มีความเป็นไปได้แค่ไหนครับที่ ทอ.ไทยจะซื้อ saab 340 aew เพิ่มเติมอีก และ gripen ฝูง 2 มีโอกาสมากน้อยแค่ไหนครับ
ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ
gripen น่าจะมีมาเพิ่มครับแต่ไม่รู้กี่ลำ
90% ทอ.น่าจะมี Gripen 39 C/D เพียง ๑ ฝูงบินเท่านั้นครับ....โดยจำนวน จะอยู่ที่ ๑๔ เครื่อง มาตรฐาน ทอ.สวีเดน หรือ ๑๘ เครื่อง มาตรฐาน ทอ.ไทย....คงต้องลุ้น
ส่วนฝูง ๒ อย่าไปลุ้นให้มีเลยครับ....ทุกวันนี้...ทอ.ซื้อกิปเปน แต่ ล็อคฮีต เขาไม่บ่นอะไรที่ ทอ.ไทย ไม่ซื้อ F-16 เพราะเขาหวังว่าจะได้เสนอโครงการ F-35 นั่นเอง...
แล้วถามใจเราว่า...ถ้าอยู่ๆ มีเงิน แล้วมีโอกาส...ระหว่างซื้อ กิปเปน อีกฝูง....กับ...มีเงินซื้อ F-35 ครับ....ผมเอาแบบหลังดีกว่า...ฮ่าๆๆๆ
ขอถามท่านท้าว
ต่อให้ gripen ราคาใกล้ๆกับ F-35 แล้วระบบป้องกัน ประเทศที่ ทอ.ลงทุนไปเพื่อ support gripen(EW database,Data link,Ground Support)ทั่วประเทศ ไม่ต้องทำใหม่หมดหรอครับ หรือจะว่าจะค่อยคิดกันตอนนั้น ว่าจะปรับปรุงยังไง ว่าจะซื้อ gripen อีก หรือ f-35
อ้าว...ถ้างั้น ระบบ F-16 ที่ ทอ.ลงทุนไปทั่วประเทศ ก็ต้องนับหนึ่งใหม่เหมือนกันซิครับ...ฮ่าๆๆ....อย่าไปตกใจ...เอาเข้าจริงๆ...ผมว่า "เน้นภาคใต้ซะมากกว่า" ท่าน O.B. คิดแบบนี้...สงสัยต้องปลด F-5, F-16 เพื่อเปลี่ยนไปใช้กิเปน อีก ๕ ฝูงถึงจะคุ้มกับการลงทุนซิครับ...ไม่ใช่หรอกครับ...มีไว้ทั้งประเทศ แต่ย้ายเครื่องที่มี...ไปได้ทุกที่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ครับ......อย่างน้อยวันนี้...โรงเก็บใหม่ซองจอดใหม่ๆ ถ้าจะสร้าง...เขามองถึงว่า F-22 ต้องจอดซ่อมบำรุงได้ด้วยครับ....แค่เตรียมไว้ก่อน..
ถึงวันนั้น ผมไม่กลัวว่า F-35 จะมาตัวเปล่าครับ...อย่างน้อย แอมราม(สวีเดน) ไซด์ไวด์เดอร์(สวีเดน) ไพธ่อน ๔ ไพธ่อน ๕ ก็คงมีเต็ม ทอ.แล้ว..เหลือแต่เครื่องบินต่างหากครับ...
