เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯมีแผนการที่จะเพิ่มบทบาททางการทหารในทั่วทั้งเอเชีย โดยที่การขยายสายสัมพันธ์ซึ่งมีอยู่กองทัพออสเตรเลีย จะเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามดังกล่าวนี้ รอเบิร์ต เกตส์ นายใหญ่เพนตากอนแถลงเมื่อวันเสาร์(6) ก่อนหน้าที่จะมีการประชุมร่วมระหว่างรัฐมนตรีกลาโหมและต่างประเทศของแดน อินทรีและแดนจิงโจ้วันพรุ่งนี้ (8)
เกตส์กล่าวกับบรรดานักข่าวเมื่อวันเสาร์ บนเครื่องบินที่พาคณะของเขามายังออสเตรเลีย ก่อนที่เครื่องจะร่อนลงจอดที่นครเมลเบิร์น โดยรัฐมนตรีกลาโหมอเมริกันผู้นี้ย้ำว่า การเสริมสร้างความร่วมมือด้านกลาโหมกับออสเตรเลีย จะเป็นการเพิ่มพูนความเข้มแข็งให้แก่ความพยายามของสหรัฐฯที่จะขยายบทบาททาง การทหารออกไปทั่วภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
“เรากำลังมองหาหนทางที่จะเสริมความเข้มแข็ง และบางทีกระทั่งเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่การปรากฏตัวของเราในเอเชีย” เกตส์บอก โดยอ้างอิงถึงรายงานการศึกษาทบทวนของเพนตากอนฉบับหนึ่ง ซึ่งว่าด้วยเรื่องการจัดสรรกำลังทหารอเมริกันไปประจำในทั่วโลก
เกตส์กล่าวว่า ระหว่างการประชุมประจำปีรัฐมนตรีกลาโหม-ต่างประเทศของสหรัฐฯ-ออสเตรเลียที่ เมลเบิร์นคราวนี้ ทั้งสองฝ่ายจะหารือเพิ่มความผูกพันกันทางการทหาร ตลอดจนการร่วมมือกันในด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์, การป้องกันขีปนาวุธ, และ “การตรวจการณ์เฝ้าระวังอวกาศ”
แต่เขาก็พูดด้วยว่า ไม่มีแผนการใดๆ ที่จะจัดตั้งฐานทัพสหรัฐฯแห่งใหม่ๆ ขึ้นมา ไม่ว่าจะในออสเตรเลียหรือในที่อื่นๆ ในเอเชีย-แปซิฟิก
กระนั้นก็ตาม การประชุมคราวนี้ก็บังเกิดขึ้นในขณะที่กำลังเกิดความวิตกกังวลกันเกี่ยวกับ จุดยืนที่แข็งกร้าวยิ่งขึ้นของจีน ตลอดจนแสนยานุภาพทางนาวีที่เพิ่มมากขึ้นของแดนมังกร โดยที่มีบางชาติเอเชียกำลังหันมาหาวอชิงตันเพื่อขอการสนับสนุน
นายกรัฐมนตรี จูเลีย กิลลาร์ด ของออสเตรเลีย ได้บอกกับสถานีโทรทัศน์ในแดนจิงโจ้แห่งหนึ่งเมื่อวานนี้เองว่า ประเด็นเรื่องบทบาทของจีนจะเป็นวาระที่ทรงความสำคัญในการประชุมระหว่างแดน จิงโจ้กับแดนอินทรีคราวนี้ โดยที่ประเทศทั้งสองต่างหวังว่า จีนจะสามารถแสดงบทบาทเป็น “พลังเพื่อคุณความดี” พลังหนึ่งของโลก
“ดิฉันคิดว่าเราจะได้พูดจากันเกี่ยวกับเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ของ ภูมิภาคของเรา ซึ่งแน่นอนล่ะนั่นหมายถึงว่าเรากำลังจะพูดจากันในเรื่องการผงาดขึ้นมาของจีน และจากการที่จีนผงาดขึ้นมา จีนกำลังจะแสดงตนเป็นพลังประเภทไหนในโลกของเรา” กิลลาร์ดกล่าว “ดิฉันเชื่อว่าเรามีทัศนะมุมมองร่วมกันกับสหรัฐฯ นั่นคือเราต้องการให้จีนเป็นพลังเพื่อคุณความดี เป็นพลังที่เข้าเกี่ยวพันอย่างเข้มแข็งในการจัดวางเรื่องต่างๆ ทั้งในระดับโลกและระดับภูมิภาค เข้าเกี่ยวพันอย่างเข้มแข็งในกรอบโครงใหญ่ที่อิงอยู่กับกฎระเบียบอันชัดเจน”
ทางด้านรัฐมนตรีกลาโหม สตีเฟน สมิธ ก็กล่าวกับสถานีโทรทัศน์เอบีซี ของแดนจิงโจ้ว่า จีนสามารถผงาดเด่นขึ้นมาด้วยความรวดเร็วกว่าและด้วยความแข็งแกร่งกว่าที่เคย คาดหมายกันเอาไว้ พร้อมกับย้ำว่า แดนมังกรจำเป็นต้องแสดงตนอย่างเปิดกว้างโปร่งใส่ เกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของตน ในขณะที่จีน “บดบัง” แสนยานุภาพทางทหารของสหรัฐฯ
