หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


เยอรมันสร้างระเบิดปรมณูก่อนอเมริกา

โดยคุณ : nathekop เมื่อวันที่ : 26/11/2010 06:52:23

ถ้าเฮฟวี่วอเตอร์ตามสารคดีทางtv. บอกว่าคือระเบิดปรมณูที่ทางเยอรมันสร้างถ้าจริงหมายความว่าไอสตายไม่ใช่คนค้นพบคนแรกสิครับ ผู้รู้ช่วยทีครับ ขอบคุณครับ





ความคิดเห็นที่ 1


เท่าที่เคยอ่านๆมานะครับ เยอรมันเองมีโครงการนิวเคลียร์ตั้งแต่ก่อนอเมริกาจะมาเริ่มตื่นตัวเอาภายหลัง ถ้าจำไม่ผิดฮิตเลอร์ถามดร.ของเยอรมัน ดร.บอกว่าไม่มีทางที่ประเทศไหนจะผลิตปรมาณูทันใช้ในสงครามโลกครั้งนี้แน่นอน ทำให้ฮิตเลอร์สั่งให้ยุติโครงการสร้างไป แต่อเมริกันทำสำเร็จจากการได้นักวิทยาศาสตร์ชาวยิวที่หลบหนีจากนาซีเยอรมัน และจากการอัดฉีดงบประมาณและเร่งงาน แต่เยอรมันก็แพ้ไปเสียก่อนแล้วหวยเลยไปลงที่ญี่ปุ่น...

ไม่รับรองความถูกต้องนะครับ รอท่านผู้รู้อีกที

โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 20/11/2010 04:21:54


ความคิดเห็นที่ 2


ถูก ต้องแล้วครับ....เยอรมันสร้างปรมณู ได้ก่อนอเมริกาครับแต่ไม่ไม่สมบูรณ์พอเพราะว่าหัวใจหลักของทฤษฎีนี้ไม่ได้ อยู่ฝ่ายเยอรมันครับ เขา คือ...ไอนส์ไตน์ นั้นเอง เจ้าของทฤษฎีสัมพัทธภาพที่นำมาสู่ปรมณู
ไอนส์ไตน์โอนสัญชาติจากเยอรมันมาเป็นอเมริกาครับ เพราะว่าเยอรมันฆ่าชาวยิว ซึ่งไอนส์ไตน์มีเชื้อสายยิวอยู่ครับ จึงโอนสัญชาติมาเป็นอเมริกา เพื่อมาช่วยอเมริกาสร้างระเบิดปรมณูให้ได้ก่อนเยอรมันครับ
ซึ่งเยอรมันนั้นมีแผนจะสร้างปรมณูนานแล้ว แต่เพราะว่าเจ้าหน้าที่ไม่เข้าใจทฤษฎีของไอนส์ไตน์เลยครับ
ปรมณูของเยอรมันจึงไม่เพอร์เฟ็คซักที กลับเป็นอเมริกาที่ทำได้ก่อนแบบใจหายใจคว่ำ (เพราะเมกาก็กลัวเยอรมันทำได้ก่อนเหมือนกัน) เพราะมีมือดีพี่ไอนส์ไตน์ช่วยอธิบายทฤษฎีให้ฟังครับ...

ขออธิบายยาวๆ นะครับ (เพิ่มความรู้นิดๆ)

