๙ เมษายน ๒๕๕๓ "วันกองทัพอากาศ

 กำลังทางอากาศ เป็นนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่มีคุณลักษณะพิเศษ คือมีความรวดเร็ว ความอ่อนตัว ความแม่นยำ และมีพิสัยการปฏิบัติการระยะไกล ทำให้กำลังทางอากาศมีศักยภาพสูง สามารถชี้ผลแพ้ชนะ ของสงครามได้ในเวลาอันสั้น กองทัพอากาศจึงมีเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ ในการพัฒนาขีดความสามารถของกำลัง ทางอากาศ ให้สามารถปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ เพื่อพัฒนาประเทศชาติ และเพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชน

โดยในรอบปีที่ผ่านมา กองทัพอากาศได้ปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ ที่สำคัญ ดังต่อไปนี้

กองทัพอากาศเพื่อราชบัลลังก์

นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้า ฯพระบรมราชินีนาถ และบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ได้ไว้วางพระราชหฤทัยให้กองทัพอากาศสนองเบื้องพระ ยุคลบาท ด้วยการนำเสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพระราชกรณียกิจ ด้วยอากาศยานของกองทัพอากาศ ในการนี้ กองทัพอากาศ ได้จัดถวายอากาศยานที่มีสมรรถนะและความปลอดภัยสูงสุด สมพระเกียรติ รวมถึงมีความเหมาะสมต่อการปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่ต่าง ๆ บรรจุเข้าประจำการเป็นเครื่องบินพระราชพาหนะ

โดยในปี ๒๕๕๒ กองทัพอากาศ ได้บรรจุเครื่องบินลำเลียงแบบที่ ๑๖ (ATR 72-500) เป็นเครื่องบิน พระราชพาหนะเครื่องใหม่ จำนวน ๑ เครื่อง เข้าประจำการ ณ ฝูงบิน ๖๐๓ กองบิน ๖ ดอนเมือง ซึ่งเครื่องบินแบบดังกล่าวมีสมรรถนะและขีดความสามารถตรงตามความต้องการ และเหมาะสมต่อภารกิจที่จะใช้งานมากที่สุด ใช้ระยะทางในการวิ่งขึ้น - ลงสนามบินสั้น จึงสามารถขึ้น – ลง สนามบินได้ทุกสนามบินในประเทศ มีระบบอิเล็กทรอนิกส์และระบบนำร่องที่ทันสมัย สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ระบบความปลอดภัยสูง อีกทั้งเป็นเครื่องบินที่มีสายการผลิตที่เชื่อถือได้ และมีใช้งานในสายการบินชั้นนำทั่วโลก

