หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


Thai Navy Future Frigate!!!

โดยคุณ : xxxd3v1llexxx เมื่อวันที่ : 27/06/2010 10:14:01

can this be in Thai Navy Future Frigate list??? because i very love it... and the price is cheaper than the american and europe...


TYPE 54A FRIGATE!!

http://img.blog.yahoo.co.kr/ybi/1/24/56/shinecommerce/folder/54/img_54_16175_5?1252280263.jpg




ความคิดเห็นที่ 1


Type 054a - Jiangkai-ii Class - Missile Frigate Boats  3D Models
โดยคุณ xxxd3v1llexxx เมื่อวันที่ 25/06/2010 01:05:39


ความคิดเห็นที่ 2


Displacement: 4,000 tonnes
Length: 134 m (440 ft)(CCTV report)
Beam: 16 m (52 ft) (CCTV report)
Propulsion: CODAD, 4 x SEMT Pielstick 16 PA6 STC diesels, 5700 kW (7600+ hp @ 1084 rpm) each
Speed: 30 kn estimated
Range: 3,800 miles estimated
Sensors and
processing systems:

Type 382 Radar (Updated from Type 381 "Sea Eagle S/C") 3D air/surface search radar
Type 344 (Mineral-ME Band Stand) OTH target acquisition and SSM fire control radar
4 x Type 345 (MR-90 Front  Dome) SAM fire control radars
MR-36A
surface search radar, I-band
Type 347G 76 mm gun fire control radar
2 x Racal RM-1290 navigation radars, I-band
MGK-335 medium frequency active/passive sonar system
ZKJ-4B/6 (developed from Thomson-CSF TAVITAC) combat data system
HN-900 Data link (Chinese equivalent of Link 11A/B, to be upgraded)

SNTI-240 SATCOM
Electronic warfare
and decoys:
Type 922-1 radar warning receiver
HZ-100 ECM & ELINT system
 Armament:       1 x HQ-16 32-cell VLS SAM launcher
                        2 x 4 C-803 anti-ship / land attack cruise missiles
                        1 x 76 mm dual purpose gun
                        2 x Type 730 7-barrel 30 mm CIWS guns
                        Triple 324 mm YU-7 ASW torpedoes
                        2 x Type 726-4 18-tube decoy rocket launchers
โดยคุณ xxxd3v1llexxx เมื่อวันที่ 25/06/2010 01:10:50


ความคิดเห็นที่ 3


มุมมองของผม

กองทัพเรือยังไม่ควรมีเรือฟริเกตป้องกันภัยทางอากาศ เพราะภารกิจทับซ้อนกับของกองทัพอากาศ

ส่วนคุณลักษณะเรือฟริเกตในอนาคตของกองทัพเรือ

ระวางขับน้ำ 3,500 - 4,000 ตัน

ความเร็วสูงสุดที่ระวางขับน้ำเต็มที่ 28 - 30 น๊อต

อาวุธ

- ปืนใหญ่ขนาด 127 ม.ม. 1 กระบอก

- ปืน 30 หรือ 40 ม.ม. 2 กระบอก (แท่น)

- SSM 8 ท่อยิง

- Aspide 1 แท่น 8 ท่อยิง (แบบที่ติดบน ร.ล.สุโขทัย)

- CIWS เป็นแบบอาวุธนำวิถี (Simbad)

- แท่นยิงตอร์ปิโดปราบเรือดำน้ำ 2 แท่นยิง (1 แท่น 3 ท่อยิง)

- ฮ.ปราบเรือดำน้ำ

- มีโรงเก็บ ฮ.

