หมายเหตุ"มติชนออนไลน์"
รายงานชิ้นนี้เขียนโดยมุสตาฟา อาลีในคอลัมน์ "สายตรงจากกัวลาลัมเปอร์."มีเนื้อหาเกี่ยวกับเบื้องหน้าเบื้องหลังการตายของนักการเมืองฝ่ายค้านในมาเลเซียและบทบาทของแพทย์หญิง คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์
ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์
ในฐานะพยานผู้เชี่ยวชาญในศาลประเทศมาเลเซีย
--------------------------
หลังจากรู้จักมาเลเซียเกือบสิบปี
ผู้เขียนชักจะเชื่อว่า ในสายตาของชาวมาเลเซียจำนวนไม่น้อย คำว่า อะเมซซิ่ง
ไทยแลนด์ หมายถึงอะไรหลายอย่างที่เขาไม่มีและอีกหลายอย่างที่ไม่เข้าใจ
และไม่ว่าบางครั้งการเมืองไทยอาจจะอะเมซซิ่งเลยเถิดไปบ้าง บรรดาชาวมาเลเซียเพื่อนบ้านก็ไม่ย่อท้อ
ยังรอเวลาที่จะกลับมาเยือน
เมื่อไม่กี่วันมานี้ คอการเมืองมาเลเซียหลายรายคงรู้สึก
อะเมซซิ่ง กันแบบจะๆในการปะทะคารมมันหยดในเวทีการให้การคดีการเมืองใหญ่
ที่พิเศษไม่เหมือนการให้การทางการเมืองครั้งใด เพราะศูนย์กลางของความสนใจในวันนั้นคือผู้เชี่ยวชาญพิเศษจากประเทศไทยผู้ทีแม้จะไม่ต้องพูดอะไรเลย เพียงแค่ทรงผมก็สามารถสร้างความตื่นเต้นให้กับวงการการเมืองแบบมาเลเซียแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าบุคคลผู้นั้นคือ แพทย์หญิงคุณหญิง พรทิพย์
โรจนสุนันท์ นั่นเอง..
แต่นแต้น..
หมอพรทิพย์ผู้ซึ่งดังระเบิดในวงการการเมืองมาเลเซียไปแล้ว
ปรากฏตัวครั้งแรกเมื่อถูกเชิญจากรัฐบาลแห่งรัฐสลังงอร์ผ่านทางกระทรวงยุติธรรมของไทยให้ทำหน้าที่เป็นพยานผู้เชี่ยวชาญ
ผู้มีหน้าที่แสดงความเห็นต่อคณะกรรมการสืบสวนสาเหตุการเสียชีวิตของ นาย
เตียว เบ็ง ฮก ผู้ช่วยนักการเมืองฝ่ายค้าน วัย 29 ปี
ร่างไร้ชีวิตของเบ็งฮก ถูกพบเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมปีที่แล้ว
บนดาดฟ้าชั้นที่ห้าของตึกที่อยู่ติดกับอาคารสำนักงานแห่งหนึ่งซึ่งชั้นที่ 14
ของอาคารแห่งนั้นเป็นที่ตั้งสำนักงาน MACC
เบ็งฮกถูก MACC เรียกตัวเข้าสอบสวนกรณีการกล่าวหาเรื่องการคอรัปชั่นของนักการเมืองกลุ่มพรรคฝ่ายค้าน แม้ว่าการกล่าวหาครั้งนั้นจะไม่ได้ระบุว่าเป็นนักการเมืองรายใด แต่ MACC ได้เรียกตัวนักการเมืองและผู้ช่วยนักการเมืองหลายปสอบถาม เบ็งฮกถูกกักตัวสอบถามตลอดคืนวันที่ 15 ก่อนจะกลายเป็นศพในวันถัดมา
การตายของเขาสร้างความสะเทือนขวัญไปทั่ว
เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการให้มีการชันสูตรพลิกศพอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้น MACC พยายามกล่าวทำนองว่าเบ็งฮกฆ่าตัวตายเอง แต่ก็ไม่สามารถสยบความเชื่อของประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มคนจีนที่ปักใจเชื่อเสียแล้วเขาถูกฆาตกรรม
รัฐบาลรัฐสลังงอร์ซึ่งนำโดยพรรคร่วมฝ่ายค้านระดับชาติจึงตั้งคณะกรรมการสอบสวนสาเหตุการเสียชีวิตของเบ็งฮกขึ้น