“เราได้ชี้ให้เห็นถึงจุดนี้แก่ฝ่ายจีน ทั้งในทางส่วนตัวและในทางเปิดเผย นั่นคือยุทธศาสตร์ทางการทหารของจีนจำเป็นที่จะต้องมีความโปร่งใส” สมิธบอก
อย่างไรก็ดี ในการแถลงของเกตส์ เขายืนยันว่าแผนการของสหรัฐฯในภูมิภาคแถบนี้ไม่ใช่สิ่งที่กำหนดจัดวางขึ้นมา เพื่อมุ่งเป็นการถ่วงดุลจีน
“นี่ไม่ใช่เป็นเรื่องเกี่ยวกับจีนเลย” เขาบอก พร้อมกับแจกแจงว่าผลประโยชน์ของสหรัฐฯย่อมเรียกร้องให้ต้องมีสายสัมพันธ์ทาง ทหารกับพวกชาติในเอเชีย ทั้งเพื่อต่อสู้กับภัยโจรสลัดในทะเล, เพิ่มพูนความพยายามด้านการต่อต้านการก่อการร้าย, และการจัดหาจัดส่งความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์เพื่อมนุษยธรรมในเวลาเกิดภัย พิบัติทางธรรมชาติ
กระนั้นก็ตาม เป็นที่ทราบกันดีว่าเวลานี้พวกผู้นำทางทหารของสหรัฐฯกำลังพิจารณาที่จะส่ง กำลังทหารเพิ่มมากขึ้น เข้ามายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และมหาสมุทรอินเดีย อาณาบริเวณเหล่านี้มีเส้นทางเดินเรือที่สำคัญอย่างยิ่งยวดระดับโลก ทว่าอยู่ไกลออกไปจากฐานที่ตั้งทางทหารของอเมริกันในเกาหลีใต้และญี่ปุ่น
เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านกลาโหมผู้หนึ่งเผยว่า เพนตากอน “กำลังพิจารณาถึงหนทางที่จะทำให้เราสามารถมั่นใจได้ว่า กองกำลังของเราจะไม่เพียงมุ่งเน้นหนักอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือเท่า นั้น แต่ยังกำลังมองหาช่องทางผ่านทะลุลงไปถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจากนั้นก็เข้าสู่มหาสมุทรอินเดีย โดยที่ส่วนของสภาพแวดล้อมทางความมั่นคงส่วนนี้ กำลังมีความสำคัญเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ”
เจ้าหน้าที่ผู้นี้ซึ่งขอสงวนนาม กล่าวต่อไปว่า ถ้าหากมีการตกลงกันเพื่อให้สหรัฐฯเข้าถึงฐานทัพต่างๆ ของออสเตรเลียได้เพิ่มมากขึ้นแล้ว นั่นย่อมหมายความว่ากองกำลังอเมริกันในแดนจิงโจ้จะต้องเพิ่มจำนวนขึ้น ทว่ายังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าจะเพิ่มขึ้นมาเท่าใดแน่ๆ
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9530000157345
มะกันทำตัวเป็นอันทพาล หรือ ตำรวจโลก มากขึ้นทุกวันๆ แล้ว ตัวเองอยู่อีกทวีปหนึ่ง แต่จะมาขวางอีกประเทศในอีกทวีปหนึ่งไม่ให้ยิ่งใหญ่เท่าตัวเอง มีทหารอยู่ที่โน่นที่นี่ ขวางเค้าไปหมด ดูๆแล้ว มะกันน่ะน่าสงสัยกว่าจีนอีก
อยู่คนละซีกโลกแท้ๆ ยังถ่องสังขาล มาหาเรื่องเขา...เชื่อเขาเลย....
คิดเล่นๆนะครับถ้าอเมริกาโดนแยกประเทศเหมือนโซเวียด
จะยังมีอำนาจเหมือนรัสเซียไหมครับ
ผมว่า ออสซี่อยากร่วมกับ อาเซี่ยนมากกว่า ใกล้กว่าทางนั้นเป็นไหนๆ
และอาเซี่ยนนี่หละจะเชื่อม ออสซี่ไปถึงจีนจนได้
แต่ก็ต้องทำตาปริบๆ รอความเห็นชอบ จากสหราชอาณาจักรอีกทีนึง ตัดกันไม่ขาดหรอกเป็นญาติกันนะตัวเอง...
มั่วอีกแล้วครับท่าน
ทำได้แค่นี้แหละครับ ประเทศไหนเมืองไหนมีน้องนุกในครอบครอง พี่แกก็ไม่กล้าแหยมหรอกดีแต่เต้นแร้งเต้นกาไปแล้วก็ส่งเสียงขู่ฟ้อๆ ขู่มากๆเขากลัวซะที่ไหน ขึ้นชื่อว่า usa จะมากอดคอกันตายกับชาติอื่นคงยาก ก็มีตัวอย่างอยู่นี่นะ แวะเขมร แล้วไป มาเล เราเป็นหมาหัวเน่าหรือป่าว.....