ถ้าเอ่ยถึงยุทธนาวีในสมัยสงครามโลกครั้งที่
ทางด้านยุโรปแถบมหาสมุทรแอตแลนติกส่วนใหญ่จะนึกถึง
การรุมถล่มเรือประจัญบานบิสมาร์คมากกว่า

แต่มีอยู่เหตุการณ์นึงซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ผมมองว่าเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญมากแต่ส่วนมากคนมักจะมองข้ามหรือบางคนแทบจะไม่รู้เรื่องเลยกับเหตุการณ์นี้
เพราะเป็นการกระทำที่ถือว่ายอดเยี่ยมมากของกองทัพเรือเยอรมัน
และเป็นการกระทำที่เหมือนเหยีบหน้าอังกฤษ ที่หน้าบ้านของอังกฤษเอง
ซึ่งกองเรือของเยอรมันได้แล่น ฝ่าช่องแคบอังกฤษโดยที่อังกฤษกว่าจะรู้ตัวก็สายเกินไป
เพราะกองเรือได้แล่นฝ่าไปได้อย่างเรียบร้อยแล้ว
ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ไมเคยมีข้าศึกของอังกฤษทำมาได้ก่อนเลยในรอบ 300
ปี
การกระทำครั้งนี้ ถือว่าเป็นการวางแผนที่ยอดเยี่ยมของฝ่ายเยอรมัน
โดยที่กองเรือที่แล่นฝ่าเข้าไปใกล้อังกฤษนั้น มีเรือประจัญบานอยู่ถึง 2 ลำ
ซึ่งและเรือลาดตระเวณ 1 ลำซึ่งเรือทั้ง 3
ลำนั้นสัมพันธมิตรต่างหาทางที่จะจมให้ได้มาตั้งนานแล้วโดยเรือทั้ง3 ลำนี้ประกอบด้วย
เรือ ประจัญบานSharnhorst


