คือว่าในอนาคต ฝูง F-5 E/F ที่เหลือ จะแทนด้วย บ. แบบไหนครับ ส่วนตัวคิดว่าเป็น F/A-50 ของเกาหลี หรือไม่ก็ JAS-39 NG
ส่วน ฮ. อยากได้ Blackhawk แทน Huey ครับ
ขอแค่มีเงินครับ เงินซื้อได้ทุกสิ่งครับ
ส่วนตัวผมว่า F/A-50 ของเกาหลี ไม่น่าจะมีโอกาศประจำการในบ้านเรา นะครับ
โอกาศที่ JAS จะเข้าประจำการ หรือ ตระกูล F-16 น่าจะมีโอกาศสูงกว่า
แต่ อะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ
ความคิดตรงกันครับ ผมว่าโอกาศของ F/A-50 ของเกาหลี ไม่น่าจะมีในบ้านเรา ส่วน T-50 คิดว่ายังมีโอกาศอยู่นะครับแทนเครื่องบินฝึกขั้นสูง ในความคิดของผมในอนาคต เราคงมี JAS และ F-35 มาประจำการในเครื่องบินรบหลัก แม้โอกาศของ F-35 จะน้อยเนื่องจากค่าตัวของมัน แต่ผมว่าเราต้องมีมันแน่นอนอย่างน้อย 1ฝูง ไม่งั้นคงเกิดช่องว่างของอำนาจการรบกับเพื่อนบ้านมากเกินไป ซึ่งปัจจุบันผมว่าได้เกิดขึ้นแล้วกับทางใต้และตะวันออก ทางตะวันตกถ้าดูจากข้อมูลการซื้อของเขาแล้วผมว่าคงอีกไม่นาน
นักการเมืองมาเลย์เคยให้สัมภาษณ์ไว้ค่อนข้างนานมากแล้ว
เค้าบอกไว้ว่าแค่เอาความคิดของไทยมาพัฒนาปรับปรุงมาเลย์ก็ไปไกลแล้ว
สรุปง่ายๆคือเมื่อสมัยคุณทักษิณเราเคยมีโครงการจัดหาเครื่องบินที่จะมาประจำการที่สุราษฏ์โดยเล็งไปที่ SU 30 MKT กับเจ้า JAS 39 CD กรณีการจัดซื้อ SU 30 MKT โดยการจัดซื้อแบบการแลกเปลี่ยนสินค้าทางการเกษตรของไทยพร้อมกับการชำระหนี้ค่าข้าวเดิมที่ติดค้างกันอยู่ ผลปรากฏว่าทางด้านใต้ของเราแอบซุ่มซื้อเจ้า SU 30 MKM มาจนได้แล้วมีออฟชั่นเหมือนกันด้วยคือการแลกเปลี่ยนสินค้าทางการเกษตรยางพารารวมทั้งการส่งนักบินอวกาศคนแรกของเค้าขึ้นไปด้วย แล้วตอนนี้ข่าวที่กำลังมาแรงแซงสะแหกโค้งเลยก็คือมาเลย์เค้าเชิญชวนให้ SAAB ส่ง JAS 39 NG เข้าประกวดราคาจัดหาเครื่องบินมาทดแทน MIG 29 N ที่ทยอยปลดประจำการ อยากบอกตรงๆการเมืองเราไม่นิ่งพอก็เลยทำให้การจัดซื้อไม่นิ่งด้วย กองทัพอากาศต้องชี้แจงเหมือนกรณี JAS 39 นี้แหละเป็นการดีอย่างมากเลย สู้กะโจรใส่สูทในสภาต้องใช้สื่อมวลชนเค้าช่วยด้วย เมื่อก่อนเราเคยซื้อ F/A 18 เค้าก็ซื้อตามเป็นต้น
ถ้าอย่างนั้นแสดงว่า ความต้องการเครื่องบิน F-35A ของกองทัพอากาศยังมีอยู่ แต่ทีนี้สงสัยครับว่า ถ้าหากว่าดำเนินการปรับปรุง F-16A/B ที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อยืดอายุออกไปกับการอัพเกรด F-5E/F รอบที่สามเพื่อรอ F-35A อันไหนน่าจะคุ้มค่ากว่ากันครับ และสมมุติว่า อัพเกรด F-5E/F ต่อไปนั้นก็แสดงว่า โอกาสของ JAS-39 ฝูงต่อไปคงมีโอกาสน้อยเต็มที
