ปรินซ์ ออยเกนเรือที่ไม่ถูกจมในสงครามโลก
เป็นเรือที่มีชื่อเสียงมากอีกลำหนึ่งของเยอรมันในสมัย
สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นเรือประเภท เรือลาดตระเวนหนักครับ
ซึ่งเรือลำนี้อยู่ในชั้นแอดมิรัล ฮิปเปอร์
ซึ่งทางเยอรมันได้มีโครงการต่อเรือชั้นนี้ทั้งสิ้น 5 ลำ แต่สร้างเสร็จเพียง3ลำคือ
แอดมิรัล ฮิปเปอร์ , บลูเชอร์ และ ปรินซ์ ออยเกน อีกสองลำ คือ เซย์ดลิทซ์
ได้ยกเลิกการก่อสร้าง และอีกลำคือ ตซาว์ ได้ขายให้กองทัพเรือโซเวียตเมือปี1941
และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นเปรโตรปาฟลอฟต์
ซึ่งเรือชั้นนี้มีข้อมูลดังนี้
ระวางขับน้ำ---14,050ตัน-18,600ตัน
ยาว--210เมตร
สูง--21.8เมตร
กินน้ำลึก--7เมตร
เครื่องยนต์----เครื่องจักรไอน้ำกำลัง1แสนแรงม้า
ความเร็ว--32.5นอต
อาวุธ---- ปืน8นิ้ว 8กระบอก ปืนต่อสู้อากาศยาน105มม. 12กระบอก
ปืนต่อสู้อากาศยาน40มม. 6กระบอก ปืนต่อสู้อากาศยาน37มม. 12กระบอก ปืน20มม. 8กระบอก
ตอร์ปิโด21นิ้ว12นัด ทุ่นระเบิด 160ลูก
เกราะหนา--80-160มม.
พิสัยทำการ---8,000ไมล์ทะเลที่ความเร็ว20นอต
ถือว่าเป็นเรือที่มีประสิทธิภาพสูงมากในขณะนั้นครับและมีความคงทนค่อนข้างสูงเพราะการต่อเรือนั้นได้ใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากในสมัยนั้นคือการการเชื่อมประสานการด้วยไฟฟ้าแทนการที่จะใช้วิธีแบบย้ำหมุด
ประวัติการรบของเรือลำนี้ก็ไม่เบาครับ
ได้ปฏิบัติการร่วมรบกับเรืออีกลำที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้นมากคือเรือ
บิสมาร์คซึงเป็นเรือประจัญบาน
โดยการปฏิบัติการร่วมกันครั้งนั้นทำให้เรือรบที่มีชื่อเสียงของอังกฤษ คือเรือ
ฮู้ด
ซึ่งเป็นเรือลาดตระเวนประจัญบานอันมีชื่อและมีอานุภาพที่สุดของอังกฤษจมลงโดยการยิงชุดแรกของเรือบิสมาร์ค(แน่ละผู้บังคับการเรือเป็นอดีต
ผอ.โรงเรียนปืนใหญ่ของเยอรมัน)และช่วยกันทำให้เรือของอังกฤษอีกลำได้รับความเสียหายคือเรือ
ปริน์ ออฟ เวลส์
แต่หลังจากนั้นเรือปรินซ์ ออยเกน
ก็ได้รับคำสั่งให้ออกไปปฏิบัติการเป็นเรือรังควานกองเรือสัมพันธมิตรในมหาสมุทรแอตแลนติก
ส่วนบิสมาร์คนั้นต้องสู้กับกองเรือของอังกฤษตามลำพัง
จนผลสุดท้ายเป็นอย่างไรคงทราบกันอยู่( ความตั้งของของ
ผบ.กองเรือคือจะเอาบิสมาร์คไปหลบที่เมืองเบรสต์ในฝรั่งเศส)
ส่วนตัวนั้นผมคิดว่าถ้าเรือทั้ง 2 ยังปฏิบัติการร่วมกันในครั้งนั้น
กองเรือของอังกฤษคงเสียหายมากกว่านี้แน่และหลังจากนั้น เรือปรินซ์ ออยเกน
ก็ได้ปฏิบัติการในมหาสมุทรแอตแลนติก จนกระทั่งไปจอดที่เบรสต์
และนำไปสู่ปฏิบัติการที่แล่นฝ่าช่องแคบอังกฤษไปได้ หลังจากนั้นในช่วงปลายสงคราม
วันที 20 ส.ค. 1944 เรือปรินซ์ ออยเกน ได้เข้าไปร่วมรบในแนวรบด้านรัสเซีย
โดยได้ร่วมยิงต่อต้านรัสเซีย เพื่อสนับสนุนการเข้าตีโต้ของกองพลยานเกราะเยอรมัน
โดยผลการยิงโจมตีนั้นถูกเป้าหมายถึง 80
เปอร์เซ็นต์โดยขณะที่ทำการยิงอยู่นั้นเรือมิได้ลอยอยู่กับที่แต่แล่นกลับไปมาซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของพลปืนฝ่ายเยอรมัน
ซึ่งผ่านการฝึกมาอย่างดี เหตุผลส่วนหนึ่งเกิดจากการที่เรือปรินซ์ ออยเกน
ไม่ได้เข้าร่วมการสู้รบเป็นเวลากว่า 2 ปี
เนื่องจากฮิตเลอร์เห็นว่าเรือรบขนาดใหญ่ไม่ประโยชน์ ทำให้เรือปรินซ์ ออยเกน
ต้องประอยู่ในทะเลบอลติค หลังจากที่เรือปรินซ์
ออยเกนได้โจมตีชายฝั่งรัสเซียแล้วถอนตัวเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตี
กลับเข้าสู่โกเท็นฮาเฟ่น
และในเดือนตุลาคมก็ได้เข้าร่วมระดมยิงข้าศึกที่เข้าโจมตีเมืองเมเม่อย่างได้ผล
แต่ระหว่างกลับไปรับกระสุนก็ชนกับเรือ ไลพซิคในตอนกลางคืน
โดยได้รับความเสียหายทั้งคู่แต่ปรินซ์ ออยเกนใช้เวลาซ่อมเพียง 2 อาทิตย์ วันที่ 18
พ.ย. 1944 ได้เข้าร่วมรบบริเวณแหลมซอร์เวลม่า เพื่อช่วยการถอนตัวของทหารเยอรมัน
แต่การระดมยิงครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆเพราะทางรัสเซียได้ใช้ปืนยิงต่อต้านและเครื่องบินเข้าทิ้งระเบิด
แต่ก็ไม่ได้รับความเสียหายเพราะระเบิดและตอร์ปิโดพลาดเป้าหมด
จนกระทั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดเรือปรินซ์ ออยเกน ยังดำรงอยู่ได้
ซึ่งต้นเรือของเรือปรินซ์ ออยเกนได้กล่าวไว้ว่า
เรือของตนได้ทำการยิงปืนขนาดหนักออกไปมากกว่าเรือรบลำใดๆทั้งสิ้นในสงครามโลกครั้งที่2
โดยที่เรือได้เข้าไปหลบภัยอยู่มี่ท่าเรือกรุงโคเป็นเฮเกนใน เดือนพ.ค.
และต่อมาได้ถูกฝ่ายอเมริกายึดไว้ตามข้อตกลง พอทสดัม และการอวสานของเรือลำนี้คือ
เป็นเป้าในการทดลองระเบิดปรมาณูในมหาสมุทรแปซิฟิคบริเวณเกาะบิกีนี
**ข้อมูลส่วนใหญ่จากหนังสือทะเลโหดของคุณสุรพงษ์ บุนนาค ครับ