สราเอลเผชิญแรงกดดันจากนานาชาติ
หลังหน่วยคอมมานโดอิสราเอลบุกโจมตีและสังหารเจ้าหน้าที่ในขบวนเรือบรรเทา
ทุกข์ที่กำลังมุ่งหน้านำความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปยังฉนวนกาซา...
สำนัก
ข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ว่า
รัฐบาลอิสราเอลกำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนักจากนานาชาติ
หลังจากที่หน่วยคอมมานโด พร้อมอาวุธครบมือของอิสราเอลบุกเข้าโจมตี
และสังหารเจ้าหน้าที่พลเรือนในขบวนเรือลำเลียงสิ่งของบรรเทาทุกข์
จากตุรกีที่กำลังมุ่งหน้านำความช่วยเหลือจากนานาชาติ
ทั้งอาหารและยารักษาโรคเข้าไปช่วยชาวปาเลสไตน์ในเขตฉนวนกาซาที่ถูกปิดล้อม
ขณะ
ที่มีรายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดจากปฏิบัติการของอิสราเอลครั้งนี้
มีอย่างน้อย 19 รายแล้วและ มีผู้บาดเจ็บอีกกว่า 60 คน รวมถึง
เจ้าหน้าที่จากหน่วยปฏิบัติการพิเศษ "ไอดีเอฟ" ของอิสราเอลอีก 10 นาย
แม้ว่าทางการอิสราเอลจะระบุว่ามีผู้ที่ถูกสังหารเพียง 9-10 รายเท่านั้น
นาย
บัน คี มุน เลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติชาวเกาหลีใต้ระบุว่า
เขารู้สึกช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
และต้องการให้รัฐบาลอิสราเอลออกมาตอบคำถามต่อชาวโลกโดยเร็ว
เนื่องจากเรือลำที่ถูกโจมตีเป็นเรือบรรเทาทุกข์ของพลเรือน นอกจากนั้น
เหตุโจมตียังเกิดขึ้นขณะที่เรือลำดังกล่าวลอยลำอยู่ในเขตน่านน้ำสากล
ห่างจากชายฝั่งฉนวนกาซาถึง 65 กิโลเมตร
พร้อมเรียกร้องให้อิสราเอลยุติการปิดล้อมฉนวนกาซา
ที่ดำเนินมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปี 2007
ขณะที่ไรอัน มันซูร์
ผู้สังเกตการณ์ด้านปาเลสไตน์ขององค์การสหประชาชาติระบุว่า
ปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในครั้งนี้ เข้าข่ายเป็นการกระทำเยี่ยง
"อาชญากรสงคราม"
พร้อมเรียกร้องให้อิสราเอลปล่อยตัวเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ราว 700
คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวตุรกีที่เดินทางมากับขบวนเรือดังกล่าวโดยเร็วเช่นกัน
ขณะ
ที่ผู้แทนของสหภาพยุโรป (อียู)
ได้ออกแถลงการณ์ที่กรุงบรัสเซลส์ของเบลเยี่ยมโดยมีใจความว่า
ทางอียูขอประณามอิสราเอลต่อเหตุอุกอาจที่เกิดขึ้น
พร้อมเรียกร้องให้มีการสอบสวนปฏิบัติการบุกเรือ " เอ็มวี มาวี มาร์มารา"
ซึ่งเป็นเรือสัญชาติตุรกีในครั้งนี้อย่างเร่งด่วน
ท่ามกลางรายงานข่าวที่ระบุว่า ในขณะนี้มีประชาชนจำนวนมากในประเทศต่างๆ
