ดูเหมือนว่า ช่วงนี้ทะเลจีนใต้ จะคึกคัก น่าดูนะครับ

รัสเซียเอาบ้าง.. ขอเอี่ยวภูมิภาค ฟื้นฐานทัพเก่าในเวียดนาม

ASTVผู้จัดการออนไลน์-- ไม่เพียงแต่สหรัฐฯ ที่ได้กลับเข้ามามีบทบาทในภูมิภาคนี้เท่านั้น รัสเซียเองก็พร้อมที่จะก้าวเข้ามาเป็นหุ้นส่วนอีกราย สำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์ รายงานย้ำอีกครั้งหนึ่ง กองทัพเรือพร้อมจะกลับไปช่วยเวียดนามฟื้นฟูฐานทัพอ่าวกามแร็ง (Cam Ranh) ในอดีตขึ้นมาใช้การอีกครั้ง แลกกับการที่ให้เรือรบของรัสเซียสามารถไปใช้ที่นั่นได้
       
       อินเตอร์แฟ็กซ์รายงานเรื่องนี้ในวันพุธ (5 ต.ค.) โดยอ้างคำกล่าวของแหล่งข่าวทางทหาร
       
       สำนักข่าวแห่งนี้เปิดเผยเรื่องฐานทัพเรือในเวียดนามครั้งแรกในเดือน ม.ค. พร้อมกับข่าวเวียดนามเซ็นสัญญาซื้อเรือดำน้ำ ชั้นคิโล (Kilo Class) เรือฟริเกตและอาวุธอื่นๆ จากรัสเซียมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ รวมทั้งเครื่องบินรบ SU30 MK อีก 1 ฝูงด้วย
       
       การรื้อฟื้นฐานทัพเป็นข้อเสนอที่ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซียเปิดเผยกับสื่อระหว่างการเยือนกรุงมอสโก ของ นายเหวียนเติ๋นยวุ๋ง (Nguyen Tan Dung) นายกรัฐมนตรีเวียดนามเมื่อปลายปีที่แล้ว
       
       "ทันทีที่มีการตัดสินใจทางการเมืองกองทัพเรือรัสเซียก็พร้อมเริ่มงานที่ฐานทัพ (และเสร็จ) ภายในเวลาสามปี" อินเตอร์แฟ็กซ์อ้างคำกล่าวของแหล่งข่าว

