หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


ฝากประชาสัมพันธ์กิจกรรมเกี่ยวกับทหารพรานและการอนุรักษ์ป่า

โดยคุณ : piyabhut เมื่อวันที่ : 04/06/2010 20:27:21

อาสาช่วยรบทหารพราน ( อชร.ทพ. ) คือประชาชนทุกเพศทุกวัยที่มีจิตใจและเจตนาอันแนวแน่ในอันที่จะมีส่วนช่วยเหลือและสนับสนุนทหารพรานเพื่อปกป้องและพัฒนาประเทศชาติให้มีความเจริญรุ่งเรืองในทุกด้าน วัตถุประสงค์หลักของอาสาช่วยรบทหารพราน ต่อภารกิจเพื่อ ชาติ บ้านเมือง และแผ่นดินเกิด ก็คือ การช่วยเหลือกำลังพลทหารพราน ในด้านการข่าว และการส่งกำลังบำรุงในขณะปฏิบัติการในพื้นที่เพื่อทำลายกวาดล้างและต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ วัตถุประสงค์หลักอีกประการหนึ่งคือ การสนับสนุนงานด้านการเมือง ที่สอดคล้องกับคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๖๖ / ๒๕๒๓ ในการที่จะให้สำนึกว่าแผ่นดินนี้เป็นของตนเอง ตนคือผู้ปกครองและได้รับประโยชน์ ดังนั้นจึงต้องดำเนินทุกวิถีทางที่จะทำให้ท้องถิ่นและประเทศชาติ พัฒนาเจริญก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้น อาสาช่วยรบทหารพราน ได้รับการจัดตั้งตามมติที่ประชุมกรมฝ่ายเสนาธิการ ครั้งที่ ๑๑ / ๒๕๒๕ เมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๒๕และผู้บัญชาการทหารบก ได้กรุณาอนุมัติจัดตั้ง เมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๒๕
ผู้สมัครเข้าเป็นอาสาช่วยรบทหารพราน ต้องมีคุณสมบัติดังนี้.-
๑. มีสัญชาติไทย
๒. มีอายุไม่ต่ำกว่า ๑๕ ปี
๓. เป็นผู้เลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีองค์พระมหากษัตริย์เป็นประมุข
๔. ไม่เป็นผู้ที่มีชื่อในทางทุจริต หรือเสื่อมเสียศีลธรรม หรือมีพฤติการณ์เป็นภัยต่อสังคม
๕. ไม่เป็นผู้ที่เคยต้องโทษ ถูกไล่ออก หรือถูกปลดออก ฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ
๖. ไม่เป็นผู้ที่รับโทษจำคุก โดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่โทษสำหรับความผิดที่ได้ทำโดยประมาท สมาชิกอาสาช่วยรบทหารพราน จะพ้นสภาพจากการเป็นสมาชิกเมื่อ ตาย ลาออก ขาดคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ ผู้อำนวยการกองกำลังทหารพราน กองทัพภาค สั่งให้ออกเพราะประพฤติตนไม่เหมาะสม หรือศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศชาติ และมีคำสั่งให้ออก การดำเนินการฝึกอบรมและจัดตั้งนั้น กองกำลังทหารพรานกองทัพบก จะเป็นผู้ดำเนินการ โดยกองทัพภาคที่ ๑,๒,๓ และ ๔ ให้การสนับสนุนการฝึกตามความจำเป็น และในการฝึกอบรมนี้กองทัพบกห้ามการบังคับเรียกเก็บเงินหรือทรัพย์สินอื่นใด จากผู้ที่เข้ารับการอบรม นอกจากมีผู้ศรัทธาให้การสนับสนุนเอง นับตั้งแต่ก่อตั้งโครงการมาจนถึงปัจจุบัน หน่วยทหารพรานกองทัพภาค ได้ดำเนินการฝึกอบรม อาสาช่วยรบทหารพรานไปแล้วรวมจำนวนทั้งสิ้น ๓๐,๘๕๒ คนซึ่งอาสาช่วยรบทหารพรานเหล่านี้ได้กระทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์และสอดคล้องกับเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ไม่ว่าจะเป็นการให้ข่าวสารที่เป็นประโยชน์การเยี่ยมบำรุงขวัญ มอบสิ่งของให้แก่ทหารพราน ทั้งที่ปฏิบัติการในพื้นที่และที่เจ็บป่วยทุพพลภาพ นอกจากนั้นยังได้ดำเนินการพัฒนาสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและท้องถิ่นอีกด้วย เช่น การช่วยเหลือประชาชนในทุก ๆ ด้าน การพัฒนาหมู่บ้าน วัด สร้างถนน และการสร้างสะพาน เป็นต้น