และด้วย ความไม่เชื่อ เรื่องความโปร่งใสของโรงพยาบาลและแพทย์มาเลเซียด้วยกันเอง
เป็นเหตุให้หมอพรทิพย์เข้ามามีบทบาทในฐานะอาสาสมัครพยานผู้เชี่ยวชาญ
เมื่อปีที่แล้วหมอพรทิพย์กับทรงผมและสไตล์การแต่งตัวที่สร้างความฮือฮาต่อวงการเมืองมาเลเซีย
ได้เดินทางมาแสดงความเป็นต่อผลการชันสูตรศพรอบแรก
แล้วให้ความเห็นที่เป็นประหนึ่งระเบิดลูกใหญ่ตกลงกลางวงด้วยการบอกว่า มีความเป็นไปได้ 80 เปอร์เซ็นต์ ว่าสาเหตุการตายมาจากการฆาตกรรม อีกเพียง 20
เปอร์เซนต์เท่านั้นที่อาจเป็นการฆ่าตัวตาย
ประโยคสั้นๆนี่เองที่ทำเอาวิ่งวุ่นกันทั้งวงการ
เริ่มจากพ่อแม่ของผู้ตายยืนยันให้มีการขุดศพลูกชายขึ้นมาชันสูตรครั้งที่สอง
โดยขอให้คุณหมอพรทิพย์มีส่วนร่วมด้วย
ทางฝ่าย MACC เห็นท่าจะเพลี่ยงพล้ำจึงควักกระเป๋าจ้างนายแพทย์ ปีเตอร์ ฟาเนซิซ (Peter Vaneziz) นักนิติวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษผู้ร่วมในการตรวจสอบคดีการเสียชีวิตของเจ้าหญิงไดอาน่ามาเป็นพยานผู้เชี่ยวชาญฝ่ายตน
การชัณสูตรศพครั้งที่สองที่พยานผู้เชี่ยวชาญทั้งสองคนเข้าสังเกตการณ์
ได้ทำขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เวลาผ่านไปจนมาถึงวันที่ 18 สิงหาคม
ปีนี้ก้เป็นรอบที่คุณหมอจะกลับมาให้การอีกครั้งหนึ่ง
น่าแปลกที่ว่า ก่อนที่หมอพรทิพย์จะเดินทางมามาเลเซียไม่นาน
สำนักงานอัยการสูงสุดของมาเลซียก็เผยไต๋ออกมาว่า
ได้เก็บเอาจดหมายลาตายของเบ็งอกไว้ในความครอบครอง
โดยจดหมายนี้ค้นได้จากตัวเบ็งฮกในเวลาสองเดือนหลังการเสียชีวิต
ข่าวนี้สร้างความ มึน ให้กับรัฐบาลสลังงร์อีกครั้งหนึ่ง
ก่อนจะตามมาด้วยคำถามมากมาย เช่นเบ็งฮกเก็บจดหมายไว้อย่าไรหรือจึ่งเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ใช้เวลานานถึงสองเดือนกว่าจะค้นพบ
เนื้อความในจดหมายพูดไว้อย่างไร
และทำไมเมื่อพบจดหมายแล้วจึงไม่เปิดเผยให้ครอบครัวผู้ตายทราบ
ท่าทีแหม่งๆของฝ่ายเจ้าหน้าที่ในคดีนี้ทำให้ความหวังของครอบครัวผู้ตายและผู้สนับสนุนพรรคฝ่ายค้านทั้งปวงฝากเอาไว้ที่หมอพรทิพย์
จากไทยแลนด์ แต่นแต้น.. (อีกแล้ว)
หนังสือพิมพ์ออนไลน์ Malaysiakini.com
ที่รายงานข่าวการให้การแบบนาทีต่อนาที บรรยายบรรยากาศใน ศาลประจำรัฐสลังงอร์ในยามเช้าของวันที่ 18
สิงหาคมอย่างมีสีสัน เริ่มด้วยเสียงปรบมือเกรียวกราวจากบรรดาผู้เข้าฟังคำให้การ เมื่อคุณหญิงหมอย่างเท้าเข้าห้องประชุม
งานนี้หมอพรทิพย์จะต้องตอบคำถามของทนายความตัวแทนคู่กรณีทั้งสองฝ่าย
คือทนายของรัฐบาลรัฐสลังงอร์และทนายความตัวแทน MACC ผนามว่า นาย อับดุล ราซัค มูซา ที่เรียกกันสั้นๆว่า
นายราซัค (ในภาพ)
การซักถามวันนั้นวางอยู่บนรายงาน 11 หน้าของ
หมอพรทิพย์ที่ได้จากจากการสังเกตการณ์การชันสูตรพลิกศพครั้งที่สอง
