การที่ประเทศพม่าจะมีนิวเคลียร์ ย่อมไม่ใช้เรื่องดีของไทยแน่นอนเป็นภัยอันตรายอันดับ1ของไทยและภูมิภาคนี้เลยทีเดียว
อย่างพม่าอยู่ใกล้ไทย ไม่จำเป็นต้องใช้ถังน้ำมันสำรองไทยน่าจะใช้f-16 ติด mk-84 ลำล่ะ 4 ลูก ใช้ f-16 แค่ 4 ลำน่าจะพอ
ปฎิบัติการนี้น่าจะได้รับการสนับสนุน จาก un และ อเมริกา
มีความเห็นว่ายังไงกันบ้างครับ
อ่าน ยุทธการบาบิโลน ของ อิสราเอลได้ที่
http://www.navy.mi.th/newwww/document/navic/86014.html
f16 สัก 4 ลำก็นะจะพอแล้วมั้ง 555+
ล้อเลงนะ อย่าเกิดเป็นดีที่สุด
ผู้นำเปรียนตัวกันได้ ความสัมพันธ์เปลี่ยนแปลงกันได้ แต่อาวุธร้ายแรงนี่ทำยังไงก็น่าเป็นห่วง แต่เรื่องที่อยู่ๆจะบินไปบอมเขาคงไร้เหตุผล นอกจากมันจะมีเหตุที่น่าจะนำไปสู้การใช้กำลังทหารแบบเต็มรูปแบบ ความขัดแย้งกับไทยคงมีประเด็นเดียวเรื่องพื้นที่ทับซ้อน วันนี้ไม้มีเหตุที่เด่นชัดแต่อนาคตใครจะบอกได้ว่าจะเป็นยังไง ขนาดเราขับรถออกจากบ้านทุกวันยังไม่รู้เลยว่าเย็นจะได้กลับถึงบ้านหรือป่าว ต้องยอมรับว่าเราจะไม่รู้สีกอะไรกับเรื่องนี้เลยก็ดูจะแปลกมันก็มีความวิตกอยู่เหมือนกัน ถ้าประเทศไทยไม่มีพรมแดนติดกันก็ไม่น่าห่วงเท่าไหร่แต่ความจริงไม่ใช่เช่นนั้น ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้คงต้องหาวิธีแกไข้ปัญหาในเรื่องนี้ ซึ่งผมก็คิดว่าเขาคงหาทางออกที่ดีที่สุดให้ประเทศชาติของเรา ในส่วนตัวคิดว่าสงครามที่จะเกิดกับไทยคงมีประเด็นเดี่ยวคือเรื่องของพื้นที่ทับซ้อน จึงอยากให้รัฐตกลงปักเขตแดนกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีปัญหาพื้นที่ทับซ้อนกับเราให้เสร็จโดยเร็วและยุติธรรม ยอมรับได้ทั้งสองฝ่ายน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
ผมว่าคนพม่าส่วนใหญ่ก็ไม่ต่างกับเรานะครับ อัธยาศัยก็ดีนะ ผมเคยไปอยู่มาเกือบ 2 ปีที่ย่างกุ้งและที่หงสาวดี (Pago) ไปที่ไหนก็รู้สึกเป็นมิตรไม่เคยรู้สึกว่าถูกเขารังเกียจหรือไม่ชอบเลย คนพม่ารุ่นปัจจุบันนี้ เขาไม่ได้เกลียดคนไทยหรอกครับ ผมคิดว่าเขาเกลียดพวกฝรั่งมากกว่า เพราะทำกับเขาไว้เยอะ ผิดกับทางฝั่งตะวันออก 555 (มีวันแห่งความเกลียดชัง คิดไปได้) เสียดายตอนไปอยู่แต่ก่อนไม่มีกล้องดิจิตอล ไม่งั้นได้ถ่ายรูป mig-21 (ตัวก็อปปี้) มาให้ดูกันแล้ว เคยเห็นที่สนามบิน และก็บินผ่านที่บ้านพักทุกวันตอนเช้าๆ
