั้นบินมาเรดาร์ของ Su-30 MKM ที่เคยตรวจจับเครื่องบิน
อื่นๆ ได้ที่ระยะ 200-300 Km แต่ในกรณี Gripen มี RCS
ต่ำกว่าเครื่องบินทั่ว ๆ ไปทำให้ Su-30
ตรวจจับด้วย Radar ได้ที่ระยะเพียง 100 Km เท่านั้น นี่ขนาดเป็น Radar ของ
Su-30 ซึ่งมีกำลังสูงมากแล้วยังตรวจจับได้ที่ระยะเท่านี้ หากเป็นพวก Radar ภาคพื้น
หรือ AWAC รุ่นเก่าจะตรวจจับ Gripen เจอได้ที่ระยะน้อยกว่านี้ครับ ทำให้จริง ๆ แล้วในมุม
มองของ Su-30 ที่เจอกับ Gripen ที่ปิด Radar จะเหมือนมองไม่เห็น Gripen
เลยจากในระยะไกล >100 Km ในขณะที่ Gripen ทราบถึงการมาของ Su-30
ทั้งจากข้อมูลของ Radar ภาคพื้นดินที่ตรวจเจอและ RWR ครับ ซึ่งเป็นเวลาที่มากพอให้นักบิน
คิดยุทธ์วิธีเข้าต่อตีกับ Su-30 ฝูงนั้น ๆ ได้ครับ  Su-30 เองก็ต้องใช้เรดาร์ที่มีสุ่มหา Gripen
โดยไม่มีข้อมูลจาก RWR คอยช่วยครับ โดยใช้จุดอ่อนที่ Su-30 มองเห็น Gripen
ที่ระยะ 100 Km และมีมุมมองจำกัดแค่ 180 องศา โดยอาจจะบินอ้อมเข้าไปข้างหลังของเครื่อง
บิน Su-30 ได้ไม่ยากครับ   
  

โดยคุณ Red@Baron เมื่อวันที่ 27/02/2010 12:11:44


ความคิดเห็นที่ 17


^

^

ขอบพระคุณครับที่ช่วยลงดีเทวให้.....

โดยคุณ terdkiet เมื่อวันที่ 27/02/2010 14:22:15


ความคิดเห็นที่ 18


ถ้าจำไม่ผิดเรดาร์ NIIP N011M ของ Su-30MKM จะมี detection envelope อยู่ที่ 100 องศาในการตรวจจับเป้าหมายระยะไกลครับ

ปล. เด็กไทยสมัยนี้ เขียนภาษาไทยให้ถูกต้อง มันยากมากเหรอครับ ถามจริง ๆ - -
โดยคุณ Skyman เมื่อวันที่ 27/02/2010 15:09:03


ความคิดเห็นที่ 19


สงครามยุคปัจจุบันการสื่อสารถือเป็นเรื่องสำคัญยิ่งครับ

ใครที่เห็นก่อน ยิงก่อนหนีก่อน เดาทางได้ก่อน ประสานงานไวกว่า นั้นละครับ มีชัยเหนือคู่ต่อสู้ไปครึ่งหนึ่งแล้วครับ

 

โดยคุณ poom1.1 เมื่อวันที่ 27/02/2010 23:40:00


ความคิดเห็นที่ 20


ถ้าอยากดูว่า datalink มันดีอย่างไร ให้ดู ใน Transformer1 ตอนที่ ส่ง UAV ไปดู แล้วเรียก A10 มาถล่ม แล้วตามด้วย AC130

 โดยมี AWAC เป็นฐานลอยฟ้า จะเห็นว่า A-10 อยู่ฐานบินแต่ได้รับข้อมูล
จาก AWAC ให้วิ่งเข้าทำคะแนนได้ 

AC130 น่าจะบินอยู่แถวนั้น โดนเรียกมา ใส่พิกัด แล้ว โจมตี

เป็นการประสานงานทั้ง ภาคพื่น กะ อากาศ อย่างลงตัว

ประเทศเรา มี การวางยุทธศาสตร์แบบเดียวกับ สวีเดน คือ ไม่รุกราน แต่ อย่าเข้ามาเชียว 
โดยคุณ u3616234 เมื่อวันที่ 27/02/2010 16:17:17


