หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


"หมอพรทิพย์"อะเมซซิ่ง ไทยแลนด์พยานปากเอกไขปริศนาฆาตกรรมนักการเมืองฝ่ายค้านที่มาเลเซีย

โดยคุณ : sam เมื่อวันที่ : 31/08/2010 04:49:31

โดยมุสตาฟา อาลี

หมายเหตุ"มติชนออนไลน์" รายงานชิ้นนี้เขียนโดยมุสตาฟา อาลีในคอลัมน์ "สายตรงจากกัวลาลัมเปอร์."มีเนื้อหาเกี่ยวกับเบื้องหน้าเบื้องหลังการตายของนักการเมืองฝ่ายค้านในมาเลเซียและบทบาทของแพทย์หญิง คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ในฐานะพยานผู้เชี่ยวชาญในศาลประเทศมาเลเซีย
--------------------------


หลังจากรู้จักมาเลเซียเกือบสิบปี  ผู้เขียนชักจะเชื่อว่า ในสายตาของชาวมาเลเซียจำนวนไม่น้อย  คำว่า “อะเมซซิ่ง ไทยแลนด์” หมายถึงอะไรหลายอย่างที่เขาไม่มีและอีกหลายอย่างที่ไม่เข้าใจ  และไม่ว่าบางครั้งการเมืองไทยอาจจะอะเมซซิ่งเลยเถิดไปบ้าง บรรดาชาวมาเลเซียเพื่อนบ้านก็ไม่ย่อท้อ  ยังรอเวลาที่จะกลับมาเยือน


เมื่อไม่กี่วันมานี้  คอการเมืองมาเลเซียหลายรายคงรู้สึก “อะเมซซิ่ง” กันแบบจะๆในการปะทะคารมมันหยดในเวทีการให้การคดีการเมืองใหญ่ ที่พิเศษไม่เหมือนการให้การทางการเมืองครั้งใด เพราะศูนย์กลางของความสนใจในวันนั้นคือผู้เชี่ยวชาญพิเศษจากประเทศไทยผู้ทีแม้จะไม่ต้องพูดอะไรเลย  เพียงแค่ทรงผมก็สามารถสร้างความตื่นเต้นให้กับวงการการเมืองแบบมาเลเซียแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าบุคคลผู้นั้นคือ แพทย์หญิงคุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ นั่นเอง.. แต่นแต้น..


หมอพรทิพย์ผู้ซึ่งดังระเบิดในวงการการเมืองมาเลเซียไปแล้ว ปรากฏตัวครั้งแรกเมื่อถูกเชิญจากรัฐบาลแห่งรัฐสลังงอร์ผ่านทางกระทรวงยุติธรรมของไทยให้ทำหน้าที่เป็นพยานผู้เชี่ยวชาญ ผู้มีหน้าที่แสดงความเห็นต่อคณะกรรมการสืบสวนสาเหตุการเสียชีวิตของ นาย เตียว เบ็ง ฮก ผู้ช่วยนักการเมืองฝ่ายค้าน วัย 29 ปี    


ร่างไร้ชีวิตของเบ็งฮก ถูกพบเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมปีที่แล้ว บนดาดฟ้าชั้นที่ห้าของตึกที่อยู่ติดกับอาคารสำนักงานแห่งหนึ่งซึ่งชั้นที่ 14 ของอาคารแห่งนั้นเป็นที่ตั้งสำนักงาน MACC 

 

เบ็งฮกถูก MACC เรียกตัวเข้าสอบสวนกรณีการกล่าวหาเรื่องการคอรัปชั่นของนักการเมืองกลุ่มพรรคฝ่ายค้าน แม้ว่าการกล่าวหาครั้งนั้นจะไม่ได้ระบุว่าเป็นนักการเมืองรายใด  แต่ MACC ได้เรียกตัวนักการเมืองและผู้ช่วยนักการเมืองหลายปสอบถาม  เบ็งฮกถูกกักตัวสอบถามตลอดคืนวันที่ 15 ก่อนจะกลายเป็นศพในวันถัดมา


