หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


อยากถามประสิทธิภาพ Griphen

โดยคุณ : jarong เมื่อวันที่ : 20/12/2010 22:55:14

ผมอยากรู้ว่า ทำไมบ้านเราจึงไม่เอาเครื่องบินขนาดใหญ่ 2 เครื่องยนต์บ้างครับ

เพราะเห็นเพื่อนบ้านเขามีกันหมดแล้ว แล้วไทยจะสู้ได้ไหม ลำเล็กนิดเดียวครับ

อย่าง SU 30 นะ F 15 นะครับอยากได้ครับ

คนไม่ค่อยรู้ครับ





ความคิดเห็นที่ 1


เราเคยเสียค่ามัดจำกับ F-18 C/D ไปแล้วครับ

ก็ใด้ ADF มาแทน

เกี่ยวเนื่องกับเศรษฐกิจสถานะการเงินมากกว่าครับ ถ้ามีพอเพียงก็คงใด้

ตามหลักแล้วเรามีใว้เพื่อป้องกันประเทศ เครื่องเล็กแบบกริฟเพน แต่สมรรถนะสูงก็ถือว่าเพียงพอกับภาระกิจ

กริฟเพน ถือใด้ว่าเป็นเครื่อง ยุคที่4.5  ที่สำคัญคืออาวุธทันสมัยที่มีความแม่นยำสูง(ยุโรป) สามารถติดตั้งใด้เลย

โดยคุณ fantom เมื่อวันที่ 18/12/2010 07:44:19


ความคิดเห็นที่ 2


เรื่องเล็กหรือใหญ่นี้ไม่เกี่ยวกับประสิทธิภาพเลยครับ อาจเป็นรองก็แค่ระยะตรวจการณ์ แต่เราก็มี AEW ค่อยช่วยอยู่แล้ว ส่วนเรื่องความประหยัดนั่น Gripen C/D ชนะใสๆ ส่วนเรื่องอาวุธที่นำมาติดตั้งนั่น ไม่ได้เป็นรองเลยครับ ลองไปหาข้อมูลเก่าๆดูนะครับ ว่าเราสั่งซื้ออะไรไปบ้าง


โดยคุณ RMUTK เมื่อวันที่ 18/12/2010 08:10:43


ความคิดเห็นที่ 3


เครื่องบินขับไล่ขนาดใหญ่ อย่าง su3o หรือ f-15 นั้นบรรทุกอาวุธได้มากว่า gripen ก็จริง เหมาะสำหรับภาระกิจด้านการโจมตีระยะทางไกล  ซึ่งไม่ใช่นโยบายของทอ.ไทย ที่เน้นตั้งรับเเล้วสวนกลับ4 4 2 เหมือน ทีมอีตาลี และจุดอ่อนที่ เครื่องลำใหญ่ เรดาห์จึงตรวจจับได้ง่ายกว่า เเละเนื่องจาก ขนาดของเครื่อง ค่าใช้จ่ายมันเยอะ บานเเน่ๆ

