หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


โครงการพัฒนาเทคโนโลยีทางทหาร ต่างที่ ล่มไปเพราะ????

โดยคุณ : Toey เมื่อวันที่ : 29/09/2010 15:52:50

หลายๆ คนคบพอรู้ มาเเล้ว ว่าเครื่องบินรบไทยในสงครามอินโดจีน เราเคยสร้างมาใช้รบเอง

เเต่ ต้องยกเลิกเพราะอะไร เห็นเค้าบอกว่า ซื้อใช้เองดีกว่าซะงั้น

>> http://iseehistory.socita.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538711029&Ntype=1

 

ไม่งั้น จนปัจจุบันนี้ เราคงได้มี jas-39 เป็นรุ่นผลิตในไทยเเล้ว

อีกอันคือ  เรื่อดำน้ำ  ในอดีตเราก็เคยมีเรือดำน้ำใช้เช่น กัน เเต่ก็นะ มีก่อนคนอื่นในอาเชี่ยนเชี่ยว  ก็หายไปตามระเบียบ คิดดู ถ้าพัฒนามาจนปัจจุบัน คงได้มีเป็นตัวเองเเล้วละ เอ่อ

 

>> http://www.navy.mi.th/navalmuseum/002_history/html/his_od_submarine_thai.htm

 

อันนี้ UAV ของไทยครับ กำลังพัฒนา  เเต่ก่อนเราเคยใช้ uav ในสมรภูมิ ร่มเกล้า ก็นานเเล้ว ถ้าเราพัฒนาจากตอนนั้น เราคงมีใช้ที่ดีๆ เองเเล้ว

>> http://atcloud.com/stories/66623

 

เเล้ว ยัง มีโครงการ ต่างๆมากมาย ที่เราเคยทำ เเต่ต้องถูกยกเลิกไป เพราะขาดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในปัจจุบัน เด็กไทยเรา คิดประดิษฐ์ อะไรที่เจ๋งๆ ได้เยอะเเยะ เช่นหุ่นยนต์กู้ ระเบิด เเล้ว ก็ เครื่้องยิงปืนอัตโนมัติ เป็นเเบบ เซนเซอร์ หมุนยิงเอง << อันนี้ ขาดการนำไปต่อยอดเลยไม่ได้เห็น ส่วนหุ่นยนต์ ก็เห็นๆ เเล้ว ว่าไปกู้ได้จริง

 

ไม่ได้อยากจะซ้ำเติมนะครับ เเต่อยากให้ บุคคลที่มีความ เกี่ยว ข้องหันมาสนใน ใส่ใจทำอย่างจริงจังซักที  ถ้าตั้งใจเเละไม่ย่อท้อ ไม่มีอะไรที่คนไหทยทำไม่ได้หรอกครับ

** ก็ขอ เป็นกำลังใจให้โครงการต่างๆ ของไทย พัฒนาก็ต่อไปอย่างได้หยุด เเละ ขอให้ทำให้สำเร็จนะครับ เป็นกำลังใจให้

อันนี้ ที่เค้า กำลังดำเนินการหลายๆโครงการนะครับ รู้สึกว่าจะเปิดใหม่ หวังว่าคงไม่ พับนะครับ

>> http://www.dti.or.th/





ความคิดเห็นที่ 1


ด้วยความเคารพผมไม่แน่ใจว่าเป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่หรือไม่? �ผมแค่สงสัยว่าเป็นบุคคลที่ไม่พึงประสงค์ของเว็ปนะครับ ถ้าไม่ใช่ขออภัย
โดยคุณ nick01 เมื่อวันที่ 25/09/2010 23:54:44


ความคิดเห็นที่ 2


UAV ของพี่ไทยเราครับ


โดยคุณ Toey เมื่อวันที่ 25/09/2010 14:30:45


ความคิดเห็นที่ 3


อีกอัน


โดยคุณ Toey เมื่อวันที่ 25/09/2010 14:31:46


ความคิดเห็นที่ 4


อีกอันจ้า


โดยคุณ Toey เมื่อวันที่ 25/09/2010 14:32:31


ความคิดเห็นที่ 5


ใช้ได้จริงนะจ๊ะ


โดยคุณ Toey เมื่อวันที่ 25/09/2010 14:35:15


ความคิดเห็นที่ 6


ทำเป็นเเผนที่ เร็ว


โดยคุณ Toey เมื่อวันที่ 25/09/2010 14:36:10


ความคิดเห็นที่ 7


เเต่เมกา ตอนนี้มันทำเป็น UAV เเบบ ตรวจจับ ทิ้งบอม ไปเเล้ว

 

เพื่อน

โดยคุณ Toey เมื่อวันที่ 25/09/2010 14:37:53


ความคิดเห็นที่ 8


     วิธีแก้ไขปัญหาที่กล่าวมาข้างต้นมีวิธีเดียวครับคือเวลาเลือกตั้ง สส.และ สว. ขอให้พวกเราพร้อมใจกันไปเลือกคนที่เราคิดว่าเป็นคนดีและพรรคการเมื่องที่เราชั่งน้ำหนักดูแล้วว่าดีที่สุดเข้าไปในสภาเราก็จะได้รัฐบาลที่ดีและสมาชิกสภาที่ดีแล้วสิ่งต่างฯที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติก็จะเกิดขึ้นตามมาเอง ทุกวันนี้สื่งที่เราบ่นฯกันก็เพราะสาเหตุมาจากเราไม่เลือกคนดีฯเข้าไปมันก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ
โดยคุณ OLDMAN เมื่อวันที่ 25/09/2010 21:55:18


