วันนี้ (19 กันยายน 2553) เวลา 16.30 น. นายทินกร กรรณสูตร เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศศรีลังกา ได้เดินทางมาต้อนรับ หมู่เรือปราบปรามโจรสลัดของกองทัพเรือไทย ที่ได้เดินทางถึงท่าเรือเมืองโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา ภายหลังเดินทางออกจากฐานทัพเรือชางงี ประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2553 โดยกองทัพเรือศรีลังกาได้จัดเรือเร็วโจมตีจำนวน 2 ลำ มาให้การต้อนรับริเวณปากร่องน้ำ ทั้งนี้หมู่เรือปราบปรามโจรสลัดมีกำหนดจอดเรือเป็นเวลา 2 วันก่อนที่จะออกเดินทางต่อเพื่อไปปฏิบัติภารกิจที่อ่าวเอเดนและชายฝั่งโซมาเลีย โดยในช่วงเย็นของวันนี้ เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศศรีลังกา ได้จัดให้มีงานเลี้ยงรับรอง ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูตฯ โดยเรียนเชิญ พลเรือโท ที เอส จี ซามาราซิงค์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ศรีลังกา เจ้ากรมยุทธการทหารเรือศรีลังกา และผู้บัญชาการภาคตะวันตก กองทัพเรือศรีลังกา ร่วมเป็นเกียรติ ในงาน ส่วนในวันพรุ่งนี้ พลเรือตรี ไชยยศ สุนทรนาค ผู้บังคับหมู่เรือปราบปรามโจรสลัดและคณะ จะเดินทางไปสักการะพระทันตธาตุ ณ วัดพระเขี้ยวแก้ว ณ เมืองแคนดี้ เพื่อความเป็นสิริมงคล ตามคำเชิญของ เอกอัครราชทูตไทย ประจำประเทศศรีลังกา โดยมี นาวาเอก บัญชา บัวรอด ผู้ช่วยทูตทหารเรือไทยประจำประเทศอินเดีย ร่วมคณะก่อนจะเดินทางมาร่วมงานเลี้ยงรับรอง ซึ่ง ผู้บัญชาการทหารเรือ ศรีลังกา เป็นเจ้าภาพ ในช่วงเย็นของวันเดียวกัน ณ สโมสรนายทหารสัญญาบัตร กองบัญชาการกองทัพเรือศรีลังกา ส่วน ในวันที่ 21 กันยายน 2553 ผู้บังคับหมู่เรือปราบปรามโจรสลัด มีกำหนดเดินทางไปเยี่ยมคำนับ ผู้บัญชาการทหารเรือศรีลังกา ณ กองบัญชาการกองทัพเรือศรีลังกา โดยมี เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศศรีลังกา และ นายณรงค์ ยุทธกาจกำธร อัครราชทูตที่ปรึกษา ร่วมคณะ และจัดให้มีงานเลี้ยงรับรองโดย หมู่เรือปราบปรามโจรสลัดเป็นเจ้าภาพ บนเรือหลวงสิมิลัน
จากปัญหาโจรสลัดบริเวณอ่าวเอเดนและชายฝั่งโซมาเลีย นานาประเทศได้ส่งกำลังทางเรือเข้าร่วมปฏิบัติการปราบปรามโจรสลัดในพื้นที่อ่าวเอเดนและชายฝั่งโซมาเลีย ปัจจุบันมีประเทศต่างๆ ส่งกำลังทางเรือเข้าร่วมการปราบปรามโจรสลัดใน อ่าวเอเดนจำนวน 29 ประเทศสำหรับประเทศในแถบเอเซียที่ได้มีการจัดกำลังเข้าร่วมปฏิบัติการ ในบริเวณนี้แล้ว คือ สาธารณรัฐประชาชนจีน อินเดีย มาเลเซีย และ สิงคโปร์ โดยในส่วนของประเทศไทย นั้น รัฐบาลได้อนุมัติให้กองทัพเรือ จัดกำลังทางเรือ อากาศยาน และส่วนสนับสนุน ประกอบกำลังเป็น หมู่เรือปราบปรามโจรสลัด (มปจ.) ไปปฏิบัติภารกิจร่วมกับกำลังผสม ทางเรือจากนานาชาติ ประกอบด้วยเรือหลวงสิมิลัน และ เรือหลวงปัตตานี เฮลิคอปเตอร์ลำเลียง แบบ เบลล์ 212 จำนวน 2 เครื่อง และชุดปฏิบัติการพิเศษของ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ โดยมี พลเรือตรี ไชยยศ สุนทรนาค ผู้บัญชาการกองเรือฟริเกตที่ 2 เป็น ผู้บังคับหมู่เรือปราบปรามโจรสลัด (ผบ.มปจ.)