แต่ที่ว่ามาผมไม่ได้หมายความว่าให้ลืมประวัติศาสตร์ แต่ให้เรียนรู้และศึกษา เพื่อไม่ให้สิ่งที่ไม่ดีมันกลับมาเกิดขึ้นอีก ไม่อยากให้รู้สึกเกลียดชังประเทศเพื่อนบ้าน
(ที่กล่าวมาเป็นความรู้สึกและความเห็นส่วนตัวนะครับ จากที่เคยได้รับมา)
ถึงมีจริงเขาก็ไม่เอามายิงเราหรอกครับ เขาเอาไว้ ขู่ สหรัฐ เฉย ๆ
ก็เห็นด้วยกันท่านPuriku นะครับ
แต่ผมว่าถ้าให้มานั่งทำจริง กี่ปีไม่รู้จะเสร็จเพราะมัวแต่นั่งเถียงกัน555+
ตัวอย่าง ตำราเรียนญี่ปุ่นไม่ยอมเขียนเรื่องนานกิงฯลฯที่กองทัพเคยทำช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง จีนกับเกาหลีใต้ประท้วงกันจะเป็นจะตาย 55+
ส่วนตัวผมเห็นด้วยกับคุณ: paitong นะครับเพราะว่าสำหรับตัวผมแล้วผมไม่มีอคติกับพม่านะครับเมื่อก่อนผมมีอคติกับประเทศนี้มากด้วยเหตุผลทางประวัติศาสตร์ แต่เมื่อผมกลับมานั่งนึกดูว่ามันเป็นเรื่องในอดีตนานเนตั้ง200 กว่าปีแล้วเราจะมานั่งจงเกลียดจงชังกันทำไมเพราะว่าคนพม่าตอนนี้ไม่ใช่คนพม่าเมื่อ 200กว่าปีที่แล้วพวกเค้าก็เหมือนพวกเราไม่รู้เรื่องอะไรไม่รู้เลยว่าในประวัติศาสตร์มันเขียนถูกหรือเปล่ามันจะแน่ใจแค่ไหนเพราะเป็นเวลานานมากแล้วมันย่อมมีส่วนที่บิดพริ้วจากความเป็นจริงในอดีตแล้วคนที่มาเผาบ้านเผาเมืองเราสมัยอยุธยาก็ไปนอนคุยกับรากมะม่วงไปหมดแล้ว เหลือแต่คนพม่ารุ่นใหม่ที่ไม่มีส่วนรู้เห็นด้วยพวกเค้าไม่ได้ยกทัพมาเผาบ้านเมืองเรา แล้วเราจะมาตั้งข้ออคติกับเขาด้วยเรื่อง? อีกอย่างพม่าเผาอยุธยาไปจริงแต่เราก็ไม่ได้เสียอยุธยาไปให้พม่า อยุธยายังเป็นจังหวัดของไทย แล้วถ้าอยุธยาไม่ถูกเผาเราก็คงไม่รู้จักราชวงศ์จักรีที่เราเคารพรักกันทุกวันนี้เราคงไม่รู้จักในหลวงที่ชื่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลเดช สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตรเรามีชายแดนติดกันเป็นพันๆกิโล แทนที่จะเป็นมิตรกับกลับมัวแต่ระแวงกันเองอย่างไงเสียเราก็ไม่สามารถจะไปแย่งชิงดินแดนกันได้เหมือนในอดีตแล้วไม่ได้ทำสงครามกันแล้วตอนนี้เราเป็นเพื่อนบ้านกันเราน่าจะคบกันด้วยใจดีกว่า มีคนเคยบอกว่ามีมิตรดีกว่ามีศัตรู
ส่วนตัวถ้าเราจะคิดมีอคติกับพม่าเพียงเพราะว่าเรารู้แค่ว่าพม่ามาเผาบ้านเผาเมืองเราฆ่าคนของเรา แล้วเราล่ะเคยฆ่าฟันทหารพม่าตายไปเท่าไหร่ไม่มีใครเลวบริสุทธิ์ หรือดีบริสุทธิ์หรอกครับมันเป็นเรื่องจริง ถ้าเราจงเกลียดจงชังพม่ามากมายเพียงเพราะพม่าได้เผากรุงศรี แล้วที่ฝรั่งเศสทำล่ะมันเรียกว่าอะไรแล้วทำไมคนไทยถึงไม่สนใจไม่มีอคติกับฝรั่งเศส?
