หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


มังกรตอกมะกัน อย่ายุ่ง! กรณีพิพาทกับยุ่น

โดยคุณ : ocean เมื่อวันที่ : 04/11/2010 09:36:01

ในภาพ(ซ้าย) นายหม่า เจาซี่ว์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน และ(ขวา) นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ

       เอเอฟพี - รัฐบาลจีนแถลงวันอังคาร (2 พ.ย.) ว่า เหตุกรณีพิพาทบริเวณน่านน้ำแถบหมู่เกาะในทะเลจีนตะวันออก เป็นปัญหาระหว่างจีนกับญี่ปุ่นเท่านั้น พร้อมปฏิเสธข้อเสนอการหารือไตรภาคีของมะกัน
       
       เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้แถลงระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ว่า
       “สหรัฐฯจะเป็นเจ้าภาพการหารือไตรภาคี เพื่อบรรเทาความขัดแย้งระหว่างจีนกับญี่ปุ่น โดยจะนำญี่ปุ่นกับจีน พร้อมทั้งรัฐมนตรีต่างประเทศของทั้งสองฝ่าย เข้ามาหารือประเด็นดังกล่าวร่วมกัน”
       ขณะที่จีนได้แสดงท่าทีคัดค้านต่อข้อเสนอดังกล่าว
       
       หลังจากมีท่าทีปฏิเสธจากจีน นางฮิลลารีก็ตอบกลับอย่างฉุนเฉียวในวันนี้ (2 พ.ย.) ว่า “หมู่เกาะเตี้ยวอี๋ว์ ก็อยู่ในความดูแลร่วมกันของสหรัฐฯและญี่ปุ่นด้วย”
       
       อย่างไรก็ตาม นายหม่า เจาซี่ว์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศ ของจีน ก็ออกมาแถลงตอบกลับว่า สหรัฐฯ ควรจะวางตัวอยู่ในตำแหน่งที่สมควร กรณีพิพาทบริเวณหมู่เกาะเตี้ยวอี๋ว์ เป็นเรื่องระหว่างจีนกับญี่ปุ่นเท่านั้น
       
       “ผมต้องการเน้นย้ำว่า นี่เป็นเพียงความคิดของสหรัฐฯเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น และจีนเห็นว่าควรใช้หลักความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อส่งเสริมสันติภาพและการพัฒนาในภูมิภาคนี้”
       
       สืบเนื่องจากเหตุเรือประมงจีนชนเรือตรวจการณ์ญี่ปุ่น แม้ว่าไต้ก๋งเรือประมงจีนได้รับการปล่อยตัว แต่จีนก็ยังคงขุ่นข้องหมองใจ โดยยกเลิกการพบปะกับผู้นำญี่ปุ่น อีกทั้งยืนกรานว่า การจับกุมไต้ก๋งเรือ เป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมายและไม่สมเหตุสมผล
       
       นายหง เล่ย โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน ได้กล่าวในงานแถลงข่าวช่วงเย็นวันนี้ (2 พ.ย.)ว่า
       จีนให้เกียรติความสัมพันธ์กับญี่ปุ่น...เราหวังว่าญี่ปุ่นจะยอมพบกันครึ่งทาง และช่วยกันพัฒนาความสัมพันธ์อย่างจริงใจต่อกัน
       
       ทั้งนี้ จีนและญี่ปุ่นต่างอ้างอธิปไตยเหนือหมู่เกาะซึ่งเต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติในทะเลจีนตะวันออก ซึ่งมีชื่อภาษาจีนว่า “เตี้ยวอี๋ว์” แต่รู้จักกันในหมู่ชาวญี่ปุ่นว่า “เซ็นกากุ” ขณะที่ ไต้หวันก็อ้างสิทธิ์เช่นเดียวกัน
       
       เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา สภานิติบัญญัติญี่ปุ่นได้แถลงว่า วีดีโอที่บันทึกเหตุการณ์เรือประมงจีนชนเรือเรือตรวจการณ์ญี่ปุ่น ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เรือประมงจีนควรถูกตำหนิ ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นาโอโตะ คัง ได้ออกมาย้ำว่า “หมู่เกาะเตี้ยวอี๋ว์เป็นของญี่ปุ่น”
       
       ไม่กี่วันที่ผ่านมา สื่อทางการจีนได้กระพือกระแสต่อต้านญี่ปุ่น โดยตำหนินายเซอิจิ มาเอฮาระ รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ว่า เป็นคน “หัวรุนแรง” และ “คลั่งชาติ”
       
       หนังสือพิมพ์โกลบอล ไทม์ส รายงาน
       “ขณะนี้ลัทธิชาตินิยมกำลังระบาดในเอเชีย ข้อพิพาทเกี่ยวกับหมู่เกาะเล็กๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกอาจทำให้ประเทศในเอเชียตะวันออกยุติความร่วมมือและหันมาเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน”

ที่มา ผู้จัดการ http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9530000154697





ความคิดเห็นที่ 1


ไม่รู้ว่า พี่กัน จะข้ามน้ำข้ามทะเล มาหาเรื่องชาวบ้านเขาทำไมหนอ.......

โดยคุณ ecos เมื่อวันที่ 02/11/2010 23:16:28


ความคิดเห็นที่ 2


มะกันนี่ครับสทร.อยู่แล้ว (แส่ทุกเรื่อง)

จะเห็นว่ามะกันเริ่มเข้ามาป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆเอเชียเราอีกแล้ว เอาอัฟกานิสถานกับอิรักให้รอดก่อนเถอะพ่อคุณเอ้ย

โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 02/11/2010 23:59:47


ความคิดเห็นที่ 3


ตำรวจโลกก็งี้แหละจ๊ะ เขาคิดว่าเขาเป็นนะ ไม่รู้ใครยกให้เป็นตำรวจโลก หรือเขาคิดไปเอง 55+

โดยคุณ KoHZaNoVSkI เมื่อวันที่ 03/11/2010 00:48:42


ความคิดเห็นที่ 4


สาเหตุนี้หรือเปล่า ที่ญี่ปุ่นอยากเพิ่มเรือดำน้ำ และศักยาภาพทางทะเลพวกเรือรบต่างๆ (มีข่าวต่อต้านฐานทัพอเมริกันตลอดต่อเนื่องแต่ไม่เป็นข่าว) และหรือญี่ปุ่นเองก็อยากทดลองขีปนาวุธของตนเองบ้าง

สาเหตุนี้หรือเปล่าที่จีนทดลองยิงขีปนาวุธบ่อยๆระยะหลัง

สาเหตุทางทะเลนี้ จะช่วยอเมริกาขายของได้เพิ่มขึ้น ในย่านนี้หรือไม่ 

สาเหตุที่จะตามมาหลายๆเรื่อง เมื่อจีนรู้ว่าจะเกิด เหมือนญี่ปุ่นเห็นว่าหลีกเลี่ยงได้ไม่นาน

ข้าวเหนียวกับปลาเค็ม คงมีราคาแพงมากขึ้นแน่ๆ

โดยคุณ tik เมื่อวันที่ 03/11/2010 01:52:20


ความคิดเห็นที่ 5


อีกสาเหตุหนึ่งที่มีคือ ตอนนหลังๆประเทศแถบๆนี้หลายประเทศเริ่ม กังวลในการที่จีนจะเริ่มแผ่อำนาจและอิทธิพล เลยต้องหาประเทศมาเป็นพันธมิตรเพิ่มเติมจะเห็นว่าเวียดนาม จะเหมารวมทั้งสหรัฐและรัสเซียเข้ามาเป็นพันธมิตร ถ้าผมเป็น สหรัฐผมก็ทำตามนี้ทันทีเพราะจะเป็นการรักษาอิทธิพลในพื้นที่ภูมิภาคนี้ด้วย เพราะตอนหลังๆอิทธิพลเริ่มลดน้อยลงจากสาเหตุหลายๆประการครับ