ความคิดเห็นที่ 9


มิได้เจตนาจะแสดงกำลังหรืออะไรทั้งสิ้นนะครับ....เห็นว่าเพิ่งมาใหม่และก็ขอต้อนรับนะครับ...เห็นแก่ความตั้งใจและไฟแรง ที่อาจนำเสนอเรื่องใดๆ ที่คิดว่าใหม่ๆ แต่อาจเป็นเรื่องที่เก่ามากแล้ว....จึงขอแนะนำให้ลองไปอ่านกระทู้เก่าๆ ดู อาจเยอะไปหน่อย(ประมาณ 180 หน้า) หน้าละ 50 กระทู้โดยประมาณ โห...ก็ ร่วมพันกระทู้ ใครๆ ก็ขี้เกียจอ่าน ก็ให้เลือกดูแต่คร่าวๆ ไม่ต้องดูทั้งหมด...แล้วจะรู้ว่าอ้าว เค้าคุยกันมานานแล้วนี่นา จะได้ไม่เขินนะครับ

 

สังเกตว่าสมาชิกใหม่ ด้วยความไฟแรง...ปัญหา, ข้อสงสัยและสิ่งอัดอั้น อันปัญหา"ทำไม?" ที่พบหรือปัญหาระดับ FAQ (ถูกหรือเปล่า? จำไม่ได้) หนึ่งในนั้นคือ...ทำไมประเทศเราจึงไม่สร้างอาวุธเอง ทั้งๆที่ส่งออกรถยนต์หลักล้านคันต่อปี ท่านแอดมินเป็นฝ่ายบุคคลน่าจะมีกระทู้ต้อนรับสมาชิกใหม่ประมาณปฐมนิเทศ บริ๊ฟข้อมูลคร่าวๆ...พอซายด์ อิน ปุ๊บ ก็กระเด้งไปกระทู้ดังกล่าวปั๊บ เป็นต้น...

 

ส่วน UAV ที่ท่านนำมาเสนอก็เป็นสิ่งน่าสนใจ แล้วทำไมไม่สานต่อ...อันนี้ปวดใจครับ รอท่านอื่นมาตอบดีกว่า...อยากทิ้งท้ายหน่อยนึงว่าสมาชิกที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นสมาชิกที่ TAF ด้วย การนำข้อมูลมาเสนอข้ามไปข้ามมาระหว่างสองเว็บก็ควรให้เครดิตเจ้าของเค้าหน่อยนึง...ยกตัวอย่างเช่น เมื่อวานท่านโพสกระทู้หนึ่งที่โน่น(TAF) ต่อมาในวันนี้มีนาย ก. นำเรื่องขอท่านมาลงที่นี่ แล้วท่านมาอ่านเจอ เจอแล้วรู้สึกยังไง โกรธสิครับ...แล้วจะเป็นที่มาของการปะทะคารมกันให้เสียบรรยากาศ เป็นต้น...ให้เครดิตยังไงหรือ? ก็ชี้แจงหน่อยว่านำมาจากไหน ถึงแม้ในรูปจะพะที่มาไว้แล้วก็ตาม เป็นการขอบคุณเค้า ยกตัวอย่างอีกที พอเค้านำเรื่องเรามาลง แล้วบอกว่านำมาจาก นายนั่นนายนี่ เราจะรู้สึกอย่างไร? คราวนี้จะเปลี่ยนเป็นภูมิใจสิครับ มีกำลังใจขึ้นมาทันที ส่วนตัวแล้วผมเป็นคนบ้ายอ ใครชมหน่ะช๊อบชอบ ภูมิใจไปสามวันเจ็ดวันทีเดียว....เท่านั้นเองครับ ง่ายๆ เป็นอันจบ

 

โดยคุณ terdkiet เมื่อวันที่ 25/09/2010 22:38:35


ความคิดเห็นที่ 10


ล่มไป เพราะน้ำร้อนน้ำชามันไม่งามหน้าแบบซื้อเองกินเองชงเองหรือเปล่าคับ?(นั่งวิจัย ต้องดูว่าของที่ทำออกมาจะได้ตามสเปคหรือเปล่า สู้จ่ายๆให้ได้ของมาซิ่งมาแว้นกันในกรุงเทพตอนปฏิวัติดีกว่าไหม-ความคิดเพื่อนผม)

บางอย่างที่ซื้อมาน่ะ ผมยอมรับนะว่ามันโอเค มันถึงเวลาต้องเปลี่ยนแล้ว(บางคนก็บอกว่า ซื้อมาทำไมของมันยังใช้ได้...ซึ่งพวกนี้ไม่เข้าใจว่าเราต้องเปลี่ยนอาวุธจากยุคcold war เป็น modern warfare แล้ว)

แต่บางอย่างก็แบบ....ไทยแลนด์onlyเกิ๊นนนนนนนน!


โดยคุณ alpha35818 เมื่อวันที่ 25/09/2010 22:44:48


ความคิดเห็นที่ 11


เรื่องเครื่องบินรบที่เราเคยผลิตเอง ตอนสงครามโลกครั้งที่สอง ไทยเราสั่งซื้อเครื่องบินจากต่างประเทศมาใช้เยอะทั้งญี่ปุ่น เมกา ทำให้เทคโนโลยีและความชำนาญเราหายไป และโรงงานผลิตเครื่องบินของเราก็โดนทิ้งระเบิด ทำให้โรงงานพังเสียหายหมด และแต่นั้นมาเราก็ซื้อเครื่องบินเค้าอย่างเดียว และกว่าจะรู้ต้วอีกทีและคิดอยากจะผลิตเองมันก็สายไปเสียแล้ว เพราะเทคโนโลยีมันก้าวไปไกลจากที่เราเคยรู้มาแล้วครับ เราเลยไม่สนใจในการผลิตแล้วตั้งหน้าตั้งตาซื้ออย่างเดียวเพราะเราไม่มีพื้นฐานความรู้ในการผลิตเครื่องบินรุ่นใหม่ๆ ที่มีความซับซ้อนทางเทคโนโลยีต่างๆสูงมากมันไม่เหมือนกับ เครื่องบินใบพัดลำตัวเอาผ้าใบบุเหมือนในช่วงเริ่มการบินใหม่ๆนะครับ