นอกจากนี้ กองทัพอากาศ ได้จัดตั้ง “ฝูงบินอิสระปฏิบัติภารกิจพิเศษ ๕๐๙” ณ สนามบินบ่อฝ้าย เพื่อถวายความปลอดภัย การสนองพระราชกรณียกิจ และการส่งกลับทางอากาศสายการแพทย์ ในกรณีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประทับ ณ พระราชวังไกลกังวล กองทัพอากาศสนองโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริกองทัพอากาศได้มีส่วนร่วมในการสนองโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริหลายโครงการ ที่สำคัญคือ โครงการฝนหลวง ซึ่งถือเป็นโครงการที่กองทัพอากาศได้ดำเนินการปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด กองทัพอากาศประสบความสำเร็จในการวิจัยและพัฒนา เครื่องบินโจมตีแบบที่ ๗ (ALPHA JET) ให้สามารถติดตั้งอุปกรณ์แผงเครื่องยิงพลุซิลเวอร์ไอโอไดด์ ซึ่งเป็นผลให้สามารถปฏิบัติภารกิจการทำฝนหลวงได้ในเมฆชั้นสูง หรือชั้นเมฆเย็น ที่ระดับความสูง ๒๐,๐๐๐ ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล และกองทัพอากาศได้น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวาย เครื่องบินโจมตีแบบที่ ๗ จำนวน ๒ เครื่อง แด่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว เพื่อทรงใช้ในการปฏิบัติภารกิจการทำฝนหลวงตามพระราชอัธยาศัย
เมื่อปี ๒๕๕๒ กองทัพอากาศได้สนับสนุนการปฏิบัติภารกิจการทำฝนหลวงทั้งสิ้น ๕๖๑ เที่ยวบิน คิดเป็น ๗๑๕.๘ ชั่วโมงบิน สามารถโปรยสารฝนหลวงได้ ๙๕๓.๖ ตัน ใช้พลุซิลเวอร์ไอโอไดด์ ๑๓๓ นัด และใช้พลุสาร ดูดความชื้น ๙๗ นัด และสำหรับในปี ๒๕๕๓ กองทัพอากาศได้กระทำพิธีส่งหน่วยบินปฏิบัติการฝนหลวง ออกช่วยเหลือพี่น้องประชาชนแล้วเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา โดยจัดเตรียมเครื่องบินสำหรับปฏิบัติภารกิจการทำฝนหลวง ๓ แบบ รวม ๑๒ เครื่อง วางกำลังที่ฐานบินของกองทัพอากาศทั่วประเทศ

ในด้านการใช้พลังงานทดแทนนั้น กองทัพอากาศได้สนองแนวทางพระราชดำริของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว โดยได้ดำเนินโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เข้าสู่ระบบการทำงานของสถานีโทรคมนาคมบ้านลาดช้าง อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี ซึ่งสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้เฉลี่ย ๑๐ กิโลวัตต์ แทนระบบกระแสไฟฟ้าจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ ๕๕ หน่วยต่อวัน โครงการดังกล่าวนับเป็นโครงการต้นแบบของกองทัพอากาศ ซึ่งสามารถประหยัดงบประมาณของประเทศชาติได้เป็นจำนวนมาก

กองทัพอากาศกับการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน

กองทัพอากาศ ได้จัดตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ เพื่อประสานงานและติดตามดูแล ให้ความช่วยเหลือแก่พี่น้องประชาชนที่ประสบความเดือดร้อนจากภัยธรรมชาติต่าง ๆ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง อาทิ อุทกภัย ภัยแล้ง ภัยหนาว เนื่องจากกำลังทางอากาศ มีความรวดเร็วและคล่องตัว จึงทำให้สามารถเข้าถึงและให้การช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที สามารถลดอัตราความเสียหาย และลดจำนวนผู้บาดเจ็บรวมถึงผู้เสียชีวิตได้อย่างมาก

กองทัพอากาศ โดยกรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ ยังได้จัดหน่วยมิตรประชากองทัพอากาศ ออกเยี่ยมเยียนให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับบริการทางด้านการแพทย์ การบริการทั่วไป รวมถึงความบันเทิงจากศิลปินนักแสดง โดยมีพี่น้องประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก

กองทัพอากาศ นอกจากจะมีความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนชาวไทยแล้ว กองทัพอากาศยังได้ระดมสรรพกำลังในการให้ความช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านที่ประสบภัยพิบัติต่าง ๆ โดยกองทัพอากาศ ได้จัดเครื่องบินลำเลียงนำสิ่งของอุปโภคบริโภค ยา เวชภัณฑ์ ข้าวสาร อาหารแห้ง ไปมอบแก่ ผู้ประสบความเดือดร้อนในนามของรัฐบาลไทย และกองทัพไทยในหลายเหตุการณ์ นับเป็นการใช้กำลังทางทหาร ในการปฏิบัติการด้านมนุษยธรรมและนำมาซึ่งความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ
กองทัพอากาศกับการรักษาความสงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในการแก้ไขปัญหา ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ กองทัพอากาศได้จัดตั้งกองกำลังทางอากาศเฉพาะกิจที่ ๙ ณ สนามบินบ่อทอง จังหวัดปัตตานี เพื่อรักษาความปลอดภัยสนามบินและใช้เป็นศูนย์ปฏิบัติการหลักในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ รวมทั้งสนธิกำลังเพื่อรักษาความปลอดภัยในพื้นที่รับมอบ โดยมีภารกิจหลักในการลำเลียง ทางอากาศ ลาดตระเวนทางอากาศ และลาดตระเวนทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อรักษาความสงบและแก้ไขปัญหา ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเป็นรูปธรรม