เรือประจัญบานGneisenau

และเรือลาดตระเวณหนัก Prinz Eugen


ซึ่งเรือทั้ง
3ลำก่อนหน้านี้ได้เข้าไปจอดที่เมืองเบรสต์ประเทศฝรั่งเศส
เพื่อจะหาโอกาสเล็ดลอดไปสู่มหาสมุทรแอตแลนติก
พอฝ่ายสัมพันธมิตรรู้ข่าวหลังจากที่ค้นหาอยู่ตั้งนานเพราะอยู่ดีทั้งเรือSharnhorstและเรือGneisenauได้หายไปเฉยๆหลังจากได้ทำการรังควานเรือพาณิชย์ของอังกฤษ
อยู่ 2เดือน โดยอังกฤษเสียเรือไป 20 ลำ น้ำหนักรวมแล้วกว่าแสนตันเศษ แต่พอปลายเดือน
ก.พ. 1941 ก็หายไปเฉยๆ โดยเรือทั้ง 2 ลำได้เข้าไปเทียบท่าทีเมืองเบรสต์และเรือPrinz
Eugenก็ติดตามเข้ามาด้วย
พอฝ่ายสัมพันธมิตรรู้ข่าวก็ได้ส่งฝูงบินเข้ามาปูพรมทิ้งระเบิดทุกค่ำคืน
แต่เรือรบของเยอรมันก็ไม่ได้รับความเสียหายเท่าไหร่
แต่ฮิตเลอร์นั้นต้องการให้เรือทั้ง 3ลำนี้
ไปประจำการที่นอร์เวย์เพื่อป้องกันการบุกนอร์เวย์ แต่ทางฝ่าย
พลเอกเรเด้อร์ผู้บัญชาการทหารเรือเยอรมันไม่เห็นด้วย เพราะต้องการให้เรือทั้ง
3นี้ไปรังควานเรือข้าศึกที่มหาสมุทรแอตแลนติกเพราะเห็นเป็นประโยชน์มากกว่า
แต่ฮิตเลอร์ไม่เห็นด้วยเพราะการเสียบิสมาร์คไปทำให้ฮิตเลอร์ไม่อยากเสียเรือรบขนาดหนักอีก
และเรือรบทั้ง 3 ลำนี้จอดเทียบท่าอยู่ 8 เดือน และโดนฝูงบินมาถล่มเกือบ 300
ครั้งคิดเป็นน้ำหนักระเบิดถึง 4,000ตันแล้ว
การเดินทางไปนอร์เวย์ถ้าเดินทางไปทางเหนืออ้อมสก็อตแลนด์
ระยะเดินทางก็อยู่ในรัศมีของเครื่องบินฝ่ายข้าศึกและอาจเผชิญหน้ากับกองเรืออังกฤษที่มีกำลังเหนือกว่าและฝ่ายอังกฤษก็ส่งเครื่องบินลาดตระเวณตรวจดูทางออกอย่างสม่ำเสมอเพื่อที่จะทราบความเคลื่อนไหวของกองเรือเยอรมัน
หรืออีกทางคือแล่นฝ่าช่องแคบอังกฤษทั้งๆที่เป็นการเสี่ยง
แต่การเดินทางที่ข้าศึกนึกไม่ถึงว่าจะกล้าทำ
จะทำให้การต่อต้านหย่อนลงไป
ซึ่งฮิตเลอร์ตัดสินใจที่จะใช้วิธีแล่นฝ่าช่องแคบอังกฤษ
ซึ่งแผนการนี้ไม่เคยมีข้าศึกของอังกฤษรายใดที่ทำมาก่อนในรอบ
300 ปี
โดยจะเป็นการปฎิบัติงานร่วมกันระหว่างกองทัพเรือเยอรมันและกองทัพอากาศเยอรมันซึ่งการปฏิบัติการนี้เป็นการรักษาความลับอย่างมากแม้กระทั่งระดับผู้ปฏิบัติการยังไม่ทราบว่าจะต้องทำอย่างไร
โดยเริ่มจากการกวาดทุ่นระเบิดจากเมืองเบรสต์ไปตามชายฝั่งทะเล ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม
ฮอลแลนด์ไปจนถึงเยอรมันโดยที่เรือกวาดทุ่นระเบิดแล่นสลับเป็นฟันปลาในลักษณะที่สับสน
และกำหนดการเดินเรือคือวันที่
11 ก.พ. 1942 เวลา 20.00 น.(จอดอยู่
1ปีเต็ม)โดยประมาณว่าจะถึงช่องแคบอังกฤษประมาณเที่ยงเพราะอังกฤษจะได้ไม่รู้ตัวว่า
กองเรือนี้ได้ออกจากฝรั่งเศสตั้งแต่ตอนกลางคืน
ซึ่งก่อนหน้านี้ทางเยอรมันได้หาวิธีที่จะก่อกวนเรดาร์ของอังกฤษตามชายฝั่งขัดข้องเป็นระยะสั้นๆ
จนอังกฤษชินกับการขัดข้อง แต่เวลา 19.30
ได้มีการทิ่งระเบิดของฝ่ายอังกฤษอีกครั้งแต่เรือทั้ง 3 ไม่ได้รับความเสียหาย
แต่ทำให้การเดินทางล่าช้าไป 2 ช.ม.แต่ได้เร่งความเร็วเพื่อชดเชยเวลาที่เสียไป
ซึ่งกองเรือที่แล่นผ่านช่องแคบอังกฤษนี้นอกจากเรือทั้ง
3ลำแล้วยังมีเรือคุ้มกันซึ่งประกอบด้วยเรือพิฆาต,เรือกวาดทุ่นระเบิด,เรือตอร์ปิโดร์(เรือE)
รวมกันแล้วกว่า 60 ลำ
และในเวลา 10.50
เครื่องบินลาดตระเวณของอังกฤษได้ตรวจพบกองเรือนี้และเวลา 11.15
น.กองเรือเยอรมันได้แล่นฝ่าทุ่งระเบิด
ซึ่งตอนแรกในลอนดอนพอได้รับรายงานนี้ก็ยังไม่ได้สนใจเท่าที่ควรเพราะมุ่งแต่สนใจในเรื่องความขัดขีช้องของเรดาร์
แต่เวลา 12.18 อังกฤษเริ่มไหวตัว
ปืนใหญ่โดเวอร์เริ่มยิงแต่กองเรือเยอรมันได้พ้นรัศมีของปืนแล้ว
ทางอังกฤษได้ส่งเรือตอร์ปิโดร์เข้าต่อสู้แต่ไม่เป็นผลและตามด้วยเครื่องบินชอร์ดฟิช

