หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


บทเรียนของฟิลิปปินส์

โดยคุณ : Akula เมื่อวันที่ : 03/09/2010 14:17:26

บทเรียนราคราแพงมากของฟิลิปปินส์

 





ความคิดเห็นที่ 1


 

โดยคุณ Akula เมื่อวันที่ 24/08/2010 08:11:43


ความคิดเห็นที่ 2


โดยคุณ Akula เมื่อวันที่ 24/08/2010 08:12:33


ความคิดเห็นที่ 3


โดยคุณ Akula เมื่อวันที่ 24/08/2010 08:13:11


ความคิดเห็นที่ 4


อุปกรณ์ไม่พร้อมซักอย่าง

R.I.P.แด่ผู้เสียชีวิตด้วย

โดยคุณ Akula เมื่อวันที่ 24/08/2010 08:23:00


ความคิดเห็นที่ 5


ตำรวจฟิลิปปินส์บุกจู่โจมรถโดยสาร เสียงปืนดังขึ้นต่อเนื่อง มือปืนถูกยิงเสียชีวิต ตัวประกันในรถบัสเสียชีวิตอย่างน้อย 7 คน ทั้งหมดเป็นนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกง และมีชาวฮ่องกงอีก 2 คนอาการสาหัส.....

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อคืนวันที่ 23 ส.ค.ว่า ในท่ีสุด เหตุจี้จับตัวประกันบนรถบัสในกรุงมะนิลาซึ่งยืดเยิื้อยาวนานถึง 12 ชั่วโมงยุติลงแล้วหลังตำรวจหน่วยคอมมานโดบุกจู่โจมรถบัส ยิงสังหารนายโรลานโด เมนโดซา อดีตนายตำรวจอาวุโสวัย 55 ปีผู้ก่อเหตุเสียชีวิต แต่น่าเศร้าท่ี่พบว่าตัวประกันในรถบัสเสียชีวิตอย่างน้อย 7 คน ทั้งหมดเป็นนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกง และมีชาวฮ่องกงอีก 2 คนอาการสาหัส แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเสียชีวิตหรือบาดเจ็บจากกระสุนปืนของนายเมนโดซา หรือ ตำรวจหน่วยคอมมานโด

ด้านรัฐบาลฮ่องกงแถลงว่ารู้สึกผิดหวังในปฏิบัติการจู่โจมชิงตัวประกันของ ตำรวจฟิลิปปินส์ พร้อมทั้งเผยว่า จะเช่าเหมาลำเครื่องบิน 2 ลำ นำญาติพี่น้องของนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงท่ีตกเป็นเหยื่อการจี้จับตัวประกันเดินทางไปฟิลิปปินส์ เพื่อรับศพผู้เสียชีวิตและรับผู้รอดชีวิตกลับบ้าน พร้อมทั้งออกแถลงการณ์เตือนในระดับ “สีดำ” ระดับสูงสุดให้ชาวฮ่องกงหลีกเลี่ยงการเดินทางเยือนฟิลิปปินส์ทั้งหมดในช่วงนี้ ส่วนผู้ท่ีอยู่ในฟิลิปปินส์อยู่แล้วให้ระมัดระวังตัวอย่างเต็มที่
ที่มา : ไทยรัฐ
โดยคุณ Akula เมื่อวันที่ 24/08/2010 08:51:06


ความคิดเห็นที่ 6


ที่แน่ๆ  จากที่เห็นใน ยูทูป หรือในที่ต่างๆ  นั้นเป็นการบุกชิงตัวประกันที่แย่มากๆ
มีโอกาส  เก็บผู้ร้ายหลายครั้งแต่ไม่ยอมทำ  ทั้งๆ ที่ผู้ร้ายขนาดออกมายืนกินลมที่หน้าประตูรถ  หรือยืนหน้าออกมาทางหน้าต่าง
แถมเอาค้อนไปทุบรถทำไมก็ไม่รู้  ตั้งหลายที คนร้ายรู้ตัวหมด  สไนเปอร์ก็ไม่เอาออกมาช่วย
โดยคุณ YamatoJR เมื่อวันที่ 24/08/2010 09:41:54


ความคิดเห็นที่ 7


งง... กับยุทธวิธีของ ตร.ฟิลิปปินส์ มากครับ เหมือนจะทำให้สถานการณ์แย่ลงนะผมว่า !!!