สมการ ระเบิดปรมณูอันลือชื่อก้องโลกนั้นก็คือ E=MC2 ซึ่งจริงๆ แล้วถ้าเราไปถามนักฟิสิกส์หลายๆ คนดูเขาจะตอบว่า คนที่คิดสมการ E=MC2 คนแรกนั้นไม่ใช้ไอนส์ไตน์ครับ!!!! แต่เป็น ไอน์เซนเบิร์ก สุดยอดนักคณิตศาสตร์ชาวเยอรมัน (ผมว่าพอๆ กับไอนส์ไตน์เลยนนะครับ) คิดได้ก่อนไอนส์ไตน์ได้ไม่นานครับ แล้วไอน์เซนเบิร์กรู้ทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์ได้ไง จึงได้คิดสมการ E=MC2 ของทฤษฎีสัมพัทธภาพได้...เพราะว่า ไอนส์ไตน์กับไอน์เซนเบิร์กนั้นเป็นเพื่อนเก่ากันครับ ซึ่งตอนเด็กๆ นั้นไอนส์ไตน์โง่มาก (พูดตรงๆ) โง่มากในวิชาคณิตศาสตร์ แล้วทฤษฎีของเขาจะทำออกมาเป็นสมการได้
ต้องใช้วิชาคณิตศาสตร์ในการสร้าง สมการ!!! งานเข้าไอนส์ไตน์แล้วครับ เพราะพี่แกไม่เก่งเลขเอาซะเลย (ถ้าใครตอนเรียนมัธยมแล้วไม่เก่งเลขเอาซะเลย ก็อย่าน้อยใจนะครับ เพราะพี่ไอนส์ไตน์ไม่เก่งเลขมาก มากขนาดไหนก็ลองคิดเองดูแล้วกันครับ ถึงขนาดครูไล่เขาออกจากโรงเรียนเพราะเรียนคณิตศาสตร์ไม่ได้เลย) ไอนส์ไตน์จึงเขียนจดหมายไปยังไอน์เซนเบิร์กให้ช่วยถอดสมการอีกแรงหนึ่ง
งาน นี้หมูมากสำหรับไอน์เซนเบิร์ก พี่แกโซโล่คนเดียวใช้เวลาในวันหยุดแก้สมการถอดออกมาได้ E=MC2 แต่เขายกสมการนี้ไให้เป็นของเพื่อนรักอย่างไอนส์ไตน์ครับเพราะเขาเป็นคนคิด เองมาทั้งหมด
เพราะเหตุนี้ครับเยอรมันจึงมีสมการที่ใช้ในการสร้างปรมณู นี้อยู่ครับ แต่ไอน์เซนเบิร์กถอดได้แค่สมการแต่ไม่เข้าใจอย่างลึกซึ้งเพราะไม่ได้คิด ทฤษฎีมาตั้งแต่ตน งานนี้ส่งผลดีต่อพี่เมกาครับ เมการวางโปรเจคทันทีเมื่อไอน์ชส์ไตน์โอนสัญชาติมาเป็นอเมริกาในชื่อโปรเจค ที่เรารู้จักกันดีคือ "โปรเจค แมนฮัดตั่น"
สร้างและทดลองระเบิดปรมณูครับ...

ตลอด เวลาที่เมกาซุ่มสร้้างปรมณู ทหารทุกนาย และเจ้าหน้าที่ทุกนายในกองทัพไม่มีใครเชื่อว่าทฤษฎีของไอนส์ไตนจะเป็นจริง ซึ่งไอนส์ไตน์ได้กล่าวไว้ว่า เมื่ออะตอมของธาตุยูเรเนี่ยมถูกกระตุ้นได้ตรงจุดมันจะปลดปล่อยพลังงานอัน มหาศาลออกมาซึ่งก็คือปรมณูนั้นเอง ไม่มีใครเชื่อครับงานนี้ต้องพิสูจน์
แต่ อเมริกาพิสูจน์ได้ผิดที่ไปหน่อยครับ พี่แกล่อ ฮิโรชิมา กับ นางาซากิ ของญี่ปุ่นเลยครับ...
แล้วผลเป็นอย่างไร....