สรุป ก็คือ ไม่มีตัง มีตังก็สอย f-15 มาเเล้วพี่ใครจะไม่อยากได้

โดยคุณ kimgefun เมื่อวันที่ 18/12/2010 09:37:31


ความคิดเห็นที่ 4


อยากได้เครื่องลำใหญ่ ต้องถามก่อนว่า จะเอาไว้ใช้ทำภารกิจอะไร.......... ถ้าเป็นการรบทางอากาศ เครื่องขนาดใหญ่ จะเป็นเครื่องครองอากาศ ซึ่งขีดความสามารถของมันจะมีความพิเศษตรงที่ สามารถเข้าไปสถาปนาการครองอากาศได้ลึกถึงดินแดนข้าศึก จะครองได้นาน หรือได้ชั่วประด๋าวอันนี้ยังมีเงื่อนไขปัจจัยอีกเยอะ(ไม่ขอกล่าว) .............จริงๆแล้ว ในอาเซี่ยน มีเพียงชาติเดียวคือเวียตนาม ที่มีเครื่องนครองความเป็นจ้าวอากาศแท้ๆในครอบครอง นั่นคือเครื่อง ซู-๒๗ (มิก-๒๙ ออกแบบเป็นเครื่องครองอากาศ แต่ด้วยขนาดและพิสัยบิน ถือว่ายังมีข้อค้านอยู่ในตัวเอง จึงจัดเป็นเครื่องป้องกันภัยทางอากาศ) ..............การครองอากาศเหนือดินแดนข้าศึกแบบเบ็ดเสร็จนั้น ต้องอาศัยองค์ประกอบที่สมบูรณ์เต็มรูปแบบ ............ คือต้องมีการโจมตีและกวาดล้างในขั้นเริ่มแรก   จนแน่ใจได้ว่ากำลังทางอากาศของข้าศึก(เครื่องบินรบ และระบบป้องกันภัยทางอากาศ) ได้ถูกลิดรอนลง ในสภาพที่เอื้ออำนวยต่อการครองอากาศของฝ่ายเรา...................... จะเห็นว่า ปติมากรรมการรบลักษณะนี้ มีต้นทุนค่อนข้างสูง อาศัยเครื่องไม้เครื่องมือค่อนข้างมาก  ทีสำคัญ  เป็นการใช้กำลังในทางรุก อันมี "เจตจำนงในการสถาปนาอาณาเขต บนดินแดนข้าศึก"................ครับที่กล่าวมาข้างต้น ท่านว่า ในยุคปีสองพันสิบนี้ จะมีชาติใดในอาเซี่ยนที่หาญคิดการใหญ่ดังนี้ได้ครับ ??????  ความคิดในการทำสงครามเพื่อรวมดินแดนเหมือนที่เพื่อนบ้านเราเคยวาดฝันไว้ในอดีต น่าจะหมดไปจากสมองแล้ว   การจัดกำลังที่เหลือทั้งหมดในอาเซี่ยน เพื่อมุ่งเน้นในการปกป้องน่านฟ้าเป็นหลัก ส่วนที่เหลือก็มีกำลังเพียงพอในการคลี่คลายความขัดแย้ง  ประมาณว่าโดนเหยียบหัวโป้ตีน เลยต้องปล่อยของ ส่งคนไปตบกระบานถึงที่บ้าน อันนี้ก็เพื่อมุ่งหวังในการลิดรอน  ไม่ก็เพื่อให้รู้สำนึกเสียบ้าง ก็คงเป็นไปแค่นั้น...............

 

ทีนี้ ที่สำคัญ เพิ่มเติมอีหน่อย บางชาติ ไม่ใช่ว่า มีเครื่องบินรบครองจ้าวอากาศใหญ่ๆ สักฝูงสองฝูง แถมมีเอแหวกลำสองลำ แล้วจะครองอากาศเหนือดินแดนข้าศึกได้   จะเห็นว่า ขนาดอเมริกาที่ระดมสรรพกำลังยิ่งใหญ่เป็นกองทัพยกมาตีเวียตนาม ทั้งเครื่องบินโจมตี เครื่องครองอากาศ เครื่องเตือนภัยล่วงหน้า เครื่องทำลายเรดาร์ เครื่องอิเลคทรอนิคส์แจมมิ่ง แท้งเก้อร์ ๙ล๙ แต่ที่สุด เอฟ-๑๐๕   บี-๕๒ และที่สำคัญเครื่องครองอากาศ/คุ้มกันชั้นดาราอย่าง เอฟ-๔ ก็ยังพลาดท่า ให้อินเตอร์เซปเตอร์ ราคาถูกๆ อย่าง มิก-๒๑ สอยร่วงได้.............เพราะฉะนั้นถ้าหากคิดว่า ทอ.ของเรา มีเอฟ-๑๕ ซี สักฝูง หรืออาจเป็น ราฟาล ยูโรไฟเตอร์ สัก โหลนึง แล้วจะบินไปกร่าง ทำวนฉวัดเฉวียนครองน่านฟ้าเหนือผืนดินพม่า เหนือเขมร หรือที่อื่นๆ เช่นนั้น ถือว่าคิดผิด .......  อาจจะโดนฝูงมิกรุมทึ้ง หรือมิเช่นนั้นก็อาจโดน แซมโบราณๆ สอยร่วงตูดจ้ำเบ้า...................ก็เป็นได้   

 