 

ป.ล. ไทยควรวางตัวเป็นกลางและอยู่เฉยดีที่สุดครับในเรื่องนี้

โดยคุณ nok เมื่อวันที่ 03/11/2010 04:13:32


ความคิดเห็นที่ 6


^

^

^

ต่อจากข้างบน

เวียดนามยันฟื้นฐานทัพเก่าสหรัฐฯ ให้เรือรบต่างชาติไปใช้ได้


ภาพรอยเตอร์ 26 ก.ค.2553 เครื่องบินรบเอฟ-18 "ซูเปอร์ฮอร์เน็ต" ทะยานขึ้นจากเรือจอร์จ วอชิงตัน ซึ่งเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินชั้นนิมิตซ์ (Nimitz Class) ระหว่างการซ้อมรบในทะเลเกาหลี หลังจากเกาหลีเหนือประกาศทำ "สงครามศักดิ์สิทธิ์" กับสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ ก่อนหน้านั้นเรือจอร์ วอชิงตัน ได้แวะจอดเยี่ยมเยือนนครด่าหนัง (Danang) ในภาคกลางเวียดนาม อีก 3 ปีข้างหน้าเรือรบและเรือสินค้าของทุกประเทศ จะแวะไปใช้บริการท่าเรือแห่งใหม่ที่อ่าวกามแรง (Cam Ranh) ได้
       
ASTVผู้จัดการออนไลน์ --- รัฐมนตรีกลาโหมเวียดนาม พล.ท.อาวุโส งกวางแทง (Phung Quang Thanh) กล่าวว่า กำลังจะมีการฟื้นฟูฐานทัพเรือที่อ่าวกามแรง ขึ้นมาใช้การอีกครั้ง แต่ด้วยความประสงค์เพื่อให้เป็นแหล่งแวะจอดพัก หรือซ่อมแซมของเรือรบและเรือสินค้านานาชาติที่ผ่านเข้าไปในแถบนั้น รวมทั้งเรือของเวียดนามเองด้วย โดยเก็บค่าบริการ
       
       อย่างไรก็ตาม ฐานทัพเรือของเวียดนามจะไม่ได้อยู่ที่อ่าวแห่งนั้น ฐานทัพเรือที่ฟื้นขึ้นมาใหม่จึงไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อจะนำกลับไปใช้เป็นฐานที่ตั้งทางทหารของเวียดนามอีก
       
       ฐานทัพเรืออ่าวกามแรง (Cam Ranh) หรือ ที่ชาวไทยเคยรู้จักในชื่อ “คัมรานห์” ในอดีต สร้างโดยกองทัพสหรัฐฯ ในช่วงสงครามเวียดนาม ในปี 2522 หรือ 4 ปีหลังสหรัฐฯ ถอนตัวจากสงคราม อดีตสหภาพโซเวียตได้เซ็นสัญญาเช่าเป็นเวลา 25 ปี กลายเป็นฐานทัพในเอเชียแปซิฟิกที่ใหญ่ที่สุดของอดีตอภิมหาอำนาจค่ายคอมมิวนิสต์ ถัดจากที่วลาดิวอสต็อก
       
       สหพันธรัฐรัสเซีย หรือสหภาพโซเวียต ที่ล่มสลายแล้ว ได้เลิกใช้ฐานทัพดังกล่าวในปี 2545 ขณะที่สัญญาเช่ายังเหลืออยู่อีก 2 ปี ด้วยปัญหาทางการเงิน โดยมีการแถลงว่าไม่มีความจำเป็นจะต้องใช้อีก
       
       รมว.กลาโหมเวียดนาม กล่าวว่าอีกว่า ฐานทัพที่จะฟื้นขึ้นมานี้ ทั้งเรือบรรทุกเครื่องบินและ เรือดำน้ำของนานาชาติจะสามารถเข้าไปใช้งานได้เช่นเดียวกันกับ เรือดำน้ำและเรือรบของเวียดนามเอง กามแรงกำลังจะเป็นแหล่งสนับสนุนทางเท็คนิคขนาดเล็กและขนาดกลาง
       
       มีการยืนยันเกี่ยวแผนการนี้จากฝ่ายเวียดนามเองเป็นครั้งแรก ในวันเสาร์ (30 ต.ค.) ที่ผ่านมา โดยนายกรัฐมนตรีเวียดนาม เหวียนเติ๋นยวุ๋ง (Nguyen Tan Dung)
       
       พล.อ.แทง กล่าวว่า เวียดนามมีแผนการที่จะว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาจากรัสเซีย และ ใช้เครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งเทคโนโลยีจากรัสเซีย แต่เวียดนามจะก่อสร้างและบริหารจัดการเองทั้งหมด โดยจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปี ทั้งนี้เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋ (Tuoi Tre)
       
       สหรัฐฯ เคยกล่าวว่า กามแรงเป็นฐานทัพเรือน้ำลึกที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่ใน จ.แค๊งฮวา (Khanh Hoa) ในภาคกลางตอนล่าง อยู่ใกล้เส้นทางเดินเรือนานาชาติ ในทะเลจีนใต้ (ทะเลตะวันออก)
       
       การยืนยันของ รมว.กลาโหมเวียดนาม ยังตอบความสงสัยของผู้คนที่มีต่อรายงานของสื่อในรัสเซียเองและสื่อตะวันตกต่างๆ ที่ระบุว่า รัสเซียกำลังจะช่วยเวียดนามฟื้นฟูฐานทัพเรือกามแรง ขึ้นมาใช้งานอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเรือรบของรัสเซียจะสามารถใช้ที่นั่นได้ ขณะที่เวียดนามเคยปฏิเสธเรื่องนี้มาตลอดเช่นกัน
       
       ความเคลื่อนไหวต่างๆ เหล่านี้ยังมีขึ้นขณะที่ กรณีพิพาทเกี่ยวกับหมู่เกาะใน “ทะเลตะวันออก” ระหว่างเวียดนามกับจีน และอีกหลายประเทศ มีความตึงเครียดยิ่งขึ้น ที่ประชุมผู้นำกลุ่มเอเชียตะวันออก 16 ประเทศในกรุงฮานอยสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ต่างแสดงความกังวลต่อเรื่องนี้


ภาพเอเอฟพี 12 ต.ค.2553 พลโทอาวุโสฟุงกวางแทง (Phung Quang Thanh) ถูกห้อมล้อมด้วยผู้สื่อข่าวระหว่างการประชุมรัฐมนตรีกลาโหม "อาเซียนพลัส" ในกรุงฮานอย รัฐมนตรีกลาโหมเวียดนามยืนยันในวันจันทร์ (1 พ.ย.) ที่ผ่านมา แผนการฟื้นฟูฐานทัพเก่าสหรัฐฯ-โซเวียต ที่อ่าวกามแรง (Cam Ranh) กลับมาใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ โดยจะใช้เวลาก่อสร้างไม่เกิน 3 ปี
       


ภาพจากกูเกิลเอิร์ธ แสดงที่ตั้งของอ่างกามแรง (Cam Ranh) ที่มีลักษณะเป็น "อ่าวปิด" ที่นี่เคยเป็นฐานทัพเรือใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของทั้งสหรัฐฯ และอดีตสหภาพโซเวียต เวียดนามกำลังจะฟื้นฟูเพื่อนำกลับมาใช้งานอีกครั้งหนึ่ง ให้เป็นฐานซ่อมบำรุงของเรือทุกชนิด ตั้งแต่เรือบรรทุกเครื่องบินจนถึงเรือสินค้าทั่วไป โดยเก็บค่าบริการ
       