ส่วนเรื่องเรือดำน้ำ คิดว่าตอนที่เรามีเพราะเราต้องการเอามาถ่วงดุลอำนาจอินโดจีนฝรั่งเศสที่เริ่มเป็นภัยคุกคามต่อประเทศเรา ตอนนั้นประเทศสยามหรือไทยเราให้ความสำคัญกับการทหารอย่างมาก ชนิดว่าไม่มีประเทศไหนในอาเซี่ยนที่จะเทียบชั้นกับเราได้ เรามีเรีอดำน้ำ 4 ลำ และเรือรบ เครื่องบินอีกจำนวนมากไม่ต่ำกว่า 200 ลำ การทหารเราเข้มแข็งมาก ไม่เหมือนปัจจุบัน เราเลยต้องมีเรือดำน้ำไว้ประจำการเพื่อเป็นพลังอำนาจในการต่อรองระหว่างประเทศซึ่งคู่ปรปักษ์เราก็เป็นประเทศใหญ่มีอำนาจสูงคือฝรั่งเศส และสุดท้ายเมื่อเกิดยุทธนาวีเกาะช้างขึ้น ฝรั่งเศสถล่มเรือรบของเราทั้งสามลำ เรียบร้อยแล้ว เราก็ได้ใช้ไม้ตายของเราคือเรือดำน้ำ เข้าไปลาดตระเวณในเขตของข้าศึกคือฝรั่งเศสโดยการไปแบบหมดหน้าตัก ทั้ง4ลำไปลาดตระเวณป้วนเปี้ยนแถวๆชายแดนทางทะเลและหน้าอ่าวเขมร ทำให้เรือรบฝรั่งเศสผวาไม่กล้าออกลาดตระเวณเพราะกลัวการซุ่มโจมตีด้วย ตอร์ปิโด จากเรือดำน้ำไทย จากวันนั้นถึงวันนี้ ความสำคัญของการทหารในไทยลดลง เราได้รับอาวุธจากเมกา มากมายจนเคยตัวไม่ได้หาอาวุธใหม่ เรือดำน้ำ หลังจากที่ญี่ปุ่นแพ้ก็ไม่มีอะไหล่ในการจัดซ่อม เลยต้องปลดประจำการลงทั้ง4 ลำ เห็นเหลือสะพานเดินเรือแค่สองลำ ที่ พิพิธภัณฑ์ทหารเรือตรงข้ามโรงเรียนนายเรือ และ ป้อมพระจุลจอมเกล้า สมุทรปราการ มาถึงทุกวันนี้ ราคาเรือดำน้ำก็แพงขึ้นมาจากอดีต รวมทั้ง กองทัพเรือก็ได้รับจัดสรร งบประมาณเพียงน้อยนิด จะเติมน้ำมัน จ่ายเงินเดือนซ่อมเรือแทบจะไม่พอใช้ หลังจากเหตุการณ์กบฏแมนฮัดตั้นจบลงทหารเรือก็เหมือนลูกเมียน้อยแต่นั้นเป็นต้นมางบประมาณก็ได้รับน้อยกว่าในจำนวนทั้งสามเหล่าทัพมันก็เป็นด้วยเหตุฉะนี้แล

ส่วนโครงการอื่นๆ ก็อย่างว่านะครับ เป็นต้นแบบ พอเสร็จแล้วก็พับลงโต๊ะ ทำทำไมซื้อดีกว่า ได้ค่อคอมด้วย 5555+ มันก็เป็นซะอย่างงี้ บางสิ่งมันก็ไม่คุ้มค่ากับการลงทุนเพราะถึงแม้จะทำได้ใช้ได้แต่ก็มีราคาและการลงทุนแพงทำให้ไม่คุ้มค่าในการพัฒนา ซื้อถูกกว่าก็มีครับ

โดยคุณ champ thai army เมื่อวันที่ 26/09/2010 02:18:46


ความคิดเห็นที่ 12


เครื่องบินรบเราสร้างเอง? ที่เราซื้อแบบจากฝรั่งเศสสมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ซื้อมาพอตั้งโรงงานเริ่มลงมือสร้างเครื่องปีกสองชีั้น เขาไปถึงไหน ปีกชั้นเดียว เราต้องซื้อเครื่องบินปีกชั้นเดียวเพราะเราไม่มีวิวัฒนาการอย่างที่จำเป็นต้องใช้

มีคำนึง Competitiveness ความสามารถที่จะแข่งขัน การริเริ่มเป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่จบเพียงแค่นั้น จำเป็นที่จะต้องมีความสามารถที่จะพัฒนา ปรับปรุงให้เทียบเท่า แข่งขันกับคนอื่นได้ โลกนี้หรือเทคโนโลยีรอบตัวเรามีวิวัฒนาการเร็วมาก เรามักไม่สร้างความสามารถในการแข่งขัน แล้วรอโทษแต่ค่าน้ำร้อนน้ำชา

โดยคุณ Oldtimer เมื่อวันที่ 26/09/2010 04:10:00


ความคิดเห็นที่ 13


เรื่องเครื่องบินรบที่เราเคยผลิตเอง ตอนสงครามโลกครั้งที่สอง ไทยเราสั่งซื้อเครื่องบินจากต่างประเทศมาใช้เยอะทั้งญี่ปุ่น เมกา ทำให้เทคโนโลยีและความชำนาญเราหายไป และโรงงานผลิตเครื่องบินของเราก็โดนทิ้งระเบิด ทำให้โรงงานพังเสียหายหมด >>>>>> เครื่องรุ่นอะไรบ้างครับอยากทราบ  เพราะผมเดินไปที่พิพิธภัณฑ์ ทอ. เจอแต่เครื่องแบบบริพัตรเท่านั้นส่วนที่เหลือจะสร้างหรือประกอบเองหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 อเมริกาไม่ขายเครื่องบินให้ไทยหรอกครับ  เพราะเป็นศัตรูกัน  มีแต่ญี่ปุ่นที่ขายหรือมอบให้เช่นเครื่อง ตาชิกาว่า  ก่อนสงครามโลกครั้งที่  2เราซื้อเบร์เก จากฝรั่งเศสและก่อนช่วงกรณ๊พิพาทอินโดจีนเราซื้อฮอว์คพับฐาน(ฮอว์ค 3),คอร์แซร์,มาร์ติน บอมเบอร์ B-10,ฮอว์ค 75 จากสหรัฐ ไม่ใช่หรือครับ และโรงงานสร้างที่โดนระเบิดที่คุณบอกนั้นสร้างเครื่องบินประเทศไหนแบบไำหนครับและโรงงานอยู่ที่ไหน  เพราะข้อมูลเรื่องนี้ผมไม่ทราบครับอยากรู้เป็นวิทยาทาน ผมหาข้อมูลในอินเตอร์ยังไม่เจอ หนังสือผมก็มีน้อย ข่วยบอกหน่อยเถอะครับ  
โดยคุณ janus เมื่อวันที่ 26/09/2010 05:37:37