และจากการที่กองทัพอากาศ ได้ประสบผลสำเร็จในการติดตั้งอุปกรณ์ส่งสัญญาณภาพ Video และชุดส่งสัญญาณ GPS กับเครื่องบินลาดตระเวนทางอากาศที่มีกล้อง FLIR หรือ Forward Looking Infared ซึ่งทำให้สามารถส่งสัญญาณภาพจากเครื่องบินที่มีความสูงกว่า ๕,๐๐๐ ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล มายังชุดรับสัญญาณภาคพื้นในรัศมีไกลถึง ๑๕๐ กิโลเมตร และยังสามารถส่งข้อมูลภาพมาปรากฏยังศูนย์ปฏิบัติการกองทัพอากาศในส่วนกลางได้แบบ Real Time จากความสำเร็จดังกล่าว จึงได้มีการนำระบบนี้ไปใช้งานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกองทัพอากาศได้รับการร้องขอให้ดำเนินการบินลาดตระเวนถ่ายภาพทางอากาศทั้งเวลากลางวัน และกลางคืน แล้วส่งสัญญาณข้อมูลมายังหน่วยปฏิบัติงานภาคพื้น ทั้งนี้เพื่อเป็นการติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างแม่นยำ ทำให้เจ้าหน้าที่ภาคพื้นได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เกิดความเชื่อมั่นและปลอดภัยในการปฏิบัติการ รวมถึงเป็นการป้องปรามการกระทำของฝ่ายตรงข้ามได้อีกด้วย

นอกจากนี้ กองทัพอากาศยังได้จัดโครงการ “เยาวชนไทยใต้ฟ้าเดียวกัน” โดยได้นำเยาวชนในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไปทัศนศึกษายังภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ ปรับเปลี่ยนทัศนคติ บทบาท มุมมอง และความเข้าใจในการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสันติสุข ตามแนวทางพระราชดำริ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” และเพื่อรณรงค์ปลูกจิตสำนึกในความรักชาติ ความเสียสละ และเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม รวมทั้งเพื่อให้เกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนในชาติ โดยในปี ๒๕๕๒ กองทัพอากาศ ได้จัดโครงการเยาวชนไทยใต้ฟ้าเดียวกัน รวม ๙ รุ่น และโครงการผู้นำชุมชนสัมพันธ์ ๒ รุ่น มีผู้นำชุมชนรวมถึงเยาวชนจาก ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าร่วมโครงการเกือบ ๑,๐๐๐ คน และกองทัพอากาศ จะได้ดำเนินโครงการในลักษณะเดียวกันในปี ๒๕๕๓ ต่อไป
ก้าวต่อไปของกองทัพอากาศ

ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน กองทัพอากาศมุ่งหวังพัฒนากองทัพอากาศให้เป็น “กองทัพอากาศชั้นนำ ในภูมิภาค” (One of the Best Air Forces in ASEAN) ทั้งนี้ กองทัพอากาศได้กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนา ในระยะ ๑๒ ปี ตั้งแต่ปี ๒๕๕๑ – ๒๕๖๒ ไว้ ๓ ระยะ

