คณะ
รัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ชวนนิติภูมิพูด ทิศทางและบทบาทของ emerging market ใน
เวทีโลก : ท่าทีของไทย รับ
ใช้ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงอุตสาหกรรม ๖๐ คน ที่โรงแรมเดอะทวิน
ทาวเวอร์ (ปทุมวัน) ถนนพระราม ๖ ตัดใหม่ กทม.จันทร์วันนี้ เวลา ๑๓.๐๐-๑๖.๐๐
น.
นิติ
ภูมิเรียนรับใช้ผู้อ่านท่านที่เคารพไปเมื่อวันศุกร์
ถึงกรณีที่ดาโต๊ะศรีอิดริส จาลา รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาประกาศว่า
มาเลเซียอาจจะล้มละลายในอีก ๙ ปีข้างหน้า เหตุเพราะมีหนี้สินรุงรัง
หนี้ที่ว่าจะเพิ่มมากขึ้นไปจนถึงร้อยละ ๑๐๐ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ
หรือจีดีพี ใน พ.ศ. ๒๕๖๒
มี
น้อยประเทศนะครับ ที่กล้าปล่อยมีหนี้สินบานเบอะเยอะแยะมากถึง ๑๐๐% ของจีดีพี และถ้าเวลานั้นมาถึงจริงๆ ประเทศก็ต้องล่มจมล้มแน่นอน
ผู้
อ่านท่านก็คงจะเคยทราบว่า ดร. มหฎิร มุฮำหมัด
นายกรัฐมนตรีที่บริหารมาเลเซียระหว่าง ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๒๔ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๔๖ เป็นคนขยัน มีสติปัญญาดี หาเงินเก่ง
บินไปเปิดตลาดค้าขายให้มาเลเซียทั่วโลก
๒๒
ปีที่ ดร.มหฎิรบริหาร มาเลเซียไม่ค่อยประสบพบปัญหา
อาการ
เจ๊งของมาเลเซียก็เริ่มอึมครึมในยุคอับดุลลอฮ์ อะหมัด บาดาวี
แต่มาออกฤทธิ์จริงๆ
ก็ในยุคที่บัณฑิตอังกฤษคนนี้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีนี่แหละ
อาจ
เป็นเพราะนายนาจิบ ตุน ราซัก
นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของมาเลเซียเกิดในครอบครัวดี
และได้รับการประคบประหงมมากจนเกินไป แกจึงขาดประสบการณ์ชีวิต ครั้นอายุ ๒๕
ปีก็ได้ดีเป็นรัฐมนตรีช่วย จากนั้นก็เป็นรัฐมนตรีว่าการมาตลอด
ทั้งชีวิตไม่เคยทำมาหากินเลี้ยงปากท้องของตัวเองเลย
เมื่อเป็นนายกรัฐมนตรีก็เลยมองไม่ออกว่า อ้า
ทำยังไงถึงจะให้มาเลเซียมีสถานะทางเศรษฐกิจดีเหมือนเดิม
รม
ต.
ดาโต๊ะศรีอิดริสจึงออกมาแนะนำให้รัฐบาลยุคนี้ยกเลิกเงินอุดหนุนทั้งหลายที่
เคยให้มาในอดีต เพื่อประหยัดรายจ่าย
และให้ผู้คนประชาชนรู้จักคุณค่าของเงินที่ต้องหามาด้วยตัวเอง
ไม่ใช่เอาแต่แบขอจากรัฐบาล
ตอน
นี้มาเลเซียหน้ามืดถึงขนาดเมื่อ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๓ รัฐบาลต้องทำพิธีเปิด Makmal
Rasionalisasi Subsidi แปลจากภาษามาเลย์มาเป็นภาษาไทยก็น่า
จะได้ว่า ศูนย์ปฏิบัติปรับปรุงการให้เงินอุดหนุน
หน้าที่ของศูนย์นี้ก็คือ ทำหน้าที่รับฟังข้อเสนอแนะ
และติดตามกระแสจากประชาชน ว่าประชาชนจะด่าว่ายังไงบ้าง หลังจากที่รัฐบาล เลิกให้เงินอุดหนุน
และนำประเทศไปสู่การรัดเข็มขัด
มาเลเซีย
อาจเจ๊ง เพราะรัฐบาลที่ผ่านมาแจกเพลิน ผู้อ่านท่านเชื่อไหมครับ เมื่อ
พ.ศ.๒๕๕๒ ปีที่แล้วเพียงปีเดียว
รัฐบาลมาเลเซียแจกเงินอุดหนุนให้ประชาชนคนมาเลเซียมากถึง ๗.๔
หมื่นล้านริงกิต เป็นเงินไทยก็ ๗.๔ แสนล้านบาท โดยแยกเป็นอุดหนุนด้านสังคม
๔.๒๘ หมื่นล้านริงกิต สินค้าเชื้อเพลิง ๒.๓๕ หมื่นล้านริงกิต สาธารณูปโภค
