หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


คิดแล้วนอนไม่หลับทุกคืน น้ำตาก็ไหล

โดยคุณ : npru494233440 เมื่อวันที่ : 15/07/2010 10:52:01

ทุกๆวันเพื่อนบ้านเราจะแชงเราไปหมดแล้ว แต่เรายังมาทะเลาะกันอยู่เลย และสิ่งๆต่างๆที่สมควรทำกันก่อนก้ไม่ทำ กับไปทำอะไรที่ยังไม่เหมาะจะทำตอนนี้ ทั้งรถเมล

ที่เราผลิตให้สามารถวิ่งได้ด้วยไฮโดเจน กับไปเอาNGV

รถไฟที่ต้องเปลี่ยนระบบใหม่หมดก้ไม่เปลี่ยนแค่ซ่อมให้วิ่งได้  ทั้งๆที่สภาพก้แต่ไม่ไหว ทีรถประจำตำ แหน่ง สส เก่า ก็เปลี่ยน

ตอนนี้ไม่ต้องถึงรถไฟความเร็วสูงหรอกครับแค่ เปลี่ยนรถไฟเป็นรุ่นใหม่วิ่งได้ 120 -160 กิโลเมตร เป็นระบบรางคู่ทั้วประเทศ ขยายรางเข้าเพิ่มไปในเขตที่ต้องการใช่งานและขนส่งสินค้าต่างๆออกมาขายต้นทุนก็ถูกลง ราคาสินค้าก็ถูกตามและแข่งขันได้ หน้าแล้งไม่มีน้ำก็สร้างเขื่อนเพิ่มอีกสักนิด และสร้างแหล่งรวมน้ำที่ไดมาเก็บไว้เป็นระบบ มีแผนจักการน้ำที่ดี แบบตอนที่ผมไปทำกิจกรรมที่ มาเลเชีย

ภูเข้าทุกลูกมีต้นปามและจัดทำเป็นแบขั้นกะได มีล่องระบายน้ำและร่องลับน้ำและไหลไปร่วมกันที่แหล่งเก็บน้ำเอาไว้ใช้ ส่วนปลามก้ยังขายได้อีกมหาสาร การศึกษามีให้กุ้แต่ไม่พอเพราะมันแพงขึ้น ทำไมไม่ทำให้ถูกลงแทนที่จะปล่อยกู้ เพราะถ้าการศึกษาถูกลงครอบครับขอนักศึกษาก็ส่งเรียนได้ เงินที่เหลือจากการศึกษาก้เก็บบางส่วน และบางส่วนก็นำไปชื้อของใช้ ตอนที่ผมเป็นนักศึกษาแล้วรับจ้างอาจารย์ขายอุปกรณ์ IT ตามนั้นในมหาลัยต่างๆผมขายให้อาจารย์ได้ต่ำวันละเกือบหมื่น ถ้าขายดีก็เกือบ 2 หมื่น ขนานเศษฐกิจไม่ค่อยดี ผมได้ค่าจ้างวันละ 300 บาทก้พอให้แล้วครับ

ส่วนของกองทัพ ต้อนนี้ก่อนทัพไม่ได้ขยายหรือสร้างแสงยานุภาพแต่อย่างไรแต่เพรียงคงแสนยานุภาพไว้ปกป้องชาติ และพวกเราทุกคน ก็ยังไม่สามารถทำได้เลย

ทำไม่ครับทั้งๆที่สำศัญไม่แพ้สิ่งอื่นใด้บอกว่าเศษฐกิจไม่ได้นะครับเพราะถ้าไม่มีชาติ เศษฐกิจดีก็เท่านั้น แค่ชื่อเครื่องบินขับไล่ทดแทนขอเก่ากว่าจะได้ ได้ก้ไม่ พอ ไม่ครบแค่ฝูงเดียว แล้วยังมีอีกหลายฝูงที่ต้องชื่อทดแทนจะทำไง

รถถัง 300 คันทั้ง m48 m41 ที่ใช่มาตั้งแต่ผมยังไม่เกิด ทั้งๆที่ ต้องหาทดแทนนานแล้วกลับไม่ได้ รถเกาะ4x4 ที่จะนำมาใช้คุ้มครองเจ้าหน้าที่และครู รวมไปถึงประชาชน กับไม่ได้ได้ไม่ครอบทั้งๆที่สามารถผลิตได้เอง

