กว่าจะเป็นปืน ร.ศ.
ในสมัย ร.5 นั้นเงินในคลังก็ไม่มี ทหารก็ไม่มี แถมทรงขาดอำนาจบริหารงานแผ่นดินโดยสิ้นเชิง
กว่าจะได้ปืน ร.ศ. มาจึงยากกว่าที่คิดนัก ในขณะที่ต่างชาติจ้องจะรวบสยามเป็นเมืองขึ้นนั้นได้กลายเป็นปัจจัย
ให้เกิดกระบวนการปฏิรูปการปกครอง การทหารและการคลังพร้อมๆ กันใช้เวลาหลายสิบปี
ประกอบกับกระแสคลื่นใต้ดินใต้น้ำ ทำให้ ร.5 ต้องฝืนพระทัย ชะลอแผนปฏิรูปอื่นๆไปอีก 10 ปี
หันมาใช้วิธีค่อยทำค่อยไปกลายเป็นจุดเด่นของการแก้ปัญหาในสมัยของพระองค์
"เมื่อพ่อได้ราชสมบัติในเวลาเพียง 15 ปีเท่านั้น เหมือนตะเกียงริบหรี่จวนจะดับ ไม่มีมารดา
มีญาติ ฝ่ายมารดาก็ล้วนแต่โลเลเหลวไหลหรือก็มิได้ตั้งอยู่ในตำแหน่งราชการอันใดเป็นหลักฐาน ญาติฝ่ายข้างพ่อ
คือเจ้านายทั้งปวง ก็ตกอยู่ในอำนาจสมเด็จเจ้าพระยาฯ และต้องรักษาชีวิตอยู่ด้วยกันทุกพระองค์"
จากพระราชหัตถเลขาถึงพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิต ในปี ร.ศ. 112
เผยถึงสถานทางการเมืองของ ร.5 เป็นอย่างดี การดึงอำนาจกลับมาสู่พระองค์จำจะต้องค่อยๆทำ
มิให้เกิดแตกแยกร้าวฉาน และที่ขาดไม่ได้ คือกองทหารของพระองค์ที่จะช่วยเป็นฐานอำนาจไว้ ทรงได้อธิบายต่อไปว่า
"ฝ่าย ข้าราชการถึงว่ามีผู้ที่รักใคร่สนิทสนมอยู่บ้างก็เป็นแต่ผู้น้อยโดยมาก" และ "ฝ่ายพี่น้องซึ่งร่วมบิดาก็เป็นเด็ก มีแต่อายุต่ำกว่าพ่อ"
(เป็นเพราะ ร.4 ทรงลาผนวชมาครองราชย์เมื่อพระชนมายุมากแล้ว และมิได้มีพระราชโอรสธิดามาก่อนหน้านั้นเลย)
แต่เมื่อมีผู้รักใคร่ในตำแหน่งเล็กๆและมีน้องอายุยังน้อย จึงทรงเริ่มด้วยกองทหารส่วนพระองค์แบบเด็กเล่นไปก่อน
เรียกว่า "ทหารไล่กา" เอาไว้ไล่นกไล่กาเวลาเสด็จแต่ใช้ระเบียบทหาร
แล้วต่อมาก็เอาข้าหลวงเดิมหรือ บรรดาผู้รักใคร่ในตำแหน่งเล็กๆมาเป็นทหาร เรียกว่า [color=red"ทหารสองโหล"] [/color]
เพราะมีกันแค่ 24 คน พอวางกรอบได้แล้วจึงตั้ง กรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์
ภายใน 3 ปี มีทหาร 72 คน ท่านเหล่านี้ก็เติบโตขึ้นในแวดวงทหารในกองทัพ น้อยๆเช่นนี้
เกิดรักใคร่กลมเกลียวกันกลายเป็นกำลังพัฒนาประเทศสนองนโยบายเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่
ซึ่งรวมไปถึงสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ สมเด็จกรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์
สมเด็จกรมพระยาภาณุรังษีสว่างวงศ์ เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี เป็นต้น
ระหว่างนี้ญี่ปุ่นก็ไม่เลิกความพยายามขอส่งนายทหารเดินทางจากโตเกียว เพื่อมาชักชวนให้ไทยซื้อปืนของาอีกรอบหนึ่ง
นายอินากากิ (M.Inagaki) ทูตญี่ปุ่นขอพบและพูดจาเกี่ยวกับการทหารของไทย