- ส่วนระบบควบคุมการยิง เรด้าร์ โซน่า และอุปกรณ์ EWF ต่างๆให้เป็นระบบที่สอดคล้องกับการมีประจำการอยู่เพื่อลดภาระในการซ่อมบำรุง

- ออกทะเลได้ 30 - 45 วัน

เท่านี้ก็หรูมากแล้ว

โดยคุณ น่าคิด เมื่อวันที่ 25/06/2010 03:10:24


ความคิดเห็นที่ 4


ในความคิดของผมนั้นเห็นว่า ปัจจุบันอาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยานที่ใช้บนเรือในปัจจุบันของกองทัพเรือนั้น สมารถป้องกันได้แค่เฉพาะเรือลำที่ติดตั้งเท่านั้น ไม่สามารถที่จะป้องกันภับให้กับเรือลำอื่นหรือกองเรือได้ ในมุมมองของผมจึงมองว่า การจัดหาเรือฟริเกตสมรรถนะสูงสำหรับภารกิจป้องกันภัยทางอากาศให้กับกองเรือนั้นมีความจำเป็น ซึ่งการที่จะหวังเพียงกองทัพอากาศเข้าสกัดกั้นเครื่องบินข้าศึกอย่างเดียวดูจะเป็นการเสี่ยงหากเกิดมีเครื่องบินฝ่ายตรงข้ามส่วนหนึ่งสามารถหลุดลอดเข้ามาปล่อยจรวดโจมตีเรือได้ นั่นย่อมหมายถึงความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงหากเรือลำใดลำหนึ่งต้องโดนจรวดนำวิถีพุ้งเข้าชน ซึ่งหากมีเรือในกองเรือลำใดลำหนึ่งมีระบบป้องกันภัยทางอากาศให้กับกองเรือจะจะป้องกันเครื่องบินส่วนนั้นได้อีกชั้น อีกทั้งเครื่องบินที่หลุดเข้ามาก็ต้องระวังภัยที่จะโดนสวนกลับเหมือนกันก็จะไม่กล้าที่จะเข้าใกล้กองเรือมากนัก การปล่อยจรวดโจมตีเรือก็จะต้องปล่อยในระยะไกลซึ่งจะทำให้กองเรือมีเวลาตั้งตัว
โดยคุณ เด็กทะเล เมื่อวันที่ 25/06/2010 03:48:50


ความคิดเห็นที่ 5


It looks Okay, but if Thai Navy select it , I think we will do as Naraesuon class. ( only body.....  all electronics warfare  must be NATO standard to links with others)  Problem is......     even Naraesuon class ,  we cant finish yet.!
โดยคุณ nui-714 เมื่อวันที่ 25/06/2010 06:28:57


ความคิดเห็นที่ 6


เราลอง ลิสรายชื่อ กองทัพอากาศของเพื่อนบ้านดูกันจริงๆดีไม๊ว่า

ประเทศไหนมีเครื่องบินและ ASM อะไรบ้างที่จะคุกคามกองเรือของไทยได้บ้าง

โดยคุณ น่าคิด เมื่อวันที่ 25/06/2010 06:49:14


ความคิดเห็นที่ 7


ส่วนตัวก็เชียร์ให้ท.ร.มีเรือที่ติดตั้งแซมระยะกลาง 20-50ก.ม. ไว้ต่อตีอากาศยานข้าศึก เพื่อป้องกันด่านแรก ซึ่งหากมีแต่เรือที่ติดตั้งระบบป้องกันระยะประชิด คงไม่ดีนักเพราะเหมือนการวัดดวงใครครั้งเดียว แถมป้องกันในระยะใกล้เรือจนเกินไป ถ้าเรามีลูกยาวพอก็อาจจะสอยบ.ข.ข้าศึกได้ก่อนเขาจะลั่นไกยิงจรวดใส่เรือฝ่ายเรา ซึ่งหากเราไม่มีแซมระยะไกลนั้น ก็เท่ากับว่าปล่อยให้ข้าศึกบินวนอยู่ในระยะหวังผลยิงจรวดถล่มเรือเราไปเรื่อยๆโดยที่เราป้องกันจรวดได้อย่างเดียว

