จากเหตุการณ์เกาหลีเหนือ กับ เมกาเกาหลีใต้
เกาหลีใต้กะอเมริกามีข้อได้เปรียบทางทหารถ้าครองท้องฟ้าได้ และข้อได้เปรียบจะหมดไปเป็นสูสีทันที ถ้าหากครองท้องฟ้าไม่ได้
แต่ว่า การปกป้องท้องฟ้า (จากการอ่านเรื่องกริพเพนของที่นี่) ขอเพียงรู้ตำแหน่งที่ชัดเจนและเรียลทามของเครื่องบินฝ่ายตรงข้าม ประเทศที่ไม่มีเครื่องบินสามารถใช้ ดาตาลิงค์ กับ จรวดนำวิถีไปทำลายเครื่องบินได้ ดังนั้นการปกป้องท้องฟ้า ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องบิน ตราบเท่าที่อยู่ในระยะหวังผลของจรวดนำวิถีที่ได้รับข้อมูลตำแหน่งและเวลาที่ถูกต้อง
คำถามแรก
ข้อความข้างบน ถูกไม้
ถ้าคำถามแรกตอบว่าถูก ผลของสงครามระหว่างประเทศอย่างเกาหลีเหนือ กับ เมกา ก็ไม่แน่ว่าฝ่ายแรกจะแพ้ เพราะว่าการได้รับข้อมูลไม่จำเป็นต้องมีเอง ขอจากพันธมิตร(เช่นจีน รัสเซีย)ได้โดยตรวจสอบยากมาก สายไฟเส้นเดียวอาจจะมีข้อมูลเป็นสายแลนอยู่ และ ระยะหวังผลของจรวดก็(น่าจะมั้ง) ครอบคลุมทั้งคาบสมุทรเกาหลี
คำถามที่สอง
ใช่ไม้ครับ
ผมอ่านแล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจคำถามเท่าไหร่นะครับ
เอาเป็นว่า ทุกๆประเทศจำเป็นต้องมีกองบินปกป้องน่านฟ้า
และถ้าอ่านเรื่องเกี่ยวกับ เดต้าลิงค์ดีๆ จะเข้าใจว่าเป็นการส่งเฉพราะข้อมูล
ถ้าไม่มีเรดาห์จากกริพเพนเพื่อพิสูจน์ทราบภาระกิจ/เป้าหมาย ก็จะไม่มีข้อมูลใดๆส่ง
แต่ถ้าใช้เรดาห์ภาคพื้น อาจมีความผิดพลาดในการแยกแยะเป้าหมายใด้ และจำเป็นต้องใช้ บ.รบบินขึ้นเพื่อพิสูจน์ทราบเป้าหมาย
และการคอบครองน่านฟ้าใด้ ใช่ว่าจะชนะเสมอไป อยู่ที่องค์ประกอปและปัจจัยสภาพแวดล้อมต่างๆ
ใช่ไม้ครับ ไม้นี่ ไม้อะไรค้า ผู้กองอยากรู้
แล้วเมกา นี้ปีะเทสก่อตั้งใหม่หรือค้า ผู้กองมองหาในแผนที่โลกจนตาแทบบอดแล้วยังหาไม่เจอเลยค้า
งง กะจขกท.อย่างแรง
ใช่ไม้นี่ไม้อะไรครับ ไม้สักหรือไม้พยุง
ผมว่าไม้ตะเคียน ต้องเอาแป้งไปทา หาผ้าไปถู เทียนไขจุดส่องหาเลข
ยังไงครับ ไม่ กับไม้เนี้ย
เอาเป็นว่า สมัยนี่อะ ท่าตรวจจับได้ แล้วรายงานไป ให้ประเทศพันธมิตร ก็แล้วแต่เขาว่าจะกล้าประกาศ สงครามไหม แล้วก็ไอประเทศที่ตรวจ จับ ได้ทำไม ไม่ มี อะไรป้องกันตัวเช่น แซม ปตอ อะไรพวกนี้
คำถามมันสับสนอะ ....