เรือรบใหม่ๆที่จะจัดหาทดแทนก้ไม่มีงบให้จนต้องเกรงใจเพื่อนบ้านรอบๆเราแทน เราแค่เอามาทดแทนและถ่วงอำนาจและผลประโยชน์ของชาติเราแค่นี้ไม่ได้เลยหรอครับ ทั้งเรือดำน้ำและอื่นๆที่กองทัพเรือจำเป็นต้องมีกลับไม่ได้งบมาจักชื้อ

ภาคการเกษตร ก็ทำแต่เดิมๆทำด้วยเคมี แทนท่จะสนับสุนให้มีเกรษตรแบบใหม่แบบผสมผสาร แบบพอเพียง แบบอทริยสาร ก็ไม่ได้รับการสนับสนุนชักเท่าไร เกษรตกรเราถึงลำบากทุกวันนี้ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะขอคนไทย นำใจความรับ มันค่อยๆเลือนหายไปแล้วครับพี่ๆเพื่อนๆ

ผมเห็นคนแก่ถูกทิ่ง คนขอทาน คนเก็บขยะ คนจนที่ต้องเลี้ยงดูครอบครับตามรายการวงเวียนชีวิต ไปพร้อมกับเห็นวัยรู่นไทย แข่งรถ กินเหล้าสุบรี่ กิน MK กิน KFC

เที่นวกันแฟน มันต่างกันมากแล้วประเทศเราจะเป็นไงวันข้างหน้า ทุกวันนี้ผมก้ช่วยคนที่เดือนร้อนได้ตามกำลังของผม พร้อมทั้งทำกิจกรรมต่างๆเพื่อหาเครือข่ายมาช่วยกันทำงานเพื่อมวลชล

แต่ช่วงนี้ไม่ได้ทำแล้วเพราะเรียนจบทำงานแล้วผมทำได้เท่านี้เอาหรอถามตัวเอง และจะเกิดมาทำไม ผมอาจจะดูเหมือนคนสติแตกไปแล้วถึงแม้กระทูจะถูกลบผมอย่าเห็นพี่ๆเพื่อนๆมาช่วยกันแสดงความคิดเห็น กระทูผมไม่เกียว

กับการเมือนนะขอรับ

 

 





ความคิดเห็นที่ 1


ผมเคยเห็นแล้วครับ  คนที่เป็นอย่างเจ้าของกระทู้  ก็เพื่อนผมเอง แหล่ะ ทำไมประเทศไทยเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างงี้ ทำไมคนในประเทศเป็นอย่างงี้ สุดท้ายรับไม่ได้ (ฟิวส์ขาดเหมือนเจ้าของกระทู้) สุดท้ายไปนั่งขายของอยู่บ้าน  งานการไม่ทำ นั่งเพ้ออยู่บ้าน เรียนวิศวะมาก็ป่าวประโยชน์ ทั้งที่เรียนเก่ง

ในขณะอีกคน ตอนเรียน ลุ่มๆดอนๆ สนใจไหมว่าประเทศนี้ จบมาแล้วจะเป็นอย่างไร จะได้ทำงานอย่างที่หวังไหม จะได้เป็นวิศวกรที่ได้ทำงานออกแบบอย่างที่หวังไหม  คำตอบคือไม่หวังเลย ขอแค่จบให้ตูทำงาน routine ก็เอา ไม่เกี่ยวข้องกับการออกแบบก็เอา แต่สุดท้ายเมื่อมันทำงานไปนานๆเข้า มันก็เข้าไปเกี่ยวข้องกับงานออกแบบอยู่ดี

สรุปสุดท้าย อย่าเอาปัญหามากองอยู่ตรงข้างหน้าและก้าวไม่ออก จงก้าวไปข้างหน้าซะ  (ปัญหามีไว้พุ่งชน) ท้ามัวแต่ท้อมันก็คาราคาซังอย่างงั้น  และก็อีกอย่างนะครับ ปัญหาใกล้ตัวของคุณ  คุณได้ทำมันดีที่สุดหรือยัง ถึงคุณเรียนเก่ง แต่ขาดความอดทน จนไม่ทำงาน  คุณก็ยังมีคุณค่าน้อยกว่าคนที่เรียนไม่เก่งแต่ทำงาน เพราะเสียภาษีให้รัฐ อย่างน้อยรัฐก็มีเงินเอาไปทำอะไรอื่นๆ  อีกมาก 