ภาพจาก navyshipgallery.blogspot.com เรือดำน้ำชั้นคิโล (Kilo Class) ติดธงชาติรัสเซีย จอดที่ฐานทัพแห่งหนึ่งที่ไม่มีการระบุชื่อ เวียดนามเซ็นสัญญาซื้อเรือดำน้ำชั้นนี้จำนวน 6 ลำ ส่งมอบปีละ 1 ลำ เริ่มปีหน้า รัสเซียเสนอฟื้นฟูฐานทัพเก่าที่อ่าวกามแร็ง ในภาคกลางให้เจ้าของประเทศ โดยแลกกับให้เรือรบรัสเซียแวะไปใช้ได้ เหมือนกับช่วงสงครามเย็น เรือดำน้ำที่สั่งซื้อทั้ง 6 ลำก็ต้องการที่จอดและซ่อมบำรุงเช่นกัน                     กามแร็ง หรือ "คัมรานห์" ที่ชาวไทยเรียกกันมาในอดีต สร้างขึ้นโดยสหรัฐฯ และใช้งานต่อมาจนกระทั่งถอนตัวออกไปในปี 2518 และในปี 2522 ปีเดียวกับที่เวียดนามส่งกองทัพมหึมาเข้ายึดครองกัมพูชา นำระบอบฮุนเซนขึ้นสู่อำนาจ อดีตสหภาพโซเวียตก็ได้เซ็นสัญญาเช่ากับเวียดนามเป็นเวลา 25 ปี และ กามแร็งได้กลายเป็นฐานทัพเรือประจำภูมิภาคตะวันออกไกลเพียงแห่งเดียวของสหภาพโซเวียต ถัดจากวลาดิวอสต็อก                ฐานทัพเรือของอดีตอภิมหาอำนาจค่ายคอมมิวนิสต์ในเวียดนาม ตั้งเผชิญหน้ากับฐานทัพเรือของอภิมหาอำนาจค่ายเสรีนิยมสหรัฐฯ ที่โอลองกาโป อ่าวซูบิก ในฟิลิปปินส์ตลอดช่วงเวลาแห่งสงครามเย็น แต่รัสเซียในยุคใหม่ได้ถอนทุกสิ่งทุกอย่างออกไปจากกามแร็งในปี 2545 ก่อนสัญญาเช่าจะหมดลง 2 ปี โดยอธิบายว่าไม่ได้ใช้อีกแล้ว                สถานการณ์เปลี่ยนไปมากนับตั้งแต่นั้น เวียดนามมีข้อพิพาทกับจีนเกี่ยวกับการอ้างอธิปไตยเหนือหมู่เกาะในทะเลจีนใต้ ที่เชื่อว่าอุดมไปด้วยน้ำมันดิบและก๊าซ และจำเป็นต้องสร้างเขี้ยวเล็บให้ทันสมัย ต้องคบหาพันธมิตรทั้งในภูมิภาค และเวทีระหว่างประเทศกว้างขวางยิ่งขึ้น นอกจากนั้นเรือดำน้ำโจมตี 6 ลำ ที่ซื้อจากรัสเซียจำเป็นต้องมีฐานทัพสำหรับจอดและซ่อมบำรุง ภาพจาก defencetalk.com เรือดำน้ำโจมตีชั้นคิโล (Kilo Class) รุ่นที่ 3 (Type 636) กองทัพเรือรัสเซีย จอดที่ฐานทัพแห่งหนึ่งที่ไม่มีการระบุชื่อ เวียดนามสั่งซื้อ 6 ลำ โดยเข้าใจว่าจะเป็นรุ่นเดียวกันที่พัฒนาระบบอาวุธล่าสุด รัสเซียยังเสนอฟื้นฟูฐานทัพอ่าวกามแร็งให้เวียดนาม แลกกับการให้เรือรบของตนไปใช้ที่นั่นได้         2        ยังไม่เคยมีการเปิดเกี่ยวกับนโยบายเรื่องนี้จากทางการเวียดนาม ซึ่งกล่าวมาตลอดว่า การซื้ออาวุธจากรัสเซียและการปรับความสัมพันธ์ด้านกลาโหมกับสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมา "ไม่ใช่การเลือกข้าง" หรือ การยึดติดกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพื่อคุกคามอีกฝ่ายหนึ่ง และการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ช่วงนี้ก็เป็นการปรับปรุงการพร้อมรบในยามสงบที่เป็นเรื่องธรรมดา                รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เก ลาฟรอฟ (Sergei Lavrov) ให้สัมภาษณ์ระหว่างไปเยือนเวียดนาม ในเดือน ก.ค.