หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


สงครามเวหา RAF vs. Luftwaffe

โดยคุณ : nok เมื่อวันที่ : 06/06/2010 12:31:23

เดือนมิถุนายน 1940 เป็นช่วงวิกฤตที่สุดของอังกฤษในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2เพราะเป็นช่วงที่อังกฤษถูกทอดทิ้งให้ต่อสู้กับกองทัพนาซีอย่างโดดเดี่ยว หลังจากที่เยอรมันบุกยึด โปแลนด์,เดนมาร์ค,นอร์เวย์,เนเธอร์แลนด์และเบลเยี่ยมได้ ทั้งยังสามารถขับไล่กองทัพอังกฤษให้ถอยร่นไม่เป็นขบวนออกจากดังเคิร์ก แล้วยึดฝรั่งเศสทั้งประเทศไว้ในกำมือได้อีกหนึ่งประเทศด้วย

จากชัยชนะดังกล่าว ทำให้โอกาสที่จะเป็นเจ้าเหนือดินแดนยุโรปตะวันตกของฮิตเล่อร์ดูจะใกล้ความจริงมากขึ้น ถ้าเพียงแต่เขาสามารถยึดสหราชอาณาจักรและปราบปรามประชาชนชาวอังกฤษผู้แสนผยองในศักดิ์ศรีของชาติให้ยอมหมอบราบคาบแก้วได้เท่านั้น และแม้ว่าชัยภูมิที่ตั้งของเกาะอังกฤษซึ่งมีช่องแคบอังกฤษมากั้นระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศสจะเป็นปราการธรรมชาติชั้นดีก็ตาม แต่ฮิตเลอร์ก็ยังมั่นใจว่าแสนยานุภาพของกองทัพกางเขนเหล็กของเขาสามารถจะถล่มเกาะอังกฤษให้ราบเป็นหน้ากลองได้ประกอบกับได้รับฟังคำสนับสนุนจากฮิมเล่อร์ ผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพกางเขนเหล็ก ซึ่งยืนยันว่า งานดังกล่าวจะสำเร็จได้ภายในเวลาไม่เกิน 1อาทิตย์ด้วย ทำให้เขาตัดสินใจยาตราทัพสู่สหราชอาณาจักรทันที

ฮิตเล่อร์อาจจะประเมินการณ์ไม่พลาด เมื่อพิจารณาจากแสนยานุภาพทางอากาศของอังกฤษ ซึ่งมีเครื่องบินประจัญบานเพียง 750 ลำ แบ่งเป็นฝูงบินสปิทไฟท์เสีย 20ฝูง ฝูงบินเฮอริเคน 22ฝูง ฝูงบินเบลนไฮม์ 8 ฝูงและฝูงบินดิไฟแอนท์อีก 2ฝูง ซึ่งเบลน์ไฮน์และดิไฟแอทน์นั้นเป็นเครืองบินที่มีความเร็วต่ำมาก ในขณะที่กองทัพกางเขนเหล็กของเยอรมันมีเครื่องบินรบที่มีสมรรถนะเยี่ยมยอดถึงกว่า 5,000 ลำ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดไฮเกล 111 เครื่องบินดอร์นิเอร์แบต่างๆหรือเครื่องบินยุงเกอร์ 88 ซึ่งบินด้วยความเร็วสูงสุดถึง 290 ไมล์ต่อ ชม. นอกจากนี้ก็มียังมีเครื่องบินประจัญบานเมสเซอร์ชมิท 109และ 110 (ME109,ME110) ไฮเกล113 ฯลฯ

ทว่า ฮิตเล่อร์ประเมินความสามารถและความกล้าหาญของเสืออากาศอังกฤษต่ำเกินไป เมื่อศึกถล่มเกาะอังกฤษเปิดฉากแรกขึ้นด้วยการโจมตีเมืองท่าอังกฤษ เสืออากาศอังกฤษแห่งฝูงบินสปิทไฟร์ได้ใช้ความเร็วของเครื่องบินขับไล่ข้าศึก โดยมีฝูงบินเฮอริเคนซึ่งบินด้วยความเร็วต่ำกว่าแต่หนักหน่วงกว่าคอยหนุนอีกทีหนึ่งในระยะแรกเยอรมันทำท่าจะมีชัยโดยสามารถรบกินแดนเข้ามาจนถึงใจกลางกรุงลอนดอน แต่ทว่า เสืออากาศอังกฤษก็ทุ่มเทจิตใจในการปกป้องชาติอย่างถวายหัว ดังนั้นเพียง 4เดือนให้หลังสงครามเวหาเหนือกรุงลอนดอนก็ยุติลงอย่างสิ้นเชิง ในวันที่ 31 ตุลาคม 1940 ผลการรบในครั้งนั้นเยอรมันต้องสูญเสียเครื่องบินรบไปทั้งสิ้น 1,733ลำ และชีวิตนักบิน 1,495 นาย ในขณะที่อังกฤษเสียหายน้อยมากเมื่อเทียบกับความอยู่รอดของชาติที่เหล่าเสืออากาศอังกฤษสละชีวิตพิทักษ์รักษาไว้ เซอร์วินสตัน เชอร์ชิลล์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ถึงกับกล่าวปราศรัยต่อประชาชนชาวอังกฤษว่า " ไม่เคยมีความขัดแย้งระหว่างมนุษยชาติครั้งใดที่คนส่วนใหญ่จะเป็นหนี้ชีวิตของคนส่วนน้อยมากมายใหญ่หลวงถึงปานนี้"

