หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


ผู้นำเกาหลีเหนือเยือนจีน อาจหวนคืนสู่เจรจา6ฝ่าย

โดยคุณ : nok เมื่อวันที่ : 04/05/2010 20:29:37

สำนักข่าวยนฮัพของเกาหลีใต้รายงานว่า เชื่อว่านายคิม จอง-อิล ผู้นำที่ทำตัวสันโดษของเกาหลีเหนือ อยู่ระหว่างเดินทางไปเยือนจีน รายงานซึ่งอ้างแหล่งข่าวทั้งในกรุงโซลและที่ปักกิ่งระบุว่า ขบวนรถไฟหุ้มเกราะที่มีทั้งหมด 17 ตู้ ได้แล่นข้ามแม่น้ำยาลู พรมแดนระหว่างเกาหลีเหนือกับจีน ไปยังเมืองต้านตุง เมื่อเวลา 05.20 น.ตามเวลาในท้องถิ่น หรือราว 01.20 น.ตามเวลาในไทย ท่ามกลางการอารักขาความปลอดภัยที่เข้มงวด ปิดเส้นทางทั้งหมดที่เชื่อมกับสถานีรถไฟแห่งนี้ ซึ่งเชื่อว่าขบวนรถของนายคิมได้มุ่งหน้าสู่เมืองท่า ต้าเหลียน ที่อยู่ทางตะวันออก และตัดตรงเข้าสู่กรุงปักกิ่ง
เจ้าหน้าที่ข่าวกรองเกาหลีใต้ยืนยันว่า ขบวนรถไฟจากเกาหลีเหนือถึงเมืองต้านตุงแล้วในวันนี้ แต่อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีนายคิมอยู่ในขบวนรถหรือไม่ ด้านนักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า ถ้าการเดินทางนี้ได้รับการยืนยัน จีนอาจกดดันนายคิมให้หวนคืนสู่การเจรจา 6 ฝ่าย เพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ที่จีนเป็นเจ้าภาพ เพื่อแลกเปลี่ยกับความช่วยเหลือที่เกาหลีเหนือจำเป็นต้องได้รับ ทั้งนี้จีนได้ชื่อว่าเป็นพันธมิตรสำคัญหนึ่งเดียวของเกาหลีเหนือ เป็นแหล่งอาหารและเชื้อเพลิงหลัก ถูกมองว่าเป็นเพียงไม่กี่ชาติที่สามารถกดดันเกาหลีเหนือได้ แต่การอับปางอย่างปริศนาของเรือรบเกาหลีใต้เมื่อเดือนมีนาคม ได้บดบังโอกาสที่จะตั้งโต๊ะเจรจากันอีก เพราะเกาหลีใต้ค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นผลมาจากการถูกโจมตีด้วยตอร์ปิโดของเกาหลีเหนือ
ตำรวจจีนราว 200 นาย ได้ประจำการที่สถานีรถไฟต้านตุง ขณะที่แหล่งข่าวทางการทูตระบุว่า รถไฟขบวนนี้จะมุ่งหน้าไปยังเมืองต้าเหลียน ซึ่งใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง แต่ไม่แน่ชัดว่า ทำไมจึงต้องแวะที่ต้าเหลียน แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่า เกาหลีเหนือต้องการศึกษาการดำเนินการท่าเรือ เพื่อเอาไปพัฒนาท่าเรือราชิน ที่ตั้งอยู่บริเวณพรมแดนจีนกับรัสเซีย
นายคิม ซึ่งไม่ชอบการเดินทางโดยทางอากาศ ไปเยือนจีน 4 ครั้งแล้ว นับตั้งแต่ปี 2543 การเดินทางเที่ยวสุดท้ายเมื่อเดือนมกราคม 2549 ถูกเก็บเป็นความลับสุดยอด กระทั่งเขาเสร็จสิ้นการเดินทาง