แล้วชาติในอาเซี่ยนมียุทธศาสตร์ในการจัดกำลังทางอากาศอย่างไร ????..................ดังที่กล่าวไปบ้างแล้ว กำลังทางอากาศของอาเซี่ยนมีไว้เพื่อป้องกันมาตุภูมิจากการรุก แต่ส่วนหนึ่งก็สามารถเปิดยุทธการ   กลับเป็นฝ่ายรุกเพื่อคลี่คลายปัญหา ..........จะเห็นว่าในบทบาทป้องกันการรุกราน     ประเทศที่มีอาณาบริเวณไม่กว้างนัก จะเลือกใช้เครื่องป้องกันภัยทางอากาศขนาดเบา ประจำอยู่ตามฐานบินต่างๆ ........... ยกตัวอย่างเช่น ไทย พม่า และ สิงคโปร์ เลือกที่จะใช้ มิก-๒๙ เอฟ-๑๖ และ กริเป้น ในการปกป้องน่านฟ้า........................สำหรับประเทศที่มีห้วงอากาศค่อนข้างกว้าง เช่น อินโดนีเซีย เวียตนาม และมาเลเซีย  การเลือกใช้เครื่องขับไล่ป้องกันภัยทางอากาศประจำฐานบิน ย่อมเป็นการลงทุนที่มีมูลค่ามาก  และจะเป็นเรื่องเหลือวิสัย หากห้วงอากาศกว้างใหญ่นั้นอยู่เหนือบริเวณทะเล ..............การเลือกใช้เครื่องขนาดใหญ่ สามารถบินเกาะห้วงอากาศได้นานๆ ในลักษณะครองอากาศเหนือดินแดนตนเอง จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ลงทุนน้อยกว่า ซึ่งทั้งสามชาติที่กล่าวมา เลือกใช้เครื่องบินรบแบบ  ซู-๓๐.......................

 

การคลี่คลายวิกฤตการ ด้วยการเปิดยุทธการเป็นฝ่ายรุก.......................... บางวิกฤตการ ภัยคุกคามอยู่ลึกเข้าไปในดินแดนข้าศึก ซึ่งบริเวณนั้น มีการคุ้มกันด้วยการป้องกันภัยทางอากาศเป็นอย่างดี..........................การใช้กำลังทางอากาศโจมตี ในการแก้ไขปัญหาบางครั้งจำเป็น ต้องใช้ยุทธวิธี แทรกซึม หลบหลีกเล็ดลอด เข้าไป ทั้งนี้อาจปราศจากการคุ้มกัน หรือแจ้งเตือนภัยจากฝ่ายเดียวกัน  ...................เหตุนี้ เครื่องบินโจมตีจึงจำเป็นต้องมีลักษณะเฉพาะ....................... เครื่องที่มีขนาดใหญ่ ย่อมมีสมรรถนะดีกว่าเครื่องขนาดเล็ก เนื่องจาก เป้าหมายที่อยู่ไกลเข้าไปจากเขตแดน  พิสัยบินจะเป็นตัวชี้วัดสมรรถนะในลำดับแรก  ในบางกรณี เป้าหมายอาจอยู่ในพิสัยของเครื่องบินขนาดเล็ก    แต่สำหรับเครื่องขนาดใหญ่  ซึ่งสามารถบรรทุกเชื้อเพลิงและอาวุธได้มากๆ  ยังสามารถนำไปโจมตีหลายๆเป้าหมายต่างๆในระยะที่ต่างออกไป   ซึ่งลักษณะเช่นนี้ อาจเกิดขึ้นด้วยการบินเจาะเข้าไปเพียงครั้งเดียว   ทั้งนี้สามารถลดความเสี่ยงจากจำนวนเที่ยวบิน   และจำนวนเครื่องบินที่บินเข้าไปครั้งละมากๆ ได้อีกด้วย.........................ความจำเป็นที่ต้องเอาตัวรอดจากภารกิจ ด้วยตัวเอง  ก็เป็นการกำหนดลักษณะของเครื่องบินโจมตีทางลึกยุคใหม่ ....................... คือนอกจากจะมีขีดความสามารถหลบหลีกการตรวจจับด้วยการบินเกาะภูมิประเทศเป็นอย่างดีแล้ว    การป้องกันตัวเองจากเครื่องบินป้องกันภัยทางอากาศ   ก็ได้สร้างให้เครื่องบินถูกอัดแน่นไปด้วยระบบเอวิโอนิคส์   ทั้งการนำร่อง  ระบบตรวจจับชี้เปา รวมถึงอาวุธยิงอากาศสู่อากาศระยะไกลกว่าสายตามองเห็น    โดยทั้งหมดบังคับให้มิติต้องมีขนาดใหญ่ เพื่อรองรับอุปกรณ์ดังกล่าว...........................