ความคิดเห็นที่ 14


(1) บ.ท.๒ = เครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ บริพัตร รุ่นเครื่องยนต์จูปิเตอร์

 

บท. ๒ บริพัตร
ผู้สร้าง....................กองโรงงานการช่างกรมอากาศยาน ประเทศไทย.
ประเภท...................เครื่องบินทิ้งระเบิด ปีกสองชั้นสองที่นั่ง
เครื่องยนต์...............เครื่องยนต์จูปิเตอร์ ๔๐๐ - ๖๐๐ แรงม้า ๑ เครื่อง
กางปีก....................๔๔ ฟุต
ยาว.........................๒๘ ฟุต ๙ นิ้ว
สูง..........................๑๐ ฟุต ๕ นิ้ว
อัตราเร็วสูงสุด.......๑๕๗ ไมล์ ต่อ ชั่วโมง
เพดานบิน.............
พิสัยบินสูงสุด.......
อาวุธ.....................@
ประจำการ................๒๔๗๐
ประวัติ.....................เมื่อพุทธศักราช ๒๔๗๐ พันโทหลวงเวชยันต์รังสฤษฏ์ (มุนี

มหาสันทนะ) ผู้รั้งตำแหน่งผู้บังคับฝูงกองโรงงานอากาศยาน ได้ออกแบบเครื่องบินทิ้งระเบิดปีกสองชั้นขึ้น

เป็นผลสำเร็จเป็นเครื่องบินแบบแรกที่ออกแบบสร้างเองโดยคนไทย หลังจากที่ดำเนินการสร้างเครื่องบินแบบ

ต่างๆตามแบบโดยเริ่มจากการซ่อมและสร้างชื้นส่วนต่างๆจากไม่กี่ชื้นจนเกือบจะทุกชิ้นที่ฝรั่งสร้างมาแล้วเช่น

เบร์เกต์ และนิเออร์ปอร์ต โดยกำหนดชื่อเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบนี้ว่า "บริพัตร" ตามพระนามของจอมพล

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เสนาบดีกระทรวงกลาโหม
เมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๔๗๐ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพ

พรรณี พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินสู่กรมอากาศยานทอดพระเนตรกิจการต่างๆ ในกาลนี้เจ้ากรม

อากาศยานได้กราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานเปิดพระนามและปล่อยเครื่องบินแบบ "บริพัตร"

เป็นศุภมงคลฤกษ์
การออกแบบและสร้างเครื่องบินแบบ บริพัตร นั้นยังอยู่ในขั้นทดสอบสมรรถนะเพื่อพิสูจน์ความแน่นอนก่อนจะ

มีการผลิตจำนวนมาก ออกมาใช้ราชการ โดยเบื้องต้นประเมินจากกำลังเครื่องยนต์แล้วคาดว่า เครื่องบินแบบนี้

จะมีขีดความสามารถในการบินได้นานถึง ๑๐ ชั่วโมง ซึ่งจะเหนือกว่าเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ เบร์เกต์ที่มี

สมรรถนะสูงที่สุดของกรมอากาศยานในขณะนั้นที่บินได้นาน ๔ ชั่วโมง จำนวนสร้างเครื่องบินบริพัตร จึงมีทั้งสิ้น

๔ เครื่องโดยแยกเป็นแบบใช้เครื่องยนต์จูปิเตอร์ ๒ เครื่อง และ ใช้เครื่องยนต์ บีเอ็มดับบลิว ซีรี่ ๖ อีก ๒ เครื่อง

ตามนโยบายของพระยาเฉลิมอากาศ
ในวันที่ ๒๒ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๗๒ เครื่องบินบริพัตร รุ่นเครื่องยนต์ บีเอ็มดับบลิว ทำหน้าที่หัวหน้าหมู่

บิน ๓ ( ประกอบด้วย รุ่นจูปิเตอร์ ๒ เครื่องและ บีเอ็มดับบลิว ๑ เครื่อง )ซึ่งกำลังเดินทางไปเยือนประเทศ

อินเดีย ตกลงในป่าทึบของจังหวัดอุทัยธานี เป็นเหตุให้ นายพันโทหลวงเนรมิตรไพชยนต์ (เซี้ยง ศุษิลวรณ์ )

ถึงแก่กรรมในครั้งนี้ด้วย เครื่องบินที่เหลือสองเครื่องเดินทางกลับมาลงที่ดอนเมืองในวันเดียวกัน และในวันที่ ๒๔

ธันวาคม เครื่องบินที่เหลือทั้งสองเครื่องก็ออกเดินทางไปยังอินเดียอีกครั้ง ในเส้นทางเดิม โดยมีพระยา

เวหาสยามศิลปสิทธิ์ (หลง สินสุข ) เป็นหัวหน้าคณะ มีนายร้อยโทกิ่ง ผลานุสนธิ์ เป็นนักบินเครื่องที่หนึ่ง

และนายร้อยเอก กฤษณ์ บูรณะสัมฤทธิ์ เป็นนักบินเครื่องที่สองโดยมี นายสิบเอกสีนวล มากพานิช เป็นช่าง

เครื่องบิน แต่ในวันที่ ๓๐ ธันวาคม ขณะทั้งสองเครื่องเดินทางมาถึงเขตเมืองอัลละฮาบัด มองเห็นสนามบินที่จะ