การตายของเขาสร้างความสะเทือนขวัญไปทั่ว  เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการให้มีการชันสูตรพลิกศพอย่างรวดเร็ว 

 

หลังจากนั้น MACC พยายามกล่าวทำนองว่าเบ็งฮกฆ่าตัวตายเอง แต่ก็ไม่สามารถสยบความเชื่อของประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มคนจีนที่ปักใจเชื่อเสียแล้วเขาถูกฆาตกรรม


รัฐบาลรัฐสลังงอร์ซึ่งนำโดยพรรคร่วมฝ่ายค้านระดับชาติจึงตั้งคณะกรรมการสอบสวนสาเหตุการเสียชีวิตของเบ็งฮกขึ้น  และด้วย ความไม่เชื่อ เรื่องความโปร่งใสของโรงพยาบาลและแพทย์มาเลเซียด้วยกันเอง  เป็นเหตุให้หมอพรทิพย์เข้ามามีบทบาทในฐานะอาสาสมัครพยานผู้เชี่ยวชาญ


เมื่อปีที่แล้วหมอพรทิพย์กับทรงผมและสไตล์การแต่งตัวที่สร้างความฮือฮาต่อวงการเมืองมาเลเซีย ได้เดินทางมาแสดงความเป็นต่อผลการชันสูตรศพรอบแรก แล้วให้ความเห็นที่เป็นประหนึ่งระเบิดลูกใหญ่ตกลงกลางวงด้วยการบอกว่า มีความเป็นไปได้ 80 เปอร์เซ็นต์ ว่าสาเหตุการตายมาจากการฆาตกรรม อีกเพียง 20 เปอร์เซนต์เท่านั้นที่อาจเป็นการฆ่าตัวตาย


ประโยคสั้นๆนี่เองที่ทำเอาวิ่งวุ่นกันทั้งวงการ  เริ่มจากพ่อแม่ของผู้ตายยืนยันให้มีการขุดศพลูกชายขึ้นมาชันสูตรครั้งที่สอง  โดยขอให้คุณหมอพรทิพย์มีส่วนร่วมด้วย 

 

ทางฝ่าย MACC เห็นท่าจะเพลี่ยงพล้ำจึงควักกระเป๋าจ้างนายแพทย์ ปีเตอร์ ฟาเนซิซ (Peter Vaneziz) นักนิติวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษผู้ร่วมในการตรวจสอบคดีการเสียชีวิตของเจ้าหญิงไดอาน่ามาเป็นพยานผู้เชี่ยวชาญฝ่ายตน 


การชัณสูตรศพครั้งที่สองที่พยานผู้เชี่ยวชาญทั้งสองคนเข้าสังเกตการณ์  ได้ทำขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว  เวลาผ่านไปจนมาถึงวันที่ 18 สิงหาคม ปีนี้ก้เป็นรอบที่คุณหมอจะกลับมาให้การอีกครั้งหนึ่ง


น่าแปลกที่ว่า  ก่อนที่หมอพรทิพย์จะเดินทางมามาเลเซียไม่นาน  สำนักงานอัยการสูงสุดของมาเลซียก็เผยไต๋ออกมาว่า  ได้เก็บเอาจดหมายลาตายของเบ็งอกไว้ในความครอบครอง  โดยจดหมายนี้ค้นได้จากตัวเบ็งฮกในเวลาสองเดือนหลังการเสียชีวิต 


ข่าวนี้สร้างความ “มึน” ให้กับรัฐบาลสลังงร์อีกครั้งหนึ่ง  ก่อนจะตามมาด้วยคำถามมากมาย  เช่นเบ็งฮกเก็บจดหมายไว้อย่าไรหรือจึ่งเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ใช้เวลานานถึงสองเดือนกว่าจะค้นพบ  เนื้อความในจดหมายพูดไว้อย่างไร  และทำไมเมื่อพบจดหมายแล้วจึงไม่เปิดเผยให้ครอบครัวผู้ตายทราบ