นับตั้งแต่ออกเดินทางจากประเทศไทย เมื่อวันที่ 10 กันยายน ที่ผ่านมา หมู่เรือปราบปรามโจรสลัด ได้มีการฝึกทบทวนในหัวข้อต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ การจู่โจมและตรวจค้นทางเรือและอากาศยาน การป้องกันเรือ การฝึกรับส่งสิ่งของในทะเล การฝึกดับเพลิง ซึ่งผลการฝึกเป็นที่น่าพอใจเนื่องจากกำลังพลมีความชำนาญและมีการฝึกอย่างสม่ำเสมอมาแล้วก่อนหน้านี้ ทั้งนี้หมู่เรือปราบปรามโจรสลัดจะทำการฝึกเพื่อเตรียมความพร้อมในการใช้กำลังทางเรือเช่นนี้อย่างต่อเนื่องจนกว่าจะเข้าสู่พื้นที่ปฏิบัติการจริงเพื่อความสำเร็จสูงสุดของภารกิจและเพื่อเกียรติภูมิของประเทศชาติและกองทัพไทย
สำหรับประเทศศรีลังกา เป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์กับประเทศไทยมาช้านาน ตั้งแต่ราว พ.ศ. 1700 เมื่อเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช ได้ส่งคณะผู้แทนไปประเทศศรีลังกา เพื่อนิมนต์พระภิกษุลังกา 3 รูป มาช่วยฟื้นฟูและเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่นครศรีธรรมราช ก่อนที่จะเผยแผ่ไปยังอาณาจักรสุโขทัย ในสมัย พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ทำให้พระพุทธศาสนาในประเทศไทยเจริญรุ่งเรืองขึ้นและเรียกว่านิกายลังกาวงศ์ ต่อมาในปี พ.ศ.2296 ประเทศไทยได้ส่งคณะพระภิกษุนำโดย พระอุบาลีมหาเถระ เดินทางไปประเทศศรีลังกาตามคำร้องขอ เพื่อฟื้นฟูพุทธศาสนาในลังกาอีกครั้ง และได้สถาปนาพุทธศาสนานิกายสยามวงศ์ขึ้นในประเทศ ศรีลังกาจนรุ่งเรืองตราบจนปัจจุบัน นอกจากความสัมพันธ์ในทางพระพุทธศาสนาแล้ว ประเทศไทย ยังมีความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันในด้านอื่น ๆ กับประเทศศรีลังกา อาทิ ด้านวัฒนธรรม ด้านวิชาการ รวมถึงการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการฟื้นฟูบูรณะประเทศมาอย่างต่อเนื่อง
การเดินทางของหมู่เรือปราบปรามโจรสลัด ได้ใช้เส้นทางเดินเรือ ฐานทัพเรือสัตหีบ สิงคโปร์ - โคลัมโบ (ศรีลังกา) - ซาลาห์ลา (โอมาน) รวมระยะทาง 4,894 ไมล์ทะเล ใช้เวลาเดินทาง 19 วัน โดยมีระยะเวลาในการปฏิบัติการในพื้นที่ 60 วัน โดยหมู่เรือฯ จะออกเดินทางจาก เมืองโคลัมโบ ในวันที่ 21 กันยายน นี้ และคาดว่าจะเดินทางถึงเมือง ซาลาห์ลา ประเทศโอมาน ในวันที่ 27 กันยายน 2553