หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


ขอผู้รู้หน่อยครับ

โดยคุณ : fnrsasin เมื่อวันที่ : 27/07/2010 13:30:17

t72ของพม่านี่ ปืนใหญ่กี่ มิลครับ

เเล้วเทียบกับ m60a3ของเราพอจะรับมือได้ไหมครับ





ความคิดเห็นที่ 1


ง่ายๆ

เข้าชาต

เลย

บุกเข้าไป

ดึงประตูออกเอารเบิดมือยัด

จบ

:)

โดยคุณ fnrsasin เมื่อวันที่ 26/07/2010 06:13:02


ความคิดเห็นที่ 2


ถ้าจะให้เข้าชาร์จอย่างที่ท่านจขกท.ว่าต้องเตรียมสิ่งของดังต่อไปนี้ครับ

1.ยันต์หรือของดีที่ทำให้ยิงไม่เข้า
2.กำลังใจ
3.ระเบิดมือ
4.รองเท้าดีๆที่ทำให้วิ่งไว้
5.อุปกรณ์งัดแงะเผื่อฝารถถังล็อกไว้

ขำๆนะครับ 555+

ปล.หลักนิยมเดี๋ยวนี้มักไม่ค่อยปล่อยให้รถถังบุกไปเดี่ยวๆหรอกนะครับ ต้องมีทหารราบตามไปด้วยถึงจะรอดได้

โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 26/07/2010 06:45:00


ความคิดเห็นที่ 3


ขอเรียนชี้แจงเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ครับ ไม่ได้รู้อะไรมากเพียงแต่ได้ยินได้ฟังมา

กระผมได้เคยมีโอกาสสนทนากับนักขายอาวุธชาวรัสเซียในงานแสดงอาวุธ ท่านเคยเป็นทหารในหน่วยยานเกราะของกองทัพรัสเซีย ท่านบอกว่าปรัชญาการสร้างหน่วยรถถังและหน่วยยานเกราะของรัสเซียนั้นได้ใช้แนวคิดจากการใช้กำลังของกองทหารม้ามองโกลในอดีต

โดยที่หน่วยทหารม้ามองโกลจะเป็นกองทัพที่ใช้ม้าทั้งหมด กองทัพรัสเซียจึงถูกออกแบบให้เป็นยานเกราะทั้งหมด(กำลังหลัก) โดยเราจะพบหน่วยทหารราบของรัสเซียส่วนมากในสองแบบ คือ แบบยานยนต์(Motorrize)ใช้ยานรบตระกูล BTR และ แบบยานเกราะ(Mechanize)ใช้ยานรบตระกูล BMP ทั้งนี้แนวคิดดังกล่าวจะสอดคล้องกับภูมิประเทศของรัสเซียที่เป็นที่ราบกว้างใหญ่ กำลังยานเกราะจะต้องมีมาก  มีความคล่องตัวสูง สามารถข้ามลำน้ำในพื้นทวีปที่ไหลย้อนจากทิศใต้ขึ้นไปทางเหนือจำนวนหลายสายได้

กล่าวโดยสรุป ยานเกราะและรถถังของรัสเซียเมื่อเทียบเคียงกับรถถังของชาติตะวันตกอื่นๆแล้วจะมีลักษณะดังนี้ครับ

ประการแรก คือ คล่องตัวกว่า จึงจำเป็นที่จะต้อง เบากว่า รูปทรงเล็กกว่า ความเร็วสูงกว่า ตัวรถต่ำกว่า และมีเกราะที่บางกว่า ในแนวคิดแบบเดียวในสมรภูมิรถถังที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในการเผชิญหน้ากันระหว่าง T-34 และ Tiger,Panther รวมถึงแนวความคิดในการข้ามลำน้ำที่มีอยู่หลายสายในประเทศรัสเซีย รถถังและยานเกราะทั้งหลายจึงถูกออกแบบให้ข้ามลำน้ำได้ในทันที่โดยไม่ต้องเตรียมการมากทั้งการลอยข้ามและมุดน้ำข้าม อีกทั้งรัสเซียได้ชดเชยความบางของเกราะด้วยการคิดค้นระบบเกราะปฏิกิริยา โดยอิสราเอลได้ยึดรถถังของฝ่ายอาหรับที่รัสเซียส่งให้ใช้มาพัฒนาระบบเกราะปฏิกิริยาต่อ

