มีบทความดีๆ มาฝากครับ เรื่อง " ห้าพื้นที่เสี่ยงที่จะเกิดสงครามในเอเชียตะวันออก " จาก URL http://www.siamintelligence.com/5-potential-flashpoints-in-east-asia/ เผื่อจะใช้มองอนาคตรอบๆ บ้านเรา ว่าจะมีทิศทางไปทางใดบ้าง
จึงขออนุญาตท่านเจ้าของบทความ นำบทความของท่านมาเผยแพร่เป็นความรู้ มา ณ ที่นี้ด้วยครับ
February 8, 2010
หนังสือ Rivals: How the Power Struggle Between China, India, and Japan Will Shape Our Next Decade ของ Bill Emmott อดีตบรรณาธิการนิตยสาร The Economist พูดถึงความขัดแย้งของมหาอำนาจแห่งเอเชียทั้ง 3 ได้แก่ จีน อินเดีย และญี่ปุ่น ว่าจะชี้ชะตาของโลกและเอเชียในทศวรรษหน้า
ในบทที่ 8 ของหนังสือเล่มนี้ Emmott ได้กล่าวถึง พื้นที่ที่เสี่ยงจะเป็นชนวนแห่งความขัดแย้ง หรือ flashpoint ของมหาอำนาจทั้งสามแห่งเอเชียตะวันออก ว่ามีทั้งหมด 5 จุดตามแนวพรมแดน ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะกลายเป็นชนวนแห่งสงครามในอนาคตอันไม่ไกลนี้
แผนที่แสดง flashpoint ทั้งห้าจุดของเอเชียตะวันออก
ปากีสถาน
คู่ขัดแย้ง: จีน vs อินเดีย, อินเดีย vs ปากีสถาน
การเมืองในปากีสถานนั้นยังไม่มีเสถียรภาพ หลังจากอดีตผู้นำเผด็จการมูชาราฟลงจากตำแหน่ง ในขณะเดียวกันก็พบกับปัญหาภายนอกอย่างการก่อการร้ายของขบวนการอัลเคด้า พรมแดนธรรมชาติที่ติดกับอัฟกานิสถาน
ความสัมพันธ์ของปากีสถานกับอินเดียนั้นไม่ดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นับแต่สมัยได้เอกราชจากอังกฤษ ปัญหาแคว้นแคชเมียร์ที่ยังไม่คลี่คลาย จึงเป็นไปได้ว่าจีนอาจสอดแทรกเข้ามาสร้างสัมพันธ์กับปากีสถาน เพื่อลดความสำคัญของอินเดียในภูมิภาคนี้ลง อย่างไรก็ตามความเป็นไปได้นี้มีไม่มากเท่าใดนัก
ไต้หวัน
คู่ขัดแย้ง: จีน vs ไต้หวัน, จีน vs สหรัฐอเมริกา
จีนกับไต้หวันผ่านจุดที่ตึงเครียดที่สุดมาแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศค่อยๆ ดีขึ้น Emmott คาดว่าในที่สุดจีนกับไต้หวันอาจจะรวมกันได้ เพียงแต่ต้องใช้เวลาอีกพอสมควร มุมมองในประเทศไต้หวันเองก็ยังแบ่งแยกเป็นสองฝ่าย และยังถกเถียงกันไปอีกนาน
พรมแดนจีน-อินเดีย รวมทิเบต
คู่ขัดแย้ง: จีน vs อินเดีย, จีน vs ทิเบต
จีนกับอินเดียมีความขัดแย้งในด้านพรมแดนที่สำคัญสองจุด จุดแรกได้แก่ Aksai Chin ที่อยู่เหนือเนปาลขึ้นไป และ Arunachal Pradesh ที่อยู่ติดกับภูฏาน
แผนภาพความขัดแย้งที่แคว้นแคชเมียร์ (Aksai Chin อยู่ขอบด้านขวาของภาพ)
ที่มา Library of Congress/Wikipedia
แผนที่ของแคว้น Arunachal Pradesh ของอินเดีย ซึ่งมีพรมแดนติดกับทิเบต
ที่มา Wikipedia
อย่างไรก็ตาม จุดขัดแย้งที่สำคัญกว่าคือทิเบต ซึ่งมีปัญหาทางการเมืองในประเทศของจีน และความสัมพันธ์ของอินเดียกับดะไลลามะมาเกี่ยวข้อง ความขัดแย้งที่ทิเบตกำลังรอวันปะทุขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อดะไลลามะองค์ปัจจุบันเสียชีวิต และชาวทิเบตกับจีนจะต้องแย่งสิทธิ์ในการแต่งตั้งดะไลลามะองค์ใหม่
หมู่เกาะเซ็นคาคุ
คู่ขัดแย้ง: จีน vs ญี่ปุ่น
หมู่เกาะเซ็นคาคุ (Senkaku) หรือชื่อภาษาจีนคือ Diaoyutai เป็นโขดหินขนาดเล็กในทะเลจีนตะวันออก อยู่ระหว่างไต้หวันกับหมู่เกาะโอกินาวาของญี่ปุ่น ทั้งจีนและญี่ปุ่นต่างอ้างความเป็นเจ้าของหมู่เกาะนี้ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ แม้ว่าหมู่เกาะเซ็นคาคุจะมีความสำคัญด้านทรัพยากรธรรมชาติไม่เยอะมากนัก แต่ก็มีความสำคัญในด้านชาตินิยมสูง สุดท้ายแล้วคาดว่ากรรมสิทธิ์ของหมู่เกาะจะไม่เป็นของใคร แต่จีนกับญี่ปุ่นจะลงทุนร่วมกันในการขุดเจาะก๊าซธรรมชาติในพื้นที่บริเวณนี้มาใช้ประโยชน์เชิงพานิชย์
เกาหลีเหนือ
คู่ขัดแย้ง: จีน, เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, สหรัฐอเมริกา, รัสเซีย
อำนาจที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดของคิมจองอิล ช่วยให้เกาหลีเหนือยังมีเสถียรภาพไปได้ อย่างน้อยก็จนหมดอายุขัยของคิม จองอิล แต่ถ้าเกาหลีเหนือไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องการสืบทอดอำนาจของคิม จองอิลที่ยังไม่ลงตัว ก็มีความเป็นไปได้ว่าเมื่อเขาเสียชีวิตแล้ว จะเกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย จนกระทั่งเกิดสงคราม และเป็นไปได้ว่าจีน (หรืออาจรวมถึงรัสเซีย) อาจปฏิบัติการทางทหารเพื่อยึดครองเกาหลีเหนือ (อาจรวมถึงเกาหลีใต้) ได้ และจะกลายเป็นความขัดแย้งที่สหรัฐและญี่ปุ่นต้องลงมายุ่งเกี่ยว
ถ้ามองในแง่ดี การเปลี่ยนแปลงอำนาจในเกาหลีเหนือ อาจช่วยเร่งความคืบหน้าของการรวมชาติเกาหลีได้เช่นกัน เพียงแต่การรวมชาติจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ เนื่องจากช่องว่างทางเศรษฐกิจและสังคมระหว่างเกาหลีเหนือ-ใต้ ที่นับวันยิ่งห่างกันเรื่อยๆ
นอกจากความขัดแย้งทั้งห้าจุดแล้ว Emmott ยังมองว่ามีพื้นที่เสี่ยงระดับรองอื่นๆ อีก เช่น พม่า (จีนแข่งกับอินเดียในการสร้างอิทธิพลในพม่า)