ทำการลงอยู่แล้ว เครื่องของพระยาเวหาสยามศิลปสิทธิ์ (หลง สินสุข ) เป็นหัวหน้าคณะ มีนายร้อยโทกิ่ง

ผลานุสนธิ์ เป็นนักบิน เกิดขัดข้องต้องร่อนลงฉุกเฉินที่ชายหาดแม่น้ำคงคา เครื่องบินเสียหายอย่างมากจำเป็น

ต้องถอดชิ้นส่วนลงเรือเดินทางกลับประเทศไทย ในขณะที่นักบินและหัวหน้าคณะได้รับบาดเจ็บต้องเข้ารักษาตัว

ที่เมืองอัลละฮาบัด ส่วนเครื่องบินบริพัตร อีกเครื่องเดินทางถึงจุดหมายและร่วมกิจกรรมต่างๆตามที่ทางกองทัพ

อังกฤษ และรัฐบาลอินเดียเตรียมไว้ และเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๔๗๒ (ขณะนั้นนับปีใหม่ในเดือนเมษายน )

ถึงกำหนดเดินทางกลับประเทศไทยโดยลำพัง ในขณะที่นักบินที่ได้รับบาดเจ็บเดินทางโดยรถไฟไปยังเมือง

ย่างกุ้ง โดยเครื่องบินบริพัตรทำการบินจากอัลละฮาบัดถึงย่างกุ้งในวันที่ ๑๙ ในวันที่ ๒๐ กรมอากาศยานส่ง

เครื่องบินบริพัตรเครื่องที่เหลือจากดอนเมือง (รุ่นบีเอ็มดับบลิว อีกเครื่อง ) ทำการบินโดยนายร้อยเอกจ่าง นิ

ตินันท์น มารับหัวหน้าคณะและนักบินที่ยาดเจ็บที่นั่งรถไฟมายังย่างกุ้ง และในวันที่ ๒๓ มกราคม เครื่อง

บินบริพัตรทั้งสองเครื่องออกเดินทางจากย่างกุ้งสู่ประเทศไทย ส่วนสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุทั้งสองครั้งมีการ

ตรวจสอบแล้วพบว่าเกิดจากท่อน้ำมันเบ็นซินที่เข้าหาคาบูเรเตอร์ มีรอยชำรุดตรงหัวต่อนั้น ทำให้น้ำมันรั่วออก

ได้จนหมด โดยเครื่องที่สามมีการตรวจสอบเมื่อลงสนามบินแล้วก็พบว่าเป็นปัญหาเดียวกันแต่สามรถแก้ไขได้

เป็นที่เรียบร้อย
ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๔๗๓ กรมอากาศยานจัดส่งเครื่องบินแบบ บริพัตร ทั้งสามเครื่อง ออกเดินทางไปเยือน

ฮานอย เป็นครั้งที่สอง ต่อจากที่เคยใช้เครื่องบินเบร์เกต์เดินทางไปครั้งแรกเมื่อ กรกฎาคม ๒๔๖๔ การเดินทาง

ไปและกลับอย่างสวัสดิภาพ (รายละเอียดดูในรุ่นบีเอ็มดับบลิว)
ปัจจุบันแม้ว่าจะไม่มีเครื่องบินแบบ บริพัตร ตัวจริงเหลืออยู่เลยก็ตาม แต่ก็มีการสร้างแบบจำลองเครื่อง

บินบริพัตร ในโอกาสต่างๆ อย่างน้อย สี่เครื่อง โดยเครื่องแรกใช้ออกแสดงในงานต่างๆ สุดท้ายนำมาตั้ง

แสดงอยู่ที่หน้าอาคารพิพิธภัณฑ์ของกองทัพอากาศ จนกระทั่งผุพังไปในที่สุด (ในปี ๒๕๒๖ ยังตั้งแสดงอยู่ )

อีกเครื่องเป็นแบบจำลองตั้งแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ คลองหลวง ส่วนที่เหลือจัดสร้างใหม่ตั้งแสดงอยู่ที่

พิพิธภัณฑ์ของกองทัพอากาศดอนเมือง ในส่วนของมูลนิธิอนุรักษ์และพัฒนาอากาศยานไทย มีแผนที่จะสร้าง

เครื่องบินแบบ บริพัตร ออกมาจำนวนหนึ่ง ภายหลังจากที่มีการรวบรวมข้อมูลและพิมพ์เขียวของเครื่องบิน

แบบนี้ไว้ได้ส่วนหนึ่งแล้ว

 

ที่มาครับ http://www.pantown.com/market.php?id=32248&name=market20&area=4&topic=1&action=view

 

ก็เห็นว่าคนไทยเราความ สามมารถก็มีมากเเล้วเราก็ ทำเองได้ตั้งเเต่ สมัยก่อนเเล้ว ผิดถูกยังไงขออภัย ด้วยนะครับ


โดยคุณ Toey เมื่อวันที่ 26/09/2010 06:44:49


ความคิดเห็นที่ 15


เห็นได้ว่าถ้าเราจะทำจริงๆ ทำได้แน่นอนครับ

โดยคุณ Soldier เมื่อวันที่ 26/09/2010 06:59:47


ความคิดเห็นที่ 16


หลัง จากได้ไปอ่านหลายๆกระทู้ก็เข้าใจมากขึ้นว่า ทำไมหลายโรงการถึงล่มไป

เหนื่อยใจเลย เมืองไทย

โดยคุณ Toey เมื่อวันที่ 26/09/2010 07:25:55


ความคิดเห็นที่ 17


ความเห็นส่วนตัวนะครับ...หากไม่นับเรื่องอื่นๆ...ว่ากันด้วยความคุ้มค่าอย่างเดียวเลย การวิจัยอาวุธหรือแม้กระทั่งซื้อสิทธิบัตรมาผลิต ต้นทุนเริ่มแรกจะสูง จะต้องจัดหาเครื่องไม้เครื่องมือ อุปกรณ์ประกอบ จิปาถะ  หากผลิตจำนวนไม่มาก ราคาต่อลำ(กรณีเป็นเครื่องบิน) คงจะสูงเอาการ....เหมือนซื้อกับข้าวมากินถุงนึง 20-30 บาทก็พออิ่ม ราคาถูกกว่าซื้อวัตถุดิบมาทำเองแน่นอน ถึงแม้ว่าระยะยาวทำเองจะกินได้นานกว่าก็ตาม...บ้านเรายังจนครับ อย่าว่าแต่งานวิจัยทางทหารเลย งานวิจัยด้านอื่นๆ ก็ยังถือว่ามีน้อยมากเมื่อเทียบกับต่างประเทศ....