เมื่อเทียบกับสิ่งที่พม่าเคยทำกับที่ฝรั่งเศสทำกับเราเรารบพม่าเป็นร้อยๆปีผลัดกันแพ้ชนะพม่าไม่ได้อะไรจากเราไปเลยนอกจากสมบัติเล็กๆน้อยๆกับผู้คนแต่กับฝรั่งเศสมาแค่ไม่ถึง 50 ปีกลับโขมยไปทั้งสมบัติผู้คนและเผ่นดินเป็น 500,000กว่าตารางกิโลเมตรแล้วเป็นต้นเหตุให้เราทะเลาะกับเพื่อนบ้านอย่างไม่จบไม่สิ้นแล้วอย่างงี้เราควรจะรังเกลียดใครมากกว่ากันแต่เราเคยมีอคติกับฝรั่งเศสมั๊ย มีคนไทยกี่คนที่รู้เรื่องฝรั่งเศสโขมยดินแดนไทย มีแต่คนรู้ว่าพม่ามาเผาบ้านเมืองเราแต่ไม่มีใครรู้เรื่องฝรั่งเศสมาโขมยดินแดนเลย ใครมันน่าเลวร้ายมากกว่ากันครับ เรากับพม่ารบกันมานานเป็นเพื่อนกันมานาน เราน่าจะลืมๆอะไรที่มันเป็นเรื่องโบราณกาลไปบ้างแต่ไม่ควรหยุดศึกษาเพราะมันจะเป็นบทเรียนกับเรา ประวัติศาสตร์มีไว้ให้ศึกษาไม่ใช่ให้คนเกลียดชังกันคิดแค่นี้ก็แล้วกันครับ
เพื่อนบ้านกัน เป็นมิตรกันดีที่สุดครับ อดีตมีไว้ให้เรียนรู้และศึกษา แต่อย่ามีไว้เพื่อความเกลียดชัง
ถ้าเค้าไม่ได้ทำอะไรเรา แล้วเจะไปทำเค้าทำไมครับ และกองทัพพม่า ผมมองว่าตอนนี้ไม่ได้ด้อยกว่าเราเลย เผลอๆอาวุธบางตำแหน่งดีกว่ด้วยซ้ำ อย่าไปยุ่งกับเค้าเลยครับ เค้าอยากมีนิวเครีย ก็มีไป ใครอยากมีเรื่องกับเค้า ก็ไปดำเนินการเอาเอง เราอย่าไปยุ่ง (ซึ่งทุกวันนี้ ก็ดีแล้วที่เราไม่ไปยุ่งอะไรกับเค้า) แนวชายแดนติดกัน ปรองดองกันไว้ดีที่สุด พม่าเองปัจจุบันก็ให้เกียรติเรา พอสมควร และไม่ได้มองว่าเราไปภัยคุกคามอะไร เพราะเค้าก็รู้ ว่าเราไม่กล้าอยู่แล้ว ที่เค้ามีไม้เด็ดไว้ ก็เพราะพี่กันของเรา ชอบไปพูดจาคุกคามเค้าอะครับ ผมว่าปล่อยๆเค้าไปเถอะครับ ทำมาค้าขายดีกว่า อย่าไปยุ่งกับพม่าในแง่การทหารเลย ของเค้าดีจริงๆ.....
เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ครับ
กองทัพมีไว้เพื่อการรบ รบก็เพื่อชนะ หากเข้ารบแล้วไม่ชนะมันก็ไม่มีคุณค่าอะไร การทหารนั้นไม่ได้มีไว้เพื่อการอวดแสนยานุภาพของชาติ แต่หมายถึงความเป็นความตายการอยู่รอดดำรงอยู่ของรัฐชาติเมื่อต้องเข้าทำการรบแล้วต้องชนะเท่านั้น
มุมมองของนักการทหารนั้นจะมองไปที่ภาวะที่วิกฤติที่สุดเสมอ ถ้ามองแต่ภาพที่สวยงามการเจรจาการค้าขาย เรามาจัดฉากการทหารให้ข้าศึกดูเป็นการ ปจว.ก็ถือว่าเพียงพอ เอา รด.มาฝึกหมอบๆคลานๆ ซื้อรถถังซักสี่ห้าสิบคันมาวิ่งซ้อมรบจังหวัดใกล้ๆชายแดนก็พอ ไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณถึง ร้อยละ ๑.๒ ของจีดีพี
ใครจะรู้ว่าอยู่ๆประเทศเยอรมันที่มีความเจริญสูงสุดประเทศหนึ่งของโลก จะเกณฑ์เพื่อนพลเมืองเยอรมันเชื้อสายยิวไปรมแก๊ส เผาร่างคนทิ้ง เอาผมมายัดหมอน เอาฟันทองมาหลอมขาย เอาไขมันคนไปทำสบู่ ใครจะรู้ว่าประเทศญี่ปุ่นซึ่งเจริญก้าวหน้าที่สุดในเอเชียจะมีหน่วยแพทย์ทหารจับคนไปทดลองเชื้อโรค หน่วยรบเข้าปล้นสดมภ์นานกิงแบบอาชญากร
เห้นพ้องกับเจ้าของกระทู้ที่เห็นภาพปากอุโมงค์ที่พม่าอ้างว่าเป็นหลุมหลบภัย(ใครเชื่อก็บ้ามากแล้วนะครับอุโมงค์หลบภัยแต่ปากทางเข้าอย่างกับทางลอดที่ดินแดง) ก็นึกถึงการทิ้งระเบิดที่หุบเขาเบก้าทันที
ไม่ได้เห็นแย้งกับสมาชิกท่านใด เรื่องการค้าก็ค้ากันไป เรื่องไมตรีนั้นก็ต้องดำรงไว้ แต่เรื่องการทหารนั้นย่อหย่อน ดูเบาไม่ได้เด็ดขาดครับ
คือว่ามันไม่เหมือนกันน่ะครับ
ตอนที่อิสราเอลไปบอมบ์โรงงานนิวเคลียร์เค้าเนี่ย มันอยู่ที่อิรักนะครับ คือมันไม่ได้มีดินแดนติดกับอิสราเอลเลย เลยเล่นง่ายหน่อย กว่าที่อิรักจะรู้ตัวว่ามีบ.บินขึ้นก็ยาก แต่อย่างไทยเราเนี่ยติดกะพม่าเลยงี้ บินขึ้นไปเยอะๆแป้บเดียว รับรองสายลับหรือเรดาห์เค้าต้องจับได้แน่ๆ แล้วทีนี้ละครับมิก29เอย บัคเอ็ม1 เอฟ7 ซูเปอร์กาเล็บ ได้ออกมาต้อนรับเราแน่ๆ
ที่สำคัญคือแดนเราติดกันครับ ขืนอยู่ๆเราไปถล่มเค้าก่อน เราก็ต้องตกเป็นฝ่ายเริ่มสงครามอย่างไม่ต้องสงสัย ความชอบธรรมของเราในเวทีโลกก็ต้องลดลงไป แล้วถ้าพม่าบุกเราบ้างละใครจะรับผิดชอบ?