รายงานฉบับนี้ถูกส่งให้คณะกรรมการสอบสวนรวมทั้งทนายของทั้งสองฝ่ายได้อ่านก่อน
เพื่อใช้ในการสอบถามเพิ่มเติมในวันให้การ
คุณหมอ ตอบข้อซักถามของทนายความฝ่ายรัฐบาลสลังงอร์
โดยมีประเด็นสำคัญที่รอยช้ำที่พบบนลำคอของผู้ตายซึ่งตนเองเป็นผู้ตั้งข้อสังเกตหลังจากการดูภาพที่ได้จากการชัณสูตรศพครั้งแรก
หมอพรทิพย์กล่าวว่า พบรอยช้ำบนคอที่กินลึกไปถึงระดับกล้ามเนื้อ
กินพื้นที่กว้างกว่าการถูกบีบคอด้วยมือเปล่า จากประสบการณ์ของการทำงานกรณีตกจากที่สูง 34-35
กรณีก่อนหน้านั้น เห็นว่าเป็นไปไม่ได้ที่รอยดังกล่าวเกิดจากการตกกระทบพื้นจากที่สูง
ดังนั้นรอยนี้น่าจะเกิดขึ้นก่อนจะตกลงมา และอาจเกิดจากการใช้แรงและน้ำหนักที่มากกว่า การบีบคอด้วยมือเปล่า
ดังนั้นอาจเกิดจากใครบางคนใช้วัตถุหนักบางอย่างกดบนคอของผู้ตาย
หรือกดศีรษะของเขาบนวัตถุบางอย่าง
คุณหญิงหมอไม่เห็นด้วยกับความเห็นของ นายแพทย์ ปีเตอร์ ฟาเนซิซ พยานผู้เชี่ยวชาญชาวอังกฤษ ที่บอกว่ารอยที่คอเกิดจากการแตกของคาง เพราะรอยแตกที่คางมีขนาดเล็กนอกจากนั้นที่คางยังไม่มีเส้นเลือดใหญ่ที่เป็น สาเหตุให้เลือดออกมากแต่เลือดคั่งในตัวผู้ตายกลับลามไปถึงบริเวณหน้าอก
คุณหญิงหมอยืนยันความเห็นเดิมที่ว่า การบาดเจ็บของผู้ตายเกิดขึ้นก่อนที่เขาจะตกลงมาจากตึก แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่า
เขามีสติอยู่หรือหมดสติขณะที่ตกลงมา
นอกจากนั้นยังปฏิเสธที่จะให้น้ำหนักข้อสันนิษฐานเป็นเปอร์เซ็นต์เหมือนครั้งที่แล้ว เนื่องจากความเห็นครั้งนี้วางอยู่บนฐานของการชันสูตรครั้งที่สอง
อย่างไรก็ตาม คุณหมอมั่นใจว่ากรณีนี้
ไม่ใช่การฆ่าตัวตาย
นอกจากนั้นยังได้ติงเรื่องการจัดการกับจดหมายที่เจ้าหน้าที่อ้างว่า
ค้นพบในตัวผู้ตายว่า กฏเกณฑ์มาตรฐานของการสืบสวนทางนิติเวชศาสตร์ บอกว่า ข้อความ หรือจดหมายใดๆที่พบในตัวผู้ตายควรได้รับการตรวจสอบหา DNA รอยนิ้วมือ
หรือรอยมือรวมทั้งลายมือของผู้เขียน อย่างเร็วที่สุด
การให้การเป็นไปด้วยดีจงบจนกระทั่ง นายราซัค ทนายความฝ่าย MACC
เข้าซักถามเป็นคนสุดท้าย
นายราซัคผู้มาด้วยคำถามแนวเหลือเชื่อมากมายที่สร้างความรู้สึกอันยากจะบรรยาย
ถามคุณหญิงหมอด้วยลีลาอันดุดันเป็นเบื้องแรกว่า
คุณรู้หรือเปล่าว่ามหาวิทยาลัยที่คุณเรียนจบมาเนี่ย ไม่ได้รับการรับรองในประเทศมาเลเซียหรอกนะ
แต่มีหรือที่มุขแบบนี้จะทำให้คนอย่างหมอพรทิพย์ครั่นคร้าม พลัน แต่มหาวิทยาลัยนี้เป็นมหาวิทยาลัยท็อปไฟฟว์ของเอเซียนะคะ.. คุณหญิงหมอสวนกลับโดย เรียกเสียงปรบมือจากกองเชียร์อีกหนึ่งรอบ
หลังจากอุ่นเครื่องได้พักหนึ่ง ราซัคเดินหน้ารุกคืบ
หวังชนะน็อคคุณหญิงหมอกลางเวทีด้วยคำถามที่ว่า คุณหญิงหมอมามาเลเซียครั้งนี้เพื่อโจมตี MACC
หรืออย่างไร และแล้วก็ได้รับคำตอบเด็ดจากหมอพรทิพย์ที่เต้นฟุตเวิร์ครออยู่ ดิฉันมาที่นีเพื่อปกป้องสิทธิของผู้ตาย
ไม่ใช่สิทธิของรัฐบาลสลังงอร์หรือของผู้ใด