สำหรับภัยคุกคามท.ร.บ้านเราจริงๆคือชาติที่ใช้ บ.ข.จำพวก ซู-30 จากรัสเซียทั้งหลาย เพราะ บ.ข.จากรัสเซียมีอาวุธโจมตีเรือผิวน้ำ ค่อนข้างเยอะมากให้เลือกใช้ เคเอช-31/35 หรือ 3เอ็ม-80 มอสคิต รวมถึงบรามอสของอินเดียน่ะครับ ซึ่งล้วนแต่แรงๆทั้งนั้น

โดยคุณ MIG31 เมื่อวันที่ 25/06/2010 09:21:30


ความคิดเห็นที่ 8


ถ้าเอาแค่ที่แบกมากับเครื่องบินแล้วมีโอกาสกระทบกระทั่งกันเห็นจะมีแต่ Su-30mkm แบก Kh-31A ระยะยิง 50 km  ถ้านักบินของเขาปล่อยจรวดที่ระยะ 50 km พอดีเป๊ะซึ่งเรือเรารู้ไปก็ตอบโต้ไม่ได้แล้วเรดาห์เรือเราจับได้ทันที -*-  เราจะมีเวลาเตรียมตัวไม่ถึงหนึ่งนาทีก่อนจรวดกระทบเป้า มาลูกเดียวพอทำเนาแต่ในความเป็นจริงคงไม่ใช่แน่ๆ

ถ้าเรามี HQ-16 ระยะยิง 42 km ประกอบกับในความเป็นจริงเขาไม่ยิงที่ระยะไกลสุด เราก็มีโอกาสที่จะตอบโต้ได้บ้างแต่เขาเผ่นหนีทัน แต่ถ้าเราได้ Aster-30 ละก็ ฮึฮึฮึ ไผสิลองของ
โดยคุณ Puriku เมื่อวันที่ 25/06/2010 09:45:25


ความคิดเห็นที่ 9


ซู-30 ใครมีประจำการบ้าง

แล้ว เคเอช-31/35 หรือ 3เอ็ม-80 มอสคิต ยืนยันที ใครมีประจำการบ้าง

ผลก็จะเหมือนกองทัพไทยที่ว่า

Jas 39 C/D ติดตั้ง RBS 15 ได้ แต่ไม่ได้ซื้อมาใช้ด้วย....

ยืนยันด้วยข้อมูลจริงๆทีเถอะครับ ถ้าได้ลิ้งค์แหล่งข่าวด้วยจะดีมาก

โดยคุณ น่าคิด เมื่อวันที่ 25/06/2010 12:17:49


ความคิดเห็นที่ 10


มันมาแล้วครับ มาเยอะซะด้วยสิ

ทาง Stockholm International Peace Research Institute เขาบอกมา


โดยคุณ Puriku เมื่อวันที่ 25/06/2010 14:03:50


ความคิดเห็นที่ 11


^

^

เยี่ยมครับ....

แล้วแนวโน้มการใช้กำลังระหว่าง ไทย มาเลเซีย มีระดับไหน แล้วศักยภาพของกองทัพอากาศไทย สูงพอที่ป้องกัน ป้องปราม ได้หรือไม่

ศักยภาพของกองทัพอากาศไทย และกองทัพเรือไทย เป็นรองของมาเลเซียอยู่พอสมควร โดยเฉพาะ R-27 และ AA-12 รวมกันแล้ว 300 ลูก

ส่วนกองทัพเรือก็ไม่ได้มี CIWS ติดตั้งบนเรือทุกลำ ส่วนเรือป้องกันภัยทางการไม่ต้องฝันถึงกันเลย แค่ระบบปล่อยอาวุธราคาก็สุดโหดแล้ว (VLS)

คำถาม....