โดยคุณ Napster เมื่อวันที่ 24/08/2010 10:39:48


ความคิดเห็นที่ 8


ผมเห็นด้วยกับคุณ YamatoJR   ครับที่ว่าทำไม่เก็บผู้ร้ายตั้งแต่มีโอกาส

จะบุกชิงตัวประกันบนรถยังก็ต้องมีคนตายอยู่แล้วสถานที่ไม่อำนวยต่อการบุกชิงตัวประกันเลย กระจกรถทัวร์มันทุบทีเดียวไม่แตกหรอก

น่าจะใช้วิกฤตให้เป็นโอกาสมากกว่า คือรถก็เป็นกระจกอยู่แล้วถึงจะมีผ้าม่านปิดก็เถอะ น่าจะใช้พลซุ่มยิงมากว่าการบุกแบบนี้เนอะ

 

พี่ครับถ้าใช้วิธีการเจรจาแบบยอมรับข้อเสนอของผู้ร้ายไปก่อนจะเป็นไปได้มั๊ยแล้วค่อยจับกุมตัว หลังจากตัวประกันปลอดภัยแล้ว

โดยคุณ joe_LFC เมื่อวันที่ 24/08/2010 10:41:35


ความคิดเห็นที่ 9


เห็นด้วยกับหลายๆท่านครับ

ผมไม่เข้าใจว่าทำไมตำรวจต้องไปล้อมอยู่ใต้รถแบบนั้น? ดูยังไงก็เป็นมุมที่เสียเปรียบ และดูเหมือนตำรวจเขาจะไม่ตั้งใจเข้าไปจริงๆเลย ใช้ค้อนทุบกระจกเนี่ยนะ?

ภาพแรกๆนี่? คนร้ายไม่มีท่าทางระวังตัวแม้แต่น้อย ถ้าคนที่เข้าไปคุยใจกล้าพอ ผมว่าสามารถเข้าไปชาร์จคนร้ายได้สบายๆ  หรือจะเอาปืนพกออกมาจี้ให้วางปืนก็ยังได้ (สังเกตถือปืนชี้กับพื้นขนาดนั้น คว้ามาประทับยิงยากกว่าปืนพกอีก) ไม่รู้คิดอย่างไรเอาปืนเอ็ม16มาปล้นรถ ซึ่งเป็นสถานที่แคบและจำกัด ปืนจะเกะกะเปล่าๆ ใช้ปืนพกยังง่ายกว่าอีก

ต้องโทษพวกระดับมันสมองและวางแผนละครับ ว่าไม่เคยรู้เรื่องการใช้จิตวิทยาเลยเหรอ? เพราะยิ่งกดดันด้วยกำลัง คนร้ายย่อมลงมือทำร้ายตัวประกัน แต่หากเจรจายอมทำตาม(หรือหลอกว่าจะทำตาม) ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า หรือหากจะจู่โจมจริงๆก็ต้องระเบิดประตูแล้วจู่โจมอย่างฉับพลัน(อาจจะโยนระเบิดแสงหรือเสียงเข้าไปก่อน ตามหลักสากล)

แต่หากจะให้เด็ดขาดจริงๆ ต้องเห็นแก่ชีวิตตัวประกันที่มีจำนวนมากกว่า กว่าชีวิตของคนร้ายคนเดียว ด้วยการใช้หน่วยซุ่มยิงเด็ดหัวซะ หรือไม่ก็ยิงให้บาดเจ็บก็ได้(แต่ส่วนใหญ่จะเด็ดหัวนัดเดียวนะ เพื่อความปลอดภัยของคนอื่นๆ)

โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 24/08/2010 11:18:33


ความคิดเห็นที่ 10


ผมว่ามันน่าจะมีอะไรมากกว่าที่เห็นน่ะ คิดว่าเค้าคงไม่โง่ขนาดนั้นหรอกเเต่คงมีเหตุจำเป็นอะไรบางอย่างเหละผมว่า น่ะ
โดยคุณ nspro1825 เมื่อวันที่ 24/08/2010 12:14:38