เมื่อเห็นว่าเทคนิกแบบคุกคามเห็นทีจะใช้ไม่ได้
ราซัคจึงเปลี่ยนเป็นท่าทีวิชาการ ย้อนกลับไปตั้งข้อสงสัยในคำให้การของคุณหมอว่า
เหตุใดสิ่งที่คุณหมอพูดในการให้การครั้งนี้จึงขัดแย้งกับสิ่งที่พูดมาก่อนหน้า
หมอพรทิพย์ตอบว่า ในการให้การครั้งแรก ตนเองตั้งข้อสังเกตเรื่องความเป็นไปได้ในการตายของเบ็งฮก ส่วนการให้การครั้งนี้ซึ่งมีขึ้นหลังการชันสูตรศพครั้งที่สอง ตนเองได้ให้ข้อสรุป หรือคำตอบต่อข้อสังเกตที่ตั้งไว้ในครั้งแรก โดยวางบนการสังเกตการและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ได้พบ
ดุเหมือนว่าราซัคจะไม่ชอบคำอธิบายทางวิชาการเท่าไหร่นัก
เพราะถามไปถามมาได้สักพักเขาจึงฟันธงเสียเองว่า เบ็งฮกรัดคอตัวเองตายเองเพราะว่าเป็นคนเศร้าซึม
ทำเอาทนายประจำครอบครัวเบ็งฮกต้องถามขึ้นทันควันว่าคนเราจะรัดคอตัวเองตายได้อย่างไรครับผม
มาถึงตอนนี้เขารับคำท้า ลงมือสาธิตท่ารัดคอตัวเองตายให้ดูกลางศาล
เล่นเอาคนดูฮาตรึม
เมื่อสาธิตเสร็จ
เขาเดินหน้าต่อด้วยการวิจารณ์หมอพรทิพย์ว่าเขียนรายงาน บนฐานของจินตนาการของตัวเธอเอง ประเด็นนี้คุณหญิงหมอตอบสั้นๆว่า
มันวางอยู่บนฐานของการทำงานของดิฉันค่ะ
ราซัคซึ่งติดลมบนไปแล้วถามคุณหมอเอาดื้อๆว่า
ที่ให้ความเห็นต่างๆเรื่องการตกจากที่สูงเนี่ย
ตัวคุณหมอเองเคยมีประสบการณ์โดดลงมาจากตึกบ้างหรือเปล่า เล่นเอาทนายความ
ผู้แทนของรัฐบาลสลังงอร์ทนไม่ไหว ลุกขึ้นประท้วงว่าได้ยินคำถามแบบนี้จากปากของราซัค สงสัยพวกเราคงต้องพากันไปกระโดดตึกกันหมดกระมัง
ต่อกรณีท่าเบ็งฮกหมดสติหรือยังรู้สึกตัวอยู่ในขณะที่ตกจากตึก
ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในการพิสูจน์ว่ามีการฆาตกรรมหรือไม่นั้น
ราซัคออกความเห็นประหลาดอีกครั้งว่า ถ้า (เบ็งฮก)
หมดสติตอนที่ตกลงมา ตัวเขาจะต้องหนักกว่า
ตอนที่ไม่หมดสติ
เรื่องนี้คุณหมอยืนยันโดยพลันว่า
นำหนักตัวของคนหมดสติและคนที่มีสติอยู่นั้นไม่ได้แตกต่างกันแต่อย่างไร
แล้วถามกลับว่า
คนเราจะน้ำหนักลดตอนหมดสติได้อย่างไรคะ..
คำถามอันเหลือเชื่อของทนายราซัคทำเอาอ่อนอกอ่อนใจกันทั่วหน้า
รวมทั้งคุณหมอเองที่สุดท้ายเอื้อนเอ่ยออกมาว่า ดิฉันชักจะสงสัยว่าคุณเป็นทนายจริงๆหรือเปล่า
เมื่อเจอคำถามนี้ราซัคยืดอกตอบอย่างภาคภูมิ ผมอาจจะอายุน้อยกว่าคุณ แต่ผมก็เป็นทนายมาแล้ว 24 ปีนะขะรับ.. คำตอบของเขาเรียกเสียงยี้จากผู้ฟังเป็นการส่งท้าย
การให้การของหมอพรทิพย์จบลงราวเที่ยง
นายราซัคผลุนผลันขึ้นรถออกไปจากศาลด้วยอาการฉุนเฉียว
หลังจากปิดประตูใส่หน้านักข่าวที่รอสัมภาษณ์ปังใหญ่
ไม่มีใครรู้ว่าคดีเบ็งฮกจะคลี่คลายให้เป็นที่ประจักษณ์หรือจะถูกการเมืองกลบเกลื่อนหายไปตามกาลเวลา
แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าหมอพรทิพย์จากไทยแลนด์
จะมีแฟนคลับที่มาเลเซียเข้าให้แล้ว