๔.๖ พันล้านริงกิต และสินค้าบริโภค ๓.๑ พันล้านริงกิต
ความ
ที่รัฐบาลต้องการหาเสียงด้วยการแจกเงินอุดหนุน
เงินไม่มีก็ไปกู้หนี้ยืมสินคนอื่นมาใช้จ่าย พอถึงเวลาทำงบประมาณ
ก็ต้องทำงบประมาณขาดดุล เพื่อจะได้กู้มาแบ่งปันกันโกงเพิ่ม เอ๊ยไม่ใช่
เพื่อที่จะได้กู้มาแจกประชาชนคนทั่วไปเพิ่ม เมื่อคนจนได้เงิน
คนรวยที่มีเส้นสายก็ใส่ชื่อลงไปเพื่อให้ได้รับการอุดหนุนบ้าง
ไม่
ว่าครอบครัว บริษัท หรือประเทศชาติบ้านเมืองก็เหมือนกันนะครับ
ถ้าปัญหาเศรษฐกิจเข้ามาทางประตู
ความรักสมัครสมานสามัคคีที่เคยมีก็จะออกไปทางหน้าต่าง
ความรักกันในประเทศจะมีได้ยังไงครับ
ถ้ารัฐมนตรีโคตรโกงยังอยู่ในสังคมได้อย่างเชิดหน้าชูตา
และได้รับการยอมรับจากผู้คนชนทุกระดับชั้น
ประชาชนคนในประเทศเห็นอย่างนี้ก็เสื่อมศรัทธา
ไม่มีกะจิตกะใจทำงานหาเงินเพื่อเสียภาษีให้รัฐ
ที่จริงเศรษฐกิจมาเลเซียจวนเจียนจะเจ๊งมาหลายครั้งแล้ว
แต่กลุ่มคนมาเลเซียเชื้อสายจีนและอินเดียแก้ไขได้ทันท่วงทีทุกที
ผู้อ่านท่านก็ทราบ ว่าจีนกะอินเดียนี่ค้าขายเก่ง
ปัจจุบัน
ลูกหลายคนจีนกะอินเดียหนีออกไปลงหลักปักฐาน
สร้างชีวิตใหม่ในประเทศที่มีธรรมาภิบาลสูงอย่าง แคนาดา สหรัฐอเมริกา
ออสเตรเลีย ฯลฯ ปล่อยให้คนเชื้อสายมาเลย์แท้ๆ ที่ทำมาหากินอะไรไม่ค่อยเป็น
อยู่กันอย่างยากจนคาประเทศ ความสงบสุข ความจงรักภักดีที่เคยมีมาแต่ก่อน
ตอนนี้ก็ลดหดหายไปเยอะ
แม้
แต่พระรานีแห่งรัฐกลันตัน เติงกูอานิส เติงกูอับดุลฮามิด
ซึ่งแต่ก่อนง่อนชะไร พระสวามีและพระองค์ทรงมากด้วยบารมี
ถึงวันนี้ใครฟังพระองค์ทรงรับสั่งแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ทรงรับสั่งว่า
พระองต้องการเข้ารับการคุ้มกันในโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์แห่ง
มาเลเซีย วิทยาเขตกูบังเกอเรียน
เนื่องจากทรงเกรงว่าจะถูกตำรวจจับและต้องการประทับอยู่ใกล้พระสวามีผู้เป็น
สุลต่านแห่งรัฐกลันตัน
พยายามจะเปรียบเทียบเหมือน ประเทศ สารขันธ์ ป่าว....
หุหุ....บ่อยครั้ง..พักหลังๆ..อ่าน ดร.ท่านนี้ ต้องวิเคราะห์ ตาม ด้วยนะครับ.....
คนไทยเรามักเชื่อ ในสิ่งที่ คนมี คำว่า ดร. นำหน้า..พูด หรือเขียน โดยไม่พิจารณา....
อ่านแล้วนำไปคิดวิเคราะห์แล้วเป็นประโยชน์แน่นอนครับ
อาการ เจ๊งของมาเลเซียก็เริ่มอึมครึมในยุคอับดุลลอฮ์ อะหมัด บาดาวี แต่มาออกฤทธิ์จริงๆ ก็ในยุคที่บัณฑิตอังกฤษคนนี้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีนี่แหละ
อาจ เป็นเพราะนายนาจิบ ตุน ราซัก นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของมาเลเซียเกิดในครอบครัวดี และได้รับการประคบประหงมมากจนเกินไป แกจึงขาดประสบการณ์ชีวิต ครั้นอายุ ๒๕ ปีก็ได้ดีเป็นรัฐมนตรีช่วย จากนั้นก็เป็นรัฐมนตรีว่าการมาตลอด ทั้งชีวิตไม่เคยทำมาหากินเลี้ยงปากท้องของตัวเองเลย เมื่อเป็นนายกรัฐมนตรีก็เลยมองไม่ออกว่า อ้า ทำยังไงถึงจะให้มาเลเซียมีสถานะทางเศรษฐกิจดีเหมือนเดิม
ฮืม วิเคราะห์ได้ ตรงใจ ผม และ หลาย ๆคน ในบอร์ด จริง ๆ
อ่าน เถอะครับ จะได้รับความฉลาด เพิ่มขึ้น
" ดูซิจะโดน ลบ หรือ เปล่านะ "
เหอะๆๆ ประเทศสารขัณธ์
ขออนุญาติปิดกระทู้ครับ