บนสภาพของความเป็นจริงที่เป็นอยู่ กองทัพอากาศ และกองทัพเรือ จะมีแนวทางป้องกันตัวเองอย่างไร

โดยคุณ น่าคิด เมื่อวันที่ 25/06/2010 20:43:16


ความคิดเห็นที่ 12


กองทัพเรือ มีโครงการที่จะจัดหาเรือฟริเกต จำนวน 2 ลำ

โดยจะเป็นเรือที่มีสมรรถนะสูงด้านการป้องกันภัยทางอากาศ

ซึ่งก็ไม่เป็นการทับซ้อนกับกองทัพอากาศ

แต่อย่างไร/ใดๆ/เรื่องอะไร ทั้งสิ้น ครับ

 

โดยคุณ อู๊ด เมื่อวันที่ 25/06/2010 23:42:34


ความคิดเห็นที่ 13


ผมสนใจ HQ-16 นะครับ แต่ว่ามันจะใช้ร่วมกับเรดาร์ของกองทัพเรือได้หรือไม่
และประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือ
โดยคุณ sam เมื่อวันที่ 25/06/2010 23:48:28


ความคิดเห็นที่ 14


การที่จะจัดหาอาวุธเพื่อความมั่นคงแลสวัสดิการของตนเองไม่จำเป็นว่าจะต้องไปมีปัญหากับใคร แต่จัดหามาเพื่อความมั่นใจและอุ่นใจว่าเรามีและสามารถใช้งานอาวุธนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ต้องรอว่ามีภัยมาคุกคามแล้วจึงสรรหามาอาจจะไม่ทันการ เช่น การต่อเรือหนึ่งลำย่อมใช้เวลานานกว่าที่เครื่องบินจัดหาอาวุธมาติด ถ้ารอว่าข้างเคียงจัดหาอาวุธที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นภัยคุกคามแล้วจึงจัดหา กว่าจะได้ของมา กว่าจะฝึกจนใช้งานได้ก็คงสายเกินแก้หากเกิดปัญหาระหว่างกันขึ้นมา มีปืนแล้วใช้งานเป็นโจรขึ้นบ้าน ย่อมใช้งานปืนนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ กับ ได้ข่าวว่าจะมีโจรขึ้นบ้านแล้ววิ่งหาซื้อปืนกว่าจะได้โจรขึ้นบ้านเรียบร้อย เพื่อนสนิทใจดีให้ยืมปืนก็ดันใช้ไม่เป็นเพราะไม่เคยใช้ปืนแบบนี้คุมคุ้มกันหรือไม่ ปัจจุบันผลประโยชน์ ทรัพยากร พลังงาน และเศรษฐกิจ มันสร้างความขัดแย้งได้ตลอดเวลาถึงแม้ว่าปัจจุบันมันจะยังเป็นมิตร ดังนั้น การที่จะมีโครงการเรือฟริเกตสมรรถนะสูงป้องกันภัยทางอากาศไว้ก่อนก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร การตั้งโครงการขึ้นมาใช่ว่าจะต้องจัดหาให้ได้เสมอไปเพราะมันอยู่ที่ฝ่ายจัดการเรื่องงบประมาณเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่เชื่อว่าการที่จะตั้งโครงการขึ้นมาสักโครงการย่อมจ้องมีเหตุผลว่าทำไมจึงต้องมี ไม่ใช่แค่อย่ากมีแล้วตั้งโครงการ

โดยคุณ เด็กทะเล เมื่อวันที่ 25/06/2010 23:58:28


ความคิดเห็นที่ 15


ความประมาทเป็นหนทางสู่ความตายครับ ตอนนี้เรามัวแต่ประมาทชะล่าใจเพื่อนบ้านไป ปุ๊บปั๊ปเกิดอะไรมาแล้วจะเตรียมตัวไม่ทัน

โดยคุณ champ thai army เมื่อวันที่ 26/06/2010 00:43:32


ความคิดเห็นที่ 16


"บนสภาพของความเป็นจริงที่เป็นอยู่ กองทัพอากาศ และกองทัพเรือ จะมีแนวทางป้องกันตัวเองอย่างไร"


ถ้าเอาสภาพปัจจุบันผมสนับสนุนให้ิติดตั้ง CIWS ให้ครบเครื่องก่อนก็พออุ่นใจได้ระดับหนึ่ง ตอนออกงานก็กันใครกันมันไปก่อนพอถูๆไถๆไปได้ ถ้าสภาพการเงินพร้อมเมื่อใดค่อยจัดหาลูกยาวมาใช้ครับ
โดยคุณ Puriku เมื่อวันที่ 26/06/2010 01:12:44