แต่แล้วอีกไม่กี่ปีก็จะต้องเสียวสันหลัง เมื่อ ทหาร.ญี่ปุ่นทำสงครามกับกองทัพเรือรัสเซียเสียสิ้นซากในช่องแคบ ทุซิม่า (Tsushima)
ด้วยเหตุต่างๆเหล่านี้ บวกกับปัญหาจัดซื้อปืนเมาเซอร์ของไทย ทางออกที่ดีที่สุด ก็คือ
เอาแบบปืน ร.ศ. จากเยอรมันมาจ้างญี่ปุ่นทำ ไม่ต้องทนซื้อปืนอาริซากะ แต่ได้ใช้ปืนราคาถูกอย่างญี่ปุ่น
ดังนั้นญี่ปุ่นซึ่งแพ้การประกวดไปคราวก่อนจึงได้เสนอตัวผลิตปืน ร.ศ. ในราคาที่ยากจะปฏิเสธ
และได้ตกลงให้โรงงานสรรพาวุธ โคอิชิกาว่า กรุงโตเกียว(Koishikawa Arsenal) เป็นผู้ผลิต
สัญญาสั่งซื้อปืน ร.ศ. จึงถูกทำแยก 3 ฉบับ ในสมัยที่สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุรังษีสว่างวงศ์
ว่าการกระทรวงกลาโหม ทำกับบริษัท Mitsui Bussan Kaisha
ซึ่งแท้จริงเป็นนายหน้าขายอาวุธในนามรัฐบาลญี่ปุ่นและสามารถรับผิดชอบในการจัดส่งเบ็ดเสร็จเงื่อนไขก็คล้ายๆกัน
คือขอจ่ายล่วงหน้าเมื่อเซ็นสัญญา 1/3 ของมูลค่าทั้งหมด ที่เหลือจ่ายเมื่อรับปืนที่กรุงเทพแล้ว
สัญญาแยกให้เห็นว่ามี ลิขสิทธิ์บางส่วนที่เป็นของญี่ปุ่นแท้ๆไม่เกี่ยวกับเมาเซอร์
คือ ฝาครอบ ลูกเลื่อนเพื่อกันฝุ่นโคลน และวิธีปลดฝาปิดใต้แม็กกาซีน
ซึ่งในที่สุดเป็นปุ่มปลดทรงสี่เหลี่ยมไม่เหมือนใคร ส่วนแม็กกาซีนและกลไกต่างๆ
ถูกปรับปรุงให้รับกับกระสุนมีขอบจานท้าย (Rimmed Cartridge) และคลิปขนาด 8 มม. ที่ไทยใช้อยู่
ซึ่งหมายถึงจะมีขนาดใหญ่กว่าแม็กกาซีนปืนที่เมาเซอร์ออกแบบไว้ให้กระสุน 8 มม. เมาเซอร์แบบไม่มีริม (Rimless Cartridge)
สิ่งที่ ร.5 ทรงเป็นห่วงมากกว่ากลับเป็นท่าทีทางการเมืองของญี่ปุ่นเองว่า
คงมิได้มาคบไทยในฐานะชาวเอเชียตัวเล็กเท่ากันเสียแล้ว เพราะเขาหวังลบรัศมีชาวตะวันตกเพื่อเข้ามามีอิทธิพลแทนที่
ทรงเกรงไปว่าจะกระทบความสัมพันธ์อันดีกับชาติยุโรปที่เห็นใจไทยและสร้างความระแวง
ให้กับฝรั่งเศสเพิ่มขึ้นว่าหวังล้างแค้นทวงดินแดนลาวเขมรคืน
ดังนั้นการซื้อปืน ร.ศ. จะต้องทำอย่างเงียบที่สุด และต้อง จำกัดกรอบมิให้ญี่ปุ่นเอาเป็นช่องเข้ามามีบทบาทในนโยบายต่างประเทศของไทยได้
แล้วทำไมปืนชนิดนี้จึงดังในอเมริกา
ประมาณปี พ.ศ. 2511 (ค.ศ.1968) ทางการได้โละปืนเก่าซึ่งพ้นสมัยไปแล้ว
ขายแก่กลุ่มร่วมทุนของนักธุรกิจค้าอาวุธใช้แล้วจากอเมริกาซึ่งรวมปืน ร.ศ. ด้วย
ในช่วงนั้นคนอเมริกันที่เบี้ยน้อยนิยมหาปืนเมาเซอร์ ทหารเก่าๆ มาถอดเปลี่ยนลำกล้องและรางปืนเพื่อใช้ล่าสัตว์
แต่ชุดลำกล้องหรือโครงลูกเลื่อนเมาเซอร์แท้ๆเกิดขาดตลาด ปืน ร.ศ. จึงกลายเป็นทางเลือกที่ไม่เลว
ชื่อของปืนเมาเซอร์จากสยามประเทศ เริ่มติดปากของคนอเมริกันโดยนำมาคว้านรังเพลิง
เปลี่ยนลำกล้องให้ยิงกระสุนอื่น ซึ่งกระสุนราคาถูกใช้งานได้ดี ระดับชาวบ้านก็คือกระสุนโบราณอย่าง .45-70