ไม่ต้องไปหวังลมๆแล้งๆกับ f35 หรอกครับ จากตอนนี้ถึงตอนที่หา บข.ใหม่เพิ่มอีก 1 ฝูง เราก็คงยังไม่มีเงินถึงขั้นไปซื้อ f-35 ได้แน่นอน
เพราะราคาค่าตัวเปล่าตอนนี้เกิน 2 เท่าของราคาที่ตั้งไว้ตอนแรกแล้ว
นี้แค่กว่าจะได้ gripen ก็เหนื่อยกันขนาดนี้แล้ว f-35 ก็คงเลือนลางแล้ว หรือถ้าได้คงได้ประมาณมือสองเหมือน adf (ขั้นต่ำ 20 ปี)
คิดว่า ฝูงที่ 2 ของ gripen มาแน่อาจจะเป็น NG ด้วย แล้ว ทอ.คงเอาเงินที่เหลือไปซื้อหมัดเด็ดมาเก็บไว้มากกว่า
ผมเห็นด้วยกับท่านเท้าครับ ที่ว่าฝันลมๆแล้งมันก็มากเกินไปครับ ทำไมเราไม่คิดในกลับกันบ้างอีก 5 ปีข้างหน้าขนาดเศรษฐกิจของบ้านเราต้องโตมากกว่านี้แน่นอน GDP เพิ่มงบกลาโหมก็เพิ่ม(ยิ่งมีข่าวว่าจะมีการเพิ่มงบกลาโหมใหม่เป็น 2 % ของ GDP แต่ปี 54 อยู่ที่ 1.6-1.7% ครับ) ยิ่งปีนี้แค่ต้นปีดัชนีตลาดหุ้นก็ทดสอบที่ 800 จุดเรียบร้อยท่ามกลางเหตุการณ์การเมืองยังไม่สงบยังวิ่งได้ขนาดนี้แสดงว่านักธุรกิจต่างชาติยังเชื่อมั่นประเทศเราอยู่ครับดูถ้าจากตัวเลขการเข้าซื้อของนักลงทุนต่างชาติแค่ไตรมาตรแรกของปีนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิไปแล้วกว่า 50000 ล้านบาทเลยทีเดียว (จะเข้า 60000 แล้วคับ) ซึ่งเป็นไปได้ยากมากครับแต่ก็เป็นไปแล้ว ในทางกลับกันถ้าสงบหล่ะจะขนาดไหน(คิดเอาเองแล้วกันนะครับ)ยิ่งถ้าโครงการมาบตาพุตเสร็จเรียบร้อยเมื่อไหร่รับรองได้ว่าประเทศรอบๆบ้านเรามีหนาวครับ สำหรับ F35 คงไม่ได้เป็นเพียงแค่ความฝันครับ แต่อาจนานหน่อยแค่นั้นเองเพราะต้องรอให้ประเทศที่ร่วมโครงการประจำการให้หมดก่อน มาช้าดีกว่าไม่มาครับ
ถึงท่านท้าว ขอต่ออีกนิด มันคาใจ
1 อย่างที่เราทราบกันว่า Data link ของ บ.เมกานั้นตอนนี้ เป็น link 16 แต่ gripen ไม่ใช้ แน่นอนว่า gnd support ต้องให้รองรับซึ่งกันและกัน สถานีหนึ่งไม่ได้ถูกๆ ยังงั้นเรามีต้องสร้างสองสถานีคู่กันไปหรอครับ
2 F-5 F-16 ยังไม่มี link ยกเว้ณ link กันเอง เพราะอย่างนั้นก็ไม่น่าจะต้องการ gnd support
3 ผมว่าประเทศเราน่าจะ ซื้อแบบรวมการได้แล้วคือทุกส่วนสามารถใช้ติดต่อกันได้หมดทั้งประเทศทั้งบก เรือ อากาศ ไม่ใช้อันนั้นดี แต่ซื้อมาแล้วไม่สามารถใช้กับใครได้
4 ไม่ได้เถียงว่า f-35 ไม่ดี แต่ อะไรที่สามารถ link ให้ได้หมดทั้งประเทศ อย่าลืมว่าradar หนึ่งตัวก็คือ 1 sensor ถ้าขึ้นไปแล้วเห็นคนเดียวหรือในหมู่เดียว กับ ขึ้นไปแล้วส่งมาให้ตัวที่กำลังจะ takeoff เห็นด้วยอะไรจะมีประโยชน์กว่ากัน
5 ยังไม่รวม กับ EW database ที่ต้องปรับให้ใช่กับ บ.หลายแบบมากขึ้น นั้นหมายถึงจำนวนคนที่มากขึ้นจึงกลายเป็นกองทัพที่อ้วนเกินความจำเป็น
เรียนถามท่านท้าวแค่นี้ครับ
ก็ฝันลมๆแล้งๆจริงๆล่ะครับ ไม่ได้โม้ด้วย เรื่องหุ้นนี่ไม่ได้เกี่ยวกับเศรษฐกิจเลยครับจะขึ้นจะลงยังไงเงินมันก็ไหลไปที่นักลงทุนเป็นส่วนมากไม่ได้ไหลเข้ารัฐมากอย่างที่คิดครับ ภาษีที่ได้ส่วนมากมาจากภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวต่างหาก แล้วดูทุกวันนี้เกิดทั้งกรณีมาบตะพุดแล้วการท่องเที่ยวที่ง่อนแง่น
ที่เราสามารถซื้อ gripen ได้ทุกวันนี้เพราะมันมีปัจจัยทางการเมืองครับ เพราะมันมีเรื่องของบุญคุณเข้ามาเกี่ยว...