โดยคุณ bluebangmod เมื่อวันที่ 08/07/2010 02:17:06


ความคิดเห็นที่ 2


 อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา

อนิจจัง แปลว่า ไม่เที่ยง, ไม่แน่นอน, เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ


ทุกขัง แปลว่า สภาพที่ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ โดยทั่วไปหมายถึงสังขาร


อนัตตา แปลว่า ไม่ใช่อัตตา, ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน

ลองหาหนังสือธรรมมะมาอ่านกันดูนะครับ เข้าวัดให้บ่อยขึ้น

มีเวลาก็ออกต่างจังหวัดไปดูชีวิตคนบ้านนอกดูนะครับ

แล้วจะเข้าใจว่าทำไมคน ตจว.เขาถึงไม่ค่อยเข้าใจนักการเมือง

เพราะเขาสนแต่ปากท้องของ ลูก,เมีย,พ่อ,แม่

แล้วจะซึ้งกับคำว่า ไม่รู้จะกินอะไรกับไม่มีอะไรจะกิน มันเป็นยังไง

ที่บอกคือคำแนะนำนะครับไม่มีจุดประสงค์อื่น

โดยคุณ aeeclub เมื่อวันที่ 08/07/2010 03:00:42


ความคิดเห็นที่ 3


ขอให้กำลังใจเจ้าของกระทู้นะครับ

เมื่อคืนผมดู tpbs รายการเปลี่ยนประเทศไทย 2563 มีตอนนึงกล่าวถึงป้าชาวนาจังหวัดปราจีน ขายข้าวได้แสนสี่ แต่พอข้ามคืนหักค่าใช้จ่ายเหลือ 25 บาททำให้ผมนึกว่าทำไมคนไทยคุณภาพชีวิตมันเฮงซวยอย่างงี้ อดทนปลูกข้าวมา 3 เดือนกว่ากลับเหลือเงินกินแค่ 25 บาท มันเกิดคำถามในใจตลอดมาว่าสมควรไหมที่ประเทศนี้ต้องเปลี่ยนแปลงระบบโครงสร้างพื้นฐานทางสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรมทั้งหมด เริ่มต้นนับ 0 กันใหม่ ผมอยากบอกว่าผู้นำควรที่จะกำหนดวิศัยทัศน์ให้ข้าราชการกระทรวงต่างๆเดินได้แล้วเพราะปัจจุบันข้าราชการทำงานแค่ประคองตัวให้รอดไปวันๆ ประชาชนในท้องถิ่นต่างๆประสบปัญหาอย่างแสนสาหัส สิ่งแวดล้อมถูกทำลาย เงินภาษีประชาชนโดนผลาญจากนายทุน ผมชี้ให้เห็นเลยก็ได้ถนนเส้นนึงในจังหวัดกาญจนบุรีระยะทาง 5.1 กิโลเมตร ราคา 52,000,000 บริษัทรับเหมาก็ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ( งบไทยเข็มแข็งแต่ผมเรียกงบไทยปวกเปียกเพราะประเทศชาติรวยกระจุกตัวแต่พวกนายทุนและข้าราชการบางหน่วย นักการเมืองทุกระดับ)

ถ้าเห็นว่าไม่เหมาะสมก็ลบได้นะครับ

โดยคุณ ddd2521 เมื่อวันที่ 08/07/2010 03:04:05


ความคิดเห็นที่ 4


ต้องยอมรับในระบบทุนนิยม (นิยมทุน)ครับ มันเป็นอย่างนี้ทั่วโลกจริงๆ ต้องอยู่กับมันให้ได้ครับ อยู่ที่ว่า คุณภาพคนของชาติไหน จะนำพาชาตินั้นให้อยู่รอดปลอดภัยได้ครับ เฮ่ยยยยย ปลง