ท่าทีแหม่งๆของฝ่ายเจ้าหน้าที่ในคดีนี้ทำให้ความหวังของครอบครัวผู้ตายและผู้สนับสนุนพรรคฝ่ายค้านทั้งปวงฝากเอาไว้ที่หมอพรทิพย์ จากไทยแลนด์ แต่นแต้น.. (อีกแล้ว) 


หนังสือพิมพ์ออนไลน์ Malaysiakini.com ที่รายงานข่าวการให้การแบบนาทีต่อนาที บรรยายบรรยากาศใน  ศาลประจำรัฐสลังงอร์ในยามเช้าของวันที่ 18 สิงหาคมอย่างมีสีสัน  เริ่มด้วยเสียงปรบมือเกรียวกราวจากบรรดาผู้เข้าฟังคำให้การ  เมื่อคุณหญิงหมอย่างเท้าเข้าห้องประชุม 


งานนี้หมอพรทิพย์จะต้องตอบคำถามของทนายความตัวแทนคู่กรณีทั้งสองฝ่าย  คือทนายของรัฐบาลรัฐสลังงอร์และทนายความตัวแทน MACC ผนามว่า นาย อับดุล ราซัค มูซา ที่เรียกกันสั้นๆว่า นายราซัค (ในภาพ)


การซักถามวันนั้นวางอยู่บนรายงาน 11 หน้าของ หมอพรทิพย์ที่ได้จากจากการสังเกตการณ์การชันสูตรพลิกศพครั้งที่สอง  รายงานฉบับนี้ถูกส่งให้คณะกรรมการสอบสวนรวมทั้งทนายของทั้งสองฝ่ายได้อ่านก่อน  เพื่อใช้ในการสอบถามเพิ่มเติมในวันให้การ


คุณหมอ ตอบข้อซักถามของทนายความฝ่ายรัฐบาลสลังงอร์ โดยมีประเด็นสำคัญที่รอยช้ำที่พบบนลำคอของผู้ตายซึ่งตนเองเป็นผู้ตั้งข้อสังเกตหลังจากการดูภาพที่ได้จากการชัณสูตรศพครั้งแรก 


หมอพรทิพย์กล่าวว่า พบรอยช้ำบนคอที่กินลึกไปถึงระดับกล้ามเนื้อ  กินพื้นที่กว้างกว่าการถูกบีบคอด้วยมือเปล่า  จากประสบการณ์ของการทำงานกรณีตกจากที่สูง 34-35 กรณีก่อนหน้านั้น เห็นว่าเป็นไปไม่ได้ที่รอยดังกล่าวเกิดจากการตกกระทบพื้นจากที่สูง

 

ดังนั้นรอยนี้น่าจะเกิดขึ้นก่อนจะตกลงมา  และอาจเกิดจากการใช้แรงและน้ำหนักที่มากกว่า การบีบคอด้วยมือเปล่า 


ดังนั้นอาจเกิดจากใครบางคนใช้วัตถุหนักบางอย่างกดบนคอของผู้ตาย  หรือกดศีรษะของเขาบนวัตถุบางอย่าง

 

คุณหญิงหมอไม่เห็นด้วยกับความเห็นของ นายแพทย์ ปีเตอร์ ฟาเนซิซ พยานผู้เชี่ยวชาญชาวอังกฤษ ที่บอกว่ารอยที่คอเกิดจากการแตกของคาง เพราะรอยแตกที่คางมีขนาดเล็กนอกจากนั้นที่คางยังไม่มีเส้นเลือดใหญ่ที่เป็น สาเหตุให้เลือดออกมากแต่เลือดคั่งในตัวผู้ตายกลับลามไปถึงบริเวณหน้าอก 


คุณหญิงหมอยืนยันความเห็นเดิมที่ว่า การบาดเจ็บของผู้ตายเกิดขึ้นก่อนที่เขาจะตกลงมาจากตึก  แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่า เขามีสติอยู่หรือหมดสติขณะที่ตกลงมา

 

นอกจากนั้นยังปฏิเสธที่จะให้น้ำหนักข้อสันนิษฐานเป็นเปอร์เซ็นต์เหมือนครั้งที่แล้ว  เนื่องจากความเห็นครั้งนี้วางอยู่บนฐานของการชันสูตรครั้งที่สอง 