 

 

 

ทีนี้ พอจะทราบหรือยังครับ ว่าเครื่องบินขนาดใหญ่นั้น มีไว้ใช้ทำอะไรได้บ้าง...............................ผมเคยเชียร์ เครื่อง ซู-๓๐ ในครั้งที่ขับเคี่ยวกับ กริเพ่น...........................ครั้งนั้นผมเน้นย้ำโดยให้น้ำหนักไปที่การทำภารกิจโจมตีทางลึก.............................แต่ด้วยความที่ถูกออกแบบมาเป็นมัลติโรล์ไฟท์เตอร์ บทบาทการป้องกันภัยทางอากาศถือเป็นผลพลอยได้ที่คุ้มค่า ................ ที่สำคัญ ผมยังไม่เคยพูดถึงการครองอากาศโดยวิธีรุกเลย ซึ่งนอกจากทำไม่ได้แล้ว ยังเป็นไปไม่ได้ด้วย .............................. ผมได้ยินเพื่อนๆพูดกันบ่อย  บอกว่ากองทัพอากาศของเรา เน้นตั้งรับ ไม่มีนโยบายทางรุก...............ด้วยดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องใหญ่.....................พูดเช่นนั้นไม่ถูกครับ....................... นโยบายตั้งรับหน่ะ ถูกต้องแล้ว    แต่การตั้งรับมันมีทั้งตั้งรับแบบที่เข้าใจ  แต่คือตั้งรับหยุดการเคลื่อนที่ของข้าศึก คือข้าศึกใช้กำลังทางอากาศ ครองอากาศเหนือดินแดนเรา(การครองอากาศ ประกอบด้วยการใช้เครื่องบินครองห้วงอากาศ และการโจมตีภาคพื้นดิน)  ทั้งนี้เพื่อเปิดทางให้กำลังทางบกของเขา   ...................ทีนี้ เราก็ใช้เครื่องบินเข้าสกัดกั้น  เพื่อของเขาไม่ให้การครองอากาศสัมฤทธิ์ผล................................  หรืออีกกรณี ข้าศึกใช้การโจมขัดขวางทางลึก เราก็ส่งอากาสยานขึ้นสกัดกั้นทำลาย   นั่น คือการตั้งรับ หรือการป้องกันภัยทางอากาศ............................

 

ทีนี้.กับการตั้งรับอีกแบบ  คือ ตั้งรับเชิงรุก  เป็นการใช้กำลังกับมิติด้านลึก  คือการใช้กำลังเพื่อปกป้องอาณาเขต โดยเลือกให้มิติการรบไม่อยู่ในดินแดนของฝ่ายเรา  แต่ถ้าเป็นการโจมตีทางอากาศจะหมายถึงการโจมตีขัดขวางทางลึก............................ ด้วยเหตุนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่เราจะเห็น ทอ. ยังมีความสนใจเครื่องบินรบสองเครื่องยนต์อยู่ โดยเสดงออกให้เห็นเป็นระยะๆ...........................ซึ่งโดยส่วนตัวคิดว่า    เครื่องบินรบชนิดนี้ น่าจะได้รับการจัดหาเข้าประการ ก่อนเครื่องบินล่องหนขนาดเล็ก แบบ เอฟ-๓๕  เสียด้วยซ้ำ...............................

โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 18/12/2010 17:22:16


ความคิดเห็นที่ 5


ขอบคุณ พี่กบ สำหรับบทความ เขียนดีมาก

เเต่สงสัยไม่เข้าใจคำว่า " โจมตีทางลึก หรือ ด้านลึก" ? คือ ลึกยังไง เเบบไหน ลึกเข้าไปในดินเเดนของข้าศึกหรือยังไง?