โดยคุณ plalimp เมื่อวันที่ 08/07/2010 04:01:59


ความคิดเห็นที่ 5


จงอยู่กับความจริง(ให้ได้)
โดยคุณ นมสด เมื่อวันที่ 08/07/2010 05:45:55


ความคิดเห็นที่ 6


ความเป็นจริงมันก็แบบนี้แหล่ะท่าน ทำใจให้สงบเถิด มีความสุขบนความเป็นจริงให้ได้ ชีวิตจริงมันช่างต่างกับหลักการและคำสวยหรูในหนังสือราวฟ้ากับเหว ชีวิตจริงมีแต่เรื่องร้ายๆที่ผ่านเข้ามาในแต่ละวัน มีแต่ข่าวที่แสดงความเส็งเคร็งของสังคม ไอ้เราก็ดันอยู่ในสังคมนี้และตัวเราเล็กเกินไปที่จะแก้ไขปัญหาหนักๆเหล่านั้น ก็เป็นได้แค่เฟืองตัวเล็กๆที่มีแรงบิดไม่พอไปขับเฟืองตัวอื่นๆ แต่จะทำไงได้เกิดมาแล้วนี่นา เมื่อชีวิตยังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไปนะครับอย่าเพิ่งไปท้อแท้กับสภาพสังคม
โดยคุณ Puriku เมื่อวันที่ 08/07/2010 13:02:29


ความคิดเห็นที่ 7


*ที่เราผลิตให้สามารถวิ่งได้ด้วยไฮโดเจน กับไปเอาNGV*

*รถไฟที่ต้องเปลี่ยนระบบใหม่หมดก้ไม่เปลี่ยนแค่ซ่อมให้วิ่งได้  ทั้งๆที่สภาพก้แต่ไม่ไหว *

*ตอนนี้ไม่ต้องถึงรถไฟความเร็วสูงหรอกครับแค่ เปลี่ยนรถไฟเป็นรุ่นใหม่วิ่งได้ 120 -160 กิโลเมตร เป็นระบบรางคู่ทั้วประเทศ ขยายรางเข้าเพิ่มไปในเขตที่ต้องการใช่งานและขนส่งสินค้าต่างๆออกมาขายต้นทุน ก็ถูกลง ราคาสินค้าก็ถูกตามและแข่งขันได้ หน้าแล้งไม่มีน้ำก็สร้างเขื่อนเพิ่มอีกสักนิด และสร้างแหล่งรวมน้ำที่ไดมาเก็บไว้เป็นระบบ มีแผนจักการน้ำที่ดี แบบตอนที่ผมไปทำกิจกรรมที่ มาเลเชีย*

รถที่ผลิตให้สามารถวิ่งด้วยไฮโดรเจนถ้าคุณเรียนวิศวะมาคุณก็หน้าจะรู้นะครับว่ากว่าจะผลิตเป็นรถที่ออกมาใช้จริง ต้องพัฒนาจนได้มาตรฐานก่อนไม่ใช่แค่เป็นรถต้นแบบพอวิ่งได้ก็ผลิตออกมาใช้เลย ถ้าผลิตออกมาใช้จริงพอมีปัญหาก็โทษนั่นโทษนี่อีกละ ขนาดngv ก่อนจะนำมาใช้บอกว่าปลอดภัยแต่ก็ยังมีข่าวออกมาระเบิดก็มีไฟไหม้ก็มีแล้วคุณลองนึกสิครับถ้าเป็นก๊าซไฮโดรเจนจะเป็นยังไง

ส่วนเรื่องรถไฟเขาก็มีโครงการแล้วไม่ใช่หรอครับ อยู่ในส่วนหนึ่งของโครงการไทยเข้มแข็งแต่พอรัฐบาลเขาประกาศโครงการมาก็โดนด่าเปลี่ยนชื่อให้ใหม่กลับเป็น โครงการใครเข้มเเข็ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมเข้าข้างรัฐบาลนะครับต้องยอมรับว่ามีการทุจริตจริง แต่อยากให้มีการเข้าไปตรวจสอบมากกว่าไม่อยากให้มีเหมือนกลุ่มการเมืองบางกลุ่มกลับอยากให้ล้มเลิกโครงการ

ส่วนเรื่องการเกษตรใช้แต่สารเคมีผมขอบอกว่าไม่ใช่เลยนะครับในหมู่บ้านเกือบทุกหมู่บ้านรู้จักทำปุ๋ยemใช้เองเกือบทุกหมู่บ้าน

ส่วนเรื่องกองทัพคุณจะให้เขาจัดงบมาจากไหนครับแค่ JAS39 ให้ครบฝูงก็ลุ้นจนเหงือกแห้งแถมคนอนุมัติโดนด่ายับจากฝ่ายการเมืองตรงกันข้าม