นัก บินที่ขับเครื่องบิน B-29 ที่จะไปปล่อยปรมณูที่ 2 เมืองของยุ่น และ อีกเครื่องที่ตามไปถ่ายภาพ ก็ยังไ่ม่เชื่อเลยว่า ปรมณูจะระเบิด แต่เมื่อมาถึงวินาทีที่ปรมณูลูกแรกลงสู่พื้นของญี่ปุ่น ทุกคนต่างตกตะลึงถึงอำนาจทำลายล้างของมัน และเป็นการยืนยันทฤษฎีของไอนส์ไตน์ด้วยว่า ถูกต้อง!!!!
กว่าจะมีคนเชื่อทฤษฎีก็ทำให้มีคนตายไปเป็นแสน....ด้วยเหตุนี้ไอนส์ไตนรู้สึก เสียใจมาก กับทฤษฎีของเขา เขาจึงออกปากบอกว่า ถ้าเขาตายไปจะไม่ขอให้ทางการสร้างอนุสาวรีย์หรือเครื่องหมายยกย่องตัวเขาแม้ แต่ที่เดียว ดังนั้นเราจึงไม่เห็นรูปปั้นหรือ อนุสาวรีย์ยกย่องไอนส์ไตน์เลย...เป็นระเบิด 2 ลูก
ที่ปิดฉากสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้อย่างหดหู่จริงๆ...(2 วันให้หลังระเบิดปรมณูลงที่นางาซากิ กับ ฮิโรชิมา ญี่ปุ่นก็ได้ออกมายกธงขาวยอมแพ้ในที่สุด)...สรุป เยอรมันคิดปรมณูก่อนอเมริกาครับ แต่ไม่สมบูรณ์แค่นั้นเองครับ...(ขอโทษด้วยครับ ที่ลากมาซะยาวเลย ฮ่าๆๆๆ)

 

ปล....-ระเบิดปรมณู 2 ลูกแรกมีชื่อว่า "Fat Man" กับ "Little Boy" ครับ
-เครื่องบินที่ไปทิ้งปรมณูมีชื่อว่า Eola Gay ครับ
-ก่อนจtไปบอมญี่ปุ่น มีการเซ็นลายเซ็นต์และถ่ายรูปคู่กับลูกระเบิดปรมณูด้วย...
-ปรมณูลูกแรกใช้ ธาตุยูเรเนียมปริมาณ 0.7 กรัม (เท่าปลายนิ้วโป้ง) ที่เราเห็นลูกมันใหญ่ไม่ใช่เพราะว่าใช้ธาตุเยอะแต่ข้างในเป็นเครื่องกระตุ้น และยิงอะตอมของธาตุ
-ปรมณูลูกที่ 2 ใช้ธาตุ พลูโทเนียม ปริมาณ 0.5 กรัม (เท่าปลายนิ้วก้อย)

 

FAT MAN and Little Boy ชื่อน่ารักแต่ตัวไม่น่ารัก...

 

 

B-29 Enola Gay

 

ไอเซนเบิร์ก เทพ คณิตฯ เยอรมันส่งประกวด ฮ่าๆๆ

 

....................................................................................................................................................................

 

โดยคุณ NightForce เมื่อวันที่ 20/11/2010 09:30:26


ความคิดเห็นที่ 3


ขออีกทีครับ...ย้ำ...ถ้าไอนส์ไตน์ไม่โอนสัญชาติไปเป็นอเมริกา และยังคงเป็นเยอรมันอยู่ ผลของสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่ออกมาเป็นแบบที่เราเห็นแน่ รับรองครับ...

โดยคุณ NightForce เมื่อวันที่ 20/11/2010 09:44:42


ความคิดเห็นที่ 4


ผมว่า หากไอนส์ไตน์ไม่โอนสัญชาติไปเป็นอเมริกา เยอรมัน ก็ ยังคงลำบากอยู่ดีครับ อย่างน้อยตัวไอส์ เองคงจะยื้อ ไม่ยอมบอกจนนาทีสุดท้าย   คล้ายๆจะรู้ว่าหากสำเร็จ   หนูทดลองของอาณาจักรไรทซ์ ที่ 3    คือชาวยิวแน่นอน    เลยครับ   

 

จริงๆแล้วระเบิด มันไม่จำเป็นต้องทิ้งด้วยซ้ำ มิใช่หรือครับ    เท่าที่เคยอ่านในแทงโก้ นะครับ   เพราะขนาดจะทิ้ง ยังมีการประกาศให้ชาวเมืองลี้ภัยอยู่เลยที่ฮิโรชิมา นะครับ    ประมาณว่า คนไม่เชื่อ เลยไม่ค่อยมีใครหนี    ก็ขนาดอุษา(USA) มาเตือนถึงบ้านโดยไร้การโจมตีตอบโต้    ก็แสดงว่า ญี่ปุ่นเองก็โดนคุณอุษา เปิดประตูเข้ามาบ้านมากพอควรครับ    นั้นย่อมแสดงถึงระดับความจำเป็นในการทิ้งปรมาณู ที่ไม่มากเท่าไหร่เลยครับ