เเสดงว่าต้องมี การโจมตีทางตื้นด้วยสิ ( ด้วยความเคารพ ไม่ทราบจริงๆขอรับ)


โดยคุณ kimgefun เมื่อวันที่ 18/12/2010 19:15:39


ความคิดเห็นที่ 6


ลำใหญ่ๆก็มีแล้วนิครับ C-130 ใหญ่กว่า SU-30อีกครับ ล้อเล่นนะครับ

ไม่มีเงินได้แค่นี้ก็ดีกว่า F-16 มือสองก็ดีแล้วครับ ถ้ามีเงินก็คงเป็น F-35 มั้งครับ

โดยคุณ pop04 เมื่อวันที่ 18/12/2010 19:59:09


ความคิดเห็นที่ 7


ถ้าตามที่คุณ กบว่าไว้หรือว่าท่านเท้าทองไหลใบ้หวยไว้ละก็ขอสนับสนุนแนวคิดนำเครื่องเก่าของอังกฤษเพิ่งปลดประจำการ ก็คือทอร์นาโด จีอาร์ ๔ นำมาขัดตาทัพก่อนรอจนกว่าเราจะพร้อมที่จะมีเจ้า เอฟ ๓๕

โดยคุณ ddd2521 เมื่อวันที่ 18/12/2010 21:57:19


ความคิดเห็นที่ 8


ถ้าเป็น F14 TOMCAT ยังพอเป็นตัวเลือกที่ดีใด้รึปล่าวครับ



โดยคุณ smoke2joice เมื่อวันที่ 19/12/2010 01:40:54


ความคิดเห็นที่ 9


Tomcat ปลดหมดแล้วครับ

 

โดยคุณ nok เมื่อวันที่ 19/12/2010 02:44:06


ความคิดเห็นที่ 10


เล็กใหญ่ไม่สำศัญสำศัญก็แต่คนขับเครื่องบินว่ามีฝีมือแค่ไหนฝึกมามากแคไหนเก่งแค่ไหนอยู่บนฟ้าใครเอาตัวรอดได้เก่งกว่าเป็นผุ้ชนะแก้ใขสถานการณ์

เฉพาะได้ดีกว่าก็เป้นผุ้ชนะเหมือนกันใครเคยดูหนังเรื่องTopgunฟ้าเหนือฟ้าบ้างไหมละที่ครูฝึกในเรื่องมักจะขับเครื่องA-4ส่วนคนฝึกจะขับเครื่องเอฟ-14

พระเอกเราก็ขับเอฟ-14เหมือนกันผลสุดท้ายด้วยประมาทจึงโดนA-4ของครูฝึกล๊อกเป้าได้ดังนั้นเล็กหรือใหญ่ไม่สำศัญมีคนขับมากกว่าถ้าดวลกันระหว่าง

พี่ซู-30ตัวtopซึ่งคนขับไม่เก่งเท่าไหร่กับเอฟ-5คนขับชำนาญมากกว่าใครจะชนะใครจะโดนสอยล่วงก่อนคิดดูเอาเองละกันเพราะในเรื่องtopgunตอนท้ายๆๆเรื่อง

เอฟ-14ยังโดนเอฟ5สอยไปได้หลายเครื่อง(ในเรื่องบอกว่าMIG-28)

โดยคุณ ttrc เมื่อวันที่ 19/12/2010 02:46:06


ความคิดเห็นที่ 11


แล้วถ้านักบินซู-๓๐ เก่งกว่านักบินเอฟ-๕ หล่ะครับ...............หรืออย่างน้อยที่สุดเก่งเท่าๆกัน แล้วทำยังไง.....เอาบรรทัดฐานใดมาตอบว่า นักบินเอฟ-๕ ทุกคนเก่งกว่านักบิน ซู-๓๐  เช่นนั้น อเมริกา จะต้องลงทุนพัฒนาแร้ปเตอร์ขึ้นมาทำไม ให้หมดเงินหมดทองไปเป็นโกฏ ส่งนักบินทั้งหมดเข้าโรงเรียนท้อปกัน แล้วให้ขับเอสี่ ออกไปรบ จะไม่ประหยัดกว่าเป็นมากโขหรือครับ.....................

หนังท้อปกันที่เราดูเป็นหลักสูตรรบทางอากาศ โดยเฉพาะการพันตูระยะประชิด ซึ่งจริงๆแล้ว ท้อปกัน ยังมีหลักสูตรเครื่องบินโจมตีอีกด้วย.............

ถ้าที่ท่านว่ามาเป็นเรื่องการรบทางอากาศเพียวๆ จะใหญ่หรือเล็กย่อมสู้กันได้สำคัญที่เงื่อนไข............แต่ถ้าเป็นการโจมตีทางลึก ยังยืนยันความได้เปรียบบนความใหญ่  ......... แนะนำว่า ไม่ลองอ่านข้อความ(ไม่กล้าใช้คำว่าบทความ)ของผมข้างบนให้จบก่อนเล่าครับ......................

โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 19/12/2010 03:44:02


ความคิดเห็นที่ 12


เห็นด้วยกับคุณกบนะครับ เรื่องการตั้งรับเชิงรุก และเราเองก็ยังไม่มีเครื่องบินประเภทนี้ด้วย ถ้าได้TORNADOมาก็ดี

โดยคุณ RAF เมื่อวันที่ 19/12/2010 04:54:22


ความคิดเห็นที่ 13


ชอบท่าน กบ เขียนบทความบรรยายใด้ดีมากครับ

แต่อ่านดู ท่อนที่ 2และท่อนสุดท้าย มันขัดๆกันอยู่ เกี่ยวกับการครองอากาศเหนือดินแดนเป้าหมาย

ท่อนที่2 บินไปเหนือน่านฟ้าเป้าหมายแต่โดนสอย ด้วยจรวดโบราณๆ โดนมิครุมยำ

ท่อนท้ายสุด ยังจะไปตั้งรับเชิงรุกในดินแดนเป้าหมายอีก ไม่โดนสอยด้วย จรวดโบราณ ๆ รอบที่2อีกเหรอครับก้นจ้ำเบ้าอีกแล้ว

เราเลยใด้ กริฟเพนมาแทนเลย จะใด้ไม่ไปเพ่นพ่านเหนือดินแดนเป้าหมาย Wink


โดยคุณ fantom เมื่อวันที่ 19/12/2010 05:47:10


ความคิดเห็นที่ 14


งานเขียนนี่เป็นศิลปะ  งานเขียนที่ดีต้องมีการ เกลา..............โดยเฉพาะคำฟุ่มเฟือย คำเชื่อมต่างๆต้องกระชับ....................ของผมที่เขียนยังไม่ ไม่ได้เกลาเลยไม่สละสลวย...................

 

ตอบคุณ แฟนธ่อม   ไม่ค้านนี่ครับ..............................วรรคสอง เป็นเรื่องของการครองความเป็นจ้าวอากาศ........

วรรคสุดท้าย ตั้งรับเชิงรุก เป็นเรื่องของภารกิจ โจมตีขัดขวางทางลึก............... แม้จะต้องแหลนหน้า เข้าไปในดินแดนข้าศึกเหมือนกัน  แต่จุดประสงค์และหลักยุทธวิธีต่างกัน สิ้นเชิงเลยครับ..........................

ดังนั้นเครื่องใหญ่ที่ผมว่า มันคือเครื่องโจมตีทางลึก เป็นเครื่องบินโจมตีขนาดใหญ่ ที่มีระบบนำร่องบินต่ำเกาะภูมิประเทศหลบเรดาร์เข้าไปเทระเบิดได้อย่างแม่น............ ที่สำคัญคือมีเรดาร์สมรรถนะสูงตรวจจับและยิงเครื่องบินรบข้าศึก ที่เข้าสกัดกั้นได้ตั้งแต่ระยะสายตามองไม่เห็น ............... ตัวอย่างเช่น เครื่อง เอฟ-๑๕ อีของสิงคโปร์  ไงครับ.......................

ส่วนการครองอากาศเหนือดินแดนข้าศึกนั้น  เป็นการสถาปนาห้วงอากาศเหนือดินแดนข้าศึกเกือบจะเด็ดขาด  คือมีเครื่องบินครองอากาศคอยบินวนคุ้มกันหากมีเครื่องบินข้าศึกบินขึ้นก็เข้าสกัด ขณะที่อีกด้านหนึ่ง เครื่องบินโจมตี (อาจเป็นเครื่องขัดขวางในพื้นที่การรบ อันนี้เดี๋ยวจะอธิบานคุณราฟ เรื่องการโจมตีทางตื้น) ก็ดำเนินการ ในภารกิจโจมตีขัดขวาง หรือโจมตีสนับสนุนการรบร่วมกับเหล่าทัพอื่น................ ยกตัวอย่างเช่นสงครามอิรัคครั้งแรก   หลังจากบอมบ์ด้วยนาๆอาวุธจนข้าศึกเปลี้ยแล้ว  เอฟ-๑๕ ซี มะกัน ก็เข้าไปบินวนสถาปนาครองน่านฟ้า คุ้มกันแก่เครื่อง เอฟ-๑๖ ที่ทิ้งบอม โจมตีขัดขวางในพื้นที่การรบ.................