ความคิดเห็นที่ 1


โครงการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ในพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด (ภาคตะวันออก) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จังหวัดจันทบุรี

ประวัติความเป็นมาของโครงการฯ
โครงการฯป่ารอยต่อ 5 จังหวัด (ภาคตะวันออก) เดิมเรียกว่า ป่าพนมสารคาม เป็นป่าขนาดใหญ่ ที่ครอบคลุมพื้นที่ 5 จังหวัด ในภาคตะวันออกของประเทศไทย เป็นแหล่งต้นน้ำที่เอื้ออำนวยประโยชน์ ให้แก่ราษฎรในพื้นที่ 5 จังหวัดของภาคตะวันออก ทั้งในด้านการอุปโภค บริโภค และการเพาะปลูก ต่อมาป่าผืนนี้ได้ถูกบุกรุกทำลายตั้งแต่ปี พ.ศ.2510 เป็นต้นมา มีทั้งการตัดฟันไม้ เผาป่า ล่าสัตว์ การบุกรุก ยึดครองที่ดินจากผู้มีอิทธิพล นายทุนและราษฎร ทำให้พื้นที่ ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก ที่เคยมีมากกว่า 5 ล้านไร่ ลดลงเหลือเพียง 6 แสนกว่าไร่ สภาพป่าอยู่ในขั้นวิกฤต สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไป ความแห้งแล้งและอุทกภัยเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง สัตว์ป่าที่หายากถูกล่า ทำลายจนเกือบสูญพันธุ์ ถึงแม้จะได้มีการใช้มาตรการต่างๆ ในการป้องกันและปราบปรามแล้วก็ตาม

ในปี พ.ศ.2525 กองทัพภาคที่ 1 เห็นว่าพื้นที่บางส่วนของป่ารอยต่อ 5 จังหวัด มีการซ่องสุมของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ตลอดจนมีกลุ่มผู้มีอิทธิพล ผู้แสวงหาประโยชน์โดยมาชอบด้วยกฎหมาย ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ จึงได้ประกาศให้พื้นที่ส่วนหนึ่งของผืนป่าเป็นพื้นที่หวงห้าม ห้ามคนเข้าไปบุกรุกและอยู่อาศัย แต่สถานการณ์การบุกรุกกลับมีแนวโน้มสูงขึ้น คณะรัฐมนตรี จึงมีมติเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ.2537 อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมป่าไม้ ในขณะนั้น ดำเนินการจัดทำโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าในพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด มีระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี (แผนแม่บทระยะที่ 1) ดำเนินการด้านการอนุรักษ์ป่าไม้ และสาธารณูปโภค ซึ่งดำเนินการจัดตั้งหมู่บ้านขึ้นมา 5 แห่งคือ หมู่บ้านโครงการป่าเขาฉกรรจ์-โนนสาวเอ้ 1 , 2 , 3 หมู่บ้านโครงการป่าแควระบม-สียัด 1 , 2 ซึ่งรวมเนื้อที่ดำเนินการไปแล้วจำนวนถึง 4 หมื่นกว่าไร่เศษ ต่อมาเมื่อ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงทราบถึงความเสื่อมโทรมของป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก จึงทรงรับโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า ในพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก ไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2536 โดยสำนักราชเลขาธิการได้มีหนังสือ แจ้งว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้มีพระราชดำริที่จะให้มีการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า ให้มีความอุดมสมบูรณ์ เพื่อเป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร และรักษาสภาพแวดล้อม การพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎร และทรงรับโครงการฯ ดังกล่าวไว้เป็นโครงการพระราชดำริ และเสด็จไปตรวจเยี่ยมราษฎรเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ.2537 และดำเนินการต่อมาโดยมีหน่วยราชการต่าง ๆ ได้จัดสรรงบประมาณ ลงไปดำเนินการในพื้นที่