โดยคุณ terdkiet เมื่อวันที่ 26/09/2010 08:50:52


ความคิดเห็นที่ 18


การเมืองและรัฐประหาร!!! ทำให้หลายโครงการถูกพับไป เพราะโดนตัดเงินไม่มีงบ 
-ส่วนโครงการ uav นี่สำคัญมาก เวลาเดินลาดตระเวณช่วยเป็นหูเป็นตาได้เยอะ ถ้าไม่มีก็ลำบากเพราะไ่รู้ว่าข้าศึกหรือผู้ก่อการร้ายลอบโจมตีตรงไหน กว่าจะรู้ตัวก็โดนยิงดับไปซะก่อน 
โดยคุณ sam เมื่อวันที่ 26/09/2010 09:03:49


ความคิดเห็นที่ 19


มี คำๆนึงครับ ที่ฟังเเล้ว น่าคิด

 

*** คนไทยไม่เเพ้ชาติใดในโลก  เเต่จะเเพ้คนไทยด้วยกันเอง ***

 

ดูจากอดีตจนปัจจุบันเเล้ว ผมว่าค่อนค้างจริง

โดยคุณ Toey เมื่อวันที่ 27/09/2010 01:24:22


ความคิดเห็นที่ 20


น้องครับ เมื่อทราบความจริงแล้ว

เราไปหา เรื่องฮาๆ ของอาวุธต่างๆมาคุยกัน ต่อนะครับ

สะหนุก ๆ สะนุ๊ก สะหนุก

อย่าเครียดก่อนวัยอันควรครับ

ขอบคุณที่เอา UAV ติดกล้องมาให้ชม คราวหลังเอาแบบขยาย

แบบซูม OPTIAL (MINIMUM 22 X) น่าจะดีนะ เอาแบบ WXDR

คงเห็นอะไรดีๆ เอามาทำแผนที่เยอะๆ ฮา.....

อย่าลืมเขตห้ามบินใน กทม. ด้วย เดี๋ยวโดนสอย

 

โดยคุณ tik เมื่อวันที่ 27/09/2010 01:58:36


ความคิดเห็นที่ 21


เเล้ว ไอ้ตัวนี้ ผลิต มาใช้ จริงจังมั้ยอะ ป้อมปืนข้างบนอัตโนมัติ ด้วยหนิ ไฮโซซะ


โดยคุณ Toey เมื่อวันที่ 27/09/2010 02:38:57


ความคิดเห็นที่ 22


ในเขต กทม. น่ะ ถึงจะไม่ห้ามบินก็บินสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ครับ เดี๋ยวชนสายไฟฟ้าแรงสูงตกนะ ลูกบอลสะท้อนแสงมันไม่ได้มีทั้ง กทม. อิ อิ

ส่วนเรื่องสร้างอาวุธน่ะตอบกันหมดแล้ว ไม่ตอบแล้ว ฮี่ ๆ

โดยคุณ เด็กทะเล เมื่อวันที่ 27/09/2010 04:25:18


ความคิดเห็นที่ 23


คุณ Janas ครับ แล้ว HAWK 100 Hawk พับฐาน Hawk 75 คอแซร์ นี่ไม่ใช่เครื่องเมกาหรอครับ?.แล้วสงครามอินโดจีนฝรั่งเศสมันเกิดก่อนสงครามโลกครั้งที่สองใช่มั๊ยครับแล้วเมกาจะไม่ขายเครื่องบินให้กับเราได้ยังไง แล้วไอ้รุ่นที่ว่ามานั้นมันผลิตในไทยหรอครับ?.

แล้วที่ผมบอกว่า เรื่องเครื่องบินรบที่เราเคยผลิตเอง ตอนสงครามโลกครั้งที่สอง ผมเว้นวรรคแล้วนะครับ ผมไม่ได้พูดว่าเราผลิตเครื่องบินเองตอนสงครามโลกครั้งที่สอง ผมบอกว่า เราเคยผลิตเอง เว้นวรรค เว้นวรรค เว้นวรรค  ตอนสงครามโลกครั้งที่สอง ไม่ได้ประโยคติดกัน

หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ไทยไม่เคยสร้างและประกอบเครื่องบินเองครับเพราะเราไปซื้อมาจากของมือสองเหลือใช้ในสงครามครับเราเคยซื้อเครื่อง สปิตไฟต์มาใช้จากพม่าด้วย

ทำไมเมกาจะไม่ขายเครื่องบินให้กับไทยตอนสงครามโลกครั้งที่สองครับ คุณจำเครื่องบินที่ไทยเคยซื้อจากเมกาแล้วโดนเมกากักไว้ได้มั๊ยครับ ที่ซื้อแล้วตอนส่งมอบดันไม่ส่งมอบให้เราซะงั้น ไม่แน่ใจว่าไปกักไว้ที่อินโดหรือฟิลิปปินส์ ขายครับแต่ไม่มอบให้ แล้วจะบอกว่าเมกาไม่ขายเครื่องบินให้ไทยได้ไง เพราะช่วงแรกเราก็ยังเป็นพวกเมกาอยู่แต่โดนญี่ปุ่นบังคับเลยต้องยอมเป็นพวกญี่ปุ่นไงครับ