ประการที่สอง คือ อำนาจการทำลายรุนแรงกว่า และไกลกว่า โดยเป็นการชดเชยจากข้อแรก ที่ต้องการดำรงรักษาความคล่องตัวไว้ ยานเกราะรัสเซียจะต้องยิงก่อนและยิงโดนก่อน(โดนภาษาอิสานแปลว่านาน) ปัจจุบันรัสเซียยังคงการคิดค้นจรวดนำวิถีที่ยิงผ่านลำกล้องปืนใหญ่และน่าจะเป็นผู้นำทางด้านนี้

ประการที่สาม คือ ปริมาณที่มากกว่า ตามแนวคิดและยุทธวิธีของทหารม้ามองโกล จึงจำเป็นที่จะต้องมี Unit cost ที่ต่ำที่สุด และ มีการระบบการส่งกำลังและซ่อมบำรุงที่สามารถเรียกได้ว่ามหัศจรรย์ ด้วยปริมาณยุทโธปกรณ์ที่มีมากมายของกองทัพรัสเซีย แนวคิดการส่งกำลังบำรุงในภาพรวมจึงถูกนำมาใช้ในทุกมิติ

 การเปรียบเทียบสมรรถนะของรถถังแบบตัวต่อตัวนั้น ในความคิดของกระผมแล้ว รถถังของเราคงไม่สามารถต่อกรด้วยได้ อย่างไรก็ดีจากที่สมาชิกหลายท่านได้ให้ข้อคิดและตัวอย่างไว้แล้วว่าการเอาชนะหน่วยรถถังด้วยกันต้องมองในภาพรวมในทุกๆระบบ ทั้งระบบสนับสนุน ระบบการส่งกำลังบำรุง ยุทธวิธีและแนวความคิดในการใช้งาน ตลอดจนความชำนาญที่สั่งสมมาของCavalierทั้งหลาย การสร้างบุคคลากรและองค์ความรู้ในกิจการยานเกราะของชาติเรา มองรวมๆแล้วน่าจะยังพอสู้ไหวครับ

 

โดยคุณ Ifeelsogood เมื่อวันที่ 26/07/2010 22:58:09


ความคิดเห็นที่ 4


ก็เอาเเบงค์ดอนล่าสหรัฐไปซํก200เหรียญเเล้วปาไปที่ทหารราบที่ตามรถถังมา

เอาเเบบปากระจายๆ

ให้วิ่งไปเก็บเเล้วก็เข้าชาจย์

555


โดยคุณ fnrsasin เมื่อวันที่ 27/07/2010 02:18:53


ความคิดเห็นที่ 5


หรือไม่ก็เอาพระไป2รูป btr2คันทหาร1ขโยงไปนั่งบนbtrกับพระ เเล้วขับเข้าไปประชิดรถถัง เเล้วก็กระโดดเข้าชาจย์ 55

ท่ารบกับอิสลามก็เอาอีหม่ามขึ้นรถ

5555


โดยคุณ fnrsasin เมื่อวันที่ 27/07/2010 02:30:18


ความคิดเห็นที่ 6


T-72 ปกติแล้วใช้ปืนใหญ่ลำกล้องเรียบขนาด 125 มิลลิเมตรแบบ 2A46 ครับ ใช้กระสุนได้หลากหลายทั้ง HEAT, SABOT, APFSDS แถมพวกยังยัดจรวดนำวิถีเข้าไปได้อีก

เทียบกับ M60A3 ที่ยังใช้ปืนใหญ่ลำกล้องเกลียว ที่มีต้นแบบมาจาก L7 สมัยปฏิวัติฮังการียุค 50 โน่น ถ้าต้องเจอกับ T-72B สไตล์โซเวียตเต็มอัตราทั้ง Kontakt-5 กลัวว่าแพตตันจะไม่รอดเอาครับ ปืนเล็กกว่ามาก แถมรถยังใหญ่เป็นเป้ามากกว่าอีกต่างหาก ต้องพึ่งฝีมือคนขับค่อนข้างมาก
โดยคุณ Praetorians เมื่อวันที่ 24/07/2010 11:58:09


ความคิดเห็นที่ 7


APFSDS ย่อมาจาก Armour-Piercing Fin-Stabilized Discarding Sabot คือ กระสุนเจาะเกราะสลัดครอบแบบมีครีบทรงตัว เป็นกระสุนกลุ่ม SABOT แบบหนึ่งซึ่งมักจะใช้กับปืนใหญ่รถถังลำกล้องเรียบครับ

มีข้อมูลว่าพม่าจัดหา T-72 มือสองจากยูเครนจำนวนประมาณ 100กว่าคันครับ ซึ่งไม่ทราบว่ามีการปรับปรุงรถให้ทันสมัยขึ้นหรือไม่