ส่วนเรื่องคนจนนะครับต่อให้เปลี่ยนนายกอีกกี่คนก็ไม่มีใครทำให้คนในชาติรวยเท่ากันหมดทุกคนหรอกครับรัฐบาลก็คนนะครับไม่ว่ารัฐบาลไหนไม่ใช่เทวดานะครับ ถ้าคนไทยเราไม่ยอมทำหน้าที่ตัวเองให้ดีก่อนรู้จักช่วยตัวเอง  เช่นเกษตรกรก็เรียนรู้วิธีการเพาะปลูกหน้านี้ควรปลูกอะไร รู้จักติดตามข่าวว่าทางรัฐเขาแจ้งมาหรือเปล่าว่ามีน้ำน้อยไม่ควรปลูกพืชประเภทอะไรเพราะน้ำจะมีไม่เพียงพอไม่ใช่พอมีปัญหาอะไรก็ประท้วงเรียกร้องให้ช่วยนั่นช่วยนี่ทั้งๆที่ทำไม่ดีเองแต่ก็ไม่ให้เรียกร้องอะไรเลยนะครับส่วนไหนที่รัฐเขานิ่งเฉยก็เรียกร้องไปเถอะแบบสงบนะครับแบบสงบเรียบร้อยไม่ใช่เผาบ้านเผาเมือง

ถ้าต่างคนทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีประเทศก็ดีเองละครับไม่ใช่เขาจ้างไปปะท้วงก็ไปกับเขาหรือเขาพูดอะไรมาก็เชื่อเขายอมไปประท้วงเพื่อเขาทั้งปิดสนามบินทั้งเผาเมืองผิดหมดละครับไม่ว่าสีไหนแต่ใครผิดมากผิดน้อยก็ลองคิดเอาเองนะครับว่าส่วนไหนทำความเสียหายให้บ้านเมืองมาก แต่ก็อย่างว่าละครับผิดมากผิดน้อยมันก็ทำผิดครับคนที่ไม่รู้เรื่องเขาเดือดร้อน

โดยคุณ pop04 เมื่อวันที่ 08/07/2010 15:01:28


ความคิดเห็นที่ 8


เข้าใจสิ่งที่จขกท.พยายามสื่อครับ....

ถ้าเราคิดว่าบ้านอื่นเมืองอื่นเค้าแซงเราไปหมดแล้วนั่นแปลว่าเรากำลังอยู่ในการแข่งขัน การแข่งขันย่อมแน่นอนว่าต้องมีผู้แพ้และผู้ชนะ ชนะก็ดีไป หากเป็นผู้แพ้ก็มาดูกันว่าเป็นผู้แพ้ที่ดีหรือเปล่า เช่น ยอมรับในความพ่ายแพ้นั้นแล้วหาทางแก้ไข หรือจะหาข้ออ้างแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ ว่าแพ้เพราะโน่นนี่นั่น....

การที่บ้านอื่นเมืองอิ่นเค้าพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง ก็ต้องมาดูว่า เค้าต่างจากเราอย่างไร สถาณการณ์บ้านเมืองสงบหรือเปล่า ประชากรมีคุณภาพแค่ไหน ฯลฯ...อื่นๆโน่นนี่นั่น สุดท้ายก็ต้องยอม เราแทบจะสู้ใครเค้าไม่ได้เลย สุดท้ายก็ท้อ แล้วก็จะร้องไห้ดังว่า

เด็กไทยไปได้รางวี่รางวัลเหรียญทองโอลิมปิคฟิสิกค์ เคมี ชีวะ อะไรก็แล้วแต่ มันก็ไม่ได้สะท้อนว่าเด็กไทยส่วนใหญ่จะเก่งขนาดนั้นกันทุกคน ก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าเราจะพัฒนาการศึกษาไปทิศทางไหน

บางทีคิดอะไรใหญ่เกินตัวของเราก็จะเป็นอย่างนี้ครับ....ท้อแท้ หลังจากเรียนจบมา 16-17 ปี พบว่าเราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดเป็นทางออกเดียว ขอเป็นแค่พลทหาร ซ้ายหัน-ขวาหัน บุก ถอย ก็พอ ไม่ต้องไปคิดแทนนายพล ที่ต้องจัดการเรื่องเสบียงอาหาร ตั้งฐานที่ไหน ความเป็นอยู่ของกำลังพลเป็นอย่างไร....หาเงินผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมันรถ ฯลฯ รับมือสิ่งเหล่านี้ให้ได้ก็จบแล้ว