อย่างไรก็ตาม  คุณหมอมั่นใจว่ากรณีนี้ “ไม่ใช่การฆ่าตัวตาย”


นอกจากนั้นยังได้ติงเรื่องการจัดการกับจดหมายที่เจ้าหน้าที่อ้างว่า ค้นพบในตัวผู้ตายว่า  กฏเกณฑ์มาตรฐานของการสืบสวนทางนิติเวชศาสตร์  บอกว่า ข้อความ หรือจดหมายใดๆที่พบในตัวผู้ตายควรได้รับการตรวจสอบหา DNA รอยนิ้วมือ หรือรอยมือรวมทั้งลายมือของผู้เขียน อย่างเร็วที่สุด 


การให้การเป็นไปด้วยดีจงบจนกระทั่ง นายราซัค  ทนายความฝ่าย MACC เข้าซักถามเป็นคนสุดท้าย  นายราซัคผู้มาด้วยคำถามแนวเหลือเชื่อมากมายที่สร้างความรู้สึกอันยากจะบรรยาย  ถามคุณหญิงหมอด้วยลีลาอันดุดันเป็นเบื้องแรกว่า  “คุณรู้หรือเปล่าว่ามหาวิทยาลัยที่คุณเรียนจบมาเนี่ย  ไม่ได้รับการรับรองในประเทศมาเลเซียหรอกนะ”

แต่มีหรือที่มุขแบบนี้จะทำให้คนอย่างหมอพรทิพย์ครั่นคร้าม  พลัน “แต่มหาวิทยาลัยนี้เป็นมหาวิทยาลัยท็อปไฟฟว์ของเอเซียนะคะ.. ” คุณหญิงหมอสวนกลับโดย  เรียกเสียงปรบมือจากกองเชียร์อีกหนึ่งรอบ


หลังจากอุ่นเครื่องได้พักหนึ่ง  ราซัคเดินหน้ารุกคืบ  หวังชนะน็อคคุณหญิงหมอกลางเวทีด้วยคำถามที่ว่า  คุณหญิงหมอมามาเลเซียครั้งนี้เพื่อโจมตี MACC หรืออย่างไร  และแล้วก็ได้รับคำตอบเด็ดจากหมอพรทิพย์ที่เต้นฟุตเวิร์ครออยู่ “ดิฉันมาที่นีเพื่อปกป้องสิทธิของผู้ตาย ไม่ใช่สิทธิของรัฐบาลสลังงอร์หรือของผู้ใด”


เมื่อเห็นว่าเทคนิกแบบคุกคามเห็นทีจะใช้ไม่ได้  ราซัคจึงเปลี่ยนเป็นท่าทีวิชาการ  ย้อนกลับไปตั้งข้อสงสัยในคำให้การของคุณหมอว่า เหตุใดสิ่งที่คุณหมอพูดในการให้การครั้งนี้จึงขัดแย้งกับสิ่งที่พูดมาก่อนหน้า 

 

หมอพรทิพย์ตอบว่า  ในการให้การครั้งแรก  ตนเองตั้งข้อสังเกตเรื่องความเป็นไปได้ในการตายของเบ็งฮก  ส่วนการให้การครั้งนี้ซึ่งมีขึ้นหลังการชันสูตรศพครั้งที่สอง  ตนเองได้ให้ข้อสรุป หรือคำตอบต่อข้อสังเกตที่ตั้งไว้ในครั้งแรก โดยวางบนการสังเกตการและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ได้พบ


ดุเหมือนว่าราซัคจะไม่ชอบคำอธิบายทางวิชาการเท่าไหร่นัก  เพราะถามไปถามมาได้สักพักเขาจึงฟันธงเสียเองว่า เบ็งฮกรัดคอตัวเองตายเองเพราะว่าเป็นคนเศร้าซึม  ทำเอาทนายประจำครอบครัวเบ็งฮกต้องถามขึ้นทันควันว่าคนเราจะรัดคอตัวเองตายได้อย่างไรครับผม