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=worason&month=22-05-2010&group=1&gblog=57

บทความนี้ผมเคยนำมาโพสสมัย Wing21ครับ  แต่ขอนำมาถ่ายทอดอีกที




ความคิดเห็นที่ 1


มีส่วนประกอบอื่นด้วยครับ สภาพอากาศของอังกฤษเองก็มีผลที่ทำให้ลุฟวาเฟ่ปฎิบัติงานได้ลำบาก  และอีกเรื่องคือเครื่องบินครับ เครื่องบินประจัญบานของเยอรมันหลายลำเช่น ME-109,FW-190ที่ไม่โดนยิงตก แต่ไม่สามารถกลับถึงสนามบินในฝรั่งเศสได้ เพราะน้ำมันหมดก่อนต้องร่อนลงทะเลจำนวนหนึ่งรวมไปถึงเครื่องบินทิ้งระเบิดเช่นเครื่องไฮเกน 111 ปืนที่ป้องกันน้อยมากรวมถึงเกราะที่บาง สามารถบรรทุกระเบิดที่บรรทุกได้น้อย  ผมไม่เข้าใจทำไมเยอรมันถึงไม่พัฒนาเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดหนัก เพราะเมื่อเทียบกับที่สัมพันธมิตร เครื่องบินทิ้งระเบิดเช่น B-17,B-24,แลงคาสเตอร์ กับมีเกราะที่หนา ปืนรอบตัว ตรงนี้คงเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้เยอรมันไม่สามารถบุกยึดอังกฤษได้ครับ
โดยคุณ nok เมื่อวันที่ 22/05/2010 11:32:50


ความคิดเห็นที่ 2


สงครามเวหา คงต้องเป็น การยุทธทางอากาศเหนืออังกฤษ ซินะ

สิ่งที่ทำให้ RAF ชนะ ไม่ใช่ อะไร นอกจาก Radar Network ที่ติด ตามชายฝั่ง 
โดยคุณ u3616234 เมื่อวันที่ 22/05/2010 21:01:23


ความคิดเห็นที่ 3


เครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดหนักตัวที่เทพสุดเท่าที่เยอรมันมี ในยุคนั้นคือ เอชอี-177ไกรฟ์ ครับ น้ำหนักบรรทุกและระยะทางบินดีกว่า แทบจะเรียกว่าเป็นรองแค่ บี-29 แต่ก็นั้นล่ะออกมาทำการรบครั้งแรกก็ช่วงปลายปี1942-43 รุ่นที่ดีที่สุดออกมาในปี1944 แน่นอนว่ามียุทธการนึงส่งออกไปโจมตีลอนดอน แต่ก็เพราะปัญหาเครื่องยนต์จึงหล่นรายทาง โดนยิงตกน้อย เพราะสามารถบินไต่ระดับความสูงมากกว่า12000ฟุต จากฐานบินไปทิ้งระเบิดลอนดอนได้  นอกจากนั้นยังเป็น เครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดหนักที่เยอรมันเอามาทำภารกิจดำดิ่งแบบสตูก้า ด้วยน่ะครับ

ส่วน บีเอฟ-109นั้นไม่ได้ออกงานเข้าคุ้มกันไปทิ้งระเบิดเนื่องจากติเรื่องพิสัยบิน ผลงานเลยมาให้ บีเอฟ-110 เข้าทำแทน แต่ก็ไปหล่นซะมากเพราะสู้สปริตไฟร์ เฮอร์ริเคนไม่ได้เลย จนต้องปลดมาใช้ลาดตระเวณ ทิ้งระเบิดนั้นเอง

โดยคุณ MIG31 เมื่อวันที่ 23/05/2010 02:41:33


ความคิดเห็นที่ 4


อังกฤษยุทธวิธีดีเยี่ยมครับแต่ฝีมือประดิษฐ์ของบางครั้งก็ห่วยเหลือเชื่อเช่นถุงผูกเท้าหรือกระโปรงรถถัง - -*
โดยคุณ Banyat เมื่อวันที่ 23/05/2010 23:47:03


ความคิดเห็นที่ 5


ถ้าดูตามประว้ติศาสตร์  นักบิน และ กองบิน ของ UK สู้ DE ไม่ได้เลยครับ
แต่คงต้องขอบคุณ ระบบ เตือนภัยทางอากาศ ทำให้ สามารถ rotation (ยังกะ ราฟา) เครื่องบิน กองบินอื่น ๆ มา แทรกได้

จริง ๆ แล้ว UK เกือบแพ้ แล้วครับ แต่ DE เปลี่ยนแผน มา ถล่ม เมืองแทน ทำให้ RAF ฟื้นตัวได้ และ มี พวก FlyBoy จากต่างประเทศ มาช่วย รบ เลยทำให้ รอด
โดยคุณ u3616234 เมื่อวันที่ 24/05/2010 10:57:03


ความคิดเห็นที่ 6


สปิทไฟร์ คือเครื่องประจัญบานที่ดีที่สุดของอังกฤษในยุคนั้นรึเปล่าครับ

 

เคยได้ข้อมูลว่าเป็นรองแค่มัสแต็งนิครับ

โดยคุณ ZipDoZs เมื่อวันที่ 06/06/2010 01:31:23