พูดถึงอนาคตของ ท.อ. ทำให้นึกถึงอนาคตของทั้ง3เหล่าครับเท่าที่ได้ข้อมูลจากเพื่อนๆทั้งหาเอง ผมว่าน่าเป็นห่วงมากไม่รู้ว่าเพื่อนๆคิดเหมือนผมหรือเปล่า งงใช่มั้ยครับเรื่องอะไร เรื่องนี้ครับเพื่อนๆหลายคนคงรู้นะครับว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ทั้ง3เหล่าต้องปลดประจำการอาวุธหลายอย่างแทบจะพร้อมๆกันเสียด้วยสิครับ แต่ละเหล่าทัพต้องใช้งบประมาณมหาศาลเสียด้วยในจัดหามาทดแทนเสียด้วย แค่ ท.อ. ก็มึนครับ ภายใน10-20ปีนี้เราต้องปลดประจำการและจัดหาทดแทน 60-90ลำ แค่ 6ลำน้ำลายเต็มสภา ไหนจะ ทบ. ทร.เรือดำน้ำ รถถัง ฮ. ปืน รถเกราะ ปืนใหญ่ ฮ่าๆตาลาย.(สงสัยต้องใช้ของเก่าต่อไป)
ป.ล.จะช่วยจ่ายภาษีทุกปีแล้วกันครับ จะไม่เบี้ยวเลย ถึงเบี้ยน้อย..ไม่น้อยก็เถอะ แต่อย่างฝันว่าผมจะบริจาคให้พรรคการเมืองนะครับ
ผมว่าแนวทางของเราในอนาคตสำหรับไทยเราสามเหล่า
คือ
1.กองทัพบก ควรจะเสนอโครงการตั้งโรงงานผลิตรถถัง รถหุ้มเกราะ
การผลิตนั้นเป็นการซื้อสิทธิบัตรมาผลิตตัวรถระบบอาวุธต่างๆเเละเครื่องยนต์ผมว่า เราลองซื้อเขามาใช้ก่อนดีไหม เพราะเราต้องพัฒนาการสร้าง
ตัวรถให้เก่งๆ ก่อนแล้วค่อยว่ากันใหม่ อาวุธประจำกายทหารปลุกผีโครงการ เอชเค33มาอีกครั้งแต่ไม่ได้ผลิตเอชเค33นะครับ เพียงแต่
เราเรามาทบทวนการผลิตอาวุประจำกายใหม่อีกครั้งและทำออกมาให้ดี
เป็นการเริ่มต้นการพึ่งพาตนเองในทางที่ถูกต้อง
2.กองทัพเรือจากกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในเมื่อครั้งพระองค์เสด็จไปทำพิธีปล่อยเรือตรวจการณ์ลงน้ำ
กองทัพเรือไทยสามารถผลิตเรือขนาดเล้กใช้งานเองไว้ได้แล้ว ค่อย
ต่อยอดไปผลิตเรือขั้นสูง ต่อไป ผมคิดว่า ทฤษฏีการพึ่งพาตนเอง
เป็นทฤษฎีที่ดีมาก หากเราผลิตเรือรบ ขนาดเล้กเช่นเรือตรวจการณ์
ติดอาวุธนำวิถี มีขีดความสามารถในการลาดตระเวนรักษาเขตน่านน้ำของไทย จำนวนมาก ผมว่าจะช่วยขจัดปัญหา เรือโจรสลัด ได้เยอะเลยครับ
3. กองทัพอากาศ จากที่เราได้สั่งซื้อ กริพเพน 39 ซี/ดี ไปแล้ว
หาก12เครื่องที่สั่งไปมันแพง หลังจากรับเครื่องที่12แล้ว ลองมองดู
กริพเพน เอ/บี มาอัพเป็น ซี/ดีจะดีไหม??? เอามาลงแทน เอฟ-5เอส/ที
ที่อุบล ซัก16-24เครื่อง โครงการเอ็มแอลยู และ เหล่ตาไปมองเอฟ-16ซีดี บลอค40 /42มั้ย ????