โผมม่ายเค้าจายเรยเว่ทามมาย ตามานลายปายหมกเรย พิมห้ายมานเค้าจายด้ายหมาย โผมอ่านแร้วเง็งกะเล็งเป็งมั่กๆเรย
เกรงว่าเรดาร์ภาคพื้นกับระบบต่อต้านจะเป็นขนมกรุบกรอบให้กับ AGM-88 HARM กับบรรดาห่าฝนโทมาฮอร์ค ซะก่อนน่ะสิครับ
จริง ๆ จะว่าแบบนั้นมันก็ไม่ถูกนัก เพราะมีแต่เรดาห์กับระบบป้องกัน แต่ไม่มีเครื่องบิน มันก็ทำอะไรไม่ได้มาก ที่สำคัญการลงทุนระบบป้องกันนี่ มันแพงกว่าเครื่องบินอีกนะ - -
ระบบ S-400 ของรัสเซียราคา 1 หน่วยยิง 32 นัด (48N6DM ระยะ 400 กม 1 นัด 9M96 ระยะ 120 กม 3 นัด ต่อคัน) ราคา 1 พันล้านดอลล่าห์
1 พันล้านดอลล่าห์สำหรับป้องกันอย่างเดียว แต่ในทางกลับกันจ่ายค่าเครื่องบินพร้อมอาวุธ 2.5 พันล้านดอลล่าห์แต่ได้ภารกิจป้องกัน-ขับไล่-โจมตี-ตรวจการณ์ ในระยะที่ไกลกว่า คุ้มกว่าเห็น ๆ
ส่วนตัวมองว่ายังไงจรวดภาคพื้นสู่อากาศก็ยากที่จะสอยอากาศยานให้ร่วงลงมาได้ครับ เพราะเครื่องบินมีอิสระในการเคลื่อนไหวสูงกว่ามาก (ถึงจะต้องลงจอดเติมอาวุธบ้างอ่ะนะ) ในขณะที่จรวดภาคพื้นมีข้อจำกัดเรื่องความคล่องตัวและความเร็วต้นก่อนปล่อย ถ้าเป็นเครื่องขับไล่ทิ้งระเบิดขนาดเล็กก็สามารถหลบหลีก เพิ่มระยะที่จรวดต้องเดินทาง พอพลังงานสะสมในตัวหมดก็ไปไม่เป็นแล้ว แล้วมันจะย้อนกลับมาทิ้งบอมใส่อีก กระนั้นส่วนใหญ่ระบบจรวดมักจะโดนตบรางวัลเป็น HARM หรือ Mk20 ครับ
"ถ้าจรวดพวกนี้ทำได้อย่างที่ผู้ผลิตโม้เอาไว้แล้วล่ะก็ ป่านนี้เครื่องบินทั้งโลกโดนสอยไปลำละสองรอบแล้ว" พลเอกปาเวล อเล็กเซเยฟ - Red Storm Rising
ผมพอจะเข้าใจอยู่ครับ..................
คือโดยคำถามของท่าน ให้น้ำหนักความได้เปรียบในการทำสงครามไปที่การครองอากาศ.......................ซึ่งตรงนี้มีส่วนอยู่มาก คือเคยมีแม่ทัพของ เมกา เค้าบอกว่า สงครามจะไม่สามารถชนะได้เลย ตราบที่ไม่สามารถครองอากาศ.......................... ซึ่งผมว่าก็จริง .................. แต่มีข้อแม้อยู่ว่า กำลังทางอากาศที่ว่า จะต้องมากพอที่จะละลาย กองทหารภาคพื้นเป็นระดับกองพลได้.................. คือไม่ใช่ว่า ฝ่าย เอ มีทหารบก สิบกองพล มีเครื่องบินรบ สามลำ ขณะที่ บี มีเครื่องบิน สเต้ว สิบสองลำ กำลังภาคพื้น สองหมื่น บี ครอง ห้วงอากาศได้ แต่คงไม่ทนต่อแกระแสคลื่นมนุษย์ (ประดา teen) ของฝ่าย บี ได้............................