ความคิดเห็นที่ 11


เทียบกับปฏิบัติการการชิงตัวประกันที่มิวนิค 5 กันยายน 1972  อันไหนเลวร้ายกว่ากัน

โดยคุณ FOR_ALL เมื่อวันที่ 24/08/2010 23:00:17


ความคิดเห็นที่ 12


การเจรจาเพื่อยุติปัญหาแบบจีน : รวดเร็ว และต้นทุนต่ำ 

   ตัวอย่างกรณีจับเด็กเป็นตัวประกัน
 โจรจับเด็กเรียกร้อง 3 ข้อ มิฉะนั้นจะฆ่าเด็กเสีย


โดยคุณ toe เมื่อวันที่ 24/08/2010 13:35:34


ความคิดเห็นที่ 13


ทีห้องติดกัน รัฐบาลส่งนักเจรจาไปต่อรองเพื่อแก้สถานการณ์


โดยคุณ toe เมื่อวันที่ 24/08/2010 13:36:37


ความคิดเห็นที่ 14


หัวหน้านักเจรจาของรัฐบาลเข้าเจรจา .........


โดยคุณ toe เมื่อวันที่ 24/08/2010 13:38:17


ความคิดเห็นที่ 15


เมื่อการเจรจาเริ่มขึ้น


โดยคุณ toe เมื่อวันที่ 24/08/2010 13:40:18


ความคิดเห็นที่ 16


การเจรจาเป็นที่ยุติ อย่างรวดเร็ว....


โดยคุณ toe เมื่อวันที่ 24/08/2010 13:42:09


ความคิดเห็นที่ 17


ผลของการเจรจา.....ที่ใช้เวลาที่สั้นมาก.....


โดยคุณ toe เมื่อวันที่ 24/08/2010 13:45:51


ความคิดเห็นที่ 18


เป็น FW.mail  ที่ผมได้รับมาครับ....

แต่ผมมิได้สนับสนุนให้ใช้ความรุนแรง แต่เป็นการแสดงการตัดสินใจของผบ.เหตุการนั้นๆ ที่ขึ้นอยู่กับสถานะการณ์และต้องรักษาชีวิตผู้บริสุทธิ......

ปล.ขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิตด้วยครับ...


โดยคุณ toe เมื่อวันที่ 24/08/2010 13:58:14


ความคิดเห็นที่ 19


ถ้าเป็นเมืองไทย ผมว่าผลคงไม่ต่างกันมากหรอกครับ  เพราะคุณลองคิดดูตอนที่ยังเจรจาได้ ตำรวจไปยิงคนร้ายตาย ญาติของคนร้ายก็จะบอกว่าไปยิงทำไมไม่เจรจาก่อน นักสิทธิมนุษยชนก็จะออกมาประณามตำรวจ แต่ตำรวจไม่ยอมจัดการยิงคนร้ายตั่งแต่แรกปล่อยเวลานานออกไป ก็จะมีตัวประกันตาย และตำรวจก็จะโดดญาติของคนตาย+สังคม ด่าว่าไม่ยอมจัดการตั่งแต่แรก    ก็เห็นใจตำรวจคับ

โดยคุณ kamikapoo เมื่อวันที่ 24/08/2010 13:59:43


ความคิดเห็นที่ 20


มันน่าจะมีวิธีที่ดีกว่านี้นะครับ

ถ้าไม่ชัวร์ไม่น่าจะบุกชิงตัวประกัน

เขาอาจไม่รู้ว่าบนรถมีผู้ร้ายกี่คน

เขาอาจกลัวว่าบนรถมีระเบิดเหรอ

ถ้าไม่รู้แล้วจะบุกทำไม ไม่เข้าใจ

ไม่ได้ดูถูกการทำงานของเขานะ

แต่มันอดไม่ได้จริงๆขอซักที

โดยคุณ aeeclub เมื่อวันที่ 24/08/2010 21:14:48


ความคิดเห็นที่ 21


เหตุการณ์นี้ทำให้ผมนึกเที่ยบกับ ก๊อดอาร์มี่ บุกยึดโรงพยาบาล ศูนย์ราชบุรี 

 