โดยระยะที่ ๑ เริ่มจากการนำเทคโนโลยีดิจิตอลมาทดแทนระบบเก่าที่มีอยู่ หรือมุ่งก้าวเข้าสู่ความเป็นกองทัพอากาศดิจิตอล (Digital Air Forces) กำหนดห้วงเวลาในปี ๒๕๕๑ – ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่จะพัฒนาต่อไปสู่ระยะที่ ๒ คือเป็นกองทัพอากาศที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง (Network Centric Air Force) ในปี ๒๕๕๕ – ๒๕๕๘ และในระยะที่ ๓ เป็นกองทัพอากาศชั้นนำในภูมิภาค หรือ One of the Best Air Forces in ASEAN ในปี ๒๕๕๙ – ๒๕๖๒ ทั้งนี้เพื่อให้สามารถเผชิญกับภัยคุกคามยุคใหม่ในทุกรูปแบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ บนพื้นฐานของการพึ่งพาตนเองให้มากที่สุด

ในด้านการจัดหาอากาศยานเพื่อพัฒนาศักยภาพของกองทัพอากาศนั้น ตามยุทธศาสตร์การพัฒนา ขีดความสามารถของกำลังทางอากาศ กองทัพอากาศมุ่งเน้นที่จะสร้างกองทัพอากาศคุณภาพ โดยให้ความสำคัญกับสมรรถนะ ขีดความสามารถ และคุณภาพของกำลังรบมากกว่าปริมาณ กองทัพอากาศจึงได้พิจารณาจัดหาเครื่องบิน Gripen 39 C/D เพื่อทดแทนเครื่องบินขับไล่แบบ F-5B/E ฝูงบิน ๗๐๑ กองบิน ๗ ที่ใช้งานมานาน และต้องปลดประจำการในอนาคตอันใกล้เครื่องบิน Gripen 39 C/D เป็นเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์ยุคที่ ๔.๕ มีความอ่อนตัวและคล่องตัว สามารถปฏิบัติภารกิจได้หลากหลายรูปแบบเมื่อประกอบเข้ากับระบบบัญชาการและควบคุม นอกจากนั้นยังมีขีดความสามารถรองรับความต้องการทางยุทธการในการปฏิบัติการทางอากาศในสงครามยุคข้อมูลข่าวสาร เช่น การใช้อาวุธสมัยใหม่ที่มีความแม่นยำสูงและมีพิสัยการยิงไกล ขีดความสามารถด้านสงครามอิเล็กทรอนิกส์ และการปฏิบัติการที่ใช้ระบบเครือข่ายเป็นศูนย์กลาง กองทัพอากาศวางแผนที่จะบรรจุเครื่องบิน Gripen 39 C/D จำนวน ๑๒ เครื่อง ณ ฝูงบิน ๗๐๑ กองบิน ๗ โดยมีภารกิจหลัก ประกอบด้วย การป้องกันทางอากาศ การปฏิบัติการร่วมกับเหล่าทัพอื่นและการคุ้มครองผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ซึ่งกองทัพอากาศได้ดำเนินการจัดหาเครื่องบิน Gripen 39 C/D จำนวน ๖ เครื่อง เข้าประจำการตามโครงการจัดซื้อระยะที่ ๑ โดยจะได้รับมอบในปี พ.ศ.๒๕๕๔ และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้กองทัพอากาศดำเนินการจัดหาเพิ่มเติมอีกจำนวน ๖ เครื่อง ในโครงการจัดซื้อระยะที่ ๒ แล้วเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๓

กองทัพอากาศขอยืนหยัดที่จะพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันหลักของประเทศชาติและการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อีกทั้งจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ มุ่งมั่นในการพัฒนากองทัพอากาศอย่างต่อเนื่อง เพื่อปกป้องคุ้มครองน่านฟ้าไทย รักษาผลประโยชน์ของชาติ ธำรงไว้ซึ่งเอกราชอธิปไตย สนับสนุนการพัฒนาประเทศ การแก้ไขปัญหาสังคมและช่วยเหลือประชาชน เพื่อให้เกิดความสงบสุข และบังเกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติตลอดไป