|
![]() |
|
![]() |
เอเอฟพี - ทหารเกาหลีเหนือเปิดฉากยิงใส่ฐานที่มั่นของกองทัพเกาหลีใต้ บริเวณใกล้ชายแดน จนเกิดการยิงตอบโต้กันในวันนี้ (29) ไม่นานหลังจากเปียงยางขู่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองเกาหลีอาจจะได้รับผล กระทบที่หายนะใหญ่หลวง หากโสมขาวยืนกรานปฏิเสธเจรจาทางการทหาร
โฆษกคณะเสนาธิการทหารร่วม เผยว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นใกล้กับเขตปลอดทหาร หรือดีเอ็มแซด ซึ่งแบ่งแยกเกาหลีเหนือ-ใต้ แต่เขายังไม่สามารถให้รายละเอียดอื่นๆ ได้
โฆษกคนดังกล่าว ระบุว่า ขณะนี้ไม่มีการยิงตอบโต้กันแล้ว แต่เจ้าหน้าที่จะจับตาดูความเคลื่อนไหวของทางโสมแดงอย่างใกล้ชิดต่อไป โดยเสริมว่า ไม่มีชาวเกาหลีใต้คนใดได้รับบาดเจ็บในการยิงกันครั้งนี้
สถานีโทรทัศน์วายทีเอ็น รายงานว่า เหตุยิงกันเกิดขึ้นในเมืองฮวาชอน ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงโซลไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 90 กิโลเมตร
ส่วนสำนักข่าวยอนฮับ ระบุว่า ทหารโสมแดงเริ่มยิงกระสุน 2 นัดใส่กองกำลังรักษาการณ์แนวชายแดนเมื่อเวลา 17.26 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือราว 15.26 น.ตามเวลาของไทย โดยทหารโสมขาวก็ยิงตอบโต้ทันที
การยิงตอบโต้กันนั้นเกิดขึ้นเป็นบางครั้งบางคราวในบริเวณใกล้กับชาย แดน ซึ่งมีการคุ้มกันอย่างหนาแน่น แต่สำหรับเหตุการณ์ในวันนี้ เกิดขึ้นในช่วงเวลาละเอียดอ่อน ที่ทางโซลกำลังเตรียมจัดงานประชุมซัมมิต จี20 ในวันที่ 11-12 พฤศจิกายนนี้
ก่อนหน้านี้ กองทัพโสมแดงออกมาแถลงผ่านสื่อทางการ ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอาจจะได้รับผลกระทบที่หายนะใหญ่หลวง หากโสมขาวยืนกรานปฏิเสธเจรจาทางการทหาร เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด เพราะการปฏิเสธนั้นหมายถึงการเผชิญหน้า และประกาศสงครามอย่างชัดเจน เปียงยางจึงจะไม่สนใจการเจรจา และการติดต่อสัมพันธ์ใดๆ อีกต่อไป
“เจ้าหน้าที่ทหารหุ่นเชิดของเกาหลีใต้จะต้องพึงตระหนักอย่างชาญฉลาด ถึงสิ่งที่จะกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างเหนือ-ใต้อย่างเลวร้ายใหญ่หลวง ในการปฏิเสธการเจรจาของพวกเขา” ถ้อยแถลงระบุ
ทั้งนี้ การเจรจาทางการทหารระหว่าง 2 ชาติเกาหลีครั้งแรกในรอบ 2 ปีสิ้นสุดลงโดยไม่มีความคืบหน้าใดๆ ในเดือนกันยายนที่่ผ่านมา หลังจากรัฐบาลโซลเรียกร้องให้เปียงยางขอโทษกรณีเรือรบจมทะเล
ขณะที่เปียงยางไม่ยอมรับผลการสอบสวนร่วมของนานาชาติ ที่ตำหนิว่า การจมของเรือรบโสมขาวเมื่อเดือนมีนาคม และการเสียชีวิตของกะลาสีเรือทั้ง 46 คนมีสาเหตุมาจากตอปิโดของเกาหลีเหนือ
นอกจากนี้ กองทัพโสมแดงได้เสนอการเจรจาด้านการทหารรอบสองในวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่โสมขาวปฏิเสธข้อเสนอนั้น โดยอ้างว่า เปียงยางยังไม่เปลี่ยนแปลงทัศนคติ
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9530000152680
เอ่อ
สมมุตินะครับ
หาก 2 ประเทศนี้เกิด สงคราม กันขึ้น ประเทศไหนจะชนะหรอครับ
ผมเคยได้ ยินข่าวมาว่า เกาหลีเหนือมีทหาร 2 ล้านกว่าคน
แล้วเกาหลีใต้มีทหารกี่ คน อ่ะ
ใครรู้ ช่วย บอก หน่อยนะคัย
ที่ว่าหากสองประเทศนี้รบกันใครจะชนะ? มันพูดยากนะครับเพราะมีปัจจัยหลายอย่างมาเกี่ยวข้องมากมาย