ทั่วยุโรป ที่โกรธแค้นการกระทำของอิสราเอล
ได้เดินทางไปรวมตัวประท้วงบริเวณด้านหน้าสถานทูตอิสราเอล และสถานทูตสหรัฐฯ
ในหลายประเทศเพื่อแสดงความไม่พอใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็
ตาม นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล
ซึ่งมีอันต้องยกเลิกแผนการเดินทางเยือนทำเนียบขาวของสหรัฐฯและบินกลับประเทศ
เป็นการด่วนได้ให้สัมภาษณ์ ยืนยันว่า
หน่วยคอมมานโดของอิสราเอลจำเป็นต้องใช้อาวุธเพื่อป้องกันชีวิตของตนเอง
เนื่องจากคนที่อยู่บนเรือเอ็มวี มาวี มาร์มารา มีอาวุธสงครามอยู่ในมือ
พร้อมแสดงความเสียใจที่ปฏิบัติการดังกล่าวทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตเกิดขึ้น
ทั้ง
นี้ ปฏิบัติการดังกล่าวของอิสราเอลเกิดขึ้นหลังจากที่เรือเอ็มวี มาวี
มาร์มารา
สัญชาติตุรกีพยายามมุ่งหน้าฝ่าการปิดล้อมของกองทัพเรืออิสราเอลในทะเล
เมดิเตอร์เรเนียน เข้าไปยังฉนวนกาซา
ทำให้อิสราเอลต้องส่งหน่วยคอมมานโดบุกขึ้นเรือลำดังกล่าวซึ่งเป็นหนึ่งใน
ขบวนเรือลำเลียงสิ่งของบรรเทาทุกข์รวม 6 ลำ
หลังจากที่ขบวนเรือจากตุรกีปฏิเสธที่จะเปลี่ยนเส้นทางไปยังท่าเรือเมืองแอ
ชด็อดของอิสราเอลเพื่อให้ทางการอิสราเอลตรวจค้นสิ่งที่อยู่บนเรือเสียก่อน.
http://www.thairath.co.th/content/oversea/86676เห็นว่ายังไม่มีใครนำข่าวนี้มาโพสครับ
ป.ล.ล่าสุดตุรกีเรียกทูตกลับแล้วครับ
ประนามแล้วได้อะไรครับ
เพราะยังไง ก็ไม่มีใครมาหยุดเขาหรอกครับ
และผมเชื่อว่า จะไม่มีใครหยุดเขาได้อีกนานนับ 100ปี ตราบใดที่หลายประเทศยังต้องพึ่งเขาอยู่ โดยเฉพาะ อเมริกา น่าเศร้าจริง
ครั้งนี้ผมว่าเกินเลยไปถึงแม้มีการต่อสู้แต่ อาวุธที่ใช้หยุดมีเยอะหลายรูปแบบ น่าจะเลือกใช้ได้มากกว่าปืนครับ
ขอแสดงความเสียใจแก่ญาติของผู้บรรเทาทุกข์ที่เสียชีวิตด้วยครับ
ผมก็ไม่ได้เข้าข้างยิวนะครับ แต่เรื่องนี้ผมเคยอ่านบทวิเคราะห์ของท่านหนึ่งเคยโพสไว้ในเวบบอร์ด ว่า บริเวณนั้นเป็นเขตน่านน้ำของอิสราเอล และทางอิสราเอลก็ได้ประกาศเตือนและให้ขบวนเรือใช้เส้นทางอื่น และจะขอตรวจค้นและก็โรยตัวลงจาก ฮ. แต่ก็เกิดการรุมทำร้ายทหารจากคนที่อยู่บนเรือ และ ถ้าจำไม่ผิดกฏของทหารข้อหนึ่ง คือ หากมีอันตรายต่อชีวิตทหาร ทหารสามารถใช้ปืนพกที่ติดตัวมาป้องกันตัวเองได้ แล้วถ้าเป็นคุณ คุณจะทำอย่างไร ปล่อยให้โดนรุมทำร้าย หรือจะป้องกันตัวเอง อย่าลืมนะว่าพวกที่มาเนี่ยเรียกตัวเองว่า พวกรักความสงบ แต่การกระทำตรงกันข้ามกับสิ่งที่เรียกโดยสิ้นเชิง
http://www.ynet.co.il/home/0,7340,L-8,00.html