http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?lang=th&newsid=446125




ความคิดเห็นที่ 1


ผู้นำเกาหลีใต้พูดป็นนัยว่าเกาหลีเหนือโจมตีเรือรบโชนัน


ประธานาธิบดีลี มยอง บั๊ค ของเกาหลีใต้ ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า เกาหลีเหนือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการอับปางของเรือรบเกาหลีใต้ ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 46 คน พร้อมสั่งให้ยกระดับการรักษา
ความปลอดภัยเพื่อรับมือกับภัยคุกคามข้ามชายแดน ซึ่งความเห็นของประธานาธิบดีลี เข้าใกล้อย่างมากที่สุดกับการประนามเกาหลีเหนือ ในเหตุระเบิดที่ทำให้เรือรบ โชนัน ของเกาหลีใต้ ฉีกออกเป็นสองท่อน ใกล้กับน่านน้ำที่พิพาทกันอยู่ เมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา
ประธานาธิบดีลี เป็นประธานการประชุมที่จัดขึ้นอย่างกระทันหัน ระหว่างประธานาธิบดีกับบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยงานในกองทัพ เขาระบุว่า เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า เรือโชนันไม่ได้จมเพราะอุบัติเหตุทั่วไป เขาคิดว่าเป็นประเด็นระหว่างประเทศที่ร้ายแรง ที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลี และเขาได้ออกคำสั่งให้มีการตรวจหาสาเหตุผ่านทางการร่วมมือระหว่างประเทศด้วย
ผู้นำเกาหลีใต้ ยังได้ประกาศแผนการตั้งหน่วยงานที่จะมาดูแลรับผิดชอบด้านความมั่นคงแห่งชาติ ภายใต้การบัญชาการโดยตรงของเขา และมีการตั้งตำแหน่งใหม่ คือ เลขาธิการพิเศษเพื่อความมั่นคงแห่งชาติ ทั้งนี้ ได้เกิดข้อสงสัยในประเด็นที่ว่า เรือรบขนาด 1,200 ตัน ถูกโจมตีด้วยตอร์ปิโด ที่ยิงโดยฝ่ายเกาหลีเหนือ ที่ยังคงยืนกรานปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้อง ขณะที่นายคิม แต-ยัง รัฐมนตรีกลาโหมเกาหลีใต้ กล่าวว่า เป็นการโจมตีที่ไม่คาดฝันต่อเรือโชนัน ที่แสดงให้เห็นช่องโหว่ด้านการทหารของชาติ และวันที่ 26 มีนาคม คือ วันแห่งความอับอายของกองทัพเกาหลีใต้
http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?lang=th&newsid=446431

โดยคุณ nok เมื่อวันที่ 04/05/2010 09:29:37


ความคิดเห็นที่ 2


สหรัฐเผยครั้งแรกปัจจุบันมีหัวรบนิวเคลียร์ 5,113 หัวรบ

กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เปิดเผยเป็นครั้งแรกเมื่อวันจันทร์ว่า นับจนถึงวันที่ 30 กันยายน ปี 2552คลังแสงอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯประกอบด้วยหัวรบนิวเคลียร์ 5,113 หัวรบ ซึ่งจำนวนนี้รวมทั้งขีปนาวุธชนิด"แอคถีฟ"ที่พร้อมจะประจำการภายใต้การแจ้งเตือนเพียงช่วงสั้น กับชนิด"อินแอคถีฟ"ที่เก็บรักษาไว้ในที่เก็บโดยมีสถานภาพยังไม่อาจใช้งานได้ (non-operational status) แต่ไม่รวมหัวรบที่มีกำหนดจะถูกทำลาย
ครั้งนี้ นับเป็นความเคลื่อนไหวที่ไม่เคยมีมาก่อนของทางกระทรวง ที่มีเป้าหมายจะส่งเสริมความพยายามควบคุมอาวุธ เพราะครั้งล่าสุดก่อนหน้านี้ที่กระทรวงกลาโหมเปิดเผยรายละเอียดของคลังแสง คือเมื่อปี 2536 ซึ่งก็เป็นการเปิดเผยตัวเลขที่ย้อนหลังไปไกลตั้งแต่ปี 2504
ตัวเลขที่เปิดเผยในครั้งนี้ ลดลงร้อยละ 84 จากปริมาณสูงสุดที่เคยมีในคลังแสงมากถึง 31,255 หัวรบเมื่อปี 2510 ซึ่งอยู่ในช่วงสงครามเย็น และลดลงร้อยละ 75 จากเมื่อปลายปี 2532 ตอนทลายกำแพงเบอร์ลิน
http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?lang=th&newsid=446255
โดยคุณ nok เมื่อวันที่ 03/05/2010 23:26:52