ลองดู timeline เศรษฐกิจที่แท้จริงครับ model ของผู้วิจัยเศรษฐกิจของม.ต่างๆสรุปมาดังนี้
1.จากการที่รัฐกู้เงินระดับนี้ บวกกับปัญหาที่กล่าวข้างต้น รัฐต้องทำการปรับลดงบประมาณส่วนที่ไม่จำเป็นลงเช่นการซื้ออาวุธไปประมาณ 5 ปีเพื่อใช้เงินกู้ให้หมด
2.ภายใน 10 ปีต่อไปนี้ประเทศจะสูญเสียศักยภาพในการแข่งขันเนื่องจากนักลงทุนถอนตัวไปประเทศเพื่อนบ้านที่ค่าจ้างถูกกว่า + เป็นมือปืนรับจ้างมานานไม่มีการ R&D การส่งออกก็สู้จีนได้ยากและไทยไม่สามารถนำทรัพยากรธรรมชาติที่มีค่ามหาศาลมาใช้ได้เนื่องจากกลุ่มต่อต้านทั้งหลาย ทรัพยากรมนุษย์ก็ไม่มีเพราะรัฐไม่ได้ให้การสนับสนุนเลย(ดูตัวอย่างนโยบายรถยนต์แห่งชาติสิครับ คิดมาเป็น 10ปี แต่ยังสู้เพื่อนบ้านไม่ได้เลย)
3.ปัญหาข้างต้นทำให้ไทยอยู่ในวังวนของเงินกู้ตลอดเวลาเพราะ cycle เศรษฐกิจของไทยอยู่ที่ 9 ปี ต้องกู้เงินมาแก้เศรษฐกิจตลอดเวลา ใช้เวลาชำระหนี้ 5-6 ปี มีเวลาเก็บเงิน 2 ปี มันจะไม่รวยสักที ในขณะที่ประเทศอื่นเขาสามารถใช้หนี้ภายใน 2 ปีเท่านั้น
4.สังเกตุง่ายๆเลยว่าตั้งแต่ต้มยำกุ้งเราก็กินแต่ของราคาถูกมาตลอดเพราะมันไม่มีเงินจริงๆและก็ยังไม่มีสัญญาณมาด้วยว่าเศรษฐกิจเราจะกลับไปฟู่ฟ่าได้อย่างยุคก่อนปี 40
ดังนั้นเราจึงไม่ควรมานั่งฝันว่าจะสามารถซื้อของสุดหรูอย่าง f-35 ที่มีแต่ตัวเปล่าและราคาแพง เอาเวลาไปนั่งคิดว่าจะซื้อของที่มันคุ้มราคาและเหมาะกับเราดีกว่าไหม
และผมไม่ชอบเลยที่ใครจะมาบอกว่าประเทศไหน มาบังคับให้เราซื้ออะไร(จริงหรือเท็จก็ไม่รู้) แต่มันทำให้คนอย่างผมและหลายๆคนสลดใจกับกองทัพมาก เพราะคุณต้องการจะบอกว่าทุกวันนี้มันเป็นความฝันที่กองทัพสามารถคิดได้เองและหลุดพ้นจากการเป็นทาสอเมริกันได้แล้ว
ปล.นอกจากว่าจะสามารถขุดคอคอดกระซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุดได้ ถ้าเป็นจริงจะซื้อเครื่องแพงแค่ไหน กี่ฝูงก็สามารถทำได้