ทั้งนี้ จากการดำเนินงานโครงการฯตามแผนแม่บทระยะที่ 1 ที่ผ่านมาแม้ว่าการดำเนินงานจะประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่ยังคงมีแผนงานการพัฒนาหลายด้านที่จะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้มีพระราชเสาวนีย์เพิ่มเติมเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ.2546 และเพื่อให้เป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการฯ จึงกำหนดให้จัดทำแผนแม่บทระยะที่ 2 ของโครงการฯ ขึ้น โดยนำพระราชเสาวนีย์ และมติที่ประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการฯ รวมถึงนำปัญหาที่เป็นผลกระทบจาการพัฒนา ตามแผนแม่บทระยะที่1 มากำหนดเป็นกรอบแนวทางการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาในระยะที่ 2 ต่อไป

พระราชเสาวนีย์     สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานแก่คณะบุคคลที่เข้าเฝ้า ฯถวายชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดาวันพฤหัสบดีที่ 11สิงหาคม 2537   “..........ข้าพเจ้าจะเล่าให้ท่านทั้งหลายฟัง ถึงป่าดงดิบพื้นใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งยังเหลืออยู่ใกล้ๆ กรุงเทพฯ นี้เอง ป่าแห่งนี้เรียกว่า ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ของภาคตะวันออก คือ จังหวัดฉะเชิงเทรา สระแก้ว จันทบุรี ระยอง และชลบุรี มีเนื้อที่กว่า 6 แสนไร่ เป็นต้นน้ำลำธารของแม่น้ำบางปะกง แม่น้ำปราจีนบุรี และแม่น้ำประแสร์ เดิมเคยมีเนื้อที่กว่า 8 แสนไร่ แต่ราษฎรเข้าไปตัดไม้จนทำให้ป่าไม้หายไปประมาณ 2 แสนไร่.........” และ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ.2546  ณ  พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน มีพระราชเสาวนีย์กับ พลตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บังคับการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ.2546  เวลา 20.00 น. ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ความว่า  “ขอให้ทหารช่วยดูแลเรื่องป่าไม้และน้ำ โดยเฉพาะพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด และป่าเขาใหญ่ ขอให้ทหาร และกรมป่าไม้ รวมทั้งส่วนราชการอื่น ๆ ปลูกฝังแนวคิดให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ อยู่ร่วมกับป่าอย่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน โดยไม่เข้าไปรบกวนป่า ตลอดจนพัฒนาอาชีพให้กับประชาชน ให้มีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย”

วัตถุประสงค์   
เพื่อสนองพระราชดำริ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในการอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่โครงการป่ารอยต่อ 5 จังหวัด (ภาคตะวันออก)
เพื่ออนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะป่าไม้และสัตว์ป่า ให้มีความอุดมสมบูรณ์ โดยการมีส่วนร่วมของชุมชนและประชาชน
เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่โครงการป่ารอยต่อ 5 จังหวัด (ภาคตะวันออก) ให้มีรายได้เพิ่มขึ้น
หัวหน้าโครงการ
นายปฏิยุทธ์  บูรพัฒน์  ตำแหน่งเจ้าพนักงานป่าไม้ 5

หัวหน้าโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ในพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด (ภาคตะวันออก) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในจังหวัดจันทบุรี

 

ที่มา http://web1.forest.go.th/forest/orip/projects/43.html
โดยคุณ piyabhut เมื่อวันที่ 02/06/2010 22:34:14