ความคิดเห็นที่ 17


ให้.. ชุดรล นเรศวร ติด RIM-161 ESSM ในชุดบรรจุแบบ Dual Pack ซึ่งจะจุดจรวดได้ถึง 32นัด โดย ESSM นั้นยิงได้ไกล 27nmหรือราว 55กม.  ก่อนดีกว่าไม๊  ถ้ายังไม่มีงบจะจัดเรือป้องกันภัยทางอากาศจริงๆ
ปัญหาหลักๆคือ งบประมาณที่รัฐไม่สามารถหามาใช้..ใด้อย่างง่ายๆ
โดยคุณ fantom เมื่อวันที่ 26/06/2010 01:24:39


ความคิดเห็นที่ 18


ในเรื่องการจัดหาระบบโจมตีเรือรบติดตั้งอากาศยาน เพื่อนบ้านตอนนี้ยังไม่ได้จัดหาก็จริงอยู่ แต่อย่าลืมเขามีความพร้อมในการจัดหามากกว่าเรา หากเขาเล็งเห็นว่าสถานการณืไม่ค่อยดี เขาก็สามารถจัดหาด้วยงบประมาณไม่รออนุมัติ เหมือนบ้านเรา

อีกอย่างเรือรบดีๆลำเดียวอาจจะไม่เพียงพอพลิกเกมให้เหนือกว่าได้ ซึ่งปริมาณในการป้องกันของเรือทุกลำคือสิ่งสำคัญ รวมถึงการฝึกทำงานร่วมกันในสภาวะต่าง ระบบป้องกันมีหลายระดับอยู่ที่ว่าท.ร.จะเลือกแบบใด รวมถึงฝึกการใช้งานมากแค่ไหนน่ะครับ

โดยคุณ MIG31 เมื่อวันที่ 26/06/2010 02:00:48


ความคิดเห็นที่ 19


การจัดหาอาวุธนั้นไม่จำเป็นว่าต้องไปมีปัญหากับใคร ผมเห็นด้วยแต่แน่ใจได้อย่างไรว่า ใครเค้าจะไม่มีปัญหาอะไรกับเรา

ตามแผนการจัดหาเรือฟริเกตสมรรถนะสูง แน่ใจเหรอครับว่าจะเป็นเรือฟริเกตป้องกันภัยทางอากาศ

ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือเรือชั้นนเรศวร และ เรือชั้นพระพุทธยอดฟ้า ถูกจัดเป็นเรือชุดหลักๆในการคุ้มกันเรือธง แต่เรือทั้งสองชุดต่างมีจุดด้อยในเรื่องการป้องกันภัยทางอากาศ และการป้องกันตัวเอง

การจัดหาระบบโจมตีเรือรบติดตั้งอากาศยาน เพื่อนบ้านตอนนี้ยังไม่ได้จัดหาก็จริงอยู่ แต่อย่าลืมเขามีความพร้อมในการจัดหามากกว่าเรา ม่ใช่ว่าพร้อมแล้วจะซื้อได้เลยนะครับ ต้องสั่งต้องรอ ไม่เหมือนเดินเข้า เซเว่น (ไม่ได้ค่าโฆษณาใดๆทั้งสิ้น) ไปหยิบแล้วจ่ายตัง มันมีช่วงระยะเวลาที่จะทำอะไรได้อีกเยอะ

1. แนวทางคุณ Puriku  เป็นไปได้มากที่สุด ให้เรือฟริเกตติดตั้งระบบ CIWS ทุกลำ

2. ส่วนกองทัพอากาศต้อง อัพเกรด F-16 และ Jas 39 ให้ใช้ BVRAAM ได้ทุกลำ

2 โครงการเร่งด่วนในมุมมองของผม สำหรับกองทัพไทย

โดยคุณ น่าคิด เมื่อวันที่ 26/06/2010 02:50:24


ความคิดเห็นที่ 20


"การจัดหาอาวุธนั้นไม่จำเป็นว่าต้องไปมีปัญหากับใคร ผมเห็นด้วยแต่แน่ใจได้อย่างไรว่า ใครเค้าจะไม่มีปัญหาอะไรกับเรา"