ส่วนโรงงานสร้างเครื่องบินเรา ตอนสงครามโลกครั้งที่สองโรงงานผลิตเครื่องบินเราโดนเครื่องบินไม่แน่ใจว่าเป็นญี่ปุ่นหรือเมกาทิ้งระเบิดโจมตี แต่คิดว่าน่าจะเป็นอเมริกามากกว่าเพราะญี่ปุ่นไม่เคยทิ้งระเบิดโจมตีกรุงเทพ มีแต่ขุ่ว่าจะโจมตีกรุงเทพถ้าไทยไม่ให้เดินทัพผ่าน คิดว่าน่าจะเป็นเมกามากกว่าที่ทิ้งระเบิดโจมตีโรงงานผลิตเครื่องบินของเราไม่แน่ใจว่าตั้งอยู่ที่ไหนแต่อยู่ในกรุงเทพเนี่ยแหละ และอเมริกาโจมตีทุกอย่างในไทยที่เป็นปัจจัยช่วยเหลือญี่ปุ่นได้ สะพาน โรงไฟฟ้า รางรถไฟ ค่ายทหาร โดนโจมตีหมด แล้วโรงงานจะไปเหลืออะไรครับ ก่อนเมกาจะมาทิ้งระเบิด มันจะมีเครื่องบินลำใหญ่ มาบินทำวงกลม เหนือเป้าหมาย แล้วจะทิ้งใบปลิวเป็นภาษาไทย ให้คนไทยหนีออกจากบริเวณนั้น แล้วอีกไม่นานจะมีเครื่องบินทิ้งระเบิดบินมาโจมตีตามเครื่องหมายควันต่างๆครับ ปู่ผมเคยเล่าให้ฟัง เพราะช่วงนั้นปู่ยังเคยไปยืนดูเครื่องบินญี่ปุ่นยิงสู้กับเครื่องบินอเมริกาเลยครับ


โดยคุณ champ thai army เมื่อวันที่ 28/09/2010 01:53:31


ความคิดเห็นที่ 24


อ่านไทยแล้วแปลไทยไม่ออกหรือเปล่าครับ
 ก่อนสงครามโลกครั้งที่  2เราซื้อเบร์เก จากฝรั่งเศสและก่อนช่วงกรณ๊พิพาทอินโดจีนเราซื้อฮอว์คพับฐาน(ฮอว์ค 3),คอร์แซร์,มาร์ติน บอมเบอร์ B-10,ฮอว์ค 75 จากสหรัฐ  
ผมบอกว่าก่อนสงครามนะครับ และก็เป็นก่อนช่วงสงครามอินโดจีน  และรวมถึงเครื่องที่คุณบอกว่าโดนกักด้วย โดนกักที่ฟิลิปปินส์ครับและปล่อยมาให้ช่วงปลายสงครามอินโดจีนแล้วที่เราสั่งซื้อ มันคือช่วงก่อนสงครามมหาเอเชียบูีรราพาจะเกิดขึ้นทั้งนั้นไม่่หรือครับ  ตอนสงครามโลกนั้นไม่มีการสั่งซื้อเครื่องบินจากอเมริกาทั้งสิ้นครับ เครื่องสปิตไฟร์ที่คุณว่าเราซื้อจากอังกฤษไม่ใช่หรือครับเป็นการซื้อเพราะช่วงนั้นเรามีปัญหาว่าเราไม่มีเครื่องบินรบ  เพราะที่ได้รับมอบจากญี่ปุ่นโดนทำลายหมด เรื่องทิ้งระเบิดเด็ก ป.6 ก็รู้ครับว่าเราโดนฝ่ายสัมพันธมิตรโจมตี  แต่ผมอยากทราบรายละเอียดเรื่องโรงงานสร้่างเครื่องบินครับ ว่าสร้่างเครื่องบินอะไร ประเภทไหนครับ เพราะไม่ทราบจริงๆ ผมกลัวคุณจะนึกเองเออเองเหมือนตั้งแต่สมัยwing 21จนมาถึงปัจจุบันในหลายๆกระทู้ พอมีคนเอาความจริงมาแย้งคุณก็หายเงียบไปนะครับ

เรื่องเครื่องบินรบที่เราเคยผลิตเอง ตอนสงครามโลกครั้งที่สอง >>>พิมพ์แบบนี้ ในความหมายของภาษาไทย หมายถึงประโยคต่อเนื่องประโยคเดียวกันไม่ใช่หรือครับ? 
โดยคุณ janus เมื่อวันที่ 28/09/2010 02:33:32


ความคิดเห็นที่ 25


ผมน่าจะใช้คำว่า ใน แทนคำว่า ตอน เน๊าะ ส่วนเรื่องโรงงานผลิตเครื่องบิน เอาเป็นว่ามีแล้วกันครับ สงสัยจะเป็นโรงงานที่เคยสร้างเครื่องบินบริพัฒน์มั๊งแล้ว กองทัพก็พัฒนาเครื่องบินเองเรื่อยๆสุดท้ายโรงงานแห่งนี้ก็โดนทิ้งระเบิดพังไป ส่วนเรื่องที่ตั้งจำไม่ได้จริงๆ เพราะอ่านมานานแล้วไม่มีใครรู้เลยหรอเนี่ย ช่วยมายืนยันหน่อย ถ้าไม่มีโรงงานทำเครื่องบินแล้วเครื่องบินมันจะออกมายังไง?