เราลองมาดูสงครามเกาหลีคราวที่แล้ว จะเห็นว่าเกาหลีเหนือรุกเอาๆ นั้นเป็นเพราะเค้าฝึกมาดีกว่า มีรถถังเยอะกว่า มีเครื่่องบินเยอะกว่า ผิดกับเกาหลีใต้ที่ตอนนั้นอาวุธต่อสู้รถถังขาดแคลน กองทัพอากาศก็ไม่ค่อยดีนัก ทำให้ต้องถอยเอาๆ รอจนกองทัพสหรัฐและสหประชาชาติมานั้นละ(รวมไทยเราด้วย) จึงสามารถผลักดันเกาหลีเหนือกลับไปได้ตั้งแต่อินซอน กรุงโซลไล่ตีไปจนถึงเปียงยางโน้น พอเกาหลีเหนือจะแตกจีนก็ไม่ยอมส่งทหารมาเป็นล้านไล่ตีทหารสหประชาชาติตั้งแต่แม่น้ำยาลูไปจนถึงกรุงโซลโน้น คราวนี้มะกันกับสหประชาชาติก็ไม่ยอมสิครับ ไอ้ตอนแรกสู้ปริมาณไม่ได้เลยจำเป็นต้องถอย เลยไล่ตีจีนตั้งแต่กรุงโซลไปจนถึงบริเวณเส้นขนานที่38 ซึ่งแบ่งสองเกาหลีออกจากกัน แต่คราวนี้ไม่สามารถทำซ่าบุกเขตเกาหลีเหนือได้แบบคราวก่อน เพราะทหารจีนเต็มบ้านเต็มเมืองเกาหลีเหนือไปหมด เลยจำเป็นต้องเจรจาสงบศึกกันที่หมู่บ้านปันมุนจอม จีนกับเกาหลีเหนือเองก็ต้องยอมละครับ เพราะรบกันจนเดี้ยงไปเป็นล้านแล้ว และคิดว่าคงไม่สามารถบุกเกาหลีใต้ได้แล้ว เพราะมีทหารมะกันและสหประชาชาติเต็มบ้านเต็มเมืองเกาหลีใต้
นี่คือสงครามเกาหลีที่กินเวลาตั้งแต่ปี1950-1953 รบกันนานน้องๆสงครามโลกเลยทีเดียว จะเห็นว่าปัจจัยที่ผมกล่าวก็คือ การแทรกแซงของต่างชาติเป็นประเด็นสำคัญ ที่เป็นตัวแปรสำคัญในการกำหนดชัยชนะ จะเห็นว่าสงครามเกาหลีไม่มีใครแพ้ใครชนะ รบกันไปตั้งนานไม่มีผลคือ ไม่สามารถรวมชาติได้แบบสงครามเวียดนาม ดังนั้นมันจึงเป็นเพียงการหยุดยิงเท่านั้น แต่ไม่ใช่การยุติสงคราม ทั้งสองเกาหลีจึงต้องระดมผลฝึกอาวุธกันยกใหญ่ จนมีกำลังพลและอาวุธเป็นลำดับต้นๆของโลก เพราะเหมือนเป็นประเทศที่อยู่ในภาวะสงคราม ดังข้อมูลดังนี้
เกาหลีเหนือ มีกำลังพลทั้งหมดทั้งประจำการและสำรอง 9,495,000คน เป็นอันดับสองรองจากรัสเซียที่มีกำลังพล 21,476,000คน
เกาหลีใต้ มีกำลังพลทั้งหมดรองจากเกาหลีเหนือ คือ8,691,500คน เป็นอันดับสามของโลก (ที่สี่ของโลกคือเวียดนามมี5,495,000คน)
แต่จำนวนรถถังเกาหลีใต้มีเยอะกว่าคือ4,300คัน ในขณะที่เกาหลีเหนือมี3,500คัน
ทั้งนี้ทั้งนั้นนี่ก็เป็นแค่ปริมาณเท่านั้น หากเกาหลีเหนือทะลึ่งบุกเกาหลีใต้ตอนนี้จริงก็เท่ากับฆ่าตัวตาย เกาหลีใต้ทุกวันนี้ไม่ใช่เกาหลีใต้เหมือนเกือบ50ปีที่แล้ว เป็นกองทัพที่มีความพร้อมสูงระดับโลก หากบุกได้อาจจะได้สักพักเผลอๆอาจถูกตีโต้ถึงเปียงยางก็ได้ และที่สำคัญก็คือจะเป็นการทำให้สหรัฐมีข้ออ้างบุกเกาหลีเหนือได้อย่างชอบธรรมมากขึ้น แต่ผลลัพธ์จะออกมาเหมือนครั้งสงครามเกาหลีหรือไม่นั้น คงไม่อาจคาดเดาได้
แต่ถ้าตอนนั้นถ้าเกิด ผู้อำนาจของสหรัฐ เกิดเห็นชอบกับ นายพลแม็คอาเธ่อร์ ที่เสนอให้ให้ระเบิดปรมาณูกับเกาหลีเหนือ ผมว่าหน้าประวัติศาสตร์อาจเปลี่ยนเป็นอีกรูปแบบหนึ่งก็ได้ครับ?
ตามที่ท่านนกว่าเลยครับ แม็กอาเธอร์เสนอประธานาธิบดีทรูแมนว่า ขอให้ใช้ปรมาณูใส่บริเวณแม่น้ำยาลูในแมนจูเรีย เพื่อทำลายกองทหารจีนแดงในบริเวณนั้น แต่ไม่ได้รับความเห็นชอบและเป็นสาเหตุให้ท่านถูกเด้งออกจากตำแหน่งผู้บัญชากองทัพสหประชาชาติในเกาหลีไปด้วย หลังจากที่สหรัฐถูกจีนโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว แม็คอาเธอร์ก็ถูกโบยเรื่องนี้ไปเต็มๆ ทั้งๆที่ท่านก็บอกแล้วว่าจีนแดงอยุ่แถวนั้นเต็มไปหมด แต่เมื่อท่านกลับประเทศก็ได้รับการยกย่องเป็นวีรบุรุษอยู่ดี ในฐานะผู้คิดแผนบุกอินซอนช่วยให้เกาหลีใต้รอดจากเงื้อมมือของเกาหลีเหนือมาได้นั้นเอง
แต่ผมว่าไม่ใช้น่ะดีแล้ว เพราะมันเป็นเหมือนการประกาศสงครามนิวเคลียร์เลยทีเดียว