ทั้งสองอย่างนี้ มันแตกต่างคนละเรื่อง...........ไม่เห็นน่าสับสนตรงไหนเลยครับ.................

 

โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 19/12/2010 06:25:05


ความคิดเห็นที่ 15


ผมยกตัวอย่างนึงนะครับคุณแฟนท่อม................

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว  ที่ดินแดนตะวันออกกลาง ครั้งนั้นอาหรับซึ่งมีอียิปเป็นหัวโจก กำลังจะทำสงครามอัดยิว..................... เรื่องมีอยู่ว่า ณดินแดนไกลออกไป หลายร้อยพันกิโล ในดินแดนของประเทศ อิรัค  ได้มีรงงานพัฒนานิวเคลียเกิดขึ้น   ยิวมองว่า โรงงานนี้มีแนวทางการเสริมสมรรถนแร่ธาตุ ที่จะประกอบเป็นระเบิดทำลายล้างสูง ซึ่งแน่นอน ย่อมเป็นภัยคุกคามที่น่ากลัว........................

ถามว่าในวิกฤติการนี้ ถ้าบทสรุปคือต้องใช้กำลังทางอากาศเข้าทำลายล้าง ท่านแฟนธ่อมจะใช้ยุทธวิธีแบบใด

๑. ครองอากาศเหนือดินแดนข้าศึก

๒.ป้องกันภัยทางอากาศ ครองอากาศเหนือดินแดนตัวเอง

๓.โจมตีขัดขวางทางลึก...........

ถ้าเป็นข้อแรก ท่านจะต้องใช้สเต๊ว บินลึกข้ามหลายประเทศ(ไม่มีชาติไหนให้ไปตั้งฐานทัพใกล้ๆ) เข้าไปทิ้งบอมศูนย์บัญชาการรบ ทำลายสถานีเรดาร์ ฐานอาวุธปล่อย สนามบินข้าศึก  จากนั้นจึงส่ง เอฟ-๑๕ บทบาทครองอากาศ และ เอฟ-๑๖ บทบาทโจมตีเข้าไปครองอากาศ

ถ้าแบบที่สอง ท่านจะมีเครื่องบิน กริเพ่น บินวนอยู่รอบๆเขตประเทศของท่าน ติดอาวุธบีวีอาร์ ประสานงานด้วยแอแหว็ค รอขีปนาวุธนิวเคลียร์บินเข้ามาหาท่าน แต่ถ้าท่านฝืนติดระเบิดให้นกกระจิบน้อย ท่านก็จะห้อยลูกระเบิดเข้ากับกริเพ่น ซึ่งไม่รู้ว่าจะบินไปถึงเป้าหมายหรือเปล่า

ถ้าเป็นแบบที่สาม  ท่านมี สไตร้ค์ไฟท์เตอร์ ลำใหญ่ บรรทุกระเบิด จรวด และน้ำมัน พอที่จะบินต่ำ(ใช้ระบบนำร่องบินต่ำ)เจาะเข้าไปในดินแดนข้าศึก ทิ้งบอมแล้วดำต่ำบินกลับ ระหว่างทางให้บังเอิญเจออินเตอร์เซบเตอร์บินเข้าหาในทิศเบื้องสูง  ก็จัดการล็อคเป้าแล้วปล่อยอำรามออกไปพร้อมกันสองนัด จรวดเข้าดังจมูกนักบินข้าศึก ลำละหนึ่งนัด ท่านบินกลับบ้านสบายอารมณ์................

ในอนาคตสถานะการมันไม่แน่นอนครับ................ไอ้การเปิดฉาก ก่อศึกสงครามแบบเต็มรูปแบบ นำกำลังไปครองอากาศบ้านเค้า อันนั้นคงไม่เกิด......................แต่ไอ้แบบเล็ดลอดเข้าไปเบิ๊ดนี่  โอกาสเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาครับ (โดยเฉพาะยุคนี้ด้วยแล้ว ศัตรูรอบบ้านเรามันทำมัยเยอะดีจัง พวกเค้าห่วย หรือมีใครห่วยกันแน่).............................

แล้วถ้าเป็นอย่างนี้ เห็นที่ กริเป้นกับ เอแว็คของท่าน คงไม่เวิร์คเท่าไหร่  ................ จริงมั๊ยครับ.................

