กองกำลังความมั่นคงซาอุดีอาระเบียเข้าร่วมพิธีสวนสนาม เพื่อแสดงความพร้อมในการรักษาความปลอดภัยพิธีฮัจญ์

       

       เอเอฟพี - รัฐมนตรีมหาดไทยซาอุดีอาระเบียแถลงเมื่อวานนี้ (10) ว่าไม่มีทางเพิกเฉยต่อความพยายามต่างๆ ของกลุ่มอัลกออิดะห์ที่อาจก่อเหตุไม่สงบระหว่างการแสวงบุญในพิธีฮัจญ์ประจำ ปี 2010 ซึ่งจะเริ่มต้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้
       
       “เราไม่ไว้ใจพวกอัลกออิดะห์ และจะไม่มองข้ามความพยายามต่างๆ ในการก่อกวนความสงบในพิธีฮัจญ์” เจ้าชายนาเยฟ บิน อับดุล อาซิส กล่าวตอบนักข่าวหลังจากได้รับคำถามเกี่ยวกับการคุกคามที่อาจเกิดขึ้นระหว่าง ประกอบพิธีฮัจญ์
       
       “เราพร้อมรับมือทุกอย่างที่อาจเกิดขึ้นด้วยพระประสงค์ของพระเจ้า การก่อเหตุทำนองนั้นถือว่าไม่ให้ความเคารพต่อพิธีฮัจญ์” เจ้าชายแห่งซาอุดีอาระเบียผู้ดำรงรัฐมนตรีมหาดไทยท่านนี้ กล่าวระหว่างการแถลงข่าว หลังการสวนสนามของกองกำลังรักษาความมั่นคง และกองกำลังพลเรือน เพื่อเตรียมความพร้อม การรักษาความปลอดภัยให้กับชาวมุสลิมชาวทั่วโลก ผู้เดินทางมาประกอบพิธีฮัจญ์
       
       ศาสนพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีกำหนดระยะเวลา 5 วันนี้จะเริ่มขึ้นในช่วงกลางเดือนซุลฮิจญะ โดยในปีนี้ตรงกับวันที่ 14 พฤศจิกายน
       
       กลุ่มอัลกออิดะห์ก่อเหตุลอบสังหารและวางระเบิดไปทั่วซาอุดีอาระเบียในช่วงปี 2003-2006 นำมาซึ่งการตอบโต้อย่างรุนแรงของทางการ
       
       สมาชิกกลุ่มหัวรุนแรงดังกล่าวจำนวนหลายพันคนถูกจับกุม แต่คาดว่ามีอีกหลายร้อยรายที่สามารถหลบหนีออกนอกประเทศได้
       
       เมื่อปีที่แล้ว ทางการซาอุดีอาระเบียสามารถยับยั้งความพยายามก่อความไม่สงบของกลุ่มอัลกออิ ดะห์ ในพื้นที่คาบสมุทรอาระเบีย ซึ่งเป็นเขตชายแดนติดกับเยเมนได้หลายต่อหลายครั้ง นอกจากนี้ยังเป็นที่รู้กันดีว่าชาวซาอุดีอาระเบียเองจำนวนมากมีส่วนเกี่ยว ข้องกับกลุ่มอัลกออิดะห์ในเยเมน
       
       กองกำลังความมั่นคงของซาอุดีอาระเบีย และเยเมน ประกาศสนธิกำลังกันเมื่อมกราคม 2009 เนื่องจากมีรายงานจากหน่วยข่าวกรองเตือนออกมาว่า เยเมนกลายเป็นแหล่งซ่องสุมกำลังครั้งใหม่ของบรรดาสมาชิกอัลกออิดะห์ตัวเอ้
       
       อนึ่ง ในการประกอบพิธีฮัจญ์เมื่อปีที่แล้วยังถือเป็นการรำลึกถึงวันครบรอบ 30 ปีเหตุการณ์โจมตีของกลุ่มหัวรุนแรงครั้งร้ายแรงที่สุด ในประวัติศาสตร์ซาอุดีอาระเบีย โดยเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 1979 กลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงกลุ่มหนึ่งบุกยึดมัสยิดศักดิ์สิทธิ์กลางนครเมกกะเป็น เวลากว่า 2 สัปดาห์
       
       ผู้ก่อเหตุครั้งนั้นทั้งหมดถูกสังหารในการปะทะกับเจ้าหน้ที่ หรือไม่ก็ถูกจับตัวและตัดสินโทษประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะต่อหน้าสาธารณชน
       ภาพการสวนสนามของกองกำลังความมั่นคงซาอุดีอาระเบีย

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9530000159516