โดยคุณ AAG_th1 เมื่อวันที่ 24/07/2010 23:11:14


ความคิดเห็นที่ 8


ถ้าเอาไว้ตั้งรับ เอ็ม-60เอ3 ก้ได้ลุ้นอยู่ครับ ในกรณีที่ที-72ไม่ได้เสริมเกราะ กระสุนระเบิดเจาะเกราะน่าจะได้ลุ้นอยู่ หรือถ้าเสริมเกราะมาต้องเล่นกระสุนเจาเกราะพิเศษอย่างเดียวแน่นอน เพราะกระสุนหัวระเบิดแรงสูงทะลุเกราะเสริมเข้าทำลายป้อมได้ยากครับ แถมปืนฝ่ายเราเล็กกว่าด้วย เทียบกับ ที-72ถ้ายิงโดนอาจจะน็อคเราได้ในนัดเดียว
โดยคุณ MIG31 เมื่อวันที่ 25/07/2010 01:43:46


ความคิดเห็นที่ 9


ต้องดูที่ความคล่องตัวและหน่วยสนับสนุนด้วย อย่างww2 ถังรัสเซียปืนเล็กกว่าเยอรมันแต่หน่วยสนับสนุนรัสเซียดีกว่าและถังรัสเซียคล่องตัวกว่า เลยกินกันไม่ลงต้องตัดสินที่หน่วยสนับสนุน
โดยคุณ nathekop เมื่อวันที่ 25/07/2010 02:19:53


ความคิดเห็นที่ 10


เเต่เขาบอกว่าt34 4 คันถึงจะทำลายรถถังเพนเซอร์1คันได้นิครับ


โดยคุณ fnrsasin เมื่อวันที่ 25/07/2010 09:19:58


ความคิดเห็นที่ 11


    กรณีของรัสเซียกับเยอรมันเน้นจำนวนกับความคล่ิองตัวของ T-34 จริงๆครับ  ยิงยังไงก็ไม่หมด Tiger เจอยิงกระชั้นชิดเกราะหนายังไงก็ไม่รอด
โดยคุณ galen เมื่อวันที่ 25/07/2010 09:21:25


ความคิดเห็นที่ 12


การใช้รถถังนั้นต้องมีพื้นที่ในการขับเคลื่อน แก่โดยทำให้ภูมิประเทศในสนามรบไม่มีพื้นที่ในการขับเคลื่อน การตอบโต้รถถัง เพียงจัดหาจรวดต่อสู่รถถังประสิทธิภาพสูง เครื่องมือตรวจจับรถถังด้วยมุมสูง แบบกล้อง ที่ติดตั้งกับ ฮ.อาปาเช่ มาใช้อย่างเพี่ยงพอก็น่าจะถูๆไถๆไปได้

โดยคุณ pissabright เมื่อวันที่ 25/07/2010 10:52:40


ความคิดเห็นที่ 13


ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองนั้น รถถังสร้างความแตกต่างให้เห็นแล้วครับไม่ได้รบกันที่จำนวนซะทีเดียว ไทเกอร์ น็อค ที34 ในนัดเดียวก็จริง แต่กลางสงคราม ที34 ติดตั้งปืนใหญ่ที่มีอำนาจทำลายสูงขึ้น85mm. ถึงเกราะบางแต่ก็สามารถต่อกรกับรถถังหลัก ไทเกอร์และแพนเธอร์ได้ดีกว่าเดิมมาก ในขณะเดียวกันปลายสงครามยานเกราะเยอรมันสร้างพื้นฐานให้กับยานเกราะช่วงสงครามเย็น ด้วยการติดตั้งปืนที่มีอำนาจทำลายรุนแรงมากขึ้นส่วนใหญ่75mm.  อีกอย่างรถถังในยุคนั้น กระสุนมีแค่เจาะเกราะธรรมดากับทังสเตนเท่านั้น เลยต้องวัดกันที่ขนาดลำกล้อง(คาลิเบอร์)

ส่วนรถถังในยุคปัจจุันสามารถตัดสินการยิงได้ในนัดเดียวเนื่องจากประสิทธิภาพกระสุนที่มีหลายประเภทครับและระบบอำนวยการยิงที่ลดภาระการเล็งยิงของพลประจำรถไปในตัว  ซึ่งกรณีนี้เหมาะแก่การรับที่ฝ่ายตรงข้ามไม่ทราบว่าเราซุ่มจากตรงไหน รวมถึงการใช้จรวดต่อต้านรถถังด้วย แต่ถ้าใช้บุก เอารถถังนำอย่างเดียวไม่รอดจาก กับระเบิดและจรวดประจำทหารราบแน่นอนล่ะครับ

โดยคุณ MIG31 เมื่อวันที่ 25/07/2010 15:43:40