จำนวน
6ลำซึ่งติดตอร์ปิโดร์เข้าโจมตีโดยมีเครื่องบินสปิทไฟร์คุ้มกัน ซึ่งเครื่อง
ชอร์ฟิชทั้ง 6 ลำถูกยิงตกหมด โดยมี น.ต. ยูจีน เอชมอนด์
ซึ่งเคยเป็นผู้ปล่อยตอร์ปิโดร์ถูกหางเสือเรือบิสมาร์คอยู่ด้วย และ
น.ต.ยูจีนได้เสียชีวิตลงด้วย ซึ่งตอนนั้นทางฝ่ายเยอรมันได้มีฝูงบิน ME-109
เข้ามาคุ้มกันด้วย
หลังจากนั้นได้มีเครื่องบินและเรือตอร์ปิโดร์ของฝ่ายอังกฤษเข้ามาโจมตีแต่ไม่เป็นผลและฝ่ายอังกฤษได้สูญเสียเครื่องบินเป็นจำนวนมาก
จนเวลา 14.00
กองเรือเยอรมันก็ได้ผ่านพ้นบริเวณที่อันตรายที่สุดแต่ฝ่ายอังกฤษยังเข้าโจมตีอยู่เป็นระยะ
เวลา 15.17 กองเรือพิฆาตของอังกฤษได้เข้ามาโจมตีแต่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
จนเรือพิฆาตวูสเตอร์แทบจะจมลง แล้วกองเรือพิฆาตของอังกฤษก็ล่าถอย เวลา
15.28บริเวณชายฝั่งฮอลแลนด์เรือSharnhors
ซึ่งแล่นนำหน้าก็ชนทุ่นระเบิดจนเครื่องดับแต่อีก 20 นาทีต่อมาหลังจากซ่อมแซม
เรือได้กลับมาแล่นได้ตามเดิมแต่ยังถูกเครื่องบินของอังกฤษเข้าโจมตีแต่ไม่เป็นผลเพราะการคุ้มกันทางอากาศและการยิงอย่างแม่นยำของ
ปตอ.ประจำเรือ จนเวลา 18.15 เครื่องบินของอังกฤษได้เลิกจากการโจมตีและอีก 10
นาทีต่อมาฝูงบินของเยอรมันที่ได้ทำการคุ้มกันก็กลับสู่สนามบินที่เบลเยี่ยมและฝรั่งเศส
แต่เวลา 19.55เรือGneisenau ก็ชนทุ่นระเบิดบ้างแต่ได้รับการซ่อมแซม
และในที่สุดหลังเที่ยงคืนก็ได้เข้าสู่อ่าวเฮลิโกลันทและได้เข้าจอดเทียบท่าตอนเช้าซึ่งตามมาด้วยเรือPrinz
Eugen ส่วนเรือSharnhors เวลา
22.29ก็ชนทุ่นระเบิดอีกครั้งและกว่าจะซ่อมได้เป็นเวลาเที่ยงคืนและได้เข้าไปจอดที่
วิลเฮล์ม ชาเฟ่น
ซึ่งปฏิบัติการครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
ความเสียหายฝ่ายเยอรมันน้อยมากและเป็นการกระทำที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนในรอบ 300
ปี
ผมจึงชอบเหตุการณ์ในครั้งนี้มากแม้จะเป็นเสี้ยวเล็กๆของเหตุการณ์สำคัญๆในสงครามโลกครั้งที่
2 ก็ตาม
ข้อมูลนี้ส่วนใหญ่ผมจะนำมาจากหนังสือทะเลโหดของคุณ สุรพงษ์ บุนนาค
และจากแหล่งข้อมูลอื่นๆมาผสมรวมกันครับ
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=worason&month=02-2009&date=12&group=1&gblog=12( เก็บของเก่ามาหากินเพื่อขยับ บอร์ด 55555)
ความคิดเห็นที่ 1
ถ้าเป็นเรือดำน่ำก็ว่าไปอย่าง
นี่เรือประจัญบานลำเบ้อเริ่ม
งานนี้สงสัยโดนปลดตั้งแต่ ผบ.
โดยคุณ aeeclub เมื่อวันที่
04/05/2010 06:24:19
ความคิดเห็นที่ 2
งานนี้กองเรือ เสียหน้าอย่างรุนแรงเลยนะคับเนี้ย
เรือประจันบาญ กับกองเรือเกือบๆ 60 ลำ
แถมปล่อยให้หลุดมาในส่วนที่ตัวเองมั่นใจอีก
อย่างในสุภาษิตเลยแหะว่า
ที่ๆ อันตรายที่สุด คือ ที่ๆ ปลอดภัยที่สุด!!
โดยคุณ
YamatoJR 
เมื่อวันที่
04/05/2010 09:55:40
ความคิดเห็นที่ 3
อะไรก็เกิดขึ้นได้ในสงครามจริงๆ
ขอบคุณสำหรับความรู้ที่สำคัญๆอย่างนี้นะครับ
ขอบคุณมากครับ
โดยคุณ ZipDoZs เมื่อวันที่
06/05/2010 03:00:37