มาถึงตอนนี้เขารับคำท้า  ลงมือสาธิตท่ารัดคอตัวเองตายให้ดูกลางศาล  เล่นเอาคนดูฮาตรึม


เมื่อสาธิตเสร็จ  เขาเดินหน้าต่อด้วยการวิจารณ์หมอพรทิพย์ว่าเขียนรายงาน “บนฐานของจินตนาการของตัวเธอเอง”  ประเด็นนี้คุณหญิงหมอตอบสั้นๆว่า “มันวางอยู่บนฐานของการทำงานของดิฉันค่ะ”


ราซัคซึ่งติดลมบนไปแล้วถามคุณหมอเอาดื้อๆว่า  ที่ให้ความเห็นต่างๆเรื่องการตกจากที่สูงเนี่ย  ตัวคุณหมอเองเคยมีประสบการณ์โดดลงมาจากตึกบ้างหรือเปล่า เล่นเอาทนายความ ผู้แทนของรัฐบาลสลังงอร์ทนไม่ไหว  ลุกขึ้นประท้วงว่าได้ยินคำถามแบบนี้จากปากของราซัค “สงสัยพวกเราคงต้องพากันไปกระโดดตึกกันหมดกระมัง”


ต่อกรณีท่าเบ็งฮกหมดสติหรือยังรู้สึกตัวอยู่ในขณะที่ตกจากตึก  ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในการพิสูจน์ว่ามีการฆาตกรรมหรือไม่นั้น  ราซัคออกความเห็นประหลาดอีกครั้งว่า  “ถ้า (เบ็งฮก) หมดสติตอนที่ตกลงมา  ตัวเขาจะต้องหนักกว่า ตอนที่ไม่หมดสติ”


เรื่องนี้คุณหมอยืนยันโดยพลันว่า นำหนักตัวของคนหมดสติและคนที่มีสติอยู่นั้นไม่ได้แตกต่างกันแต่อย่างไร  แล้วถามกลับว่า  “คนเราจะน้ำหนักลดตอนหมดสติได้อย่างไรคะ..”


คำถามอันเหลือเชื่อของทนายราซัคทำเอาอ่อนอกอ่อนใจกันทั่วหน้า  รวมทั้งคุณหมอเองที่สุดท้ายเอื้อนเอ่ยออกมาว่า  “ดิฉันชักจะสงสัยว่าคุณเป็นทนายจริงๆหรือเปล่า”

 

 เมื่อเจอคำถามนี้ราซัคยืดอกตอบอย่างภาคภูมิ “ผมอาจจะอายุน้อยกว่าคุณ  แต่ผมก็เป็นทนายมาแล้ว 24 ปีนะขะรับ..” คำตอบของเขาเรียกเสียงยี้จากผู้ฟังเป็นการส่งท้าย


การให้การของหมอพรทิพย์จบลงราวเที่ยง  นายราซัคผลุนผลันขึ้นรถออกไปจากศาลด้วยอาการฉุนเฉียว  หลังจากปิดประตูใส่หน้านักข่าวที่รอสัมภาษณ์ปังใหญ่ 


ไม่มีใครรู้ว่าคดีเบ็งฮกจะคลี่คลายให้เป็นที่ประจักษณ์หรือจะถูกการเมืองกลบเกลื่อนหายไปตามกาลเวลา  แต่อย่างไรก็ตาม  ดูเหมือนว่าหมอพรทิพย์จากไทยแลนด์ จะมีแฟนคลับที่มาเลเซียเข้าให้แล้ว

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1282463615&grpid=&catid=02
ps.เอามาฝากอ่านแล้วสนุกดี




ความคิดเห็นที่ 1


เจ๋งมากเลยครับ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ นะครับ
(ดูไปดูมา คล้ายๆ หนังเรื่อง The kingdom เลย ที่ทีมสหรัฐฯ เข้าไปในซาอุดิอาราเบีย เพื่อคลี่คลายคดี ต่างกันที่ สหรัฐฯ ขอเข้าไป แต่ ของเราเขาเชิญเข้าไป)
โดยคุณ NightForce เมื่อวันที่ 30/08/2010 17:49:30