ความคิดเห็นที่ 2


ที่ตั้ง : ครอบคลุมพื้นที่ป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน (เนื้อที่ 643,750 ไร่) เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว (เนื้อที่ 465,340 ไร่) อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฎ (เนื้อที่ 36,687 ไร่) และอุทยานแห่งชาติเขาชะเมา - เขาวง (เนื้อที่ 52,300 ไร่) ซึ่งเป็นป่าอนุรักษ์ตามกฎหมาย รวมเนื้อที่ 1,198,077 ไร่ และพื้นที่ป่าอนุรักษ์ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 และ 17 มีนาคม 2535 รวมทั้งพื้นที่แนวกันชนโดยรอบซึ่งมีอาณาเขตดังนี้

  ทิศเหนือ อยู่ในท้องที่อำเภอท่าตะเกียบ อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา และอำเภอวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว ทิศตะวันออก อยู่ในท้องที่อำเภอเขาสอยดาว และอำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี
ทิศตะวันตก อยู่ในท้องที่อำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี

ทิศใต้ อยู่ในท้องที่อำเภอแกลง จังหวัดระยอง, อำเภอแก่งหางแมว และอำเภอเขาวง จังหวัดจันทบุรี
 

พระราชดำริ

  เมื่อวันที่ 12 กรกฏาคม 2536 สำนักราชเลขาธิการ มีหนังสือแจ้งกรมป่าไม้ว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้มีพระราชดำริ จะให้มีการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าให้มีความสมบูรณ์ เพื่อเป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร และรักษาสภาพแวดล้อม ตลอดจนพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎรในชุมชนที่อพยพจากป่าและชุมชนที่อาศัยอยู่ติดแนวเขตป่าอนุรักษ์ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2537 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ เยี่ยมราษฎรที่ บ้านเทพประทาน ตำบลคลองตะเกรา กิ่งอำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา มีพระราชดำริให้พิจารณาแหล่งน้ำเพื่อให้ราษฎรได้มีน้ำใช้เพื่อการอุปโภค –บริโภค และทำการเกษตร
     

ประเภทของโครงการ : โครงการเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

ประวัติความเป็นมา
 
      ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด เดิมคือป่าพนมสารคามอยู่ในภาคตะวันออกของประเทศมีอาณาเขตติดต่อกัน 5 จังหวัด คือ จังหวัดฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ระยอง, จันทบุรี และสระแก้ว เดิมเป็นป่าผืนใหญ่ติดต่อกับป่าในประเทศกัมพูชา ต่อมาถูกบุกรุกทำลายจนแทบไม่เหลือสภาพป่า ในปี 2510 ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดเดิมมีพื้นที่ประมาณ 5 ล้านไร่ ปัจจุบันเมื่อรวมพื้นที่ป่าอนุรักษ์ทั้งหมด ได้แก่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน,เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว, อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา - เขาวง, อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ มีพื้นที่รวมกันเหลือเพียงประมาณ 1,198,077 ไร่ การทำลายป่าไม้ทำให้เกิดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมอย่างรุนแรง เช่น เกิดน้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรีและจังหวัดฉะเชิงเทรา ในปี 2526, 2531 และ 2533 ตลอดจนสภาวะน้ำเค็มหนุนขึ้นสูงในแม่น้ำบางปะกง ถึงอำเภอบางคล้า หรือบางทีถึงอำเภอพนมสารคาม ในฤดูแล้ง เพื่อแก้ไขปัญหาการบุกรุกดังกล่าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดตั้งกองอำนวยการศูนย์พิทักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดขึ้น โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้ และกำลังทหารพราน ร่วมกันดำเนินการตรวจลาดตระเวน เพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ ต่อมา คณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2531 อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมป่าไม้ ดำเนินการจัดทำโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า ในพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด โดยมีระยะเวลาดำเนินงาน 5 ปี ในช่วงปี 2532 - 2536 เรื่อยมาตามลำดับ