ภาพถ่ายทางอากาศแสดงให้เห็นอ่าวกามแรง (Cam Ranh) หรือ "คัมรานห์" ที่คนไทยเคยรู้จัก ที่นี่เคยเป็นฐานทัพเรือใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของทั้งสหรัฐฯ และอดีตสหภาพโซเวียต เวียดนามกำลังจะฟื้นฟูเพื่อนำกลับมาใช้งานอีกครั้งหนึ่ง ให้เป็นฐานซ่อมบำรุงของเรือทุกชนิด ตั้งแต่เรือบรรทุกเครื่องบินจนถึงเรือสินค้าทั่วไป โดยเก็บค่าบริการ
http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9530000155152
โดยคุณ ocean เมื่อวันที่ 03/11/2010 07:51:07


ความคิดเห็นที่ 7


อ้าว เจอข่าวที่เพิ่งโพสต์ไปที่นี่ด้วย งั้นของแก้ตัวด้วยข่าวนี้นะครับ

ทะเลจีนใต้เดือดปุด จีนซ้อมรบใหญ่ ส่งสัญญาณเตือนสหรัฐฯ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 พฤศจิกายน 2553 05:09 น.

ภาพจาก CDRSalamander.bogspot.com ซึ่งไม่ได้ระบุวันที่ถ่าย เป็นนาวิกโยธินจีนในชุดพรางขณะฝึกซ้อมการรบที่ไม่ได้ระบุชื่อรหัส กองกำลังนาวิกโยธินจีนราว 1,800 นาย กำลังซ้อมรบในทะเลจีนใต้สัปดาห์นี้ ซึ่งสื่อของทางการกล่าวว่ามีการระดมเรือดำน้ำ เรือรบต่างๆ และเครื่องบินรบเข้าร่วมอย่างน้อย 100 ลำ ทะเลแห่งนี้เป็นเวทีแห่งความขัดแย้งระหว่างจีนกับอีกหลายประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวียดนาม
       
ASTVผู้จัดการออนไลน์-- กองนาวิกโยธิน แห่งกองทัพปลดแอกประชาชนจีน เริ่มการซ้อมรบในทะเลจีนใต้ตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งแม้จะมีการเชิญตัวแทนจากกว่า 40 ประเทศเข้าร่วม แต่สิ่งนี้ก็มีขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งในทะเลที่เป็นเส้นทางเดือนเรือสำคัญของโลกแห่งนี้
       
       ผู้เชี่ยวชาญในกรุงปักกิ่งกล่าวว่า งานนี้เป็นสัญญาณเตือนถึง "ผู้ที่เข้ามายุ่งเกี่ยวแทรกแซงในทะเลจีนใต้" เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งหมายความโดยตรงถึงสหรัฐฯ
       
       ตามรายงานของสำนักข่าวซินหัว การซ้อมรบประจำปีที่ใช้ชื่อรหัส "เจี่ยวหลง-2010" (Jiaolong-2010) จะมีเรือรบ เครื่องบินรบ เรือดำนำและยานอื่นๆ อีกอย่างน้อย 100 ลำ เข้าร่วมด้วย พร้อมกับนาวิกโยธินราว 1,800 นาย
       
       นอกจากนั้นยังมีนักศึกษาวิชาการทหารกว่า 200 คนจาก 40 ประเทศและดินแดน เข้าร่วมสังเกตการณ์การซ้อมรบซึ่งจะมีปฏิบัติการโจมตี และยิงด้วยอาวุธจริง นักศึกษาเหล่านั้นจะมีโอกาสสอบถามและปรึกษากับบรรดาผู้บัญชาการในการซ้อมรบด้วย สำนักข่าวของทางการกล่าว
       