โดยคุณ PINJI เมื่อวันที่ 20/11/2010 10:28:14


ความคิดเห็นที่ 5


ใช่แล้วครับช่วงนั้นมีการเตือนจริงครับตามท่าน  PINJI  แต่ไม่มีคนเชื่อเท่าไหร่ แล้วอีกอย่างช่วงนั้นญี่ปุ่นกับฝ่ายอักษะใกล้แพ้แล้วด้วย และทหารญี่ปุ่นบางที่ยอมแพ้แล้วด้วยครับรวมถึงในไทยด้วย (เขาว่าเดินมาหาทหารไทยที่ค่ายแล้วปลดอาวุธให้ทหารไทยเองเลย...ทหารณี่ปุ่นสุดๆ จริงๆ) แต่อเมริกาไม่มีความจำเป็นต้องทิ้งปรมณู 2 ลูกนั้นเลยครับ... 

โดยคุณ NightForce เมื่อวันที่ 20/11/2010 11:17:14


ความคิดเห็นที่ 6


ยังไง ก็ขอขอบคุณ ข้อมูลดีๆจากคุณ NightForce ด้วยครับ   เพราะผมเองก็เพิ่งรู้ ว่า ไอเซนต์เบิก เขาเป็นเพื่อนกับ ไอส์ นะครับ ^^

โดยคุณ PINJI เมื่อวันที่ 20/11/2010 11:29:37


ความคิดเห็นที่ 7


ไม่เชิงเป็นเพื่อนกันครับ แต่จากการเป็นคนเยอรมันด้วยกัน ไอน์ กับ ไอเซน ก็เ้ขามายุ่งกับทฤษฎีด้วยกันบ่อยๆ มีเถียงกันก็เยอะครับ มีตอบโต้ทางความคิดกันก็เยอะครับ แต่สุดท้ายไอน์ก็ต้องพึ่งคณิตจากไอเซนครับ (คำว่าเพื่อนรักผมใส่ให้มันดูีดีครับ ฮ๋าๆๆๆ)

โดยคุณ NightForce เมื่อวันที่ 20/11/2010 12:07:49


ความคิดเห็นที่ 8


- ข่าวที่ว่าไอน์สไตน์โง่คณิตตอนเด็กๆมันเป็นแค่ข่าวลือ ที่โง่ตอนเด็กๆคือดนตรีกับทักษะการพูด อ่าน เขียน

 

- สมการของไอเซนเบิร์กยังมีข้อบกพร่องอยู่ จึงไม่ได้รับการยอมรับเหมือนไอน์สไตน์ อันที่จริงก่อนหน้านี้ก็มีความเชื่อกันของนักวิทยาศาสตร์บางกลุ่มว่า มวลกับพลังงานมันเปลี่ยนกลับไปกลับมาจะได้พลังงาน(แต่ไม่คิดว่าจะมหาศาลขนาดนี้) มีคนคิดสมการออกมาแสดงกันหลายคนอยู่ แต่คนแรกที่คิดสมการนี้ออกอย่างแม่นยำก็คือ ไอน์สไตน์

 

- นอกจากทฤษฎีนี้นี้กับการลงนามโครงการแมนฮัตตันแล้วไอน์สไตน์ไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในโครงการพัฒนาปรมาณูเลย

 

- มีคนสงสัยกันว่าเฮียแกเป็นดาวซินโดรมด้วยแหล่ะ

โดยคุณ Puriku เมื่อวันที่ 21/11/2010 12:58:10


ความคิดเห็นที่ 9


 ขอบคุณข้อมูลจากท่าน Puriku  ครับ....ไอ์สไตน์ไม่เชิงโง่คณิตครับ แต่เขาบอกว่าการเรียนการสอนที่โรงเรียนตอนนั้นไม่ได้เรื่องเอาซะเลย เขาเป็นคนรณรงค์ให้เด็กเรียนอยู่ที่บ้านหรือเข้าห้องสมุดดีกว่าไปนั่งเรียนที่โรงเรียนนะครับ...