โดยคุณ terdkiet เมื่อวันที่ 08/07/2010 21:30:12


ความคิดเห็นที่ 9


ขอให้ทำใจยอมรับ  และอนาถใจกับประเทศที่เราอาศัยอยู่ได้เลยครับ
ตอนนี้มีแต่คนบอกให้รักประเทศ  รักประเทศของแต่ละคนมันต่างกันมากมาย
สุดท้ายที่ทนกับความรักของคนที่มีต่อประเทศก็คือประเทศนี้  ไม่ว่าจะมีคนรักแบบไหนก็ไม่เคยบริปากบ่น  มีแต่คนที่บอกรักบ่นได้ตลอด 

จะเห็นได้เลยว่า  การเร่งพัฒนาประเทศ  การแข่งขันกับนานาประเทศในความศิวิไลซ์  กลับเป็นดาบสองคม  อีกด้านคือการทำลาย!!!  ทำลายวิถีชีวิตเรียบง่ายที่เรามีอยู่  ไปสู่การแขงขันกันแบบเอาเป็นเอาตาย  ทำลายทรัพยากรธรรมชาติอย่างมโหฬาร  ไม่ต้องโทษใครหรอกครับ  ขอให้โทษเราเอง  ที่หลงมัวเมาไปกับสิ่งต่างๆที่หลั่งไหลเข้ามา  ทั้งที่คนในประเทศมีไม่กี่ส่วนที่พร้อมรับ 

ผมเห็นด้วยกับการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆครับ  แต่เป็นไปได้ไหมที่เรา  จะรับมาแค่แนวคิด  แนวทางปฏิบัติเรามาคิดหาวิธิของเราเอง  ทำไมต้องเอามาทั้งดุ้น หรือไม่มีสมองที่จะคิดเรื่องแบบนี้  คิดเป็นแค่ว่า....ยังไงเหรอ อนาถใจกับพวกผู้ทรงเกียรติทั้งหลายในบ้านเมืองเลยครับแบบนี้

ทำใจครับ  ขอให้เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดเป็นพอ และดีที่สุดสำหรับแผ่นดินที่เราอาศัยอยู่นี้ด้วยนะครับ

ปล.  อาจจะสับสนไปนิด  ถ้าไม่เหมาะสมก็ลบได้เลยนะครับ
โดยคุณ thorn009 เมื่อวันที่ 08/07/2010 21:57:16


ความคิดเห็นที่ 10


คนที่มีแต่อีโก้มากๆพวกนี้มักจะถูกหลอกใช้ได้ง่าย
ที่เราผลิตให้สามารถวิ่งได้ด้วยไฮโดเจน กับไปเอาNGV*(รู้ไหมว่าต้นทุนระหว่างไฮโดเจนกับNGVมันต่างกันมากนะครับ แล้วยังมีปัจจัยหลายอย่างในทางธุรกิจและนโยบายของรัฐ)แต่ก็ใช้ว่าจะให้เราทิ้งรถพลังงานไฮโดเจนไปเลย เราต้องศึกษาวิจัยกันต่อไปครับ

โดยคุณ sam เมื่อวันที่ 08/07/2010 22:16:32


ความคิดเห็นที่ 11


ผมขับรถผ่านทางแยกเข้าตัวจังหวัดนครปฐมเห็นโชว์รูมรถแห่งหนึ่ง ขึ้นป้ายตัวเท่าหม้อแกงว่าเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ใช้น้ำ (ใช้ไฮโดรเจนนั่นแล) แต่ว่ามันร้างซะแล้ว สงสัยจะไม่มีใครกล้าเป็นหนูทดลองพลังงานทางเลือก แต่เอ๊ะ โปรตอนหรือฮุนไดที่ช่วงแรกๆห่วยนักห่วยหนากลับได้รับความนิยมในประเทศได้นะ มันน่าสนใจจริงๆ

ส่วนเรื่องรถไฟ ถ้าเอาตามที่มีข่าวออกมาละก็บอกได้คำเดียว นั่นมันฝันกลางวันชัดๆ เข้าขั้นเพ้อเจ้อเลยละ รถไฟความเร็วสูงต้องลงทุนมหาศาลและนั่นทำให้ค่าโดยสารน้องๆเครื่องบินเลยทีเดียว สุดท้ายคนที่ซวยก็คือคนจนอีกนั่นแหล่ะคงต้องล่องแพกันละทีนี้ ค่แปดสิบ-*- 
โดยคุณ Puriku เมื่อวันที่ 09/07/2010 17:17:16