กับคำถามข้อแรก ผมพอสรุปได้ในความหมายว่า การป้องกันภัยทางอากาศ (ส่วนหนึ่งของการครองอากาศเชิงรับ) คืออาจจะไม่ต้องใช้เครื่องบินรบ ใช่ ไม้...................... ตอบว่า ถ้าเป็นยุคนี้ เป็นไปไม่ได้ครับ....................... การครองอากาศเชิงรับ คือการครองห้วงอากาศ หรือน่านฟ้าในเขตพื้นที่ตัวเอง เพื่อขวัดขวางมิให้ข้าศึกใช้กำลังทางอากาศเหนือน่านฟ้าฝ่ายเราได้ (ครองห้วงอากาศ ตามด้วย บอมบ์ กะบาล เราได้) ซึ่งมาตรการหลักๆ ก็ได้แก่ การตรวจจับพิสูจน์ทราบ การสั่งการเข้าดำเนินการ และ การใช้อาวุธเข้าสกัดกั้นอากาศยานหรืออาวุธยิงของข้าศึก............................ เท่าที่ผมสังเกต ฝ่ายคอมมูนิต หรือ วอซอ เมื่อก่อน หลักนิยมจะให้น้ำหนักในการใช้อาวุธปล่อยป้องกันภัยทางอากาศ มากกว่าฝ่ายนาโต้ ซึ่งนิยมใช้อากาศยาน ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า โซเวีตเองก็คงรู้ตัวดี ถึงขีดความสามารถตัวเองด้านนี้ ............... เราจะเห็นว่า ในหลายๆสงคราม ระบบอาวุธปล่อยจะเป็นตัวที่สร้างความสูญเสียให้กับคลื่นโจมตีละลอกแรกของ เมกา เช่นสงคราม โครโซโว สงครามอิรัค หรือแม้แต่สงครามเวียตนาม (สงครามเวียตนาม ฝ่ายรับมียุทโธปกรณ์ที่น่ากลัว ได้แก่ เครื่องบิน มิก-๒๑ และจรวด แซม-๒ สำหรับสอยมะพร้าวเบอร์ ๕๒ ) ................................... แต่ถ้าว่ากันโดยภาพรวมแล้ว ระบบป้องกันภัยแบบอาวุธยิง จะมีความอ่อนตัวน้อยกว่าการใช้อากาศยาน เนื่องจาก ขนาดอาณาบริเวณในการป้องกันพื้นที่ ซึ่งถ้าต้องการให้ระบบครอบคลุมทั้งหมด จะต้องใช้อาวุธยิงเป็นจำนวนมากมายหลายระบบ ซึ่งมันจะแพงมหาสาร ด้วยดังนี้ ระบบจรวดจึงใช้เป็นไม้เด็ดเพื่อเสริมจุดแข็ง หรืออุดช่องโหว่ที่ยังด้อย.....................................
จริงๆถามว่า ไอ้กันกลัวอะไรระหว่างเครื่องบิน กะ จรวด ตอบว่าณ.เวลานี้ เมกา มันกลัวจรวด เป็นที่ทราบ ทั้งระบบ เทคนิค ตัวช่วย ทั้งประสบการณ์นักบิน ไอ้กันที่หนึ่ง ถ้าต้องสู้รบรบปรบมือกันบนฟ้า บักทอม มันบอก บ่ย่านไผ แต่ถ้าต้องเจอจะหรวด บักทอม หน้าแหย ออกสีหน้าเซ็งๆ................................