เป็นกระสุนแบบมีขอบจานท้ายใหญ่ทำให้เข้ากับแม็กกาซีนปืน ร.ศ. ได้ไม่ต้องแปลงมาก
ชุดแอ็คชั่นของปืน ร.ศ.แข็งแรงไม่แพ้ปืนเมาเซอร์อื่นๆ แม็กกาซีนและหัวลูกเลื่อนออกแบบ
ไว้สำหรับกระสุนที่มีจานท้ายใหญ่ ทำให้ดัดแปลงใช้กับกระสุน .45-70ได้ง่าย
ส่วนการนำไปแปลงเป็นปืนล่าสัตว์ (Sporterizing) นั้นส่วนมากจะตัดลำกล้องลงซัก 5 นิ้ว เพื่อสะดวกในการเดินเข้าป่า
เอาศูนย์หลังภาษาไทยออกเพราะฝรั่งอ่านไม่ออก ดัดก้านลูกเลื่อนหรือตัดทิ้งใส่ใหม่ให้พับงอลงมา
แทนแบบตรงๆของทหาร ตัดหรือเปลี่ยนพานท้ายเสียใหม่ หากลำกล้องเดิมสภาพแย่ก็ไปหาซื้อลำกล้องอะไหล่
จากบางบริษัทที่เขามีชิ้นส่วนปืนร.ศ. ขาย หรือเปลี่ยนขนาดกระสุน
ปืน ร.ศ.ในปัจจุบันขยับขึ้นกลายเป็นของที่นักสะสมหาซื้อในราคาสูง ตั้งแต่ 300 - 350 เหรียญ
หากได้สภาพเดิมครบถ้วน มิใช่ของเล่นของนักล่าสัตว์อีกต่อไปแล้ว
มีนักเขียน นักประวัติศาสตร์ผู้คลั่งไคร้ปืนทหารระบบลูกเลื่อน
พยายามหาข้อมูลปืนตระกูลเมาเซอร์เชื้อสายไทย-ญี่ปุ่นกระบอกนี้เพิ่มขึ้น เรื่อยๆ
ตัวนี้เปลี่ยนเป็น 45-70 เจาะพอร์ตปากลำกล้องเท่มาก
ราคาสยามเมาเซอร์แสนถูกเมื่อ 30 ปีมาแล้ว
แม้ว่าปืน ร.ศ. จะมิได้ถูกใช้ในการสงครามใดๆจนปลดประจำการ
แต่ก็เป็นผลพวงจากความลำบากในการดำเนินนโยบายของรัฐบาลสมัย ร.5
บรรดาบุคคลสำคัญที่มีส่วนในปืน ร.ศ. นั้นก็เหมือนเปิดเรียงลำดับหน้าประวัติศาสตร์สำคัญช่วงหนึ่งของเราเลยทีเดียว
ท้ายสุดปืน รศ. ได้รับใช้ราชการสมดังที่ ร.5 ทรงมีพระราชประสงค์ไว้นั้น คือ มิได้เอาไปรุกรานใคร
แต่เอาไว้ใช้ป้องปราบให้ชาวบ้าน (ฝรั่ง) เห็นว่าเรามิใช่หมูอีกต่อไป
สมดังพระราชดำรัสที่อัญเชิญมาปิดท้ายบอกลาไว้ตรงนี้ว่า
"บ้านเมืองเราทุกวันนี้เหมือนตั้งอยู่ในหมู่หัวไม้
ถ้าเราไม่เตรียมพลองไว้สู้กับพวกหัวไม้บ้าง พวกหัวไม้ก็ย่อมจะมีใจกำเริบมารังแกอยู่ร่ำไป
ถึงโดยจะสู้ให้ชนะจริงไม่ได้ ก็ให้เป็นแต่พอให้พวกหัวไม้รู้ว่าพลองของเรามีอยู่ ถ้าจะเข้ามารังแกก็คงจะเจ็บบ้าง"
หามาได้แค่นี้นะครับ
เอามาจากลิงค์นี้นะครับ
http://www.virus-studios.com/forum/showthread.php?1536-%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%B7%E0%B8%99-%E0%B8%A3.%E0%B8%A8.-%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2-quot-%E0%B8%9B%E0%B8%B7%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A-46-quot-%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A1
ซึ่งลิงค์ข้างบนนี้ก็ก็อปมาอีกที
เข้าไปลิงค์เลยครับละเอียดกว่านี้อีกมีรูปด้วยแต่ผมเอามาไม่เป็น
ทำได้แค่นี้ก็พอใจแล้วครับมันคงเป็นประโยชน์ให้กับเจ้าของกระทู้ไม่มากก็น้อย