ความคิดเห็นที่ 12


*ส่วนเรื่องรถไฟ ถ้าเอาตามที่มีข่าวออกมาละก็บอกได้คำเดียว นั่นมันฝันกลางวันชัดๆ เข้าขั้นเพ้อเจ้อเลยละ รถไฟความเร็วสูงต้องลงทุนมหาศาลและนั่นทำให้ค่าโดยสารน้องๆเครื่องบินเลยที เดียว สุดท้ายคนที่ซวยก็คือคนจนอีกนั่นแหล่ะคงต้องล่องแพกันละทีนี้ ค่แปดสิบ*

ผมไม่คิดว่าเพ้อเจ้อนะครับถ้าประเทศเราไม่ตั้งโครงการขึ้นมาก่อนแล้วตอนไหนจะได้ลงมือทำครับ
เขาบอกว่าจะสร้างไม่ได้หมายความว่าต้องสร้างปีนี้ปีหน้านิครับแค่มีโครงการขึ้นมาผมก็ดีใจแล้วละครับเพราะเวียดนามเขาเริ่มสนใจก่อนเรานานแล้วนะครับ
อย่างbts mrt ถ้ามีคนมาพูดตอนสามสิบปีที่แล้วคงมีคนบอกว่าเพ้อเจ้อประเทศไทยหรอจะสร้าง
ส่วนเรื่องค่าโดยสารผมเห็นด้วยว่าคนเดือดร้อนก็คนจนอีกละครับ 

ผมว่ารัฐบาลเขาคงแค่วางโครงการไว้มากกว่าโครงการที่เร่งด่วนจริงหน้าจะเป็นรถไฟรางคูมากกว่า
ถ้าเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาเหมือน บขส ผมว่ารถไฟไทยทันสมัยอันดับต้นๆของเอเชียแน่ครับแต่ติดตรงที่ สมาคม สมาพันธ์อะไรของเขานั่นละพอมีเรื่องแปรรูปการรถไฟทีไรเป็นต้องป่วย

ถ้าข้อความไม่สมควรก็ลบเลยนะครับ


โดยคุณ pop04 เมื่อวันที่ 10/07/2010 05:36:23


ความคิดเห็นที่ 13


ถ้าเอาแพลนตามที่ออกข่าวละก็ ยืนยัน นั่งยัน นอนยันเลยครับว่าฝันกลางวัน แหม พี่แกเล่นจะให้ครอบคลุมทั้งประเทศ ก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงใน 4 เส้นทางหลัก คือ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ กรุงเทพฯ-หนองคาย กรุงเทพฯ-จันทบุรี และ กรุงเทพฯ-ปาดังเปซาร์ วงเงินประมาณ 708,855 ล้านบาท แผนใหญ่ขนาดนั้นสภาอนุมัติก็แปลกแล้วละครับ  เรื่องไม่เริ่มตอนนี้จะไปเริ่มตอนไหนท่านไม่ต้องกลัวครับ แผนแม่บทมันออกมาตั้งแต่ปี 2535 แล้ว แถมแผนตอนนั้นเข้าท่าด้วย คือสร้างแค่ กรุงเทพฯ-ระยอง เอาแค่ไม่ไกลจากเมืองหลวงมาก ไกลๆให้ไปขึ้นเครื่องบินเอา

ปล.สภาเวียดนามปัดโครงการรถไฟความเร็วสูงตกไปแล้วครับ มติส่วนใหญ่เห็นว่าเอาตังไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆก่อนดีกว่า
โดยคุณ Puriku เมื่อวันที่ 10/07/2010 09:41:53


ความคิดเห็นที่ 14


Alstom มีแผนจะใช้ไทยเป็นสถานที่ทดลองแห่งแรกของระบบราง 1,635 มม. เพื่อรองรับรถไฟความเร็วสูงซีรีส์ใหม่ที่จะมีความเร็วสูงกว่า 581 km/h และจุผู้โดยสารได้มากขึ้น Patrick Kron ซีอีโอของทาง Alstom กล่าวว่า "เมืองไทยเป็นเมืองที่น่าเที่ยวอันดับต้นๆของโลก แต่ยังมีการจัดการด้านการคมนาคมขนส่งนักท่องเที่ยวไม่ดีนัก เพราะแหล่งท่องเที่ยวในไทยอยู่ค่อนข้างห่างไกลจากเมืองหลวง การเข้ามาทำกิจการรถไฟความเร็วสูงครั้งนี้ในไทย นับว่าเป็นการเสี่ยงที่คุ้มค่ามาก เพราะการที่นักท่องเที่ยวเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวได้มากขึ้น จะทำให้มีผู้คนจากทั่วโลกเข้ามาเที่ยวและใช้บริการรถไฟของเรา ส่วนเรื่องการเมืองนั้น ควรเป็นหน้าที่ของรัฐบาลเพราะถือเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาเกี่ยวกับการลง ทุนครั้งนี้"