โดยคุณ champ thai army เมื่อวันที่ 28/09/2010 05:50:13


ความคิดเห็นที่ 26


เออที่ถามว่า ทำไมไปซื้อ สปิตไฟต์มาจากพม่าใช่มั๊ย มีสปิตไฟต์ประมาณ5 เครื่องที่เราซื้อของเหลือใช้จากทหารอังกฤษในพม่าครับพอจบสงครามโลกครั้งที่สอง เราก็เลยขอซื้อเค้า อยากรู้รายละเอียดไปซื้อหนังสือ พลานุภาพอากาศยานไทย ของท่านท้าวอ่านครับ มีลายละเอียดเยอะแยะเลยครับ


โดยคุณ champ thai army เมื่อวันที่ 28/09/2010 06:49:14


ความคิดเห็นที่ 27


ถ้าจะต้องไปศึกษาภาษาไทยเพิ่มเติมแล้วหละครับ

เราไปซื้อมาจากของมือสองเหลือใช้ในสงครามครับเราเคยซื้อเครื่อง สปิตไฟต์มาใช้จากพม่าด้วย>>>> แปลไทยเป็นหมายถึงซื้อจากพม่าเลยหรือเปล่าครับ เพราะไม่มีคำว่าอังกฤษเข้ามาเกี่ยวข้อง? เท่านี้แหละครับไม่อยากจับผิดให้มากกว่านี้ เดี๋ยวจะหาว่าจ้องจับผิด ทั้งๆมีมากเหลือเกิน ไม่นับรวมในอดีตที่อ้างว่าวุฒิภาวะยังไม่มีแต่ดันกล้าโพสในสิ่งที่รู้ไม่จริง จนข้อมูลคลาดเคลื่อน �ผมว่าใครหลายๆคนต่อให้วุฒิภาวะยังไมีหรือยังไม่ถึงตามที่คุณอ้าง ก็ไม่กล้าโพสหรอกครับ อายเปล่าๆเสียความน่าเชื่อถือไปหมด จนมาถึงในปัจจุบันก็ยังมีต่อ อย่างที่ผมได้บอกไปแล้ว พอเจอข้อมูลจริงๆที่สามชิกคนอื่นเอายืนยันเข้าไปคุณก็หนีหายไปโชว์พาวผิดๆถูกๆในกระทู้อื่นต่อ เสียดายrankinkนะครับ หมายถึงความน่าเชื่อถือนะครับที่ webmasterให้ครับ

โดยคุณ janus เมื่อวันที่ 28/09/2010 09:59:17


ความคิดเห็นที่ 28


อย่าทะเลาะกัน เลยครับค่อยๆ คุยกัน
โดยคุณ Toey เมื่อวันที่ 28/09/2010 12:25:02


ความคิดเห็นที่ 29


ถ้าผมไม่กล้าโพส ผมจะรู้หรอครับว่าผมผิดตรงไหน แล้วเค้าจะเรียกว่าเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ทางการทหารหรอครับ อย่างงี้ก็ต้องเปลี่ยนชื่อเว็ปใหม่ว่า เพื่อศึกษาข้อมูลทางการทหารซะมากกว่า คนที่ไม่มีความรู้ ก็ไม่ต้องโพส เงียบไปซะให้คนรู้เค้าคุยกันอ่านอย่างเดียว แล้วอย่างงี้จะรู้มั๊ยล่ะครับว่าตัวเองได้ข้อมูลมาผิด แล้วจะมีกระทู้ไว้โต้ตอบกันทำไมไปหาอ่านตามบล็อคเอาซะยังดีกว่า ผมไม่ตั้งกระทู้ผมก็ไม่รู้ว่าข้อมูลที่ผมได้มามันผิด ในเมื่อมีคนแก้ข้อมูลให้แล้วผมรับทราบแล้ว แล้วจะให้ผมเสนอหน้าหาพระแสงอะไรอีกล่ะครับ ผมก็ขอบคุณไปแล้วผมอ่านแล้วผมรับทราบแล้วว่าข้อมูลผมผิด ผมก็จดจำข้อมูลที่มันถูกต้อง ที่ผมหายไปเพราะผมไม่ได้เถียงนี่ครับจะได้เสนอหน้ามาเม้นตอบ ผมรับทราบข้อมูลที่ถูกต้องแล้วผมจะโพสต่อทำไมล่ะ? เห้อเบื่อเซ็งสุดๆ

โดยคุณ champ thai army เมื่อวันที่ 29/09/2010 02:19:01


ความคิดเห็นที่ 30


รู้จริงกับ อวดรู้นะมันผิดกันไม่ใช่หรือครับ 

คนรู้จริงมาตอบทีก็เป็นข้อมูลที่ถูกต้องน่าเชื่อถือ แทบจะไม่ต้องทักท้วงว่ามั่วมา

อวดรู้ก็น่าจะรู้ความหมายกันอยู่ว่า รู้ไม่จริงแล้วมาตอบ มันก็กลายเป็นผิดๆถูกๆ ใช่หรือไม่ใช่ครับ ประจานตัวเองเปล่าๆ

แลกเปลี่ยนก็ขอให้แลกเปลี่ยนข้อมูลที่รู้จริงที่ถูกต้องสิครับ  ไม่ใช่รู้ไม่จริงไม่หมดแล้วมาแลกเปลี่ยน  ไม่รู้จริงไม่แน่ใจก็ถามก็ได้ ไม่ใครว่าหรอกครับ แต่ไม่ใช่ประเภทไม่รู้จริงไม่รู้ข้อมูลที่ถูกต้องแล้วมาโชว์พาวตอบ ว่าแน่ ว่าเจ๋ง สุดท้ายมันเจ๊งครับ  คนเรามันผิิดกันได้ครับแต่ไม่ใช่ผิดซ้ำซากผิดบ่อยๆจนขึ้นชื่อครับ  ตัวอย่างล่าสุดที่ผิดคงไม่ต้องยกนะครับ  เพราะไม่นานมานี้เองครับ คงจะเข้าใจบ้างนะครับ 
โดยคุณ janus เมื่อวันที่ 29/09/2010 03:07:46


ความคิดเห็นที่ 31


กล้าแสดงออก นะดีแล้ว

กล้ารับผิดนะดียิ่งขึ้นไปอีก

กล้าสอน ก็จะได้นักเรียนเก่ง

ติเพื่อก่อ ก็สุดยอด

ทำดีอย่าพึ่งท้อนะ

ถ้าอายจะไม่รู้วิชา

บ้าถูกเรื่อง ก็อาจเป็นนักวิทยาศาสตร์

ขอให้เป็นพี่เป็นน้องกันดีที่สุดนะครับทุกท่าน 

โดยคุณ tik เมื่อวันที่ 29/09/2010 04:52:53