ดังนั้นเพื่อเป็นการสนองพระราชดำริในการดำเนินงานโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า ในพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด (ภาคตะวันออก) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อาศัยอำนาจตามความในข้อ 5 (5) ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พ.ศ.2535 จึงแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการ ที่ 3/2537 ลงนามโดย นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี และคำสั่งที่ 1/2538 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ ลงนามโดย ท่านผู้หญิงสุประภาดา เกษมสันต์ ราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ประธานบริหารโครงการ ในการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการครั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นประธานอนุกรรมการดำเนินงานโครงการ และมีผู้ว่าราชการจังหวัด 5 จังหวัด เป็นรองประธานอนุกรรมการดำเนินงานโครงการ คือ จังหวัดฉะเชิงเทรา,จังหวัดชลบุรี,จังหวัดจันทบุรี,จังหวัดระยอง,จังหวัดสระแก้ว และผู้แทนส่วนราชการต่างๆ เป็นกรรมการ ผู้อำนวยการกองกิจการพลเรือน กองทัพภาคที่ 1 เป็นเลขานุการ และผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 13 หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
 

วัตถุประสงค์ของโครงการ

  1. เพื่อสนองพระราชดำริสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในการอนุรักษ์ผืนป่า ให้ดำรงไว้ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ดังเดิม

2. เพื่อฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ในพื้นที่เสื่อมโทรม และปลูกป่า เพื่ออนุรักษ์ต้นน้ำลำธารในพื้นที่ป่าอนุรักษ์

3. เพื่อส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งชุมชนที่อพยพมาจากพื้นที่โครงการ รวมทั้งชุมชนที่อยู่อาศัยและทำกินใกล้กับแนวเขตให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ โดยได้รับประโยชน์อย่างเหมาะสมจากทรัพยากรธรรมชาติ และไม่หวนกลับไปบุกรุกทำลายป่าอนุรักษ์อีก

4. เพื่อให้เกิดการพัฒนาคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่มากขึ้นอีก อันจะเป็นประโยชน์แก่ราษฎรในระยะยาว

5. เพื่อลดจำนวน ขบวนการลักลอบทำลายป่าไม้ โดยการใช้หลักกฎหมายหลักเกณฑ์ทางสังคม รวมทั้งดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์ป่าผืนนี้ให้คงอยู่ตลอดไป
       

กิจกรรม/การดำเนินการในด้านต่างๆ
 
  1. ดำเนินการสำรวจข้อมูล รวมทั้งสิ้น 61 หมู่บ้าน ในเขตป่ารอยต่อ 5 จังหวัด (เนื้อที่ 643,750 ไร่)
 
    1.1 สำรวจข้อมูลพื้นฐาน

1.2 สำรวจข้อมูลทางด้านเศรษฐกิจและสังคม การถือครองที่ดินในเขตพื้นที่โครงการ
 
  2. การรังวัดแนวเขตรอบป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ระยะทางประมาณ 370 กิโลเมตร
 
    2.1 รังวัดกำหนดขอบเขต

2.2 จัดทำแผนที่มาตราส่วน 1: 50,000 ลงรายละเอียดขอบเขตพื้นที่โครงการ

2.3 จัดทำแผนที่ภาพถ่ายดาวเทียมมาตราส่วน 1: 50,000 ลงรายละเอียดขอบเขตพื้นที่โครงการ
 
  3. การอนุรักษ์พื้นที่ป่าและการปลูกป่าเสริมป่า
 
    3.1 ชี้แจง ทำความเข้าใจ และการประชาสัมพันธ์ ต่อเป้าหมายประชาชน ทั้งในและนอกโครงการ ให้ตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติ และเข้ามามีส่วนร่วม ในการป้องกันรักษา

3.2 การปลูกป่าเสริมป่า ดำเนินการในพื้นที่ 5 จังหวัด (จังหวัดฉะเชิงเทรา, สระแก้ว, ชลบุรี, ระยอง และจันทบุรี) จัดตั้งหน่วยปลูกป่า 2 หน่วย
 
  4. การพัฒนาอาชีพและยกระดับรายได้ของราษฎร
 
   
   
 
ส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่

ส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ปีก

สนับสนุนเวชภัณฑ์สัตว์ปีก

ฝึกอบรมเกษตรกร

จัดทำไร่นาสวนผสม

พัฒนาสวนยางในเขตพื้นที่แห้งแล้ง

ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตข้าว

ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตถั่วเหลือง

ส่งเสริมการปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น
 
  5. การแก้ไขปัญหาผู้มีอิทธิพลและนายทุน
 
    จัดตั้งหน่วยประสานงานโครงการ ให้มีการผนึกกำลัง จากเจ้าหน้าที่ระดับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตำรวจและทหาร ดำเนินการในพื้นที่โครงการ
 