อ่อ ยุทธการบาบิโลนเลยด้วนไปดื้อๆเลย  เอาเป็นว่ามีเวลาจะเล่าให้ฟัง....................ยิวนี่ เค้าเก่งจริง สมัยก่อนอาวุธไม่ได้ดีโด่อย่างนี้ แต่เค้าก็มีวิธีเผด็จศึกจนได้ มีเวลาจะเล่าให้ฟังครับ

โดยคุณ กบ เมื่อวันที่ 19/12/2010 06:53:24


ความคิดเห็นที่ 16


ตามหลักสูตรการฝึกของอเมริกา เครื่องเอฟ 5 จะถูกสมมติให้เป็นเครื่องมิก 21 ด้วยว่ามีความคล้ายคลึงกันหลายประการ แต่ในหนังไม่รู้เป็นเพราะยุคนั้น เอฟเฟ็คยังไม่ดี เลยต้องใช้เครื่องเอฟ 5 หรือเปล่า การจัดหาเครื่องมิกมาใช้ถ่ายทำก็คงจะลำบาก เนื่องจากยังอยู่ในยุคสงครามเย็น

จำได้ว่ายุคนั้น คอมพิวเตอร์ยังเป็น IBM  ตระกูล 8086 อยุ่เลย

โดยคุณ Gemini เมื่อวันที่ 19/12/2010 08:31:44


ความคิดเห็นที่ 17


คือยุคนั้น คอมพิวเตอร์แบบ Desktop ยังเป็นจอสีเขียว ไม่มีฮาร์ดดิสก์ แล้วก็ยังใช้ DOS เป็น OS จะใช้งานแต่ละทีก็ต้องมานั่งเขียนคำสั่งภาษา เบสิค ทีละบรรทัด

ยุทธการบาลิโลน นี่ ใช่ ที่อิสราเอลนำเครื่องบินรบมาเรียงต่อกันให้ดูคล้ายเครื่องบินโดยสารพลเรือน เมื่อมองจากเรด้าห์ใช่ไหมครับ แล้วย่องไปทอยระเบิดถล่มโรงงานของอิรัก

โดยคุณ Gemini เมื่อวันที่ 19/12/2010 08:35:03


ความคิดเห็นที่ 18


ทีแรกก้สงสัยว่าจขทก.สงสัยเรื่องใดของกริเป้น...กระทู้ก็บานปลายไป แต่ไปในทางที่ดี

เพิ่มเติมครับ...โอเปอเรชั่น บาบิโลนหรือโอเปร่าในภาษาฮิบรู เมื่อปี 1981 (พ.ศ.2524) ที่อิสราเอลส่ง เอฟ-16 แปดลำ บรรทุกระเบิด มารค์-84 ลูกละ 2,000 ปอนด์ คุ้มกันด้วย เอฟ-15 หกลำ ไประเบิดโรงปฏิกรนิวเคลียร์โอสิรัคของอิรัค...ปฏบัติการได้สัมฤทธิ์ผลอย่างงดงาม ปรารศจากการสูญเสีย วิกิบรรยายได้สนุกสนานสนานมาก ลองเข้าไปดู

http://en.wikipedia.org/wiki/Operation_Opera

โดยคุณ terdkiet เมื่อวันที่ 19/12/2010 09:34:12


ความคิดเห็นที่ 19


ขอบคุณสำหรับคำตอบครับท่าน  กบ 

แต่ผมมองว่าสถานะการณ์ตะวันออกกลางกับรอบบ้านเรา ค่อนข้างจะแตกต่าง

ไม่ว่าพื้นที่ทะเลทรายขนาดใหญ่ หรือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สถานการณ์สภาพแวดล้อมต่างๆ

และถ้ากริฟเพ็นมีหน่วยสนับสนุนเคลื่อนที่ไปด้วย ก็สามารถปฏิบัติการต่อเนื่องใด้ตลอดเวลา

แต่ปัญหาหลัก ประเทศเรากำลังจะโดนโจมตีด้วยนิวเคลียแล้วหรือนี่ ...

ถ้าเป็นทางตะวันตก F-16 เราวิ่งถึงที่แน่นอน

โดยคุณ fantom เมื่อวันที่ 19/12/2010 09:52:44


ความคิดเห็นที่ 20


Tornado ผมว่า มันเก่าไปหน่อยนะครับ

โดยคุณ u3616234 เมื่อวันที่ 20/12/2010 11:55:17