โดยคุณ Acid เมื่อวันที่ 24/08/2010 23:14:05


ความคิดเห็นที่ 22


ส่องที่หัวตั้งแต่ตอนออกมายืนที่ประตูก็จบแล้ว แต่ผมว่าถ้าสถาณการณแบบนี้เกิดในประเทศไทย เราน่าจะทำได้ดีกว่าเขานะ
โดยคุณ logon เมื่อวันที่ 24/08/2010 23:21:36


ความคิดเห็นที่ 23


คิดว่าคงกลายเป็นกรณีศึกษาสำหรับหลายๆประเทศหลายๆหน่วยงานเลยครับ ที่มิวนิคเองผมเกิดไม่ทัน ครั้งนี้นี่จากที่เห็นภาพแล้วผมว่าเป็นการชิงตัวประกันที่แย่ที่สุดครั้งหนึ่งเท่าที่เคยเห็นมาเลยทีเดียว (ทำหยั่งกะเคยเห็นมาเยอะแน่ะ)

ยังไงก็ขอแสดลความเสียใจกับผู้สูญเสียด้วยครับ มาเที่ยวแท้ๆควรจะได้ความสุขความประทับใจกลับไป ใครจะนึกว่าจะมาเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่ต่างแดนแบบนี้...

โดยคุณ thelonelyman เมื่อวันที่ 25/08/2010 00:57:19


ความคิดเห็นที่ 24


เมื่อเดือนสองเดือนที่ผ่านมา คงจำกันได้ที่จีน ที่มีคนร้ายจับตัวประกันและมีตำรวจหญิงของจีนทำทีเข้าไปเจรจา พอได้โอกาสชักปืนยิงทันที

ผมเห็นด้วยนะกับวิธีแบบนี้ ใครจะมองละเมิดสิทธิมนุษย์ชนก็ช่างหัวมัน แต่คนที่ใช้ชีวิตคนอื่นมาต่อรองเพื่อความต้องการของตนเอง ก็น่าจะได้รับการตอบแทนที่สาสมครับ

 

ส่วนที่ฟิลิปปินส์ผมว่าต้องปรับปรุงขนานใหญ่สำหรับเรื่องแบบนี้

โดยคุณ nok เมื่อวันที่ 25/08/2010 01:09:49


ความคิดเห็นที่ 25


ในส่วนตัวมองว่า ถ้ามีการจับตัวประกันแล้ว ย่อมจะมีการเจรจาอย่างแน่นอน เมื่อการเจรจาไม่สัมฤทธิ์ผลก็ต้องจู่โจมด้วย คอมมานโด แต่การจะจู่โจมด้วย คอมมานโด นั้นจะต้องมีการตรวจสอบอย่างแน่ชัดแล้วว่า ผู้ก่อเหตุมีจำนวนเท่าไหร่ มีอาวุธอะไรบ้าง จะต้องเข้าไปในลักษณะไหน ส่วนกรณีของ ฟิลิปปินส์ นั้นไม่ทราบว่ามีวางแผนและดำเนินรูปการอย่างไร แต่การที่ตัวประกันเสียชีวิต 7 ศพและบาดเจ็บ 2 รายนั้นถือว่าผิดพลาดอย่างมากครับ
โดยคุณ เด็กทะเล เมื่อวันที่ 25/08/2010 06:01:52


ความคิดเห็นที่ 26


ทราบว่ามีการปล่อยตัวประกันที่เป็นหญิงและเด็กออกมาก่อนแล้ว  9    คน ซึ่งเป็นสิ่งพิสูจน์ว่า     อย่างน้อย ๆ ผู้ร้าย ลึก ๆ ก็มีเมตตา ไม่เหี้ยมเกรียมอำมหิตสุดโต่ง  

ทีมที่เข้าแก้ไขวิกฤติ ผบ.สถานการณ์มือไม่ถึงครับ    ช่วงจังหวะเวลาไหนควรทำอะไร ไม่ควรทำอะไร     ตัดสินใจผิดพลาด  ไม่ถูกต้อง ไม่ทันเวลาผลที่ออกมาก็เห็น ๆ    จะไม่โทษ จนท.ที่เป็นชุดจู่โจมหรอกครับ  