 
 
 
   
หน่วยที่รับผิดชอบในโครงการ : กรมป่าไม้ และ กองทัพภาคที่ 1 (โดย กรมทหารพรานที่ 13)

หน่วยปฏิบัติ : เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้, กรมทหารพรานที่ 13

พื้นที่ดำเนินการ

  1. พื้นที่ป่าอนุรักษ์ตามกฎหมาย ซึ่งครอบคลุมเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา – เขาวง และอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ เนื้อที่รวมประมาณ 1,198,077 ไร่

2. พื้นที่ป่าอนุรักษ์ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 และ 17 มีนาคม 2535 รวมทั้งพื้นที่ป่าที่มีศักยภาพเหมาะสมแก่การอนุรักษ์และพื้นที่แนวกันชน ระยะ 0.5 – 5 กิโลเมตร จากแนวเขตป่าอนุรักษ์ เนื้อที่รวมประมาณ 4,070,475 ไร่
 

ประโยชน์ที่ได้รับ

  1. เป็นการสนองพระราชดำริ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในการอนุรักษ์ป่าผืนสุดท้ายของภาคตะวันออก อันเป็นต้นน้ำลำธารของจังหวัดฉะเชิงเทรา สระแก้ว ชลบุรี ระยอง และจันทบุรี มิให้ถูกบุกรุกทำลายและดำรงไว้ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ดังเดิม

2. ป่าไม้ในพื้นที่เสื่อมโทรม ได้รับการฟื้นฟูและปลูกเพิ่มเติมเพื่ออนุรักษ์แหล่งต้นน้ำลำธาร

3. ชุมชนที่อพยพมาจากพื้นที่ป่า รวมทั้งชุมชนที่อยู่อาศัย และทำกินใกล้ชิดกับแนวเขตป่า มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ โดยได้รับประโยชน์อย่างเหมาะสมจากทรัพยากรธรรมชาติ และไม่หวนกลับไปบุกรุกทำลายป่าอนุรักษ์อีกต่อไป

4. ก่อให้เกิดการพัฒนา เพิ่มพูนคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติ ในพื้นที่มากขึ้น อันเป็นประโยชน์แก่ราษฎร ในระยะยาว

5. สามารถขจัดอิทธิพล ขบวนการลักลอบทำลายโดยใช้หลักกฎหมายและหลักเกณฑ์ทางสังคม รวมทั้งสามารถสร้างจิตสำนึก ให้ประชาชนเกิดความรัก หวงแหน ปกป้อง และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ให้คงอยู่ตลอดไป

 
 
 
 

 

ที่มา http://www.rta.mi.th/21000u/king_project1/Thai/Central/ChaChoengSao-Chon-RaYong-Chun01-(5Provincial)Main(Q-Con).html
โดยคุณ piyabhut เมื่อวันที่ 02/06/2010 22:34:39


ความคิดเห็นที่ 3


ตอนนี้ผมได้เข้ามาทำงาน เป็น อชร.ทพ. กรมทหารพรานที่ ๑๓

ทำงานด้านอนุรักษ์ป่ารอยต่อ ๕ จังหวัด มีหน้าที่สนับสนุนกิจกรรมทหาร

พรานเกี่ยวกับการอนุรักษ์ป่า และใช้ชีวิตในป่า ออกลาดตระเวนร่วมกับ

พี่ๆทหารพรานจึงอยากเชิญชวนท่านที่สนใจ กิจกรรมทหารพรานและการ

อนุรักษ์ป่าเข้ามาทำงานร่วมกับกลุ่ม โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆครับ

ภาพการฝึกทบทวน อชร.ทพ.