รถไฟความเร็วสูงนับว่าเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งของนัก ท่อง เที่ยวและคนไทยระดับกลางถึงระดับบน ส่วนรถไฟไทย เดิมนั้นก็ยังคงมีให้บริการอยู่สำหรับนักท่องเที่ยวที่มีงบจำกัดและคนไทย ระดับล่างถึงระดับกลาง เนื่องจากรถไฟความเร็วสูงมีอัตราค่าโดยสารค่อนข้างแพงอาจเทียบได้กับสายการ บินแต่มีความปลอดภัยสูงกว่ามาก

การดำเนินการคาดว่าจะหาข้อสรุปและ เริ่มเจรจากับทางบริษัททั้งสองได้ในปี 2555 และจะเริ่มทำการก่อสร้างได้ในปีถัดไป โดยไทยจะเป็นผู้เวนคืนที่ดินตามแผนการเดินรถทั้งหมดให้เสร็จสิ้นภายในปี 2559 ส่วนบริษัททั้งสองจะเริ่มการก่อสร้างและเสร็จสิ้นในปี 2566 หรือใช้เวลาราว 7 ปี ก่อนเปิดทำการเดินรถและให้บริการประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ต้นปี 2567 รายได้ที่ไทยจะได้รับ ช่วงแรกจะได้ 10% ของกำไรสุทธิต่อปี เป็นค่าเวนคืนที่ดิน เมื่อได้ครบตามกำหนดแล้ว ก็จะได้รับจากการเสียภาษีของทั้งสองบริษัทจากรายได้และกำไร ส่วนรายได้ทางอ้อมจะได้จากการท่องเที่ยวที่มีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว เพราะนับเป็นระบบรถไฟความเร็วสูงแห่งแรกของเอเชียอาคเนย์ คาดว่าเมื่อเปิดให้บริการไปแล้วสิบปี จะมีผู้ใช้บริการกว่า 650,000 คนต่อวัน ซึ่งจะทำให้ได้ทุนภายในเวลา 25ปี

นอกจากนี้ไทยยังเตรียม พร้อมที่จะเป็น SEATH (ซีธ) หรือ South East Asia Transportation Hub เพื่อรองรับกับการเป็น CCSEA (ซี ซี ซี) หรือ Central Capital of South East Asia อีกด้วย
โดยคุณ pop04 เมื่อวันที่ 12/07/2010 07:21:18


ความคิดเห็นที่ 15


^
^
ว้าวๆๆ ขอให้เป็นจริงที่เถิด สาธุ!!! แต่อย่าไปยุ่งกับของเดิมเขานะ เจ้านั้นปล่อยเขาอยู่ของเขาไปเถอะ ฮึๆๆ
โดยคุณ Puriku เมื่อวันที่ 12/07/2010 15:31:05


ความคิดเห็นที่ 16


แหมท่าน sam ผมว่าผมพอเข้าใจที่เจ้ากระทู้สื่อน่ะครับ

ผมถือว่าเจ้ากระทู้คิดบวกครับ  เพื่อให้ประเทศเราอยู่บนการพึ่งพาตนเองและปรับเปลี่ยนสู้ความก้าวบนลำแข็งของเรา

โดยคุณ ลมหมุนวน เมื่อวันที่ 13/07/2010 13:58:27


ความคิดเห็นที่ 17


จงอย่าถามว่าทำไมทำไมสังคมถึงไม่ดี แต่จงถามว่าทำไมเราถึงทำให้สังคมดีไม่ได้

โดยคุณ sherlork เมื่อวันที่ 14/07/2010 21:15:00


ความคิดเห็นที่ 18


เห็นการพิมพ์ของเจ้าของกระทู้  ก็กลุ้มใจเหมือนกัน พิมพ์ผิดเยอะมากครับ

โดยคุณ zeroman เมื่อวันที่ 14/07/2010 23:52:05