ค้างจ่ายค่าข้าวไทยนาน20ปี ชง2ทางเงินสด-แลกสินค้า
นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์เตรียมเสนอให้ ครม. พิจารณาเลือกแนวทางการชำระหนี้ค่าข้าวจากรัสเซีย ที่ค้างชำระไทยตั้งแต่ปี 33 มูลค่า 36-41 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากขณะนี้คณะเจ้าหน้าที่ด้านเทคนิคของไทย ซึ่งมีผู้แทนจากกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สามารถเจรจากับนายคอนสแตนติน วิชอฟสกี อธิบดีกรมความสัมพันธ์ทางการคลังระหว่างประเทศ กระทรวงการคลังรัสเซีย จนได้ข้อยุติแล้ว
ทั้งนี้แนวทางเสนอให้ครม.พิจารณามี 2 ทางเลือก ได้แก่ ทางเลือกแรกให้ชดใช้เป็นสินค้าที่ต้องการแก่ไทย พร้อมขยายระยะเวลาชำระออกไป 5 ปี จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 22 ต.ค.51 เป็นวันที่ 21 ต.ค.56 โดยมีมูลหนี้ทั้งสิ้น 41 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แยกเป็นเงินต้น 36 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และดอกเบี้ย 4.62 ล้านดอลลาร์ และหากถึงกำหนด ยังมียอดหนี้เหลืออยู่รัสเซียจะชำระส่วนที่เหลือเป็นเงินสดให้ ส่วนทางเลือกสอง รัสเซียชำระหนี้ค่าข้าวเป็นเงินสดทั้งหมด 36,441,731.98 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ไม่ใด้ดอกเบี้ย ภายใน 30 วันหลังจากมีการลงนามในข้อตกลงปรับเงื่อนไขการชำระหนี้แล้ว
ทั้ง 2 แนวทางเป็นการปรับเงื่อนไขจากสัญญาเดิมที่มีอยู่ก่อนตั้งแต่ปี 50 ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เห็นว่าทางเลือกรับเงินสดทันทีจะให้ประโยชน์สูงสุด เนื่องจากที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายไม่เคยสามารถตกลงเลือกสินค้า ราคา หรือบริษัทที่ยินยอมผลิตสินค้าเพื่อส่งมอบให้ไทยที่เหมาะสมได้เลย และไม่แน่ใจว่าหากรอเวลาไปอีก 3 ปี จนถึงปี 56 จะสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ แต่การรับเงินสดในทันทีจึงมีความแน่นอน ชัดเจน และยังเป็นการแสดงความจริงใจของทุกฝ่ายที่จะยุติปัญหาให้ได้ โดยเร็ว
นางพรทิวากล่าวว่า ขั้นตอนการดำเนินการ เมื่อครม. ให้ความเห็นชอบแล้วจะมอบหมายให้ รมว.พาณิชย์ลงนามในข้อตกลงปรับปรุงเงื่อนไขการชำระหนี้ หากเลือกให้ชำระเงินสด ประเทศไทยจะได้รับเงินภายใน 30 วันหลังจากลงนาม
สำหรับหนี้ข้าวครั้งนี้ สืบเนื่องจากการที่รัสเซียได้สั่งซื้อข้าวจากไทยตั้งแต่ปี 33 จำนวน 2 แสนตัน เป็นมูลค่ารวมดอกเบี้ยปีละ 4% ที่ 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กำหนดชำระภายใน 2 ปี หรือภายในเดือน มี.ค. 36 แต่ปรากฏว่าระหว่างนั้นรัสเซียได้ผ่อนชำระเพียง 3.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สหภาพโซเวียตรัสเซียก็ล่มสลายจึงมีการเลื่อนการชำระออกมา
อย่างไรก็ตามได้มีการพยายามเจรจาชดใช้หนี้ให้ โดยทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ในปี 37 และผ่อนชำระให้จนถึงเดือนก.ค.41 รวมเป็นเงิน 39.53 ล้านดอลลาร์ แต่ต่อมารัสเซียประสบปัญหาทางการเงินจึงหยุดชำระหนี้ รัฐบาลไทยจึงไปเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ และทำเอ็มโอยูอีกครั้งในปี 46 ให้รัสเซียจ่ายเงินต้น 36.44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และดอกเบี้ย 2.5% ต่อปี โดยมีเงื่อนไขว่ารัสเซียจะชำระเป็นสินค้า โดยให้ฝ่ายไทยเลือกและตกลงกับผู้ผลิตของรัสเซีย เพื่อนำค่าสินค้ามาหักชำระกับหนี้ข้าวของไทย
แต่ตั้งแต่ปี 46 เป็นต้นมา แม้ฝ่ายไทยพยายามเจรจาซื้อสินค้าหลายครั้ง แต่ไม่สามารถตกลงได้ เพราะติดข้อจำกัดของทั้งสองฝ่าย คือฝ่ายไทยมีข้อจำกัดว่าหน่วยงานที่จะซื้อต้องตั้งงบประมาณไว้ก่อนจึงจะไปทำสัญญาซื้อได้ ซึ่งต้องตั้งงบประมาณล่วงหน้าจึงไม่สามารถดำเนินการได้ ส่วนฝ่ายรัสเซียเมื่อฝ่ายไทยแจ้งรายการสินค้าที่ต้องการไปก็ไม่สามารถตกลงกับบริษัทภายในได้ จึงทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถดำเนินการตามเงื่อนไขได้
นางพรทิวา กล่าวว่าคณะเครือข่ายเกษตรกรลูกค้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้ร้องเรียนให้กระทรวงฯ เร่งระบายข้าวเปลือกจากยุ้งฉางของเกษตรกรโดยด่วน เนื่องจากใกล้เวลาจะเก็บเกี่ยวข้าวในฤดูกาลใหม่แล้ว อาจจะมีปัญหาในการใช้พื้นที่ยุ้งฉางในการเก็บข้าวเปลือกฤดูกาลใหม่ได้
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=310&contentID=90228
เงินไม่เอา ครับ
ขอเป็นตัวนี้แทนได้เปล่า
หรือว่าเอาแบบที่ คุณ nok ว่าก็ได้
หรือนี้ก็ดีครับ
ปีหน้าขายข้าวให้อีก 5555555555555555
ขอบคุณภาพสวยๆๆจาก
www.militaryphotos.net/forums/sh...d/page54
alsuffa.blogspot.com/2010_03_01_...ive.html
writer.dek-d.com/dek-d/story/vie...3D439394
ขอเป็น Mil Mi -24 hind D ดีกว่า น่าเกรงขามสุดสุด ราคาไม่แพงสบาย
กระเป๋า ลองใช้แล้วรับรองติดใจแน่นอน
ตัวนี้แจ่มกว่านะครับ
โอกาสได้มีสูง
ดูจากภาพ เครื่องเล็กๆเหมือนกันเลย