นี่เป็นการฆาตกรรมหมู่ ไม่ใช่ชิงตัวประกัน 

เห็นแบบนี้ คิดถึงเจ้าหน้าที่ทีมพิเศษของตำรวจ ทหารไทย อ่ะครับ     การชิงตัวประกันบนรถยนต์โดยสารที่มีผู้ร้ายแค่ 1 คน เนี่ย พื้น ๆ ครับ  

โดยคุณ Aklilis เมื่อวันที่ 26/08/2010 01:42:50


ความคิดเห็นที่ 27


สถานการณ์แบบนี้ไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้M16เพราะอำนาจการยิงรุนแรงเกินไปอาจจะทำให้ตัวประกันได้รับอันตรายจากลูกหลง

ถ้ายังจำได้กรณีนักโทษพม่าจับผู้คุมเรือนจำไว้เป็นตัวประกันบนรถกระบะเมื่อปี43ตอนนั้นเราใช้ปืนMP5มีตัวประกันเสียชีวิตหนึ่งราย

..............................................................................................................

เด็ดหัว 9 นักโทษพม่าแหกคุก
เหตุการณ์สุดระทึกในรอบปีเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 พ.ย. เมื่อนักโทษพม่าจำนวนหนึ่งก่อเหตุใช้ปืนจี้จับตัวนายสมวงศ์ ศิริเวช ผบ.คุกมหาชัยและเจ้าหน้าที่รวม 8 คนเป็นตัวประกัน โดยแสดงความเหี้ยมเกรียมยิงนายดม ชิดทองปาน อนุศาสนาจารย์เสียชีวิตไป 1 ศพ

นักโทษและตัวประกันทั้งหมดขึ้นไปนั่งอัดแน่นในรถปิกอัพ มีการสั่งให้ตำรวจเปิดทางให้ จุดประสงค์คือต้องการไปให้ถึงชายแดนพม่า

ตำรวจและนักข่าวหลายร้อยติดตามเหตุการณ์ไปตลอดทาง รถของนักโทษแล่นออกจากคุกมหาชัยมุ่งหน้าไปที่ชายแดนทาง อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี แต่ก็ไม่สามารถไปได้คล่องตัวนัก เพราะตำรวจปิดถนนกักตัวไว้เป็นระยะ เพื่อเกลี้ยกล่อมให้ปล่อยตัวประกันออกมาทีละคนสองคน

พล.ต.ต.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบช.ภาค 7 ถูกเรียกตัวมาเป็นหัวหน้าชุดช่วยตัวประกัน โดยมีลูกทีมเป็นหน่วยพลร่มหัวหิน ที่เคยมีผลงานตอนต้นปีกับกะเหรี่ยงก๊อดอาร์มี่ ที่ร.พ.ศูนย์ราชบุรีนั่นเอง

คนร้ายถูกถ่วงเวลาจนมาถึงอ.ไทรโยคตอนเช้า คราวนี้รถคนร้ายโดนตำรวจวาง "เรือใบ" จนยางแตก ระหว่างง่วนกับการเปลี่ยนยาง โดยทึกทักว่าตำรวจไทยไม่กล้าวอแวกับตัวแน่ เพราะยังมีตัวประกันอยู่อีกถึง 3 คน และคนหนึ่งคือ ผบ.เรือนจำ

นาทีนั้นเองหน่วยพลร่มก็ลงมือสายฟ้าแลบ ต่างสาดกระสุนเข้าใส่นักโทษเป้าหมายของแต่ละคน จนรถปิกอัพพรุนไปทั้งคัน นักโทษ 9 คนตายเรียบ ตัวประกัน 2 คนปลอดภัย ยกเว้น ผบ.สมวงศ์ ศิริเวช ที่โดนลูกหลังเข้าที่ศีรษะและตามร่างกาย สิ้นชีวิตในเวลาต่อมา

โดยคุณ Akula เมื่อวันที่ 26/08/2010 02:34:27


ความคิดเห็นที่ 28


รูปที่สอง โอกาสเหมาะมากเลยที่จะเข้าไปแย่งปืน

ผมเห็นด้วยกับท่าน nok ว่าชีวิต ผู้บริสุทธิ์ สำคัญกว่า ยิงได้ก็ต้องยิง

เห็นการปฎิบัติแล้ว ไม่ไหวจริงๆ  แต่ก็น่าเห็นใจ จนท ฟิลิปปิิน ประเทศเขางบประมาณด้านนี้น้อยสุดๆ
โดยคุณ sat121 เมื่อวันที่ 26/08/2010 10:09:22