เรื่องของเรื่องเค้ามีนิวเคลียร์ไว้ขู่มหาอำนาจอย่างสหรัฐมากกว่าเราครับ แต่เราก็ตกเป็นเป้าไว้ขู่ด้วยหากยอมให้สหรัฐมาตั้งฐานทัพรุกรานเค้า สรุปก็คือเป็นเครื่องไว้กันการรุกรานเฉยๆไม่ได้จะใช้จริงๆ
ถ้าเกิดเราไปบอมบ์แล้วเกิดสงครามขึ้นมาใครจะรับผิดชอบครับ? ต้องเข้าใจไว้เลยว่าเรากับอิสราเอลไม่เหมือนกัน ที่อยู่ๆจะเที่ยวไปถล่มใครแล้วบอกว่าไอ้นี่กำลังคุกคาม นี่พม่าเค้าไม่ได้มาวางกับระเบิด มายิงอาร์พีจี หรือมาลอบยิงแบบบางประเทศเลยนะครับ เราจะไปตอบโต้ก็คงไม่ถูกหลัก
คิดน่ะคิดได้ครับ แต่ต้องคิดถึงผลที่จะตามมาด้วย ผมว่าดีไม่ดีสายลับพม่าเค้าก็อ่านหมดแล้วเนี่ย ทีสำคัญประเทศติดกันแค่นี้ คงไม่คิดสั้นยิงเพื่อรับสารกัมมันตรังสีด้วยมั้งครับ
การกระทำแบบนั้นเหมาะกับพวกกระหายสงครามเสียมากกว่า และที่สำคัญรู้แล้วเหรอครับว่าโรงงานเค้าอยู่ที่ไหน? ถึงจะไปบอมบ์เนี่ย
ผมว่าไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นสำหรับการทหารตอนนี้
สิ่งที่ต้องควรทำก็คือการเสนอผลประโยชน์ร่วมระหว่างรัฐต่อรัฐ
เช่นโครงการท่าเทียบเรือพานิชย์ที่ทวายร่วมทั้งการสร้างทางรถไฟขนถ่ายสินค้าจากพม่าไปเวียดนามด้านนครโฮจิมินซิตี้หรือที่ดานังก็ได้โดยผ่านลาวผมว่าไทยเรามีแต่วิน วิน แถมนิวเคลียร์ก็โดนควบคุมทางการค้า
กำหนดให้เรามีภาระร่วมกันในการลงทุนเปลี่ยนทหารให้เป็นพ่อค้าตามแนวน้าชาติเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด ยั่งยืนแถมโดดเดี่ยวเขมรอีกต่างหากสักวันเค้าต้องมาง้อเราถ้าเราเดินทางร่วมกันเพื่อนทางทิศตะวันตกและทิศตะวันออกเฉียงเหนือไปได้สวย เพราะฮุนเซ็นเค้ามองผลประโยชน์โดยรวมของเค้ามาก ผมมองว่าในอนาคตอันใกล้นี้ถ้ารัฐบาลดำเนินงานอย่างชาญฉลาดและใช้การฑูตเชิงรุกที่เป็นงานผมว่าไม่ต้องกลัวชาติไหนเพียงแค่เราได้ประโยชน์เค้าได้ทุกอย่างไม่ต้องมานั่งรบกันแค่รัฐมนตรีหรือผู้ช่วยไปเยือนทุกอย่างก็คลี่คลายต่างกับปัจจุบันแค่นายกเราจะไปพม่าเค้าบอกว่ายังไม่พร้อมต้อนรับ แต่ผู้แทนเกาหลีเหนือมา 5555555ต้อนรับสะยิ่งใหญ่
ถูกอย่างหลายท่านว่าไปข้างต้นน่ะครับ รักษาอธิปไตย ไม่ผิด แต่ถ้าเป็นฝ่ายเปิดก่อนล่ะก็ ในสายตาชาวโลกเราผิดเต็มๆแล้วประสิทธิภาพกองพม่าก็ไม่ต่างจากเราเท่าใดนัก แน่นอนว่าถ้าเราบุกเขาแล้วไม่สำเร็จเขาบุกเรากลับบ้าง แล้วไม่มีชาติใดช่วยจะเป็นยังไง
ในช่วงหลายปีมานี้พม่ากับเราก็มิตรทีดีกว่าบางประเทศถึงจะมีปัญหาแนวชายแดนก็ตามที แต่ก็ยังไว้ใจซึ่งกันและกันไม่เหมือน เพื่อนบ้านบางชาติน่ะครับ
หัวรบจะไม่หันมาหาเราตราบที่เรายังไม่เป็นฐานวางกำลังให้ใครน่ะครับ เพราะถ้าต้องลุยจริงๆบ้านเราจะเป็นฐานวางกำลังชั้นดีสำหรับทัพบกและอากาศ แน่นอนว่าหัวรบคงไม่ไปไหนไกลแน่นอน
