วันจักรี : วันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์

วันจักรี : วันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์

การจัดงานวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ หรือที่นิยมเรียกว่า วันจักรี นั้นเพื่อระลึกถึงวันที่พระพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ ทรงปราบดาภิเษกขึ้นเป็นปฐมบรมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี เมื่อวันที่ ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๓๒๕

พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีพระอัจฉริยภาพไม่ว่าจะเป็นด้านการสงคราม ศาสนา การปกครอง และด้านศิลปวัฒนธรรม รวมถึงทรงเป็นผู้ก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นเป็นราชธานีใหม่ และทรงฟื้นฟูบ้านเมืองในทุกด้านทุกสาขา ไม่ว่าจะเป็นการสร้างพระบรมมหาราชวัง วัดพระศรีรตนศาสดาราม ขุดลอกคูคลอง วัดวาอารามต่างๆ ทั้งที่สร้างขึ้นมาใหม่และ

ที่ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์ การป้องกันประเทศและทรงฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมในด้านสาขาต่างๆ ได้แก่ สถาปัตยกรรม วรรมกรรม งานช่างประดับมุก งานช่างเขียน งานแกะสลัก เป็นต้น ด้วยมีพระราชหฤทัยที่จะฟื้นฟูประเทศขึ้นมาให้มีความรุ่งเรืองสง่างามเท่าเทียมกับกรุงศรีอยุธยาราชธานีเก่าซึ่งนับว่าเป็นความยากลำบากอย่างมาก ต้องอาศัยทั้งพระปรีชาสามารถและทรัพย์สินเงินทองจำนวนมากแต่ก็

สามารถทำให้สำเร็จลงได้ ดังนั้น เนื่องในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี จึงได้มีการถวายพระราชสมัญญาว่า มหาราช ต่อท้ายพระนามาภิไธย ด้วยประชาทั้งหลายนั้นได้สำนึกในพระมหา

กรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่เป็นพระคุณอย่างยิ่งต่อแผ่นดินไทย

การจัดงานวันจักรี มีขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๑ โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงให้อัญเชิญพระบรมรูปของพระมหากษัตริย์ทั้ง ๕ พระองค์ อันได้แก่

พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕

จากพระที่นั่งศิวาลัยมหาปราสาท มาประดิษฐาน ณ ปราสาทเทพบิดร เพื่อให้ประชาชนได้เข้ามาสักการะบูชา และถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติมาจนทุกวันนี้ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๗๕ เนื่องในวโรกาสฉลอง

กรุงรัตนโกสินทร์ครบรอบ ๑๕๐ ปี พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ทรงมีพระราชดำริที่จะสร้างอนุสรณ์เพื่อเป็นประโยชน์แก่ประชาชนส่วนรวม จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้

สร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นและพระราชทานชื่อว่า สะพานพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พร้อมกับโปรดเกล้าฯให้สร้างพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช

ขนาดใหญ่กว่าพระองค์จริงถึง ๓ เท่า ในลักษณะประทับนั่งบนพระที่นั่งทรง พระหัตถ์ขวาทรงพระแสงดาบ ในบริเวณดังกล่าว และเมื่อถึงวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ ก็จะมี
การจัดงาน ณ บริเวณลานด้านพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชจวบจนปัจจุบัน

พระราชกรณียกิจ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช

เนื่องจากทรงเป็นองค์ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี จึงมีพระราชภารกิจที่มากมายหลายประการในเวลาเดียวกันและทรงตั้งพระราชปณิธานที่แน่วแน่ว่า ตั้งใจจะอุปถัมภ์ภกยอยกพระพุทธศาสนา จะป้อง

ขอบขัณฑสีมา รักษาประชาชนแลมนตรี พระองค์ทรงประกอบพระราชกรณียกิจหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการป้องกันประเทศ ฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรม สถาปนาราชธานีใหม่ สร้างพระบรม

มหาราชวัง และทรงทำนุบำรุงพระศาสนาเป็นอย่างมากและเกิดผลต่อมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ ได้แก่

ประการที่ ๑ ทรงชำระและสถาปนาพระเถรานุเถระชั้นผู้ใหญ่ให้ดำรงสมณศักดิ์รับผิดชอบศาสนจักรให้รุ่งเรืองต่อไป และได้ทรงตราพระราชกำหนดกฎหมายกวดขันความประพฤติของพระสงฆ์ไว้อย่าง

เคร่งครัด

ประการที่ ๒ โปรดให้มีการสังคายนาพระไตรปิฎกเป็นครั้งที่ ๑๐ ในพระพุทธศาสนา ให้ถูกต้องบริบูรณ์เป็นหลักในการศึกษาค้นคว้า เมื่อชำระพระไตรปิฎกเสร็จให้จารึกลงในใบลานเป็นอักษรขอม และ

ได้พระราชทานให้กับพระอารามต่างๆ

ประการที่ ๓ มีพระราชศรัทธาก่อสร้างและซ่อมแซมปฏิสังขรณ์พระอามรามน้อยและใหญ่ไว้เป็นอันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการสถาปนาวัดพระศรีรัตนศาดาราม วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดสุ

ทัศน์เทพวราราม และโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระเจดีย์ศรีสรรเพชญ์ ขึ้นในวัดพระเชตุพนฯ เพื่อบรรจุซากพระพุทธรูปศรีสรรเพชญ์ดาญาณที่พม่าเผาลอกเอาท้องหุ้มไป
ดังนั้น เนื่องในวันจักรี ที่จะเวียนมาถึง ซึ่งตรงกับวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๕๒ ศูนย์ประชาสัมพันธ์วัฒนธรรม สำนักงานคณะกรรมวัฒนธรรมแห่งชาติ จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนชาวไทยทุกคนร่วมทำ

กิจกรรมในวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ (วันจักรี) โดยร่วมกันทำบุญตักบาตรเพื่ออุทิศถวายแด่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และร่วมในพิธีวางพวงมาลาบริเวณหน้าพระบรม

ราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พร้อมกับชมนิทรรศการพระราชกรณียกิจต่างๆ อันเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อราชวงศ์จักรี ที่ทุกพระองค์ทรงมีคุณูปการต่อ

ประเทศเป็นอเนกอนันต์ อย่างหาที่สุดมิได้

ที่มา :http://www.culture.go.th/knowledge/study/2552/8.pdf