มนุษย์เราจะมีพัฒนาการด้านสติปัญญาได้ดีที่สุดในช่วงเด็กครับ แต่ไอน์ไสตน์นั้นกลับกันคือ ตอนเด็กๆ เขาไม่ได้มีสิ่งที่บ่งบอกความเป็นเทพเท่าไหร่ เขากลับมามีพัฒนาการด้านสติปัญญาสูงสุดในช่วงผู้ใหญ่ (ซึ่งไม่ค่อยจะได้เห็นกันเท่าไหร่)
เพราะฉะนั้นเขาจึงคิดทฤษฎีอะไรๆ ได้มากมายตอนเป็นผู้ใหญ่ครับ...

ปล.ไอน์ไสตน์ไม่ได้เก่งไปกว่าเราๆ ทั้งหลายเลยครับ IQ ของเขาแค่ 120 กว่าเองพอๆ กับเราเลย (บางคน IQ สูงถึง 160) แต่สิง่ที่ทำให้เขาคิดอะไรๆ ได้หลายๆ อย่างเพราะว่า เขาคิดนานกว่าคนอื่นครับ คิดในสิ่งที่คนอื่นไม่สนใจ คิดลึกกว่าคนอื่นๆมาก และที่สำคัญ จินตนาการ ครับ ไอน์สไตน์บอกว่า จินตนาการสำคัญกว่าทุกสิ่ง ไม่มีจินตนาการก็คิดทฤษฎีต่างๆ ไม่ได้เท่าที่ควร...
 

โดยคุณ NightForce เมื่อวันที่ 21/11/2010 14:21:15


ความคิดเห็นที่ 10


Einstein ไม่ได้เป็น Down syndrome ครับ เพราะถ้าเป็นหน้าตาและรูปร่างต้องจะคล้ายๆ "สายัณห์ ดอกสะเดา" ครับ

โดยคุณ AAG_th1 เมื่อวันที่ 21/11/2010 22:15:37


ความคิดเห็นที่ 11


ขอบคุณทุกความรู้และทุกความเห็นครับ

โดยคุณ nathekop เมื่อวันที่ 22/11/2010 07:01:16


ความคิดเห็นที่ 12


ไอน์สไตน์นี่แหล่ะ เจ้าพ่อแห่งจินตนาการเลย ทฤษฎีสัมพันธภาพพิเศษ-ทั่วไป ถูกวิจัยในสมองแกขณะอยู่ที่กองลิขสิทธิ์,ห้องพัก,สวนสาธาณะ แค่อาศัยจินตนาการในกบาลก็สามารถพลิกประวัติศาสตร์ฟิสิกส์ได้ตั้งแต่อายุ 26 เท่านั้นเอง จินตนาการล้ำลึกซะจนเหมือนไม่ใช่มนุษย์

โดยคุณ Puriku เมื่อวันที่ 22/11/2010 07:38:32


ความคิดเห็นที่ 13


เคยอ่านสารคดี ในยูบีซี นี่ละ เขาบอกว่าไอสไตร์ ไม่ได้โง่คณิตศ่าสตร์ แต่ดันไปเรียนภาษาที่ไม่ใช่ภาษา เยอรมัน เลยไม่เข้าใจในภาษาการสอน อะครับ

อาจารย์เลยเอือมระอากับความโง่ของไอสไตร์ สว่นทฤษฏี แมนฮัตตัน นี่เปนการวิจัยระดับ รวมหัวสุมหัวกันกับนักฟิสิกส์หลายคนมากกว่า จะออกมาเปนระเบิด ได้

ณ บัดดล สิ่งที่เยอรมันมีคือ นักวิทยาศาสตร์ระดับหัวกะทิ ซึ่งทางโซเวียตก็ได้รับและนำไปวิจัยต่อยอด จนได้พลังงานิวเคลีย เช่นกันครับ

    ถ้าอยากรู้เรื่อง นิวเคลียเปนไง ลองไปหาวิชาลง พวก ทฤษฏี สัมพันธภาพ เีรียนกันสองเทอมกว่าจะครบ และไม่รู้ว่าจะรู้เรื่องกันด้วยหรือเปล่า อิอิอิ

โดยคุณ siamman18 เมื่อวันที่ 25/11/2010 19:52:24