โดยคุณ piyabhut เมื่อวันที่ 02/06/2010 22:38:06


ความคิดเห็นที่ 4


ออกปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนในเขตป่ารอยต่อ ๕ จังหวัด เขต ชลบุรี


โดยคุณ piyabhut เมื่อวันที่ 02/06/2010 22:39:32


ความคิดเห็นที่ 5


ออกปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนในเขตป่ารอยต่อ ๕ จังหวัด เขต จันทบุรี


โดยคุณ piyabhut เมื่อวันที่ 02/06/2010 22:40:08


ความคิดเห็นที่ 6


เยี่ยมชุดปฏิบัติการของ กรม.ทพ.๑๓ ในเขตป่ารอยต่อ ๕ จังหวัด เขต

ฉะเชิงเทรา


โดยคุณ piyabhut เมื่อวันที่ 02/06/2010 22:41:12


ความคิดเห็นที่ 7


ออกปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนในเขตป่ารอยต่อ ๕ จังหวัด เขต จันทบุรี


โดยคุณ piyabhut เมื่อวันที่ 02/06/2010 22:42:04


ความคิดเห็นที่ 8


ใช้ชีวิตกลางป่า


โดยคุณ piyabhut เมื่อวันที่ 02/06/2010 22:42:51


ความคิดเห็นที่ 9


มอบสาธารณูปโภค โอ่งเก็บน้ำดื่มให้ชุดปฏิบัติการ เขาสิบห้าชั้น จ.

จันทบุรี


โดยคุณ piyabhut เมื่อวันที่ 02/06/2010 22:44:03


ความคิดเห็นที่ 10


ภาพกิจกรรมต่างๆที่เราได้ทำมาครับ

ภาระกิจลาดตระเวน ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ของอาสาช่วยรบทหารพรานกรมทหารพรานที่ ๑๓

http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8426784/E8426784.html

กิจกรรมอาสาช่วยรบทหารพราน กรมทหารพรานที่ ๑๓ เยี่ยมชุดปฏิบัติการเขาสิบห้าชั้น อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8587862/E8587862.html

กิจกรรมบริจาคโอ่งซีเมนต์เก็บน้ำดื่มและย้ายฐานปฏิบัติการเขาสิบห้าชั้น อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี ครั้งที่ ๒

http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8630163/E8630163.html

ภารกิจลาดตะเวนป่ารอยต่อ ๕ จังหวัด วันที่ ๑-๒ พฤษภาคม ๒๕๕๓ อาสาช่วยรบทหารพรานกรมทหารพรานที่ ๑๓

http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9209066/E9209066.html

กิจกรรมอาสาช่วยรบทหารพราน กรมทหารพรานที่ ๑๓ มอบกระดานไวบอร์ดและออกลาดตะเวน ป่ารอยต่อ ๕ จังหวัด เขตบ่อทอง ชลบุรี

http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9261430/E9261430.html

ภาพกิจกรรมอาสาช่วยรบทหารพราน กรมทหารพรานที่ ๑๓ ปฏิบัติหน้าที่ ๒๑ - ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ณ อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี

http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9316359/E9316359.html

โดยคุณ piyabhut เมื่อวันที่ 02/06/2010 22:45:36


ความคิดเห็นที่ 11


และตอนนี้เราได้ทำเว็บของกลุ่มเรา

 http://www.blackarmy13.com

เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมของกลุ่ม อชร.ทพ.๑๓

ซึ่งเพื่อนๆพี่ท่านใดสนใจจะร่วมกิจกรรมของเรา

ทางกลุ่มเรายินดีเป็นอย่างยิ่งและไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นในการเข้ามา

ร่วมงาน

 

ขอบคุณพื้นที่ให้ประชาสัมพันธ์ครับ

โดยคุณ piyabhut เมื่อวันที่ 02/06/2010 22:47:42


ความคิดเห็นที่ 12


แอด web เป็น fav ไปแล้วครับ สนใจกิจกรรมนี้ครับ ตอนนี้ผมก็รับราชการอยู่ (ลูกประดู่) กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ รอให้่พ้นช่วงนี้ไปก่ิอน แล้วผมจะเข้ามาสอบถามข้อมูลอีกทีนะครับ
โดยคุณ extremeflying เมื่อวันที่ 04/06/2010 09:27:21