ปีนี้ ตอกย้ำความพร้อมที่จะช่วยเวียดนามพัฒนาศักยภาพกองทัพ และ มีการกล่าวถึงการช่วยเวียดนามก่อสร้างฐานทัพเช่นกัน                ประธานาธิบดี อนาโตลีเยวิช เมดเวเดฟ (Anatolyevich Medvedev) แห่งรัสเซีย กำลังจะไปเยือนเวียดนามในเร็วๆ นี้ หนึ่งในวาระสำคัญที่มีการเปิดเผยคือ การเซ็นสัญญาก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หน่ายแรกจากทั้งหมด 2 หน่วยให้แก่เวียดนาม ตามความตกลงที่มีมูลค่าราว 8,000 ล้านดอลลาร์ แต่ไม่มีการกล่าวถึงวาระใดๆ ทางด้านกลาโหม                เวียดนามไม่ใช่ประเทศเดียวที่กำลังซื้ออาวุธเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถด้านกลาโหม กองทัพไทยซื้อรถยานยำเลียงพลหุ้มเกราะจากสาธารณรัฐยูเครนมูลค่ากว่า 1 ล้านดอลลาร์ ซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตีพร้อมระบบอาวุธทันสมัยจากสวีเดนอีกหลายร้อยล้านดอลลาร์                เมื่อเดือนที่แล้วรถถัง 55 คัน กับยานลำเลียงพลหุ้มเกราะรุ่นใหม่ อีก 47 คัน "จากยุโรปตะวันออก" ก็ส่งไปถึงท่าเรือสีหนุวิลล์ในกัมพูชา ยังไม่มีการเปิดเผยมูลค่าและรายละเอียดการซื้อขาย                กองทัพสิงคโปร์กำลังจะนำเรือดำน้ำลำที่ 2 เข้าประจำการ จากทั้งหมด 4 ลำเป็นเรือดำน้ำที่ใช้แล้วจากสวีเดน กองทัพเรือมาเลเซียก็สั่งซื้อเรือดำน้ำไปแล้ว 2 ลำ สร้างโดยบริษัทฝรั่งเศส-อิตาลี                อินโดนีเซียประเทศอิสลามใหญ่ที่สุดในโลก เสริมสร้างกำลังทางอากาศมาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีมานี้ และกำลังพิจารณาซื้อเรือดำน้ำเช่นกัน.                 ไปดูเรือฟริเกตติดขีปนาวุธ เวียดนามสั่งซื้อด้วยเหมือนกัน ภาพจาก www.defencetalk.com เป็นเรือฟริเกตรุ่นใหม่ของกองทัพเรือรัสเซีย ที่โลกตะวันตกยังไม่ได้ตั้งชื่อหรือฉายาให้ในขณะนี้ นอกจากเรือดำน้ำ 6 ลำ เวียดนามยังสั่งซื้อเรือฟริเกตจากรัสเซียอีกด้วย โดยที่ยังไม่ทราบรุ่นและจำนวน         3 ภาพจาก www.defencetalk.com เป็นเรือฟริเกต "กริวัก" รุ่นที่ 1 (Krivak 1) สื่อของทางการรายงานเมื่อต้นปีว่า นอกจากเรือดำน้ำ 6 ลำแล้ว เวียดนามยังเซ๋นสัญญาซื้อเรือฟริเกต ติดขีปนาวุธจากรัสเซียด้วย (โปรดสังเกตท่อยิง 4 ท่อที่ด้านหน้ากับท่อยิงตอร์ปิโดที่ด้านข้าง) แต่ยังไม่มีการระบุรุ่นกับจำนวนที่ซื้อ         4 ภาพจาก www.defencetalk.com เป็นเรือฟริเกต "กริวัก" รุ่นที่ 2 (Krivak 2) ที่รัสเซียพัฒนาต่อจากรุ่นแรก ติดอาวุธป้องกันตัวเองและอาวุธโจมตีมากขึ้น รวมทั้งมีท่อยิงตอร์ปิโดมากขึ้นด้วย ยังไม่ทราบว่า ที่เวียดนามสั่งซื้อเป็นรุ่นใด และจำนวนกี่ลำ         5 ภาพจาก www.defencetalk.com เป็นเรือฟริเกตชั้นนุสตราชิมิช (Neustrashimich) ที่มีขนาดใหญ่โตขึ้น ติดเขี้ยวเล็บน่าเกรงขามยิ่งขึ้น เวียดนามสั่งซิ้อเรือฟรีเกตจากรัสเซีย แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นชั้นใดและจำนวนกี่ลำ รัสเซียเสนอฟื้นฟูฐานทัพเรือเก่าให้เวียดนาม โดยแลกกับการให้เรือรบรัสเซียไปแวะใช้ได้ http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9530000141330