1.นางาซากิคือนุคลูกสุดท้าย หลังตั้ง UN นุคมีไว้ขู่ครับ
2.นักวิชาการพม่าเคยตั้งคำถามต่อเหล่าบรรดาอาจารย์มหาลัยแห่งล้านนาว่า
2.1ทำไมคนไทยต้องตั้งอคติต่อพม่านักหนา เป็นมิตรกันไม่ได้หรือไร คนพม่าไม่ได้มีอคติต่อคนไทยเหมือนกับที่คนไทยมีอคติต่อพม่า ความหลังเก่าก่อนครั้งอโยธยา ประวัติศาสตร์ของพม่าก็แตกต่างจากของไทย
2.2ไหนๆ ก็ยกประเทศหนีออกจากกันไม่ได้แล้ว บ้านใกล้เรือนเคียงเป็นมิตรกันไว้ไม่ได้หรือไร
2.3ไทยเราตามก้นและเป็นเครื่องมือให้ฝรั่งทำร้ายพม่ามากเกินไปหรือไม่
2.4 พม่าเป็นชาติยากจน ขาดการพัฒนาทุก ๆด้าน ถ้าเมกาไม่ทำตัวจุ้นจ้านไปทั่วโลก บอยคอตเขาไปทั่ว พม่าจะต้องเสียเงินกับการสร้างกองทัพให้เกินขนาดไว้ทำไม เอาไปสร้างถนน ซื้อข้าวให้ลูกหลานกินไม่ดีกว่าหรือ
ฟังแล้วเป็นไงครับ เราต้องยอมรับว่าอาวุธที่แข็งแกร่งคือกองทัพที่เข้มแข็ง แต่อาวุธที่แหลมคมยิ่งกว่า คือการฑูตลิ้นทอง
3. การตั้งอยู่บนความไม่ประมาทนั้น แน่นอนต้องพึงกระทำ เพียงแต่เราจะต้องเลือกว่า กระทำแบบไหนที่เป็นประโยชน์ต่อลูกหลานของเรา เพราะอาหาร การศึกษา การสาธารณสุขก็สำคัญไม่ด้อยไปกว่าอาวุธหรอกครับ พลังอำนาจของชาติไม่ได้อยู่ที่อาวุธอย่างเดียว เปรียบอาวุธกับร่างกายได้เท่ากับกล้ามที่ใหญ่โต พูดจากับใครเป็นที่น่าเกรงขาม หากแต่เรากล้ามใหญ่แล้วขาลีบ สมองกลวง หูตาฝ้าฟาง ก็เสียเวลาเพาะกล้ามเปล่า ๆ
4. ที่เราฝึก รด.กันน่ะ รู้ไหมว่าฝึกไว้ทำอะไร ดูแล้วเป็นเพียงกิจกรรมเพื่อใช้บริหารงบประมาณเท่านั้นเอง ปีละ 60 ชม.ยิงปืนปีละ 10 นัด จะบ้าหรือไร เรียกพลปัจจุบันรายงานตัวเช้า บ่ายหน่อยปล่อยกลับบ้านแล้ว เป็นการเรียกเพื่อตรวจสอบ อีกนานครับกว่าจะเท่าทันของอิสราเอลที่เราเอาเป็นต้นแบบ ออกรบเมื่อไหร่ก็ส่งลูกหลานเขาไปตาย นำหน่วยไปละลายเปล่า ๆ จริงอยู่ว่าสมัยนี้ศักยภาพของกองทัพเขาวัดกันที่กำลังสำรอง แต่ดูแล้วกิจกรรมกำลังสำรองของเรามีวัตถุประสงค์ 2 ประการที่เตรียมไว้ให้ทำในยามสงคราม คือ
4.1.ถ้าไม่ประกาศชัยชนะ
4.2.ก็ประกาศความพ่ายแพ้ให้แก่ชาติพันธุ์ของเราครับ
ด้วยเทคโนโลยี่ของอาวุธปัจจุบัน การรบจะรู้ผลแพ้ชนะในกำลังประจำการที่มีอยู่ กำลังสำรองน่ะมีไว้ในกระดาษก็เพื่อขู่อีกฝ่ายหนึ่งเหมือนกับนุคแหล่ะครับ อันนี้พูดถึงกองทัพเล็ก ๆอย่างของไทยนะ อย่าไปเอาอย่างชาติมหาอำนาจที่เขามีผลประโยชน์อยู่ทั่วโลก เพราะนั่นเขาจะเตรียมและเรียกใช้กำลังสำรองทันทีที่มีการเคลื่อนกำลังไปทำสงคราม ณ ต่างแดน ยกตัวอย่างเช่นเมกา
ความเห็นนี้ หากไม่ตรงใจท่านใด ก็กราบขออภัยด้วยครับ