แต่ใช่ว่า จรวดจะขึ้นห้าง นั่งเหล่าเต้งไขว่อีเกกเท้ากระดิก........................... บักทอมมันย่านจรวดหลาย เวลามันจะเอาระเบิดไปเขกกะโหลกไผ ........................ มันยังอุตส่าห์คิดหาวิธีกำจัด ไม่ว่าจะเป็นระบบก่อกวนเรดาร์ ด้วยว่า เรดาร์บอด จรวดก็กลับกลายเป็นสักระบือ ไร้ฤทธิ์ไร้น้ำยา หมดสิทธิ์แม้ผงกหัว หรือ ถ้าหนักกว่านั้น พี่แกเล่นย้อนรอย ส่งจรวดสวนไต่กลับมา กับลำคลื่นเรดาร์ กระแทกปั้ก หักพล๊อก ห้อยเหี่ยวหัวตกไปเลย..................... นี่ยังไม่รวมไม้เด็ด คือการบินต่ำเกาะภูมิประเทศ หรือการใช้สไตร้ค์เจ็ทโจมตีแบบสเต้ว สารพัดวิธี ที่จะหลีกเลี่ยงปะทะกับสิ่งที่มันย่าน............................................... รวมความแล้ว การป้องกันภัยทางอากาศโดยอาวุธปล่อย จะเป็นด่านหน้า ในการหยุดยั้งคลื่นโจมตีระลอกแรก ( ลักษณะการโจมตีทางอากาศเค้าทำ’งัย กลับไปอ่านได้จากกระทู้ ๑๑๘๖๔ ) แต่ถ้าด่านหน้าแตก ก็คงต้องมาซัดกันโดยหวังพึ่งพาเสืออากาศ .................... โดยถ้าว่าไปแล้ว รายเล็กๆ ที่หาญกล้าฟัดกับพี่กัน ด่านหน้าแหกแล้ว เป็นโดนขยายผล กวาดล้าง สถาปนา ทายา น้ำตาไหล ร้องไห้ซิกๆ เป็นทุกราย................................................
ผมคงไม่จำเป็นต้องตอบคำถามที่สอง ........................ เพราะคำตอกข้อแรก บอกแล้วว่า ฝ่ายแรกแพ้แน่ ใช่ ไม้ ค้าฟ..............................
คำตอบของ คุณกบ น่าจะเคลียร์ข้อสงสัยได้หมดนะครับ
น้ำมันเครื่องบินหมดแล้วผลัดกันไปเติม ถ้าภาคพื้นดินฝ่ายตรงข้ามคืบเรื่อยๆ ก็เรียกว่าชนะไม่เด็ดขาด
แถมถ้าฝ่ายที่ไม่มีเครื่องบินทะลุเข้าชายแดนฝ่ายที่มีเครื่องบินได้ แล้วจะทิ้งระเบิดใส่หัวใครดีครับ
ขอบคุณท่านกบ เวลามาตอบคำถามทีไร อ่านแล้วสนุกได้ความรู้มากเลยครับ
ผมว่าผมอ่านตรวจสองรอบ ก็ที่ตนโพสต์คำถามออกจะดี แต่ว่าดูเหมือนทุกทั่นจะเห็นพ้อง T T
ขอบคุณๆกบมากครับ เห็นภาพเลยครับ อ่านตอนท้ายร้องไห้ซิกๆ นึกว่าหนังรักรุนแรง
เรื่องของเรื่องคือภาษาครับ มันวิบัติเห็นๆ ครับ
ฝ่ายเหนือ มีย่อยยับแน่ หาเรื่องก่อน แถมอ้างเหตุผลที่เลื่อนลอย ถ้าแพ้ขึ้นมา ฝ่ายเหนืออาจจะสิ้นชาติก็ใด้เหมือนที่ฝ่ายเหนือเกือบทำฝ่ายใต้สิ้นชาติใน สงครามที่ผ่านมา คงถึงคราวของฝ่ายเหนือแล้วล่ะ ผมว่านะ โดยส่วนตัวผมว่าเกาหลีเหนือหายไปจากแผนที่โลกเลยจะดีกว่า เพราะอยากก่อสงครามนักยั่วยุนัก เป็นภัยคุกคามของชาวโลก
สำนวนแบบนี้คุ้นๆ ไม่ทราบว่าอวตารมาหรือเปล่าครับ