ความคิดเห็นที่ 21


ผมต้องขอโทษพี่ๆ เพื่อนๆทุกท่านด้วยนะครับ ที่ใช่ภาษา ไม่ถูกต้องครับ ขอบคุณสําหรับ ข้อปรับปรุงตัวนะครับ
โดยคุณ falcon4956 เมื่อวันที่ 28/02/2010 00:45:14


ความคิดเห็นที่ 22


ผมก็ว่ามันดีอยู่นะครับData link ผมว่าดีว่าไม่มี ^_^

ถึงยังไงจะมีหรือไม่มีถ้าเกิดสถานการขึ้นจริงๆ

มีไม่มีก็ต้องสู้อยู่ดีครับ ถึงวันนั้นก็จะรู้เองว่ามันมีประโยชน์หรือไม่

ก็มีอยู่เท่านี้ก็สู้เท่านี้แหละครับ

 

 

ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ

 

โดยคุณ OMAGA เมื่อวันที่ 28/02/2010 08:06:04


ความคิดเห็นที่ 23


ขอบคุณคุณ falcon4956 ครับที่เข้าใจครับ ยังไงขอความกรุณาคุณ  YUKIKAZE ด้วยนะครับ ภาษาไทย เขียนให้ถูก ไม่ใช่เรื่องยาก ขึ้นอยู่กับว่าจะทำหรือเปล่านะครับ
โดยคุณ Skyman เมื่อวันที่ 28/02/2010 08:11:35


ความคิดเห็นที่ 24


DataLink กับไทยคม ไหวป่าว ผมของตั้งโครงการครับ

พอดีเป็นนักพัฒนาซอฟแวร์

อยากช่วยจัง

โดยคุณ agachart เมื่อวันที่ 01/03/2010 04:57:01


ความคิดเห็นที่ 25


ถ้า Gripen ปิดเรดาร์ตัวเองแล้วไป Datalink เรดาร์จาก   ERICEYE  นั้นก็จะทำให้ Gripen มองเห็น Su  ได้ ไกลเท่า ERICEYE แล้วใช้ BVR ยิง METEOR จากข้อมูลของ ERICEYE ที่ระยะไกลสุด มาก กว่าร้อย กิโล จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าทำได้ ผมว่า SU 35 , T50, F 22   ก็เถอะ จอดไม่ต้อแจวเลย
โดยคุณ qpalzm เมื่อวันที่ 01/03/2010 10:56:40


ความคิดเห็นที่ 26


เรื่อง link ดาวเทียมทำได้ ครับ แต่คงไม่ใช่กับ ไทยคม 
ถ้า กองทัพ จับมือ ม. มหานคร ทำ ดาวเีทียม วงโคจรต่ำ ก็น่าจะ เป็นดาวเทียมทางทหารได้นะครับ 
โดยคุณ u3616234 เมื่อวันที่ 03/03/2010 05:47:57


ความคิดเห็นที่ 27


SU 35 , T50, F 22   ก็เถอะ จอดไม่ต้อแจวเลย <<<<<< อ่ะๆอย่ามั่นใจนักเชียว ท่าเกิด เอสยู35มีเรดาห์ที่ทรงพลังกอปรอาวุธต่อต้านเอแวคเข้า(ที่พี่หมีวิจัยอยู่อัดได้ตั้ง300+กิโลเมตร)จะเห็นได้ว่าระยะตรวจจับเค้าไกลมากแน่ๆ(แต่ยังคงเห็นน้องยาสเราในระยะต่ำ RSCต่ำส่ะอย่าง) ส่วน PAK-FA กับ F-22 เค้าเป็นเครื่องบินมีความคุณสมบัติด้านล่องหน และมี DATALINK ด้วยสิ  สิ่งที่เราทำได้เขาก็ทำได้และ......อาจจะดีกว่า - -/ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ อย่าเอามายึดถือน่ะครับ
โดยคุณ ลมหมุนวน เมื่อวันที่ 03/03/2010 20:45:36


ความคิดเห็นที่ 28


หุหุ....มีดีกว่า ไม่มี   นะครับ....

โดยคุณ CAPT.TOM เมื่อวันที่ 06/03/2010 08:58:35