       "โดยพื้นฐานแล้วการซ้อมรบครั้งนี้เป็นงานประจำอยู่แล้ว แต่ก็มีขึ้นในสถานการณ์สู้รบที่เป็นปัจจุบันในทะเลจีนใต้" นายหลี่เจี้ย (Li Jie) ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการทัพเรือในกรุงปักกิ่ง กล่าวกับ "โกลบอลไทมส์" ซึ่งเป็นสื่อของรัฐบาล
       
       นักวิเคราะห์กล่าวว่าการแสดงขีดความสามารถทางทหารครั้งนี้ ได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นกังวลของจีนในพื้นที่ที่เคยเป็นเขตแดนพิพาทกับประเทศต่างๆ
       
       "มันไม่ได้เป็นสัญญาณพิเศษใดๆ แต่เราเลือกอาณาบริเวณแห่งนี้เป็นที่แสดงความเข้มแข็งและขีดความสามารถทางด้านกองทัพเรือของเรา" นายหลี่กล่าว
       
       "มีบางประเทศได้เข้าแทรกแซงในทะเลจีนใต้ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เข้ามาร่วมซ้อมรบกับประเทศเพื่อนบ้านของเรา ดังนั้นมันจึงเป็นเวลาที่เราจะต้องแสดงการต่อต้านการแทรกแซงเหล่านี้ด้วยการเมืองแห่งอำนาจ" ผู้เชี่ยวชาญคนเดียวกันกล่าว
       
       ทะเลจีนใต้เป็นเขตแดนพิพาทระหว่างเวียดนามกับจีนที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ นอกจากจากนั้นยังมีประเทศสมาชิกกลุ่มอาเซียนอื่นๆ ที่กล่าวอ้างอธิปไตยเหนือดินแดนและเกาะบางเกา คือ มาเลเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์ รวมทั้งที่อยู่นอกกลุ่มคือ ไต้หวัน
       
       สหรัฐฯ ซึ่งได้ให้ความสำคัญกับประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกครั้งหนึ่ง ตามนโยบายใหม่ของรัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้แสดงความห่วงใยต่อความขัดแย้งดังกล่าว เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของบริษัทของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้
       
       นางฮิลลารี คลินตัน ได้เรียกร้องมาหลายครั้งให้แก้ไขกรณีพิพาทในทะเลจีนใต้ด้วยสันติวิธีและ โดยการเข้าร่วมของหลายฝ่าย อันเป็นข้อเรียกร้องที่ฝ่ายจีนบอกปัดปฏิเสธมาโดยตลอด และ ขอให้สหรัฐฯ เลิกยุ่งกับเรื่องต่างๆ ในภูมิภาคนี้
       
       การซ้อมรบใหญ่ของจีนยังมีขึ้นหลังการประชุมผู้นำกลุ่มเอเชียตะวันออก 16 ประเทศที่จัดขึ้นในกรุงฮานอยสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีจีน นายเวินเจียเป่า (Wen Jiabao) เข้าร่วมด้วย หลายฝ่ายได้แสดงความวิตกต่อความขัดแย้งในทะเลแห่งนี้ รวมทั้งความบาดหมางระหว่างญี่ปุ่นกับจีนที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข
       
       การซ้อมรบยังมีขึ้นในช่วงเดียวกันกับที่เวียดนามประกาศฟื้นฟูฐานทัพเก่าของสหรัฐฯ ในอ่าวกามแรง (Cam Ranh) กลับมาใช้งานอีกครั้งหนึ่งภายใน 3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะอนุญาตให้เรือรบ รวมทั้งเรือบรรทุกเครื่องบิน ตลอดจนเรือสินค้าของทุกประเทศ สามารถแวะจอดเพื่อการซ่อมบำรุงได้ โดยจะต้องเสียค่าบริการ.
http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9530000155469
โดยคุณ che เมื่อวันที่ 03/11/2010 22:36:05