ความคิดเห็นที่ 29


ถ้าเป็นสอบไล่แบบนี้คงจะได้ F สถานเดียว ถือว่าการช่วยตัวประกันทำได้แน่มากๆ โอกาสมีตั้งเยอะตั้งแยะไม่เข้าำทำ

ดูรูปแล้ว ที่ผมกังขาคือเหตุใดเจ้าหน้าที่ถึงเอาปืนความยาวเต็มอย่าง M16A1 มาใช้กับสถานการณ์นี้ครับ เพราะเราๆ ท่านๆ ขึ้นรถแบบนี้กันบ่อย บ่อยจนรู้ว่าแค่กระเป๋าเดินทางใบเดียวมันยังยักแย่ยักยันจะตายอยู่แล้ว มาเจอแบบนี้ ที่ต้องเร็วและเด็ดขนาดระดับทีมเรนโบว์ M16A1 ลำกล้อง 20 นิ้วนี่จะเกะกะขนาดไหน ฝั่งนั้นน่าจะรู้นะครับ แต่ขนาดเฮียคนจี้ แกยังเอา M16A1 เลยแฮะ

ส่วนลูกปืน 5.56 ผมว่ามันก็ไม่ได้ขี้เหร่สำหรับการส่องจากระยะไกลนะครับ ส่วนตัวอยากให้ 7.62 เสียด้วยซ้ำหวังการทะลุทะลวงผ่านกระจกของรถเข้าไป (เอาชัวร์) เล็งให้ดีแล้วกัน ขอแค่นัดเดียวครับสำหรับสถานการณ์แบบนี้

ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วยครับ


โดยคุณ Praetorians เมื่อวันที่ 26/08/2010 12:05:48


ความคิดเห็นที่ 30


ที่ m 16 ไม่เหมาะกับภาระกิจในส่วนของการเข้าชารจ์ชิงตัวประกันในที่แคบขนาดนี้ครับ นอกจากความเทอะทะแล้วก็เพราะลักษณะของกระสุนที่มีอานุภาพทะลุทลวงสูงครับ ยิงโดนคนร้ายในระยะประชิดนี่มีสิทธ์ทะลุโดนตัวประกันเกือบร้อยเปอร์เซ็นครับ  ขนาดลูก 9 หัวบอลนี่ยังเสียวๆเลยครับ  .45 หัวรู น่าจะเซฟที่สุด (hk -UMP นี่ใส่ลูกหัวรูจะแจมมั้ยครับ รบกวนถามท่านผู้รู้ ขอบคุณครับ)
โดยคุณ toni89 เมื่อวันที่ 26/08/2010 22:23:45


ความคิดเห็นที่ 31


แล้วคนที่จับตัวเขาต้องการอะไรเหรอ

ส่วนตำรวจ เขาก็คงมีเหตุผลของเขา ที่จะไม่ยิงแต่แรก เพียงแต่เหตุผลของเขาคืออะไรก็เท่านั้น
โดยคุณ ecos เมื่อวันที่ 01/09/2010 06:27:52


ความคิดเห็นที่ 32


เสียฃีวิตกี่คนนะครับ

 

^^

โดยคุณ Anakenad เมื่อวันที่ 01/09/2010 06:32:18


ความคิดเห็นที่ 33


อย่ามาเทียบกับไทยเลยคร้บถ้าเป็นบททดสอบไทยผ่านสบาย ทั้งจี้เครื่องบิน ทั้งโรงพยาบาล ทั้งรถเมล์ ทั้งรถยนต์ สถิติเสียชีวิตตัวประกันหนึ่งรายโดนด่าทั้งประเทศ ใครเกิดไม่ทันเหตุการณ์ก็เข้าใจด้วย อาวุธไม่พอใช้ บวกขาดซ้อม บวกขาดการเตรียมการที่ดี ประเทศนี้มีการจี้ต้วประกันบ่อย แต่จบด้วยการ จับผู้ร้ายไม่ได้
โดยคุณ makropolo เมื่อวันที่ 03/09/2010 03:17:28