นั่นแหละครับ ผมถึงมองว่าการตั้งโครงการจัดหาอาวุธเสียแต่เนิ่นๆเป็นสิ่งจำเป็นโดยอ้างอิงหลักการและเหตุผล ส่วนโครงการจะได้ดำเนินการตามมาทีหลังหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งสมมุติว่ามันเกิดไม่ได้จะต้องวางแผนรองรับอย่างไร

ส่วนในสถานการณ์ปัจจุบันนั้น ผมมองว่า เรื่อชุด ร.ล.นเรศวร นั้นมีการออกแบบรองรับการติดตั้งระบบอาวุธนำวิถีแต่ป่านนี้ก็ยังไม่ได้ติดเสียที ก็ควรจะมีการเริ่มต้นนำเนินการไปก่อนช่วงที่รอเรือฟริเกตสมรรถสูงป้องกันภัยทางอากาศชุดใหม่ดีกว่าปล่อยเนื้อที่ให้เสียเปล่าๆโดยไม่ใช้ประโยชน์ การที่จะติดตั้ง ESSM ในเรือชุด ร.ล.นเรศวร จึงเป็นสิ่งที่ควรกระทำ

ส่วนเรือชุด ร.ล.พระพุทธยอดฟ้า นั้นเท่าที่ดูแล้วจะเน้นไปในทางปราบเรือดำน้ำเป็นหลักด้วยจรวดแบบ แอสร็อค จึงไม่ได้เน้นไปที่การป้องกันภัยทางอากาศ จะมีเพียงแต่ ฟาลังก์ เท่านั้นที่ไว้สำหรับป้องกันระยะประชิด และการจะปรับปรุงเพื่อติดอาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยานดูจะไม่คุ้มค่าเพราะเป็นเรือที่เก่า

แต่ทั้งนี้จะไม่ขอเอ่ยถึงจรวดพื้นสู่พื้นและปืนเรือที่มีอยู่ในเรือฟริเกตอยู่แล้ว

โดยคุณ เด็กทะเล เมื่อวันที่ 26/06/2010 04:10:48


ความคิดเห็นที่ 21


Formidable Class Frigate ( La fayette Class Frigate )

  ไม่ต้องถึงกับ หมัดยาวมาก เอาอย่างน้อย ASTER-15 ก็ดี

    ความจำเป็น สำหรับ เรือฟริเกต ป้องกันภัยทางอากาศ ผมว่าจำเป็นมากครับ

    ไม่ต้องพูดถึงเรื่อง ฟริเกต ป้องกันภัยทางอากาศ ดีกว่า

   เอาเป็นว่า เรือฟริเกต อเนกประสงค์ ดีกว่ามั๊ยครับ 

    แบบว่า สามารถ ใช้ป้องกัน ภัยทางอากาศได้ด้วย ใน ระดับหนึ่ง

    และการรบต่อตี เรือผิวน้ำด้วยกันเอง


    Formidable Class ตอบ โจทย์ ได้ดีที่สุดแล้วครับ
โดยคุณ TOP SECRET เมื่อวันที่ 26/06/2010 05:26:01


ความคิดเห็นที่ 22


Formidable class, Singapore
Very modern French designed stealth frigates. My personal favorite.


โดยคุณ xxxd3v1llexxx เมื่อวันที่ 26/06/2010 07:38:06


ความคิดเห็นที่ 23


Takanami class, Japan


โดยคุณ xxxd3v1llexxx เมื่อวันที่ 26/06/2010 07:38:51


ความคิดเห็นที่ 24


Gwanggaeto the Great Class, South Korea


โดยคุณ xxxd3v1llexxx เมื่อวันที่ 26/06/2010 07:39:39


ความคิดเห็นที่ 25


Upgraded Cheng Kung class, Taiwan
Closely derived from the US Oliver Hazard Perry class, these ships have additional AAA and a much more powerful anti-ship fit.

โดยคุณ xxxd3v1llexxx เมื่อวันที่ 26/06/2010 07:40:13


ความคิดเห็นที่ 26


SAMs
โดยคุณ xxxd3v1llexxx เมื่อวันที่ 26/06/2010 07:41:02


ความคิดเห็นที่ 27


CIWS

The Korean ship is the natural winner here with two 30mm Goalkeepers giving a full 360 degree coverage against sea-skimming missiles. Takanami also has 360 degree coverage but with the less potent Phalanx. The Chinese Type-54A has good coverage with the potentially excellent Type-730s plus a DP gun forward but has a nagging blind spot at the rear that keeps it from top place. Formidable appears the weakest and in purely CIWS that is true, but I think the Singaporeans are placing their faith in the awesome Aster-15 anti-missile missiles.



โดยคุณ xxxd3v1llexxx เมื่อวันที่ 26/06/2010 07:42:26


ความคิดเห็นที่ 28


Anti-Ship

This is going to be a surprising result for many. With its mix of Hsiung-Feng III supersonic long range missiles and Hsiung-Feng II long range dual-guidance subsonic missiles the Taiwanese Cheng Kung class is the clear leader.





Anti-Submarine

The much larger “ASW Destroyer” Takanami class has the distinct advantage in this aspect, carrying ASROC missiles and a very advanced sonar fit.


โดยคุณ xxxd3v1llexxx เมื่อวันที่ 26/06/2010 07:43:46


ความคิดเห็นที่ 29


โดยคุณ xxxd3v1llexxx เมื่อวันที่ 26/06/2010 07:50:35


ความคิดเห็นที่ 30


La Fayette class frigate


http://en.wikipedia.org/wiki/La_Fayette_class_frigate
โดยคุณ TOP SECRET เมื่อวันที่ 26/06/2010 09:48:40


ความคิดเห็นที่ 31


La Fayette class frigate


http://en.wikipedia.org/wiki/La_Fayette_class_frigate
โดยคุณ TOP SECRET เมื่อวันที่ 26/06/2010 09:51:03


ความคิดเห็นที่ 32


ผมเห็นด้วยที่กองทัพเรือต้องมีเรือป้องกันภัยทางอากาศ  เพราะหากต้องพึ่งกองทัพอากาศอาจจะไม่ทันการ และสามารถป้องกันภัยกองเรือได้อีกด้วย

โดยคุณ 2324 เมื่อวันที่ 26/06/2010 23:13:58


ความคิดเห็นที่ 33


จากข้อมูลของคุณ : xxxd3v1llexxx

ส่วนตัวผมว่า KDX I จากเกาหลี น่าจะเหมาะสมกับกองทัพเรือไทย

ปรับเปลี่ยนอาวุธนิดหน่อย

1.Goalkeeper ด้านหลังถอดออก ติด Aspide แทน ด้านหน้าติด Phalanx แทน

2.ปืนใหญ่ 127 ม.ม. เปลี่ยนจากของอิตาลี เป็นของอเมริกา

เพราะ ระบบ VLS แพงมาก ประกอบกับ ปืนใหญ่ 127 ม.ม. Aspide และ Phalanx มีประจำการอยู่แล้ว

KDX II ใหญ่และแพงไปหน่อย (ถึงอยากให้จัดหาก็เถอะ)

โดยคุณ น่าคิด เมื่อวันที่ 26/06/2010 21:34:55


ความคิดเห็นที่ 34


KDX I

http://en.wikipedia.org/wiki/Gwanggaeto_the_Great_class_destroyer

 

KDX II

http://en.wikipedia.org/wiki/Chungmugong_Yi_Sun-sin_class_destroyer

 

โดยคุณ น่าคิด เมื่อวันที่ 26/06/2010 21:41:07